สารบัญ

  • การกำเนิดของฟอลส์ไนน์ – ตำแหน่งฟอลส์ไนน์คืออะไร
  • ใครเป็นคนทำให้ตำแหน่งฟอลส์ไนน์เป็นที่นิยมในฟุตบอลยุคปัจจุบัน
  • ใครเป็นกองหน้าที่ไม่ใช่ฟอลส์ไนน์ในยุคปัจจุบัน?
  • กองหน้าตัวกลางจะหายไปจากโลกฟุตบอลหรือไม่?
  • ทำไมกองหน้าต้องมีส่วนร่วมมากขึ้นในการสร้างเกม?

หลายปีที่ผ่านมา ฟุตบอลมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่เรารู้ว่ามันกลายมาเป็นเกมฟุตบอลสมัยใหม่นั้นเกิดขึ้นเนื่องจากยุคที่กำหนดช่วงเวลาที่สร้างขึ้นโดยเหล่านักเตะและผู้จัดการทีม เนื่องจากความสำเร็จที่พวกเขาทำได้ ทำให้หลาย ๆ คนจึงเอาเป็นแบบอย่าง

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่เรียบง่าย แต่มุมมองของเราที่มีต่อมันนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ จากวิธีการเล่นฟุตบอลจากแดนหลังสู่บทบาทของกองกลางอย่างที่ควรจะเป็นมาจนถึงกองหน้า ผู้คนมักคิดหาวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการซึ่งก็คือการทำประตู

เมื่อพูดถึงประตู บทความชิ้นนี้จะเน้นไปที่ตำแหน่งที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในยุคของกีฬาชนิดนี้ ซึ่งก็คือศูนย์หน้าในกีฬาฟุตบอล เรามาพิจารณากันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่และเพราะอะไรมันถึงเกิดขึ้น

การกำเนิดของฟอลส์ไนน์ในโลกของฟุตบอล ตำแหน่งฟอลส์ไนน์คืออะไร

ตำแหน่งฟอลส์ไนน์นั้นหมายถึงนักเตะที่ลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าและลงต่ำไปไปล้วงบอล เหตุผลที่ตำแหน่งนี้มีคำว่า “ฟอลส์” เป็นเพราะว่านักเตะเหล่านี้จะเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่กองหน้าทั่วไปไม่ได้ไปนั่นเอง

เมื่อพวกเขาลงต่ำ พวกเขาจะพยายามสร้างโอเวอร์โหลดพื้นที่แดนกลางและทำให้ทีมจำนวนมากกว่าคู่แข่งในบริเวณดังกล่าว เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ในการจ่ายบอลในแดนกลาง ซึ่งช่วยให้ทีมของเขาสามารถเจาะผ่านแนวรับที่แน่นหนาได้

อีกเหตุผลหนึ่งที่พวกเขาลงต่ำก็คือเพื่อดึงกองหลังให้หลุดออกจากตำแหน่ง เมื่อนักเตะตำแหน่งฟอลส์ไนน์ลงต่ำ นั่นทำให้เหล่ากองหลังจะต้องตัดสินใจ เนื่องจากกองกลางมีความเสี่ยงที่จะโดนบุกในช่วงเวลานั้นเนื่องจากการเคลื่อนที่ของฟอลส์ไนน์ พวกเขาจึงต้องตัดสินใจว่าจะตามกองหน้าไปที่แดนกลางหรืออยู่กับที่และรอให้บอลมาถึงพวกเขา

หากนักเตะตำแหน่งฟอลส์ไนน์ลงต่ำไปลึกและกองหลังไม่ตามมา เขาจะสามารถรับบอลระหว่างกองกลางและกองหลังได้และหันหน้าเข้าหาประตู โดยทิ้งเซ็นเตอร์แบ็คไว้ด้านหลัง

อีกทางเลือกหนึ่ง หากกองหลังตัดสินใจที่จะตามกองหน้าไปที่แดนกลาง เขาจะหลุดจากตำแหน่ง ซึ่งจะเหลือพื้นที่ให้นักเตะตัวรุกคนอื่นวิ่งเข้าไปหาพื้นที่ว่าง

ฟอลส์ไนน์ในเกมฟุตบอลคืออะไร มันส่งผลกระทบต่อแผนการเล่นอย่างไร?

ในแผนการเล่นฟอลส์ไนน์ นักเตะตำแหน่งฟอลส์ไนน์ที่ลงลึกนั้นจะขัดขวางรูปแบบของเกมรับและสร้างช่องว่างในการจ่ายบอลให้กับกองกลางหรือวิ่งเข้าไปในพื้นที่ว่าง แม้แต่นักเตะที่อยู่ปีกก็สามารถวิ่งจากตำแหน่งที่ว่างไปยังพื้นที่ในแดนกลางที่สร้างขึ้นโดยการเคลื่อนไหวของฟอลส์ไนน์ได้

ตำแหน่งฟอลส์ไนน์ส่วนใหญ่นั้นจะถูกใช้โดยทีมที่ต้องการเก็บบอล ทีมที่ครองบอลเป็นส่วนใหญ่นั้นมักจะเริ่มเกมจากแดนหลังมาสู่กองกลางและจึงทำการบุกเข้าใส่คู่แข่ง นั่นทำให้ฟอลส์ไนน์มีเวลาในการที่จะเลือกช่วงเวลาเพื่อลงต่ำและหาช่องว่างเพื่อฉีกเกมรับ

ใครเป็นคนทำให้ตำแหน่งฟอลส์ไนน์เป็นที่รู้จักในวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน

นักเตะที่ทำให้ตำแหน่งฟอลส์ไนน์เป็นที่รู้จักนั่นก็คือลิโอเนล เมสซี่และไม่ต้องสงสัยเลยล่ะว่าใครเป็นนักเตะในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ที่ดีที่สุดในวงการฟุตบอล จากเหตุการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าในเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกปี 2009 ผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่าในเวลานั้นให้เมสซี่ได้เคลื่อนที่จากตำแหน่งของเขาไปอยู่ปีกขวาและสลับกับซามูเอล เอโต้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในตอนนั้นอีกด้วย

การเคลื่อนที่ตามแทคติกนั้นหมายความว่าเมสซี่สามารถประสานงานกับชาบี้และอิเนียสต้าได้ในแดนกลางและมันส่งผลให้ยอดทีมจากคาตาลันคว่ำทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มุมมองของฟุตบอลสมัยใหม่นั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

บาร์เซโลน่าของเป๊ป กวาร์ดิโอล่านั้นมีลิโอเนล เมสซี่เป็นตัวชูโรง ซึ่งศูนย์หน้าเจ้าของส่วนสูง 169 เซนติเมตร ซึ่งสรีระของเขานั้นไม่ได้เหมาะกับการเป็นกองหน้าเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นในยุคของเขาหรือยุคก่อนหน้าเขาก็ตาม

ไม่ใช่แค่ความเฉลียวฉลาดของแค่เมสซี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงชาบี้, อิเนียสต้า, เซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์และทีมโดยรวมอีกด้วย นั่นทำให้บาร์เซโลน่าเป็นทีมที่ไม่มีใครหยุดได้ในเวลานั้น พวกเขาคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกไปได้ 2 สมัยพร้อมกับตำแหน่งแชมป์ทุกรายการที่ลงเล่นด้วยตำแหน่งฟอลส์ไนน์และทำให้พวกเราได้เห็นว่ามันคือก้าวต่อไปของวิวัฒนาการของฟุตบอล

หมายเหตุ: ถึงแม้ว่าเมสซี่จะทำให้ตำแหน่งฟอลส์ไนน์ได้รับความนิยม แต่เขาก็ไม่ใช่นักเตะคนแรกที่เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวกลางในวงการฟุตบอล ตำแหน่งฟอลส์ไนน์นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกโดยทีมโครินเธี่ยนส์ในช่วงปลายยุค 1980 โดยใช้กองหน้าอย่างโก สมิธลงเล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์

เขาเป็นนักเตะในตำแหน่งกองหน้าที่เล่นเหมือนเพลย์เมคเกอร์ซะมากกว่า เนื่องจากการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมของเขาในการทำประตู เขาเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘ตัวนำ’ ตำแหน่งนี้ยังปรากฏขึ้นในหลายครั้งตลอดหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล

ฟอลส์ไนน์สมัยใหม่

เชสก์ ฟาเบรกัส บาร์เซโลน่า/สเปน

อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติสเปนลงเล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ให้กับบาร์เซโลน่าภายใต้การคุมทีมของตาต้า มาร์ติโน่ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น เขาลงเล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ให้กับทีมชาติสเปนชุดที่คว้าแชมป์ยูโร 2012 ภายใต้การคุมทีมของบิเซนเต้ เดล บอสเก้

เชสก์ ฟาเบรกัสที่โดยธรรมชาติแล้วเป็นนักเตะในตำแหน่งมิดฟิลด์นั้นสามารถลงเล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ได้อย่างไร้รอยต่อเลยล่ะ เขาสามารถโอเวอร์โหลดในแดนกลางได้และยังมีสกิลการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

ถึงแม้ว่าคู่แข่งจะพยายามสกัดลูกจ่ายของมิดฟิลด์ชาวสเปน แต่เพื่อนร่วมทีมของเขาอย่างชาบี้, อิเนียสต้าและเซอร์คิโอ้ บุสเกสต์ที่อยู่ในแดนกลางก็สามารถหาพื้นที่ว่างเพื่อสร้างเกมรุกในพื้นที่อื่นได้ เหล่ากองหลังต่างต้องกังวลในการประกบนักเตะของสเปนในแดนกลาง

ฟาเบรกัสชอบลงเล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ให้กับนักเตะตำแหน่งกองหน้าสไตล์ดั้งเดิมอย่างเฟอร์นันโด ตอร์เรสที่ยิงไปได้ 3 ประตูตลอดทั้งรายการ

ฟิล โฟเด้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ฟิล โฟเด้นในวัยดาวรุ่งนั้นเคยถูกใช้งานในหลายตำแหน่งในแนวรุกภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าและโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในแต่ละตำแหน่งที่เขาได้รับโอกาสลงเล่น หลังจากการย้ายออกจากทีมของเซอร์คิโอ้ อเกวโร่ (และแม้กระทั่งในฤดูกาลสุดท้ายของเขาที่เขามีอาการบาดเจ็บ) โฟเด้นถูกใช้งานในตำแหน่งฟอลส์ไนน์กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้อยู่บ่อยครั้งก่อนที่เออร์ลิ่ง ฮาลันด์จะย้ายมาร่วมทีม

ความสามารถในเรื่องของเทคนิคของเขานั้นทำให้เขาสามารถลงต่ำเข้าไปในพื้นที่ว่างเพื่อรับบอลและสร้างพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมของเขาวิ่งเข้าไปได้ ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษนั้นเก่งในเรื่องของการครองบอลในพื้นที่จำกัดด้วยความสามารถในการเลี้ยงบอลของเขาและมีสติสัมปชัญญะรวมถึงความเฉลียวฉลาดในการปล่อยบอลในจังหวะที่เหมาะสม

คาริม เบนเซม่า เรอัล มาดริด

ดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ปีล่าสุดถือเป็นกองหน้าที่กลายร่างไปเล่นตำแหน่งฟอลส์ไนน์อยู่หลายปี เพื่อให้รองรับการลงเล่นร่วมกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้และในบางครั้งก็แกเร็ธ เบล เบนเซม่าจะลงลึกไปในแดนกลางโดยเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เติมเกมรุกขึ้นไป

จากนั้น เบนเซม่าก็จะเชื่อมเกมกับแดนกลางและเติมเกมรุกและมองหาการสร้างโอกาสให้กับโรนัลโด้และแกเร็ธ เบลที่เป็น 2 นักเตะที่ทำประตูได้มากกว่าดาวยิงเลือดน้ำหอมในนามของ BBC

คาริม เบนเซม่ายังพัฒนาฟอร์มการเล่นของเขาให้ยิ่งโหดขึ้นไปกว่าเดิมหลังจากที่จบยุคของ BBC และกลายมาเป็นดาวยิงที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเขาพัฒนาความสามารถในการจบสกอร์เช่นเดียวกับการเติมเต็มในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ (เขายิงไปถึง 44 ประตูและจัดไปอีก 14 แอสซิสต์ในฤดูกาลที่แล้ว) ด้วยรูปร่างและความแข็งแกร่งในแบบของศูนย์หน้าแบบดั้งเดิม

แฮร์รี่ เคน

นี่ถือเป็นกองหน้าอีกคนที่มีความคล้ายคลึงกับคาริม เบนเซม่า เขาเป็นกองหน้าที่มีความแข็งแกร่งและยังมีสไตล์การเล่นในแบบกองหน้าแบบดั้งเดิมพร้อมกับความสามารถในการพังประตูที่สุดยอด ไม่เพียงแค่นั้น เขายังมีความสามารถในการลงต่ำไปในแดนกลางและช่วยทีมเก็บบอลและจ่ายบอลไปให้กับเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในพื้นที่ ๆ อันตรายกว่าตัวเขาเองอีกด้วย

อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ ตำแหน่งฟอลส์ไนน์นั้นโดยหลักแล้วจะใช้ในแผนที่เน้นการครองบอลเป็นหลัก แต่แฮร์รี่ เคนกลับลงเล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ให้กับทีมที่เน้นสวนกลับเป็นหลัก โดยภายใต้การคุมทีมของโชเซ่ มูรินโญ่และอันโตนิโอ คอนเต้นั้น เคนลงต่ำไปรับบอลในสถานการณ์ที่กำลังจะเปลี่ยนจากรับเป็นรุกและจ่ายบอลไปให้กับซอน ฮึง-มินหรือเพื่อนร่วมทีมคนอื่นที่เติมไปยังพื้นที่ว่าง

กองหน้าในยุคปัจจุบันคนไหนที่ไม่ได้เล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์?

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์

ดาวยิงจากค่ายเรือใบสีฟ้าโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ด้วยการพังไปแล้ว 20 ประตูจากการลงสนาม 25 นัด สถิตินี้ดูเหมือนจะทำลายได้หลายสถิติเลยล่ะ และดาวยิงชาวนอร์เวย์อาจจะทำลายสถิติอื่น ๆ อีกมากมายก่อนที่จะจบฤดูกาลอีกด้วยซ้ำ แต่เมื่อเทียบกับฟิล โฟเด้นที่เราพูดถึงไปก่อนหน้านี้แล้ว ฮาลันด์นั้นไม่ได้เป็นนักเตะที่ลงเล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ได้

ถึงแม้ว่าเขาจะจบสกอร์ได้หลากหลายรูปแบบ แต่ฮาลันด์ก็ต้องดิ้นรนกับการเป็นหนึ่งในนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้คงเส้นคงวากับทีมของเขา ซึ่งทำให้เป๊ป กวาร์ดิโอล่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เพราะการขาดการมีส่วนร่วมกับเกมของเขา เขาพึ่งพาเพื่อนร่วมทีมเป็นอย่างมากซึ่งบางครั้งก็โดนคู่แข่งจับทางได้ ความพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นตัวอย่างที่ดีของสถานการณ์ดังกล่าว

ปิแอร์เอเมอริค โอบาเมยอง

โอบาเมยองอาจจะอยู่ในช่วงท้ายของอาชีพการค้าแข้งของเขาแล้ว แต่ในช่วงพีคของเขาแล้ว เขาถือเป็นกองหน้าที่ชอบยืนเป็นตัวสุดท้ายและใช้ประโยชน์จากความเร็วของเขาในการวิ่งแซงกองหลังและทำประตู

ไค ฮาเวิร์ตซ์นั้นชอบที่จะลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวกลางที่เชลซี เพราะว่าดาวยิงชาวเยอรมันนั้นสามารถลงต่ำไปในแดนมิดฟิลด์และมีความสามารถในการยืนเป็นฟอลส์ไนน์ได้แบบไม่มีปัญหา ซึ่งนั่นเป็นความสามารถที่โอบาเมยองไม่มี

วิคเตอร์ โอซิมเฮน

ดาวซัลโวของเซเรียอานั้นถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ถูกต้องการตัวมากที่สุดในวงการฟุตบอล เนื่องความความเร็วที่เหลือร้ายและความแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับความสามารถในการจบสกอร์ของเขา ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละฤดูกาลอีกด้วย

เขามีศักยภาพที่ดีพออย่างเหลือเชื่อ แต่เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของกองหน้าจากนาโปลีก็คือเมื่อเขาอยู่ในกรอบเขตโทษเพื่อสร้างพื้นที่ให้ตัวเองทำประตู หรือในตอนที่เขาวิ่งเข้าหาหรืออยู่ด้านหลังกองหลังของคู่แข่ง เขายังคงพัฒนาทักษะของเขา แต่เขาก็ยังไม่ได้แสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นตัวเลือกที่น่าไว้ใจในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ ข้อบกพร่องของเขานั้นอาจจะทำให้เขาไม่สามารถไปถึงระดับสูงสุดของวงการฟุตบอลได้ก็เป็นได้

คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ดาวยิงระดับตำนานนั้นกำลังลงเล่นให้กับสโมสรอัล นาซเซอร์ในซาอุดิ อาราเบียอยู่ในขณะนี้ แต่เมื่อดูจากฟอร์มของคริสเตียโน่ โรนัลโด้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อฤดูกาลที่แล้วนั้นก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่าเขาไม่ใช่นักเตะในตำแหน่งฟอลส์ไนน์อย่างแน่นอน

ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสยิงไปมากกว่า 25 ประตูให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในการกลับมาร่วมทีมปิศาจแดงเป็นคำรบที่สองในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า หากดูจากจำนวนประตูแล้วอาจจะถือว่ายอดเยี่ยม แต่ฟอร์มโดยรวมของเขานั้นถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานเอามาก ๆ

โรนัลโด้ไม่มีความสามารถในการลงต่ำมาเอาบอลในตอนนี้ แต่ตรงกันข้าม เขากลับวิ่งไล่บอลอย่างไม่จำเป็นและหลังจากที่ได้บอล เขาก็กลับทำอะไรไม่ได้มากนัก มันเป็นการหยุดเกมรุกของทีมตัวเองและทำให้ปิศาจแดงในฤดูกาลที่แล้วนั้นครองเกมแทบไม่ได้เลย

อ่าน:  4 Incidents in the English Premier League_ When Rivalries Became Too Heated

กองหน้าพันธุ์แท้กำลังจะสูญพันธ์ุแล้วงั้นหรือ?

มันเป็นเรื่องจริงที่ยุคของดาวยิงอย่างฟิลิปโป้ อินซากี้, ไมเคิ่ล โอเว่น, รุด ฟาน นิสเทลรอยและยุคใหม่อย่างเจมี่ วาร์ดี้, โรเมลู ลูกากูนั้นกำลังใกล้จะถึงจุดจบแล้ว แต่ตำแหน่งนี้ดูเหมือนที่จะพัฒนาขึ้นมากกว่าที่จะสูญพันธุ์อย่างแน่นอน

ตอนนี้ คุณค่าของกองหน้าจะถูกตัดสินเกินกว่าความสามารถของพวกเขามากกว่าเรื่องของการทำประตู กองหน้าจะถูกตัดสินโดยการเล่นเชื่อมเกมได้ดีแค่ไหนในตอนที่ลงต่ำมารับบอลและการใช้เทคนิคเอาตัวรอดภายใต้แรงกดดัน (การเลี้ยงบอลและการจ่ายบอล) ในพื้นที่จำกัด

