เมื่อข่าวหลุดออกมาว่าฮาลันด์เตรียมจะเซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันทำให้ทุกทีมสั่นกลัวตาม ๆ กันไปหมด

ดาวเตะวัย 22 ปี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์หน้าที่มากความอันตรายมาหลายปีแล้ว ทั้งกับทีมชาติและสโมสร ถึงแม้สโมสรของเขาจะอยู่ในลีกเล็ก ๆ จนบางครั้งมันไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไรนักก็เถอะ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านักเตะคนนี้มีของจริง ๆ อย่างไม่น่าจะมีใครกล้าคัดค้าน

หลังจากนั้น เขาก็ย้ายมาร่วมทีมเรือใบสีฟ้าของเป็ป กวาดิโอล่า ผู้จัดการทีมที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ การผสมผสานกันระหว่างกุนซือที่เปลี่ยนแปลงฟุตบอลไปตลอดกาลกับศูนย์หน้าที่โดดเด่นเรื่องการทำประตูในระดับปรากฏการณ์นั้นเป็นอะไรที่กุนซือทีมอื่น ๆ น่าจะปวดหัวในการรับมือไม่น้อย รวมถึงแฟน ๆ ทีมอื่นก็ต้องมีนั่งไม่ติดพนักกันบ้างล่ะ

และหลังจากผ่านไป 20 เกมรวมทุกรายการ ฮาลันด์ก็ยิงไปถึง 26 ประตูเข้าให้แล้ว ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทีมอื่นกลัวกันจะเกิดขึ้นจริงนะ

ถือว่าลูกชายของมิดฟิลด์ระดับตำนานทีมชาตินอร์เวย์มาไกลมากแล้ว ณ จุดนี้ เรามาลองดูและวิเคราะห์ถึงความสามารถในการทำประตูของเขากันหน่อยดีกว่า

ไฮไลต์:

  • ฮาลันด์ยิงไปกี่ประตูแล้วในฤดูกาลนี้ (2022/2023)
  • สถิติรางวัลดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกจนถึงปัจจุบัน (2022/2023)
  • รวมตลอดการค้าแข้ง ฮาลันด์ยิงไปแล้วกี่ประตู
  • ฮาลันด์ยิงได้กี่ประตูในฤดูกาลก่อน (2021/2022)

ฮาลันด์ยิงไปกี่ประตูแล้วในฤดูกาลนี้

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ตอนนี้ฮาลันด์ทำได้ทั้งสิ้น 26 ประตู จาก 20 เกมรวมทุกรายการในสีเสื้อแมนเชสเตอร์ ซิตี้

อย่างไรก็ดี ณ ตอนที่เขียนบทความนี้ ทีมเรือใบสีฟ้าลงเล่นไปแล้ว 24 นัด หมายความว่าหัวหอกวัย 22 ปี ก็ไม่ได้ลงสนามช่วยทีมทุกนัด และพลาดการลงสนามไปแล้วอย่างน้อยสี่นัดด้วยกัน ไม่ว่าจะจากอาการบาดเจ็บต่าง ๆ หรือการโรเตชั่นนักเตะของเป็ป กวาดิโอล่า แต่ถึงขนาดเขาลงเล่นไม่ครบทุกนัด สถิติการทำประตูของเขาก็ยังเป็นระดับท็อปของยุโรปอยู่ดี

หากนับแค่พรีเมียร์ลีกอย่างเดียว ณ ตอนที่เขียนบทความนี้ ฮาลันด์ซัลโวไปทั้งสิ้น 20 ประตูจาก 14 เกม และยังเหลืออีก 23 เกมให้เขาลงเล่นและทำประตูเพิ่ม เอาแบบไม่ต้องย้อนไปดูสถิติให้มากมาย เราคิดว่าใคร ๆ ก็น่าจะพอดูออกว่าการยิงประตูได้มากขนาดนี้ในแค่ 14 เกมพรีเมียร์ลีกนั้นมันน่ามหัศจรรย์มาก

แต่ถ้าอยากเปรียบเทียบกันอย่างละเอียดหน่อย เราลองมาดูจำนวนประตูของเหล่าเจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำในพรีเมียร์ลีกและรองเท้าทองคำของยุโรปในฤดูกาลที่ผ่าน ๆ มากันหน่อยดีกว่า ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

รองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก (2018-2022)

  • 2018 – โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (32 ประตูใน 38 เกม)
  • 2019 – โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (22 ประตูใน 38 เกม), ปิแอร์ เอเมอริก-โอบาเมยอง (22 ประตูใน 36 เกม), ซาดิโอ มาเน่ (22 ประตูใน 36 เกม)
  • 2020 – เจมี่ วาร์ดี้ (23 ประตูใน 35 เกม)
  • 2021 – แฮร์รี่ เคน (22 ประตูใน 35 เกม)
  • 2022 – โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (23 ประตูใน 35 เกม), ซอน ฮึง-มิน (23 ประตูใน 35 เกม)

รองเท้าทองคำยุโรป (2018-2022)

  • 2018 – ลิโอเนล เมสซี่ (34 ประตู)
  • 2019 – ลิโอเนล เมสซี่ (36 ประตู)
  • 2020 – ซิโร่ อิมโมบิเล่ (36 ประตู)
  • 2021 – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (41 ประตู)
  • 2022 – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (35 ประตู)

ถ้าคำนวณตามบัญญัติไตรยางศ์แล้ว ตอนจบฤดูกาลฮาลันด์จะยิงได้ถึง 50 ประตูรวมทุกรายการ และ 40 จาก 50 ประตูนั้นจะเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก นั่นน่าจะเพียงพอที่จะเหมารางวัลรองเท้าทองคำทั้งในลีกและบอลยุโรปได้แบบสบาย ๆ รวมถึงจะทำลายสถิติการยิงประตูในหนึ่งฤดูกาลพรีเมียร์ลีกแบบเหลือ ๆ ด้วย

สถิติรางวัลดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกจนถึงปัจจุบัน

เมื่อคุณย้อนไปดูรายชื่อผู้ชนะรางวัลรองเท้าทองคำคนก่อน ๆ ดูแล้ว สิ่งที่คุณจะเจอก็คือในรายชื่อนั้นมีแต่ดาวเตะชื่อดังระดับตำนานอยู่เต็มไปหมด

แต่มีนักเตะอยู่คนหนึ่งที่ชนะรางวัลนี้ได้มากถึงสี่ครั้ง นั่นก็คือเทียรี่ อองรี ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่คว้ารางวัลดาวซัลโวหรือรางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีกได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย

แต่ถึงแม้ว่าดาวยิงระดับตำนานของอาร์เซนอลจะเก่งกาจและคงเส้นคงวาแค่ไหน ตลอดการค้าแข้งของเขา เขาก็เคยยิงเกิน 30 ประตูต่อฤดูกาลได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (นับเฉพาะในพรีเมียร์ลีก)

โดยคนแรกที่ยิงเกิน 30 ประตูต่อฤดูกาลได้คือ แอนดี้ โคล ในปี 1993/1994 กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปีนั้นโคลซัลโวไปถึง 34 ประตู (ยังเป็นสถิติต่อฤดูกาลอยู่จนถึงขณะนี้) เท่ากับ อลัน เชียเรอร์ ที่ยิงได้ 34 ประตูเช่นเดียวกันในปีต่อมา หลังจากนั้นก็ไม่มีใครที่สามารถยิงถึง 34 ประตูได้อีกเลย ที่ใกล้เคียงที่สุดก็น่าจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ยิงให้ลิเวอร์พูลในลีกได้ 32 ประตูในทันทีในฤดูกาลแรกของเขา

หลังจากนั้นซาลาห์ก็คว้ารางวัลนี้ได้อีกสองครั้งด้วยกันหลังจากได้รางวัลนี้ครั้งแรกในปี 2018 ครั้งที่สองในปี 2019 ร่วมกับซาดิโอ มาเน่ และ ปิแอร์ เอเมอริก-โอบาเมยอง และครั้งที่สามในปี 2022 ร่วมกับ ซอน ฮึง-มิน แต่ตั้งแต่ได้รางวัลในครั้งแรก ดาวยิงชาวอียิปต์ก็ไม่เคยยิงได้ถึง 25 ประตูอีกเลย

อ่าน:  การแข่งขันชิงแชมป์ EPL ในนัดที่ 38

เราก็คงได้เห็นไปแล้วว่าการยิง 25 ประตูต่อฤดูกาลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ตัดภาพมาที่ฮาลันด์ ที่ตอนนี้เขาขาดอีกเพียงห้าประตูเท่านั้นก็จะยิงได้ถึง 25 ประตูแล้ว และจากบัญญัติไตรยางศ์แล้ว ตอนจบฤดูกาลเขาจะยิงได้ถึง 40 ประตูด้วยกัน ทำลายสถิติของซาลาห์ได้แบบกระจุยเลยล่ะ

ฮาลันด์ยิงได้กี่ประตูในฤดูกาลก่อน (2021/2022)

ตั้งแต่เขาเริ่มเข้ามาวงการฟุตบอลอาชีพ เขาก็ฉายแววในการเป็นกองหน้าระดับเหนือมนุษย์มาตลอด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาก็แอบมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยครั้ง จนพลาดการลงสนามไปหลายนัดในช่วงสองฤดูกาลกว่า ๆ ที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยิงประตูไปเยอะมาก เยอะเกินกว่าที่นักเตะคนไหนจะยืนระยะยิงได้เยอะขนาดนั้นเต็มฤดูกาล

ค่าเฉลี่ยการทำประตู คือค่าทางสถิติค่าหนึ่งเอาไว้ใช้เทียบการอัตรายิงประตูได้ต่อจำนวนครั้งการยิงและจำนวนเกมที่ลงเล่น ซึ่งถ้าเราดูค่าเฉลี่ยนี้ของฮาลันด์ในฤดูกาลก่อน สมัยที่เขายังอยู่กับโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ล่ะก็ เราก็น่าจะพอเห็นภาพคร่าว ๆ ได้ว่าทำไมเราถึงพูดว่าเขายิงประตูไปเยอะเกินกว่าที่นักเตะคนไหนจะยืนระยะยิงได้เยอะขนาดนั้นเต็มฤดูกาล

เพราะถึงฮาลันด์จะพลาดการลงสนามช่วยทีมเสือเหลืองไปมากพอสมควร ฮาลันด์ก็ยังยิงได้ถึง 22 ประตู จาก 24 เกมที่ลงเล่นในลีก และ 29 ประตู จาก 30 นัดรวมทุกรายการ

The season before last, he scored 27 in 28 in the Bundesliga and 41 in 41 overall.

