แมนเชสเตอร์ ซิตี้พบว่าพวกเขาเองนั้นกำลังอยู่ในสถานการณ์แปลก ๆ ฟอร์มสุดห่วยในช่วงที่ผ่านมาของพวกเขาและเกมที่พวกเขาออกไปเยือนและพ่ายให้กับเซาแธมป์ตันในเกมคาราบาวคัพสร้างความกังวลใจให้กับเหล่าแฟนบอลของพวกเขา
ถึงแม้ว่าทีมเรือใบสีฟ้าจะใช้ทีมชุดผสมลงเล่นในเกมนั้น แต่หลายฝ่ายก็พอจะจินตนาการได้ว่าพวกเขานั้นมีคุณภาพเพียงพอที่จะจัดการคู่แข่งได้ แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ก่อนจบเกมการแข่งขัน ทีมเรือใบสีฟ้าจัดการส่งนักเตะตัวจริงอย่างเควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกันและเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ลงสนาม แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างโอกาสยิงตรงกรอบใส่เซาแธมป์ตันได้เลย
ในการที่จะหาเหตุผลถึงฟอร์มอันย่ำแย่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในช่วงหลัง ๆ นั้น แฟนบอลบางส่วนกับเหล่าคนที่ไม่ได้แฟนของทีมเรือใบสีฟ้านั้นเชื่อว่าการมาของเออร์ลิ่ง ฮาลันด์อาจจะเป็นหนึ่งในตัวแปรของฟอร์มที่ย่ำแย่นี้อยู่ก็เป็นได้
ก่อนอื่นเลย มันอาจจะฟังดูไม่สมเหตุผลสมผลซักเท่าไหร่ที่จะบอกว่านักเตะที่พึ่งยิงประตูในลีกไปแล้ว 21 ประตูจาก 16 เกมนั้นจะกลายมาเป็นตัวปัญหาของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ในขณะเดียวกัน คู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นก็ออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างสุดห่วยที่สุดในยุคของพรีเมียร์ลีกโดยการมีคริสเตียโน่ โรนัลโด้เป็นดาวซัลโวของพวกเขา
ฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นไม่ได้ย่ำแย่เท่ากับฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลที่แล้วเลย แต่คำถามในตอนนี้ก็คือว่าฮาลันด์ได้เข้ามายกระดับทีมเรือใบสีฟ้าหรือไม่ มันอาจเป็นคำถามง่าย ๆ แต่คำตอบนั้นไม่ได้ง่ายแบบนั้นเลย
ฮาลันด์ส่งผลกระทบต่อการพังประตูและการสร้างโอกาสในการทำประตูอย่างไรบ้าง?
ฟอร์มการพังประตูที่ยอดเยี่ยมของฮาลันด์ในฤดูกาลนี้ เช่นเดียวกับการพังสถิติการทำประตูมากมายของเขานั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับแฟนบอลในพรีเมียร์ลีกอีกต่อไปแล้ว
สถิติการพังประตูของเขานั้นยอดเยี่ยมและดูเป็นธรรมชาติเอามาก ๆ ทีมถูกสร้างขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้รับการป้อนบอลและพังประตูมากมายเท่าที่เขาจะทำได้ ด้วยการที่มันเป็นเช่นนี้ มันก็เป็นปกติที่อัตราการพังประตูของนักเตะบางคนจะลดลงไปเช่นกัน
ตามสถิติดังกล่าว พวกเราเปรียบเทียบกับจำนวนประตูเช่นเดียวกับประตูที่คาด (x ต่อประตู) ระหว่างฤดูกาลนี้กับฤดูกาลที่แล้วหลังจากที่ผ่านไปแล้ว 17 เกมเพื่อดูว่าการมาของฮาลันด์นั้นสร้างอิมแพคที่ดีหรือแย่ให้กับทีมกันแน่
สถิติการพังประตูของแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อเปรียบเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว
หลังจากที่ผ่านไป 17 เกมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้พังประตูไปแล้ว 40 ประตูจากอัตราประตูที่คาดที่ 40.86 ประตู ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานไปน้อยกว่า 1 ประตูด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลนี้ พวกเขาทำไปแล้ว 45 ประตูพร้อมกับอัตราประตูที่คาดที่ 38.99 ประตู ซึ่งถือว่ามากกว่าอัตราประตูที่คาดของพวกเขา 6 ประตู
เมื่อพูดถึงแค่เรื่องของการทำประตู คุณอาจจะบอกได้ว่าฮาลันด์เข้ามาเพิ่มจำนวนประตูได้มากขึ้นถึง 5 ประตู ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น จากนั้น เมื่อคุณลองดูไปที่อัตราของประตูที่คาดเมื่อผ่านไป 17 เกมแล้วนั้นแสดงให้เห็นว่าจำนวนการพังประตูของแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นมีความสม่ำเสมอ แต่อย่างไรก็ตาม ฟอร์มในฤดูกาลนี้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีโอกาสที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นจะขาดการทำประตูอย่างสม่ำเสมอลงในไม่ช้าก็เร็ว
โดยส่วนตัวแล้ว ฮาลันด์พังประตูไปแล้ว 21 ประตูจาก 16 เกมที่ลงสนามด้วยอัตราประตูที่คาดที่ 15.81 นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาพังประตูไปเกินจำนวนประตูที่คาดถึง 5 ประตู ฟอร์มการพังประตูที่ยอดเยี่ยมของเขานั้นทำให้ประตูรวมของทีมมากขึ้น ซึ่งถ้าหากเมื่อไหร่ก็ตามที่ฮาลันด์ฟอร์มตกขึ้นมาแล้วล่ะก็ ทั้งทีมก็จะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
ฟอร์มการพังประตูของฮาลันด์ ‘ส่งผลกระทบต่อทีมเรือใบสีฟ้าหรือไม่?’
ในนัดนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ยังไม่มีนักเตะคนไหนของทีมเรือใบสีฟ้าที่พังประตูได้ถึง 2 หลักเลย โดยมีแบร์นาโด้ ซิลวาที่เป็นดาวซัลโวของทีมด้วยจำนวน 7 ประตูเท่านั้น ในทีมมีนักเตะอีก 3 คนที่ยิงได้ 4 ประตูและมีนักเตะอีก 2 คนที่ทำได้ 3 ประตู มันอาจจะดูไม่ใช่ตัวเลขที่ดูมากนัก แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมในการทำประตูในแบบที่เท่าเทียมกันในทีม
ฤดูกาลนี้ นักเตะที่พังประตูได้ใกล้เคียงกับฮาลันด์มากที่สุดในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้คือฟิล โฟเด้นที่ 7 ประตู
ดาวรุ่งชาวอังกฤษนั้นกำลังตกเป็นตัวสำรองของริยาด มาห์เรซและแจ็ค กรีลิชที่มักจะได้รับเลือกให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งปีก แต่ทว่านักเตะทั้งสองคนนั้นก็ทำประตูรวมกันได้เพียง 3 ประตูในฤดูกาลนี้
จูเลี่ยน อัลวาเรซและเควิน เดอ บรอยน์ต่างทำได้คนละ 3 ประตู ในขณะที่นักเตะที่เหลือในทีมนั้นต่างทำได้เพียง 2 ประตูหรือต่ำกว่านั้น ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือจูเลี่ยน อัลวาเรซที่เป็นนักเตะดาวซัลโวอันดับ 3 ของทีมเรือใบสีฟ้านั้นลงเล่นน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับศูนย์หน้าทั้งหมดในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้
