ด้วยการที่ตลาดซื้อขายหน้าหนาวเพิ่งจบลงไป ถือว่าฤดูกาลฟุตบอลยุโรปนั้นมาถึงช่วงครึ่งฤดูกาลอย่างเป็นทางการแล้ว และเรากำลังจะเข้าสู่ชาวงท้ายฤดูกาลอันแสนเข้มข้น

มันเป็นวันเดดไลน์ที่สุดยอดมาก เข้ากันและคู่ควรกับหนึ่งในตลาดหน้าหนาวที่วุ่นวายที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเป็นอย่างยิ่ง

นักเตะฝีเท้าเยี่ยมมากมายจะลงเล่นให้สโมสรใหม่ในเลกสอง สโมสรต่าง ๆ ก็วุ่นวายกับการหานักเตะใหม่ ๆ มาทดแทนกันจ้าละหวั่น และแน่นอน สถิติค่าตัวมากมายถูกทำลายลงไปในตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา ในวันนี้ เราจะมาสรุปรวบยอดทุกอย่างที่คุณควรรู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้คุณ และย้อนกลับไปดูการทำนายในช่วต้นฤดูกาลของเรากันว่าในตอนนี้นั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง

วันเดดไลน์เป็นอย่างไรบ้างในปีนี้?

การจะตอบคำถามข้อนี้นั้น เราจะเริ่มจากใครไปไม่ได้เลย นอกเสียจากเอนโซ่ เฟร์นันเดส

เชลซีคว้าตัวเอนโซ่ เฟร์นันเดส ได้เสียที

แฟน ๆ เชลซีคงจะรู้สึกเหมือนกับฝันไปเลยในเดือนนี้ เพราะพวกเขาเซ็นนักเตะใหม่ ๆ เข้ามาร่วมทีมมากมาย จนเหมือนกับพวกเขาซื้อนักเตะทุก 48 ชั่วโมงอย่างไรอย่างนั้น ลำพังแค่เดือนนี้เดือนเดียวพวกเขาก็มีนักเตะใหม่ ๆ เข้ามามากถึง 5-6 คนแล้ว ถือว่าพลพรรคสิงห์บลูเป็นดาวเด่นประจำตลาดปีนี้อย่างแท้จริง และมันจะจบสวยก็ต่อเมื่อพวกเขาได้ตัวเอนโซ่ เฟร์นันเดส เป็นการปิดท้ายตลาดอย่างสวยงาม และพวกเขาก็ทำได้จริง ๆ แม้การคว้าตัวกองกลางหนุ่มจากเบนฟิก้ามาจะไม่ง่ายเลยก็ตาม

โดยกองกลางดีกรีแชมป์โลกเป็นนักเตะที่ทัพสิงโตน้ำเงินครามหมายตามาตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดแล้ว แต่มหากาพย์การล่าลายเซ็นนั้นก็ลากยาวมาจนถึงวันปิดตลาดเลย ในตอนแรก มันเหมือนกับว่าเชลซีจะต้องอกหักจากการคว้าตัวเฟร์นันเดสไปแล้ว เพราะเบนฟิก้าดูจะไม่อยากปล่อยเขาออกจากทีมในตลาดหน้าหนาว แต่สุดท้ายพวกเขาก็ปิดดีลได้ก่อนจะปิดตลาดเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ในดีลนี้ เชลซีต้องจ่ายเงินระดับทำลายสถิติเกาะอังกฤษกว่า 105.6 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวดาวเตะหนุ่มวัย 22 ปีเข้ามาร่วมทีม โดยจะเซ็นสัญญากันจนถึงปี 2031 เฟร์นันเดสจะเป็นนักเตะคนที่เก้าที่เชลซีซื้อตัวมาร่วมทัพในตลาดหน้าหนาวนี้ โดยเชลซีใช้เงินในตลาดหน้าหนาวนี้ไปกว่า 280 ล้านปอนด์

อาร์เซนอลเลือกที่จะเอาจอร์จินโญ่แทน

ตลาดฤดูหนาวสุดวุ่นวายของอาร์เซนอลที่กำลังลุ้นแชมป์อยู่นั้นจบลงเสียที หลังจากสองนักเตะที่พวกเขาเล็งมานาน ทั้งเจา เฟลิกซ์ และ มิคาอิโล มูดริกนั้นย้ายไปร่วมทีมคู่ปรับอย่างเชลซีทั้งสองคน แถมต้องพลาดการคว้าตัวมอยเซส ไคเซโด้ มิดฟิลด์ของไบรท์ตันอีก

พวกเขาตัดสินใจติดต่อไปหาเชลซีเพื่อหานักเตะทดแทนอีกครั้ง (เหมือนที่เคยทำมาตลอด) และจบด้วยการคว้าตัวจอร์จินโญ่ รองกัปตันชาวอิตาเลียนของทีมสิงโตน้ำเงินครามด้วยราคา 12 ล้านปอนด์