เขาชวดรางวัล “ทอร์จาเกอร์กาโนเน” หรือถ้วยรางวัลรูปปืนใหญ่ที่มอบให้ดาวซัลโวของบุนเดสลีกาเยอรมัน เพียงเพราะว่าโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ยิงได้ต่อเกมพอ ๆ กับเขานั้นลงเล่นเยอะกว่าเขามาก ถ้าหากเราลองมาคิดแบบค่าเฉลี่ยแบบประตูต่อนาทีกันจริง ๆ แล้ว ฮาลันด์มีสิทธิคว้าทั้งรางวัลปืนใหญ่ (รองเท้าทองคำบุนเดสลีกา) และ รองเท้าทองคำของยุโรปได้เลย แต่น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บสกัดดาวรุ่งเขาไว้เสียก่อน

ส่วนในฤดูกาลก่อนหน้านี้ (2020/2021) ฮาลันด์ยิงไป 27 ประตู จาก 28 เกมที่ลงเล่นในลีก และ 41 ประตู จาก 41 นัดรวมทุกรายการ

หากนับรวมตลอดการค้าแข้ง ฮาลันด์ยิงไปแล้วกี่ประตู

และก็มาถึงข้อสรุปของบทความนี้กันแล้ว ว่ายอดการทำประตูของดาวยิงหนุ่มดาวรุ่งนั้นอยู่ที่กี่ประตูกันแล้ว

พรสวรรค์และฝีเท้าของเขาทำให้เขาเริ่มลงเล่นฟุตบอลได้อย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อตอนเขาอายุได้ 22 ปี เขาก็ลงสนามในเกมฟุตบอลอาชีพไป 203 เกมแล้ว นี่ถ้าคิดแบบมักน้อยว่าเขาน่าจะเล่นถึงอายุ 30 เป็นอย่างต่ำ นั่นหมายความว่าเขาน่าจะได้ลงเล่นตลอดการค้าแข้งแตะ 500 นัดเป็นอย่างน้อย  ซึ่งนั้นไม่ใช่ตัวเลขที่ใคร ๆ คิดจะอยากทำก็ทำได้ง่าย ๆ แน่นอน และมีเฉพาะผู้เล่นระดับท็อป ๆ เท่านั้นที่จะลงเล่นได้มากขนาดนั้นในฟุตบอลระดับสูง

นี่ยังไม่รวมถึงการที่ยอดยิงประตูของเขามันชวนให้ทีมต่าง ๆ ซื้อเขาไปร่วมทีม เพิ่มยอดการลงสนามมากขึ้นอีกนะ เพราะดูจากสถิติการยิงประตูแล้ว เราก็เชื่อว่าเขาสามารถลงเล่นแตะหลัก 500 นัดได้แบบสบาย ๆ

พูดถึงสถิติการยิงประตูของเขา ถ้านับรวมทั้งบุนเดสลีก้าออสเตรีย, บุนเดสลีกาเยอรมัน, พรีเมียร์ลีกอังกฤษ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และรายการอื่น ๆ ที่เขาลงเล่นในนามสโมสร ปัจจุบันฮาลันด์มียอดทำประตูรวมทุกรายการอยู่ที่ 161 ประตู

ส่วนกับทีมชาตินอร์เวย์เขาก็ยิงประตูได้เยอะเช่นกัน นับตั้งแต่เขาประเดิมสนามติดทีมชาติครั้งแรกในปี 2019 เขาลงเล่นในนามทีมชาติไปแล้ว 23 เกม ซัลโวไปแล้วถึง 21 ประตู ตามหลังสถิติตลอดกาลของทีมชาตินอร์เวย์ที่ เยอร์เก้น ยูเว่ ทำไว้ที่ 33 ประตูเพียง 12 ประตูเท่านั้น

ถึงตรงนี้แล้ว เราน่าจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ คือกองหน้าที่เก่งที่สุดในยุคนี้ และสำหรับเรา เขามีสิทธิที่จะเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกได้เลย

ในวันที่เขาแขวนสตั๊ด เขาอาจจะได้อำลาวงการไปในฐานะกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดการ และมันจะเป็นความสุขสำหรับแฟนบอลจริง ๆ ที่จะได้เห็นว่าฮาลันด์นั้นจะโชว์อะไรให้เราเห็นได้อีกบ้าง ในปีต่อ ๆ ไป นับจากนี้

Leave A Reply