ข้อกำหนดในการเป็นกองหน้าระดับท็อปนั้นได้เปลี่ยนไปแล้วและวิวัฒนาการจะลดระดับลงไปถึงระดับเยาวชนอีกด้วย ทีมชุดเยาวชนกำลังมองหาทางที่จะปั้นนักเตะในภาพลักษณ์ของกองหน้าชั้นยอดและช่วยให้นักเตะมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดที่จำเป็นในการเป็นกองหน้าระดับท็อป

ทำไมกองหน้าต้องมีส่วนร่วมมากขึ้นในการสร้างเกม?

ตัวช่วยผลิตสกอร์ที่มากขึ้น

จากการที่นักเตะอย่างเธียร์รี่ อองรี, คริสเตียโน่ โรนัลโด้และโมฮาเหม็ด ซาล่าห์ที่สามารถพังประตูได้มากมายในฐานะปีกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ตำแหน่งกองหน้าตัวหลักก็ไม่ใช่ตำแหน่งหลักที่หวังเพียงแค่ทำประตูได้เท่านั้น

ด้วยจำนวนประตูจากตำแหน่งปีกที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเกมฟุตบอลยุคปัจจุบัน การป้อนบอลให้กับกองหน้านั้นก็ลดลงและปล่อยให้นักเตะที่อยู่ตามตำแหน่งได้โชว์ของมากขึ้น ซึ่งช่วยให้พวกเขาสร้างโอกาสยิงได้ด้วยตัวเองและมีส่วนร่วมในการสร้างเกมอีกด้วย

เกมรับที่แน่นหนา

การจัดการเกมรับเป็นหนึ่งในแง่มุมของฟุตบอลที่เติบโตและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคปัจจุบัน เมื่อเทียบกับทีมที่ครองบอลได้มากที่สุด คู่แข่งมักจะถอยลงมาตั้งรับลึกในแดนของตัวเองด้วยเกมรับที่แน่นอนหนา การตั้งรับแบบนี้จะช่วยให้ทีมที่ตั้งรับอยู่ติดกันมากที่สุด เพื่อไม่ให้มีช่องว่างให้ทีมบุกมีช่องว่างในการบุกได้

ทีมที่เปิดเกมรุกใส่นั้นได้คิดค้นวิธีการตอบโต้ที่แตกต่างกันเพื่อสร้างโอกาสในการทำประตูกับทีมที่เน้นเกมรับที่แน่นหนา โดยมีนักเตะในตำแหน่งฟอลส์ไนน์เป็นหนึ่งในนั้น

กองหน้าสไตล์ดั้งเดิมที่รอเพียงการป้อนบอลจากเพื่อนร่วมทีมนั้นอาจจะถูกกลืนหายไปเนื่องจากเพื่อนร่วมทีมของพวกเขากำลังเล่นแบบเสียเปรียบเหมือนกัน 9 คนต่อ 10 คนในระหว่างการสร้างเกม เมื่อกองหน้ามีส่วนร่วมเฉพาะตอนที่เขาจำเป็นต้องสร้างเกมขึ้นมา เขาก็เป็นตัวที่ป้องกันได้ง่ายกว่าเพราะเขาจะโดนรุมกินโต๊ะนั่นเอง

อีกทางเลือกหนึ่ง เมื่อกองหน้าออกจากตำแหน่งของเขาไปอยู่ในตำแหน่งฟอลส์ไนน์/ลงต่ำไปเพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างเกม เขาสามารถลากกองหลังให้ตามกับตัวเขามาเพื่อสร้างพื้นที่ว่างให้กับเพื่อนร่วมทีมหรือสร้างโอเวอร์โหลดในแดนกลางและรับบอลระหว่างกองกลางกับแนวรับได้

เมื่อฟอลส์ไนน์ช่วยทำให้แนวรับเสียสมดุล ทีมของเขาจะเจาะผ่านแนวรับคู่แข่งและสร้างโอกาสทำประตูได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

Leave A Reply