โดยแข้งวัย 31 ปีจะอยู่กับอาร์เซนอลไปอย่างน้อย 18 เดือน และทีมปืนใหญ่ยังมีออปชั่นขยายสัญญาของเขาไปอีกหนึ่งปี ถือว่าเป็นดีลที่พอจะทำให้แฟนปืนใหญ่หายโมโหไปได้บ้าง หลังจากคว้าน้ำเหลวมาสามดีลติด

และเช่นเดียวกับทรอสซาร์ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมปืนใหญ่ในตลาดหน้าหนาวนี้ จอร์จินโญ่ก็ไม่ใช่นักเตะที่อาร์เซนอลเล็งไว้ตั้งแต่แรกเช่นกัน แต่แน่นอน ดาวเตะเลือดอัซซูรี่ก็ยังคงเป็นกองกลางมากประสบการณ์และผ่านการพิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว แถมสไตล์การเล่นของเขายังเข้ากับแผนที่เน้นครองบอลของอาร์เซนอลอีกด้วย

เปโดร ปอร์โร่ย้ายไปร่วมทีมไก่เดือยทอง

หลังจากที่ดีลนี้เหมือนจะล่มไปเมื่อวันก่อน ทัพไก่เดือยทองกลับคว้าตัวเปโดร ปอร์โร่ได้สำเร็จ โดยแบ็คซ้ายจากสปอร์ติ้ง ลิสบอนจะย้ายมาร่วมทีมท็อตแน่มด้วยสัญญายืมตัว (ค่ายืมตัว 5 ล้านปอนด์) และทีมจากลอนดอนเหนือจะมีสิทธิซื้อขาดต่อหลังจากหมดสัญญาด้วยราคา 39 ล้านปอนด์

โดยปอร์โร่จะเป็นนักเตะใหม่รายที่สองของสเปอร์ ต่อจากอาร์นัลต์ ดานจูม่า ที่พวกเขาเพิ่งคว้าตัวมาร่วมทีมไม่กี่วันก่อนหน้านี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เร่งคว้าตัวมาร์เซล ซาบิตเซอร์ เป็นการฉุกเฉิน

การเข้าสกัดคริสเตียน อิริคเซ่น ของแอนดี้ คาโรลในเกมเอฟเอ คัพนั้น ส่งผลให้มิดฟิลด์ชาวแดนิชของปีศาจแดงต้องพลาดการลงสนามยาวถึงเดือนปลายเมษายนเป็นอย่างน้อย ทำให้พวกเขาต้องเร่งมือหาตัวแทนอิริคเซ่นให้ได้ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง เป็นงานที่ยากไม่น้อย แต่พวกเขาก็ทำได้สำเร็จ

ดาวเตะชาวออสเตรียนจากบาเยิร์น มิวนิค จะย้ายมาร่วมทีมปีศาจแดงด้วยสัญญายืมตัว โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเลือกที่จะคว้าตัวเขามาร่วมทีมเหนือทางเลือกอื่น ๆ ที่พร้อมย้ายมาเล่นในโรงละครแห่งความฝันในวันเดดไลน์อย่าง อิสโก้ อลาร์คอน, ซาอูล ญีเกซ, ฮุสเซม อัวร์ และ แยนนิค คาราสโก้

และสรุปตลาดของเราก็จบลงเพียงเท่านี้ แต่บทความนี้ยังไม่จบ เพราะเรายังเหลือการรีวิวการทำนายของเราที่ทำนายไว้ในช่วงต้นฤดูกาลอีก (insert link here)

รีวิวสถานการณ์ช่วงกลางฤดูกาล: การทำนายของเราเป็นอย่างไรบ้าง?

นิวคาสเซิลจะคว้าตัวไปลุยฟุตบอลยุโรปได้

เราค่อนข้างมั่นใจว่าในตอนจบฤดูกาล นี่จะเป็นหนึ่งในการทำนายที่เราทำนายได้ถูกต้อง เพราะในตอนนี้ทุกอย่างดูเป็นไปได้มาก ๆ ทัพสาลิกาดงอยู่ในอันดับที่สามของตาราง นำสเปอร์อันดับห้าอยู่สามคะแนน พวกเขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และมีหนึ่งในเกมรับที่ดีที่สุดในลีกในตอนนี้

จริงอยู่ที่นิวคาสเซิลมีโอกาสพลาดท็อปโฟร์อยู่ไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังเชื่อว่าพวกเขาจะจบในท็อป 7 และได้สิทธิไปเตะฟุตบอลยุโรปไม่ถ้วยใดก็ถ้วยหนึ่งอย่างแน่นอน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะพลาดตำแหน่งท็อปโฟร์

เราขอให้คุณใจเย็น ๆ ก่อนและอย่าเพิ่งด่าเราแรง เพราะในตอนที่เราทำการทำนายนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดฤดูกาลด้วยการแพ้สองเกมรวด และเสียไปถึงหกประตูจากสองเกมนั้น พวกเขาดูเหมือนเรือที่ไร้หางเสือเลยในช่วงต้นฤดูกาล และเราก็คิดว่านี่จะเป็นฤดูกาลที่หนักหนาสำหรับพวกเขาแน่นอน แต่ผ่านมาครึ่งฤดูกาล ผลคือเราคิดผิดถนัดเลยล่ะ

แม้ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะฟอร์มตกจนหลุดท็อปโฟร์ก็ยังมีอยู่ แต่โอกาสที่ภาพนั้นจะเกิดขึ้นดูน้อยลงไปเรื่อย ๆ จากฟอร์มที่ยอดเยี่ยมโดยผลงานของเอริค เทน ฮาก ในตอนนี้พวกเขาอยู่ในอันดับสี่ของตาราง นำทัพไก่เดือยทองอันดับห้าอยู่สามคะแนน แถมยังลงเล่นน้อยกว่าอยู่หนึ่งนัดอีกด้วย

ในตอนนี้ ทัพปีศาจแดงคือหนึ่งในทีมที่ร้อนแรงที่สุดในยุโรป และพวกเขาจะหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะรักษาฟอร์มนี้ไว้ให้ได้ เพื่อตำแหน่งท็อปโฟร์ในตอนจบฤดูกาล

อาร์เซนอลจะกลับมาลงเล่นในถ้วยบิ๊กเอียร์อีกครั้ง

ดูแล้วเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้กลับไปลงเล่นในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพียงอย่างเดียว แต่พวกเขากำลังจะกลับไปเล่นในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ด้วยซ้ำ

จากการเก็บได้ถึง 50 คะแนนใน 19 เกมลีก นี่ไม่ใช่เพียงการออกสตาร์ตครึ่งฤดูกาลแรกที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขายังมีทุกอย่างพร้อม ทั้งโมเมนตั้ม ความมั่นใจ และทีมพลังหนุ่มที่มุ่งมั่นพร้อมที่จะสร้างประวัติศาสตร์สโมสร

ฮาลันด์จะยิงได้อย่างน้อย 30 ประตูในลีก

หลังจากผ่านมา 20 เกมในลีก ตอนนี้ฮาลันด์ยิงไปถึง 25 ประตูแล้ว ขาดอีกเพียงห้าประตูเขาก็จะทำได้อย่างที่เราทำนายไว้ ซึ่งถ้าเขายังยิงได้เท่านี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่แค่ 30 ประตูอย่างที่เราทำนายไว้ แต่ตอนจบฤดูกาลเขาจะยิงได้เกิน 40 ประตูแบบสบาย ๆ

ดูแล้วรางวัลดาวซัลโว และสถิติยิงได้มากที่สุดตลอดกาลในหนึ่งฤดูกาลคงไม่หนีเขาไปไหนแน่ แต่ทีมต้นสังกัดของเขาอย่างเรือใบสีฟ้าจะป้องกันแชมป์ได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ยังคงต้องลุ้นกันต่อไป

ลิเวอร์พูลอาจจะไม่ได้จบในอันดับสองรองแชมป์เหมือนเดิม

ตอนนี้พลพรรคหงส์แดงอยู่ในอันดับที่เก้าของตาราง โดยถึงเราจะทำนายไว้ว่าทีมจะฟอร์มไม่ปังเหมือนในฤดูกาลก่อน ๆ เราก็ไม่ได้คิดว่าพวกเขาจะอาการหนักขนาดนี้

พวกเขามีปัญหาการขาดความมั่นใจอย่างหนัก พร้อมทั้งปัญหาความฟิต ความล้า และอาการบาดเจ็บรบกวนนักเตะมากมาย เป็นผลมาจากฤดูกาล 2021/2022 ที่หนักหน่วง เพราะในฤดูกาลก่อนพวกเขาลงเล่นมากนัดที่สุดเท่าที่เป็นไปได้แล้ว จากการเข้าชิงฟุตบอลถ้วยทุกถ้วยทั้งในประเทศและยุโรป และลุ้นแชมป์ลีกกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล

คงมีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะพาพวกเขากลับมาจบท็อปโฟร์ได้ และเราไม่เห็นภาพที่พวกเขาจะกลับมาจนจบอันดับสองได้เลยในฤดูกาลนี้

อ่าน:  ปรับแต่งยุทธวิธีพรีเมียร์ลีก
Leave A Reply