เชลซีเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่ยุคใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเขาหลังจากที่เศรษฐีชาวรัสเซียอย่างโรมัน อบราโมวิชขายสโมสรไปและการมาถึงของท็อดด์ โบห์ลี่และคู่หูของเขาในฐานะเจ้าของทีมคนใหม่
สิงห์บลูเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จที่สุดในอังกฤษมาตลอด 19 ปีที่ผ่านมานั้นต้องขอบคุณความเอื้ออาทรและความเต็มใจของอบราโมวิชที่จะพาทีมก้าวขึ้นไปอีกขั้นเมื่อพูดถึงโปรเจ็คที่เกี่ยวกับในสนามของพวกเขา
อบราโมวิชได้ปรับปรุงสนามของพวกเขา, ทำข้อตกลงและการรับรองมากมาย, เซ็นสัญญากับนักเตะและผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดและเป็นคนที่ทำหน้าที่เป็นกาวใจที่จะนำสโมสรกับแฟนบอลมารวมใจกัน
นอกจากนี้ เขายังเต็มใจที่จะให้เงินกับสโมสรด้วยเงินส่วนตัวของเขาเองหลายครั้ง ซึ่งเขาทำกำไรได้มากถึง 1.5 พันล้านปอนด์ ซึ่งเขาได้สละทิ้งไปหลังจากที่มอบสโมสรให้กับโบห์ลี่และหุ้นส่วนของเขาเรียบร้อยแล้ว
อบราโมวิชเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในอุดมคติและสโมสรต่อไปที่เขากำลังจะย้ายไปเป็นเจ้าของทีม – มีรายงานว่าเขากำลังมองหาสโมสรในลาลีกาเพื่อการลงทุนครั้งต่อไปของเขา – ทีมที่ได้ตัวเขาไปเป็นเจ้าของทีมจะต้องโชคดีเอามาก ๆ เลยล่ะ
ในขณะเดียวกัน เชลซีก็กำลังมองหาสิ่งที่ดีกว่ากับท็อดด์ โบห์ลี่และคู่หูของเขา เศรษฐีชาวอเมริกันเป็นฝ่ายชนะการประมูลสำหรับการซื้อสโมสร ซึ่งเอาชนะคู่แข่งที่จริงจังในการประมูลถึง 8 ฝั่ง รวมถึงเจ้าของสโมสรฟุตบอลอื่นอีกด้วย การประมูลของเขาที่ราคา 4.2 พันล้านปอนด์นั้นแสดงถึงความตั้งใจที่จะลงทุนกับสโมสรแห่งนี้และแฟนบอลของเชลซีก็มีสิทธิ์ที่จะตื่นเต้นไปกับเรื่องนี้
พวกเขาสามารถตื่นเต้นได้มากขึ้นไปอีกในขณะที่เขาได้รับรายงานว่าเจ้าของทีมได้จัดสรรเงิน 200 ล้านปอนด์สำหรับการซื้อขายในช่วงซัมเมอร์นี้ ตัวเลขนี้จะถูกเพิ่มขึ้นด้วยจำนวนเงินที่พวกเขาได้จากการขายนักเตะ 2-3 คน นี่อาจทำให้เชลซีก่อจลาจลในตลาดซื้อขายนักเตะก่อนที่จะเปิดฤดูกาลหน้า ซึ่งจะทำให้โธมัส ทูเคิ่ลมีความสุขเอามากๆ เลยล่ะ
อย่างไรก็ตาม แฟนบอลของเชลซีจะต้องปรับความคาดหวังของพวกเขากับเจ้าของใหม่เพราะพวกเขาจะไม่ให้ความสนใจเหมือนกับที่อบราโมวิชทำอย่างแน่นอน
เชลซีมีเจ้าของทีมใหม่ที่มีมากกว่า 1 คน ไม่ได้เหมือนอบราโมวิชที่เป็นเจ้าของทีมแต่เพียงผู้เดียว
เรื่องราวครั้งหนึ่งในของอบราโมวิชในฐานะเจ้าของทีมเชลซีคือวิธีที่เขาทิ้งเงินไว้ 1.5 พันล้านปอนด์ซึ่งเขาให้สโมสรยืมเพื่อดำเนินการมาตลอดในช่วง 19 ปีที่เขาเป็นเจ้าของทีม
มีรายงานว่าเชลซีสามารถเข้าสู่สภาวะล้มละลาย (การบริหารงานของสโมสรโดยองค์กรอิสระที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลหรือทางลีก) หากเขาไม่ตัดหนี้นั้นออก โดยพื้นฐานแล้ว การขายสโมสรจะไม่สร้างความแตกต่างมากนักในขณะที่เขาดูแลสโมสรให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง
ท็อดด์ โบห์ลี่และคู่หูของเขาไม่มีทางทำแบบนี้เพื่อสโมสรอย่างแน่นอน
เจ้าของทีมคนใหม่ของอดีตแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัยคือกลุ่มที่มีมหาเศรษฐีชาวอเมริกันเป็นหัวหน้า กับโบห์ลี่ มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก 5 รายในกลุ่มนี้: หุ้นส่วนธุรกิจของโบห์ลี่ มหาเศรษฐีชาวสวิสอย่างฮันสเยอร์ก วึส, โจนาธาน โกลด์สตีน เจ้าสัวอสังหาริมทรัพย์ชาวอังกฤษ, บริษัทการลงทุนของอเมริกา เคลียร์เลค แคปิตอลและเจ้าของร่วมของแฟรนไชส์เมเจอร์ลีกเบสบอลทีมลอสแองเจลิส ดอดเจอร์สของโบห์ลี่อย่างมาร์ค วอลเตอร์
ข่าวก็คือทุนส่วนใหญ่ที่ใช้ในการซื้อสโมสรมาจากเคลียร์เลค แคปิตอล ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุม
สิ่งนี้ส่งผลให้มีการตรวจสอบการดำเนินงานของสโมสรมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเงิน ทุกอย่างจะต้องได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับผลตอบแทนจากการลงทุนของตัวเลขเหล่านี้ที่มารวมตัวกันเพื่อลุยงานของการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล
ดังนั้น ทุกการลงทุนใหม่และการซื้อตัวและการขายนักเตะทุกครั้งจะต้องทำให้บัญชีของสโมสรมีความสมดุลกันเสมอ อบราโมวิชยินดีที่จะใช้เงินของเขาเพื่อสร้างสมดุลให้กับบัญชีของสโมสรเพราะเขาไม่เพียงแค่เขารักเชลซีเท่านั้น แต่ยังเป็นแฟนฟุตบอลที่รู้ว่าบางครั้งการเซ็นสัญญาก็ไม่เป็นไปตามแผน
มันจะไม่มีทางที่อะไร ๆ จะเป็นเหมือนเดิมกับเจ้าของทีมใหม่อย่างแน่นอน
การเปลี่ยนแปลงในการจัดการ
เนื่องจากการมาของเจ้าของทีมใหม่ ก็ต้องมีพนักงานใหม่และการจัดการบริหารแบบใหม่ มีรายงานว่าโบห์ลี่จะเข้ามาแทนที่ของมาริน่า กรานอฟสกาย่าในฐานะผู้อำนวยการกีฬาชั่วคราวของสโมสร
กรานอฟสกาย่ารับผิดชอบในการเซ็นสัญญาและการตัดสินใจด้านกีฬาทุกอย่างของสโมสรในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาซึ่งทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก, แชมป์สโมสรโลกและยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ
เธอสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการฟุตบอลในฐานะหนึ่งในนักเจรจาที่ยากที่สุดและทำให้สโมสรประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยการเซ็นสัญญาที่ใครหลายคนบอกว่าเป็นเรื่องยาก
ตอนนี้ โบห์ลี่จะเข้ามารับตำแหน่งชั่วคราวถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตลาดการซื้อตัวนักเตะเลยก็ตาม กรานอฟสกาย่าจะเป็นที่ปรึกษาของเขาในตลาดการซื้อตัวที่จะมาถึงนี้ แต่มันก็จะไม่ได้ผลเท่ากับตอนที่เธอตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
โบห์ลี่จะต้องได้รับการแนะนำอย่างเร่งด่วนในเรื่องของตลาดการซื้อตัวนักเตะเข้าและออกและแนะนำให้รู้จักกับผู้ติดต่อของเชลซีในตลาดซื้อขายเช่นกัน กระบวนการนี้จะชะลอการตัดสินใจด้านกีฬาหลายอย่างที่สโมสรต้องทำและอาจทำให้พวกเขาเสียเวลาไปเป็นฤดูกาลเลยทีเดียว
สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากสโมสรยืนยันการย้ายออกไปของบรูซ บัคจากบทบาทของเขาในฐานะประธานสโมสร โดยโบห์ลี่จะเป็นฝ่ายรับตำแหน่งอีกครั้ง
ในที่สุด สิ่งต่าง ๆ จะดำเนินต่อไปสำหรับสโมสรเนื่องจากเจ้าของใหม่มุ่งมั่นที่จะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะพาเชลซีไปสู่ระดับที่สูงขึ้นต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในการจัดการนี้จะทำให้เรื่องต่าง ๆ ช้าลงกว่าเดิมอย่างแน่นอน เพราะเจ้าของใหม่จำเป็นต้องเข้าใจรูปแบบในวงการธุรกิจฟุตบอลก่อนที่จะลงมือลุยเองแบบจริง ๆ จัง ๆ
แฟนเชลซีจะต้องเข้าใจความจริงในข้อนี้เป็นอย่างดีและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับตลาดการซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่วุ่นวายนี้และอาจเป็นไปได้ว่านี่จะเป็นฤดูกาล 2022/23 ที่ย่ำแย่ของพวกเขา
ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะต้องพร้อมที่จะจัดการกับทีมและผู้จัดการทีมบ้างในตอนที่ผลงานไม่ได้ไปตามที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้ นี่ยังหมายความว่าพวกเขาจะต้องพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาต่างๆ ในตอนที่เจ้าของทีมคนใหม่ตกลงเข้ามารับหน้าที่นี้
และสุดท้ายนี้ มันหมายความว่าพวกเขาต้องเตรียมพร้อมสำหรับการโดนถากถางต่าง ๆ ที่อาจตามมาในตอนที่เหล่าแฟนบอลทีมอื่นเริ่มล้อเลียนพวกเขาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้