สารบัญ

  • บทนำ
  • สรุป – การคาดการณ์ช่วงต้นฤดูกาลของเรา
  • สิ่งที่เกิดขึ้นจริง

บทนำ

หลังจากที่ผ่านไปเพียงเกมแรกของฤดูกาล ทางเราก็ได้ทำการคาดการณ์ผลงานของทีมต่าง ๆ ล่วงหน้าในฤดูกาลนี้ตามแบบที่เราคิด ว่าแต่ละทีมจะมีผลงานอย่างไรกันบ้าง

แต่เนื่องจากฤดูกาลนี้ต้องพักเบรคไปเพื่อหลีกทางให้กับฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จัดขึ้นในฤดูหนาว ทางเราก็อยากจะกลับมาย้อนดูสักหน่อยว่าการคาดการณ์ของเรานั้นใกล้เคียงใช้ได้หรือไม่ หรือจะห่างไกลจากความเป็นจริงแบบคนละเรื่องละราว

สรุป – การคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูกาล

เลสเตอร์ ซิตี้เสี่ยงที่จะตกชั้น

ฟอร์มการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ของฤดูกาลนั้นทำให้เราได้เห็นทีมจิ้งจอกสยามเก็บได้เพียงแต้มเดียวจาก 7 เกมแรกของฤดูกาล ในช่วงเวลานั้น พวกเขาเสียประตูสูงสุดในลีกถึง 22 ประตูและยังจมบ๊วยของตารางในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย

ทุกอย่างดูเหมือนจะผิดที่ผิดทางไปหมดสำหรับทีมจิ้งจอกสยามและก็ดูเหมือนว่าการคาดการณ์ของเราที่ว่าพวกเขาจะจมอยู่ในโซนตกชั้นนั้นจะกลายมาเป็นเรื่องจริง แต่ในที่สุด พวกเขาก็คืนฟอร์มเก่งและกลับมาลงเล่นอย่างมั่นใจได้อีกครั้ง

ด้วยชัยชนะ 5 จาก 8 เกมหลังสุด พร้อมกับชัยชนะ 2 เกมติดต่อกันก่อนเข้าสู่ช่วงพักเบรคฟุตบอลโลก เลสเตอร์ไต่ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 13 ของตารางโดยอยู่เหนือโซนตกชั้นถึง 4 แต้ม พร้อมกับสถิติเก็บคลีนชีทมากที่สุดในลีกอีกด้วย

เหล่าแฟนบอลที่เรียกร้องให้เบรนแดน ร็อดเจอร์สโดนไล่ออกนั้นกลับลำมาส่งเสียงเชียร์ให้กับเขาแล้ว แถมแต่งเพลงเชียร์ให้ด้วย เพลงใหม่ที่พูดราว ๆ ว่า ‘มีเบรนแดน ร็อดเจอร์สเพียงคนเดียวเท่านั้น’

ฟอร์มอันย่ำแย่ของพวกเขาที่เคยทำให้พวกเขานั้นสุ่มเสี่ยงที่จะตกลงไปอยู่ในโซนตกชั้นได้หายไปแล้ว เพราะเมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขากลับคืนฟอร์มที่ยอดเยี่ยมได้แล้ว ในขณะที่ทีมที่อยู่อันดับต่ำกว่าพวกเขานั้นก็ค่อย ๆ มีฟอร์มที่ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ

การคาดการณ์ที่ดูใกล้เคียงและมีสิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจริง

นิวคาสเซิลจะรักษาพื้นที่ฟุตบอลยุโรปได้

ในตอนที่พวกเราทำนายแบบนี้ในช่วงต้นฤดูกาล พวกเราคิดว่านิวคาสเซิลจะโชว์ฟอร์มได้ดีในฤดูกาลนี้ แต่ยอมรับว่าพวกเราก็ไม่ได้คิดว่าพวกเขาจะโชว์ฟอร์มได้เด็ดดวงขนาดนี้

นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดยังไม่แพ้ใครในเกมลีกเลยนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม นี่ถือเป็นสถิติไม่แพ้ใครในลีกมา 10 เกมติดต่อกันเข้าให้แล้ว ซึ่งใน 10 นัดนั้นพวกเขาเก็บชัยชนะไปได้ถึง 7 เกมและเสมอเพียงแค่ 3 เกมเท่านั้น

พวกเขาเสียประตูน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ โดยเสียไปเพียง 11 ประตู แถมยังยิงประตูในลีกได้มากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 โดยซัดไป 29 ประตู แพ้ไปเพียงแค่เกมเดียวในฤดูกาลนี้และมีแต้มตามหลังจ่าฝูงอย่างอาร์เซน่อลเพียง 7 แต้มเท่านั้น

การที่นิวคาสเซิลขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกได้ในช่วงคริสต์มาสนั้นไม่ได้เป็นเรื่องฟลุ๊คอย่างแน่นอน

มันอาจจะพอพูดได้ว่าฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงไปของทีมลุ้นแชมป์อย่างลิเวอร์พูลและเชลซีของเกรแฮม พ็อตเตอร์ในฤดูกาลนี้นั้นช่วยเปิดโอกาสให้นิวคาสเซิลได้ลุ้นท็อป 4 มากขึ้น แต่เครดิตส่วนใหญ่ก็ควรเป็นของลูกทีมของเอ็ดดี้ ฮาวและวิธีการที่พวกเขาฉวยโอกาสที่เหมาะเจาะนี้เอาไว้ได้

แต่ถึงกระนั้น ในฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกลและลิเวอร์พูลก็ดูจะกลับมาลงเล่นในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลด้วยฟอร์มที่แข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน ทีมสาลิกาดงจำเป็นที่จะต้องรักษาฟอร์มที่ยอดเยี่ยมนี้เอาไว้ให้ได้หากพวกเขาต้องการที่จะอยู่ในพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ในตอนนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พวกเขาจะได้สิทธิในการตีตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นถ้วยใหญ๋ ถ้วยกลาง หรือถ้วยเล็กก็ตาม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะพลาดตำแหน่งท็อปโฟร์

ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เอื้อให้เอริค เทน ฮากและลูกทีมของเขาคว้าตั๋วไปลุยแชมเปี้ยนส์ลีกได้เลย แต่อย่างน้อย พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่นี้อีกแล้ว อย่างน้อยก็ดีขึ้นเมื่อเทียบกับในตอนที่พวกเราคาดการณ์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ด้วยความพ่ายแพ้ต่อไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยนไปด้วยสกอร์ 2-0 จากนั้นพวกเขาก็บุกไปโดนเบรนท์ฟอร์ดถล่มยับในเกมที่สองของฤดูกาล ซึ่งเป็นเกมที่ดูเหมือนจะเป็นจุดเปลี่ยนของฤดูกาลนี้และพวกเขาก็เริ่มคืนฟอร์มขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การคุมทีมของเทน ฮากในฤดูกาลที่เต็มไปด้วยดราม่ามากมายในฐานะกุนซือของปิศาจแดง
ชัยชนะเหนือลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อลและท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สนั้นแสดงให้เห็นถึงว่าพวกเขาเป็นทีมที่มีศักยภาพที่ซ่อนอยู่และในวันที่พวกเขาองค์ลง พวกเขาก็สามารถเอาชนะใครก็ได้เช่นกัน แต่ความพ่ายแพ้ยับให้กับทีมเรือใบสีฟ้าอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปด้วยสกอร์ถึง 6-3 นั้นยังคงย้ำเตือนให้เห็นว่าพวกเขานั้นยังคงห่างจากการเป็นทีมระดับลุ้นแชมป์และยังมีอีกหลายอย่างที่พวกเขาต้องทำเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น

ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่ในอันดับที่ 5 ของตารางคะแนน โดยมีแต้มตามหลังอันดับ 4 อย่างสเปอร์สอยู่ 3 คะแนนแต่ยังลงเล่นน้อยกว่าทีมไก่เดือยทอง 1 เกม ฉะนั้นพวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะลดช่องว่างลงไปอีก แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็มีลิเวอร์พูลกำลังไล่ตามติดอยู่ด้วย มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอนในการที่จะชิงตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลนี้และพวกเขาก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าพวกเขาจะพลาดตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน

อาร์เซน่อลจะได้กลับไปโลดแล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง

มันดูเหมือนว่าเดอะกันเนอร์สนั้นจะทำอะไรได้มากกว่าการแค่กลับไปลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกซะอีก

ตอนนี้ ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อลนั้นนำเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกโดยมีแต้มเหนือทีมแชมป์เก่าอย่างทีมเรือใบสีฟ้าอยู่ 5 คะแนนและยังไม่มีท่าทีที่หยุดความร้อนแรงลงเลย

ลูกทีมของมิเกล อาร์เตต้านั้นพลาดโอกาสในการคว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลที่แล้วไปอย่างเฉียดฉิว เนื่องจากพวกเขานั้นโชว์ฟอร์มได้ไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงปลายฤดูกาล แต่จากการมาของกาเบรียล เชซุสและโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้และการกลับมาของวิลเลี่ยม ซาลิบานั้นช่วยทีมได้เป็นอย่างมากและช่วยให้พวกเขาเก็บแต้มได้มากขึ้นจนทำให้พวกเขากลายมาเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในยุโรปเลยล่ะ

ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลนี้จะเป็นบททดสอบที่แท้จริงของการเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ลีกแบบเต็มตัว เนื่องจากพวกเขามีขนาดทีมที่ไม่ใหญ่เท่ากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้และนักเตะตัวหลักของพวกเขาจะกลับมาในสภาพเหนื่อยล้าจากการลงเล่นฟุตบอลโลกสุดโหดร้ายครั้งนี้อย่างแน่นอน แต่พวกเขาจะหวังถึงแชมป์แน่นอนในฤดูกาลนี้

พวกเขาคาดการณ์แค่เพียงว่าอาร์เซน่อลนั้นมีคุณภาพมากพอในการที่จะคว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ลูกทีมของมิเกล อาร์เตต้านั้นคาดหวังจะคว้าอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น พวกเขาต้องการที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีและมันก็มีสิทธิ์ที่พวกเขาจะทำได้สำเร็จ

ฮาลันด์จะยิงได้ถึง 30 ประตูในลีก

จากทุกการคาดการณ์ทั้งหมดที่ทางเราคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล นี่ถือเป็นการคาดการณ์ที่ทางเรามั่นใจมากที่สุด เพราะ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์นั้นยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ อุดปากพวกที่บอกว่าบุนเดสลีก้านั้นเป็น “ฟาร์มเมอร์ลีก” ในฐานะดาวยิงที่อันตรายที่สุดในลีก

ฮาลันด์ทำไปได้ถึง 15 ประตูจาก 9 เกมแรกของเขา โดยเขาจัดไปถึง 3 แฮตทริค รวมถึงการจัดแฮตทริคใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพร้อมกับทำลายสถิติการพังประตูอีกมากมาย

ฮาลันด์กลายมาเป็นนักเตะที่ทำ 2 แฮตทริคได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก, นักเตะที่ทำ 3 แฮตทริคได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก, นักเตะที่ทำ 10 ประตูได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกและนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกที่ยิงประตูในเกมเยือน 4 นัดแรกติดต่อกันได้สำเร็จ

ถึงตอนนี้ ฮาลันด์พังประตูไปแล้วถึง 18 ประตูในลีกหลังจากที่ลงเล่นไปเพียง 13 เกมเท่านั้น เขาไม่น่าพลาดในการยิงให้ถึง 30 ประตูตามที่เราคาดการณ์เอาไว้ อันที่จริง เขามีสิทธิ์ที่จะทำลายสถิติพังประตูมากที่สุดใน 1 ฤดูกาลพรีเมียร์ลีกที่โมฮาเหม็ด ซาล่าห์เป็นคนทำเอาไว้ที่ 38 ประตู ได้ด้วยซ้ำ

การที่ทีมชาตินอร์เวย์ไม่ได้มีส่วนร่วมในฟุตบอลโลกนั้นยังหมายถึงการที่ฮาลันด์จะมีเวลาพักฟื้นร่างกายกว่า 1 เดือนก่อนที่ช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลจะกลับมาฟาดแข้งกันใหม่อีกครั้งด้วย ฮาลันด์ที่ได้พักฟื้นแบบเต็มสูบนั้นจะต้องกลับมาเป็นฮาลันด์เวอร์ชั่นสุดโหดอย่างแน่นอน

อ่าน:  การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของแอสตัน วิลล่า จากสตีเว่น เจอร์ราร์ด สู่ อูไน เอเมรี
Leave A Reply