การพึ่งพาฮาลันด์มากเกินไปเริ่มส่งผลกระทบ
การพึ่งพาฮาลันด์นั้นไม่ใช่เรื่องที่แย่แต่อย่างใด แต่ซิตี้กำลังมีปัญหาในการพังประตูจากนักเตะคนอื่น ๆ แบบสม่ำเสมอ
มาดูในเรื่องของแอสซิสต์กันบ้าง ทีมเรือใบสีฟ้าจัดไปแล้ว 25 แอสซิสต์จากแอสซิสต์ที่คาด 31.21 หลังจากผ่านการลงสนามไปแล้ว 17 เกมในฤดูกาลที่ผ่านมา ส่วนต่าง 6.21 ต่อแอสซิสต์นั้นชี้ให้เห็นถึงการยิงทิ้งขว้างของเหล่านักเตะในทีมจากการป้อนบอลของเพื่อนร่วมทีม
ในฤดูกาลนี้ พวกเขาจัดไปแล้ว 36 แอสซิสต์จากอัตราการแอสซิสต์ 31.83 ส่วนต่าง 4.17 นั้นเป็นผลมาจากการที่นักเตะในทีมใช้โอกาสมากเกินไป ถึงแม้ว่าเพื่อนร่วมทีมจะไม่ได้สร้างโอกาสที่ดีมากพอให้กับพวกเขา นั่นแสดงให้เห็นถึงการมาของฮาลันด์ นักเตะที่สามารถทำประตูได้ทุกรูปแบบให้กับทีมเรือใบสีฟ้า
ด้วยอัตราประตูและแอสซิสต์ที่คาดนั้น มีความเป็นไปได้ที่ทีมเรือใบสีฟ้าจะต้องเจอกับปัญหาในการพังประตูจากนักเตะคนอื่น ๆ ในทีมและยังคงต้องเจอกับปัญหาในการสร้างโอกาสที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ในลุ้นแชมป์ที่พวกเขาต้องเป็นฝ่ายไล่ตามหลังนั้น โอกาสเหล่านั้นอาจจะหมายถึงการพลาดแชมป์เลยก็เป็นได้
บทสรุป
จากสิ่งที่พวกเราเห็นมาโดยตลอด ฮาลันด์ไม่ได้เข้ามายกระดับทีมเลย ถึงแม้ว่าสถิติการพังประตูของเขาจะดูดีกว่าฤดูกาลที่แล้วก็ตาม
ก่อนที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะเซ็นสัญญาคว้าตัวดาวยิงชาวนอร์เวย์มาร่วมทีม พวกเขาลงเล่นโดยไร้ศูนย์หน้าและมีแดนกลางเพิ่มความแน่นเข้าไปอีก 1 คนมาตลอด 2 ฤดูกาล ตอนนี้พวกเขาคว้าตัวนักเตะที่คอยอยู่ในกรอบเขตโทษมาร่วมทีม พวกเขาต้องเสียนักเตะในแดนกลางไป 1 คนและจำเป็นจะต้องเปลี่ยนวิธีการเล่นของพวกเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะพังประตูได้มากมายในฤดูกาลนี้ ทีมเรือใบสีฟ้าก็จะยังคงต้องปรับทีมให้เข้ากับฮาลันด์และฮาลันด์ก็ยังคงจะต้องพยายามปรับวิธีการเล่นอีกด้วย
ในฤดูกาลนี้ ทีมเรือใบสีฟ้าไม่ได้เป็นทีมที่ไล่ขึงบุกใส่ในแบบฤดูกาลที่แล้วอีกต่อไป ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีสถิติที่ดีขึ้น แต่เกมรับของพวกเขากลับแย่ลง เมื่อดูตรงจุดนี้ของฤดูกาลที่แล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้เสียประตูไปเพียง 9 ประตูเท่านั้น ในขณะที่ฤดูกาลนี้พวกเขาเสียไปแล้วถึง 16 ประตู
แมนเชสเตอร์ ซิตี้กับฮาลันด์นั้นดูเหมือนจะเกิดมาคู่กันในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาและพวกเขาก็อาจจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็เป็นได้ แต่วันนี้เราเห็นแล้วว่าผลมันเป็นอย่างไรเมื่อฮาลันด์ย้ายมาร่วมทีมเรือใบสีฟ้า แต่พวกเขาก็ยังมีโอกาสที่จะแก้ไขในจุดนี้
มันเป็นไปได้ที่ฮาลันด์อาจจะทำลายสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก แต่อาจจะต้องเป็นดาวซัลโวที่ไร้ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก