เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แฮร์รี่ เคน ศูนย์หน้าของทีมไก่เดือยทองได้สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร โดยประตูที่เขายิงใส่ทีมเรือใบสีฟ้านั้นเป็นประตูที่ทำให้เขาขึ้นมาเป็นดาวซัลโวเดี่ยวแซงหน้าสถิติดาวซัลโวเก่าของจิมมี่ กรีฟส์ พอดิบพอดี
โดยประตูในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นประตูที่ 267 ในการลงเล่น 416 เกมภายใต้สีเสื้อท็อตแนมของแฮร์รี่ เคน ทำลายสถิติเก่าของจิมมี่ กรีฟส์ที่ทำไว้ 266 ประตูใน 379 เกม
หลังจากทำลายสถิติได้ในเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคนได้ให้สัมภาษณ์ไว้ดังนี้:
“สวัสดีครับ ทุกคน ผมกำลังให้สัมภาษณ์นี้ในค่ำคืนที่พิเศษมาก ๆ สำหรับผม” เคนกล่าว หลังจากเอาชนะทีมเรือใบสีฟ้าได้ “การที่ผมทำลายสถิติทำประตูสูงสุดของสโมสร และ ได้เป็นดาวซัลโวของสโมสรนี้นั้นถือเป็นความฝันของผมมาตลอด และวันนี้มันก็เป็นจริงแล้ว มันเหมาะเจาะมาก ๆ ที่ผมทำลายสถิติได้ในเกมเหย้าของเราพอดี ไม่มีที่ไหนและอะไรจะเหมาะสมไปมากกว่าการทำลายสถิติได้ในเกมที่เราเก็บสามคะแนนสำคัญในเกมใหญ่ในบ้านแบบนี้อีกแล้ว นี่เป็นค่ำคืนที่มีความหมายกับผมมาก ๆ และผมก็อยากขอบคุณทุกคนทั้งครอบครัวของผม, แฟน ๆ และทุกคนที่ช่วยให้ผมมาถึงจุดนี้ได้ และสนับสนุนผมมาตลอด ผมซึ้งใจมากจริง ๆ และภูมิใจกับมันมาก ๆ ขอบคุณจริง ๆ และเราจะเจอกันอีกในเกมหน้า”
โดยการทำลายสถิติของเคนนั้นไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์สำคัญของเจ้าตัวเท่านั้น แต่เป็นเหตุการณ์สำคัญของกองเชียร์ไก่เดือยทองทั่วโลก เสียงตะโกนดังกระหึ่มไปก้องสนามว่า “Harry Kane, he’s one of our own” (แฮร์รี่ เคน เขาคือนักเตะของเรา) หลังจากเขาทำประตูสร้างตำนานกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าของลีกได้
โดยประตูนี้ของเคนเป็นประตูโทนของเกมช่วยให้สเปอร์เอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปได้ 1-0 ส่งผลให้ทีมขยับไล่จี้ตามหลังนิวคาสเซิลอันดับ 4 เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น
และประตูนี้ยังเป็นประตูที่ 17 ในฤดูกาลนี้ของเจ้าตัวด้วย และถ้าเขายังยิงได้ด้วยอัตราต่อเกมประมาณนี้ไปได้เรื่อย ๆ ดาวยิงหนุ่มดีกรีกัปตันทีมชาติอังกฤษก็มีสิทธิที่จะทำลายสถิติการยิงต่อหนึ่งฤดูกาลของตัวเองได้ด้วย โดยสถิติเดิมของเขาอยู่ที่ 30 ประตูในฤดูกาล 2017/18
แฮร์รี่ เคน และ 200 ประตูในพรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ดี การทำลายสถิติของจิมมี่ กรีฟส์ ไม่ใช่สถิติเดียวที่แฮร์รี่ เคน ทำลายลงได้ในเกมกับทัพเรือใบสีฟ้า เพราะหัวหอกวัย 29 ปีก็เพิ่งยิงประตูที่ 200 ในพรีเมียร์ลีกของเขาในเกมเดียวกันนั้นด้วย
จากประตูที่ 200 นั้น ทำให้เคนเป็นเพียงนักเตะคนที่สามเท่านั้นที่ยิงได้เกิน 200 ประตู ในพรีเมียร์ลีก โดยสองคนที่ทำได้ก่อนหน้านี้คือ เวย์น รูนี่ย์ (208 ประตู) และ อลัน เชียเรอร์ (260 ประตู)
ประวัติอย่างย่อของแฮร์รี่ เคน
แฮร์รี่ เคน เกิดและเติบโตที่ชานเมืองลอนดอน แถวเขตวอลต์แธม ฟอเรสต์ และเริ่มเส้นทางการค้าแข้งของเขาที่ทีมเยาวชนของท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ และด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นของเขา ทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว โดยตอนที่เขาได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2009 ในตอนนั้นเคนมีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
เลย์ตัน โอเรียนต์, มิลวอลล์, เลสเตอร์ และ นอริช ซิตี้ คือรายชื่อคร่าว ๆ ของเหล่าทีมที่สเปอร์เคยส่งเคนไปลับฝีเท้าด้วยสัญญายืมตัวในลีกล่าง ๆ แต่ฟอร์มในฐานะนักเตะยืมตัวของเขากลับไม่ดีเท่าที่ควร
การยึดตำแหน่งและสร้างตำนานในทีมชุดใหญ่
ในฤดูกาล 2013/14 ภายใต้การคุมทีมของทีม เชอร์วูด เคนได้รับโอกาสขึ้นสู่ชุดใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ และเขาก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวัง ยิงได้สามประตูในทันทีจากการลงสนามหกนัดแรก ประตูแรกในพรีเมียร์ลีกของเขาเกิดขึ้นในเกมที่สเปอร์เอาชนะซันเดอร์แลนด์ไป 5-1 โดยเขาทำประตูได้แม้จะลงเล่นเป็นตัวสำรอง
เส้นทางการค้าแข้งของเคนเริ่มก้าวหน้าขึ้นในปีต่อมามากกว่า ภายใต้การคุมทีมของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และทีมต่าง ๆ ในพรีเมียร์ ลีก ก็เริ่มได้เห็นฝีเท้าที่แท้จริงของเด็กใหม่ไฟแรงนามแฮร์รี่ เคน ด้วยวัยเพียง 21 ปี เคนทำได้ถึง 21 ประตูในการลงสนามในเกมลีก 34 เกมแรก และจบฤดูกาลนั้นด้วยสถิติการยิงได้ถึง 29 ประตูใน 49 เกม ณ ตอนนั้น แฟน ๆ ไก่เดือยทองในไวท์ ฮาร์ต เลน ก็พอจะรู้แล้วว่าพวกเขากำลังมีเพชรเม็ดงามอยู่ในมือ
หลังจากที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในปีนั้น แฟน ๆ ทีมอื่นก็เริ่มจะสงสัยในตัวเขามากขึ้น เพราะมันเหมือนกับว่าเขาโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ และก็ยิงได้เป็นกอบเป็นกำในทันที กองเชียร์จากทีมคู่อริก็เริ่มที่จะกล่าวหาว่าเขานั้นแค่ฟลุคเท่านั้น และเป็นแค่ “เทพฤดูกาลเดียว” เหมือนกับมิชูของสวอนซี หรือ ปาปิส ซิสเซ่ของนิวคาสเซิล ที่ฟอร์มดีขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดในฤดูกาลหนึ่ง ๆ แล้วก็กลับไปฟอร์มดาด ๆ เหมือนเดิมในฤดูกาลอื่น แต่แน่นอนว่าเคนไม่เหมือนกับสองคนนั้น และเขาก็ได้พิสูจน์ให้กองแช่งของเขาเห็นกันแบบไม่ต้องมีข้อโต้เถียงเลยล่ะ
เพราะในปี 2015/16 เคนยิงได้ถึง 25 ประตูจาก 38 เกมในลีก คว้ารางวัลรองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีกสมัยแรกของเขาไปครอง และ ลบข้อครหาจากนักวิจารณ์และแฟน ๆ ทีมคู่อริได้แบบหมดจด
ความยอดเยี่ยมในการจบสกอร์ของเขาช่วยให้สเปอร์จบอันดับสามของลีกได้สำเร็จ คว้าสิทธิในการไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2010 และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เคนได้พิสูจน์ตัวเองในฤดูกาลที่สองของเขา ว่าเขาคือของจริง ไม่ได้ฟลุค
เวที แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกของเคน
แต่การประเดิมสนามในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของเขานั้นไม่เป็นอย่างที่หวังเท่าไร เขายิงได้สองประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนั้นก็จริง แต่สเปอร์ก็ไม่สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้ และทำได้เพียงคว้าอันดับสามของกลุ่ม ตกลงไปเล่นในศึกยูโรป้า ลีก
ในตอนนั้น สเปอร์ยังเป็นเพียงทีมพลังหนุ่มที่กำลังขึ้นมา และยังไม่พร้อมที่จะเจอกับทีมระดับแนวหน้าของยุโรปในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างแน่นอน ฉะนั้นอย่างน้อยการที่เขาทำประตูได้ก็น่าจะทำให้เขาพอใจได้บ้าง โดยประตูของเคนมาจากเกมที่สเปอร์บุกไปแพ้ให้กับ เอเอส โมนาโก ทีมยักษ์ใหญ่ในลีกแดนน้ำหอมไป 2-1
แต่ฟอร์มในลีกของเขาก็ยังดีต่อเนื่อง เพราะในฤดูกาล 2016/17 เขาก็คว้ารางวัลรองเท้าทองคำของลีกได้อีกเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน ด้วยผลงานการยิง 29 ประตูจากการลงเล่น 30 นัด
และ 29 ประตูของเขาก็ยังช่วยให้ทีมขวัญใจของเขาจบในอันดับสองของลีกได้สำเร็จ และนั่นก็หมายความว่าสเปอร์จะได้ลงเล่นในถ้วยบิ๊กเอียร์อีกในปีถัดไป
ฤดูกาล 2017/18 ยังคงเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของเคน ถ้าวัดกันด้วยผลงานส่วนตัว โดยเขายิงได้ถึง 30 ประตูในลีก (ยังคงเป็นสถิติสูงสุดของเขาอยู่ถึงปัจจุบัน) เจ็ดประตูจากเจ็ดเกมในแชมเปี้ยนส์ ลีก และ อีกสี่ประตูในถ้วยเอฟเอ คัพ ทำให้รวมแล้วเขายิงไปถึง 41 ประตูในฤดูกาลดังกล่าว
2018/19: การเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
เคนยิงไป 24 ประตูจาก 37 เกมรวมทุกรายการในฤดูกาลนั้นที่เขามีอาการบาดเจ็บรบกวนค่อนข้างเยอะ แต่ถึงกระนั้น เขาก็มีส่วนสำคัญมากในการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสร
เพราะในครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร ทีมไก่เดือยทองสามารถหักปากกาเซียนเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้สำเร็จ โดยกลับมาได้แม้จะโดนอาแจ็กซ์ชุดยุคทองนำไปก่อนในรอบรองชนะเลิศ และได้สิทธิเข้าไปชิงดำกับลิเวอร์พูล
แต่จากอาการบาดเจ็บตลอดทั้งฤดูกาลของเคน แฟน ๆ ของสเปอร์ก็อดไม่ได้ที่จะออกอาการกังวลว่าดาวเด่นของทีมอย่างเคนจะได้ลงสนามในนัดที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรนี้หรือไม่ แต่โชคดีที่เคนนั้นฟิตพร้อมลงสนามทันเวลาพอดี
การที่เขาได้ลงสนามนั้นเหมือนกับการจุดความหวังเล็ก ๆ ของทีมรองบ่อนอย่างสเปอร์ เพราะพวกเขาจะต้องเจอกับลิเวอร์พูลที่กำลังร้อนแรง และเคยเข้าถึงรอบชิงในปีก่อนมาแล้ว แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้สเปอร์ไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกแล้ว พวกเขาทำได้เพียงแค่คว้าเหรียญรองชนะเลิศกลับบ้านเท่านั้น โดยในนัดนั้น เคนเล่นไม่ออกเลยตลอดทั้งเกม ผิดกับฟอร์มปกติของเขามาก ๆ
โดยอาการบาดเจ็บของเขาก็ลากยาวมาถึงฤดูกาล 2019/20 ด้วย แต่เขาก็ยังยิงได้เยอะเหมือนเดิม โดยในฤดูกาลนั้นเคนซัลโวไป 24 ประตูรวมทุกรายการ แม้ว่าสเปอร์จะไม่ได้มีฤดูกาลที่ดีเท่าไรก็ตาม
ในปีต่อมา (2020/2021) สเปอร์เลือกที่จะเข้าสู่ฤดูกาลนี้ด้วยความเปลี่ยนแปลง และตัดสินใจดึงโชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาเป็นกุนซือของทีม เพื่อที่จะเสริมแกร่งทีมให้สเปอร์กลายเป็นทีมที่สามารถสู้กับเหล่าทีมใหญ่ ๆ ในลีกได้สักที แต่อย่างที่เรารู้กันดี ว่าน่าเสียดายที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาด มูรินโญ่โดนไล่ออกในช่วงกลางฤดูกาลเดียวกันนั้นเลย ส่วนทีมไก่เดือยทองก็ทำได้เพียงจบอันดับเจ็ดของลีกเท่านั้น แม้ว่าเคนจะทำทุกอย่างเพื่อแบกทีมแล้วก็ตาม
เพราะถึงทีมจะผลงานไม่ค่อยดี เคนก็ยังยิงไปถึง 23 ประตู และแอสซิสต์อีก 14 ครั้ง เหมาทั้งรางวัลรองเท้าทองคำ และ เพลย์เมกเกอร์ยอดเยี่ยมได้ทั้งสองรางวัลในฤดูกาลเดียวเลยล่ะ
ในช่วงตลาดหน้าร้อนปี 2021 (หลังจบฤดูกาล 2020/2021) ฝันร้ายของแฟน ๆ สเปอร์ก็ทำท่าว่าจะเกิดขึ้นจริง เพราะมีข่าวลือออกมาว่าตัวเคนนั้นอยากย้ายออกจากทีม และทีมที่สนใจตัวเขาที่สุดก็คือคู่แข่งร่วมลีกอย่างเรือใบสีฟ้าของเป็ป กวาดิโอล่า
แต่สุดท้ายแล้ว เคนก็ไม่ได้ย้ายออกตามข่าวลือ และจบฤดูกาล 2021/2022 กับสเปอร์ด้วยผลงาน 25 ประตู 10 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 49 เกมรวมทุกรายการ
ประวัติศาสตร์จะจารึกตำนานของเคนไว้อย่างไรบ้าง?
แน่นอนว่าเคนคือดาวซัลโวสูงสุด และ นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเรามาถึงจุดนี้ของบทความแล้ว คุณน่าจะพอสังเกตได้ว่ามันมีอะไรสำคัญบางอย่างที่ขาดหายไป ใช่ครับ มันคือถ้วยแชมป์ต่าง ๆ ที่เคนแทบไม่เคยมีวาสนาได้จับเลย
ด้วยวัย 29 ย่าง 30 ปี เคนไม่มีถ้วยรางวัลติดมือมาประดับบารมีเลย แม้ว่าเขาจะยิงประตูไปมากแค่ไหนก็ตาม และนี่อาจจะเป็นจุดที่ฉุดเขาไว้ไม่ให้ไปถึงสถานะตำนานได้เลย
สัญญาของเคนกับสเปอร์จะหมดลงในตลาดหน้าร้อนหน้าแล้ว และไม่ว่าเขาจะอยู่ต่อหรือย้ายออกนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันน่าจะเป็นสโมสรสุดท้ายของเคนแล้ว ก่อนที่เขาจะโรยราไปตามอายุ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเขาแล้วว่าจะอยู่กับทีมต่อและเป็น “วันคลับแมน” แบบหล่อ ๆ ในยุคที่หา “วันคลับแมน” ได้ยากเหลือเกิน หรือเขาจะย้ายไปทีมอื่นในลีกเพื่อโอกาสในการคว้าแชมป์ที่มากขึ้น หรือไม่ก็ย้ายไปค้าแข้งในต่างแดนเลย
แต่ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหนก็ตาม เขาจะต้องมั่นใจว่าจะแขวนสตั๊ดไปแบบมีถ้วยติดมือบ้างให้ได้
เขาจะทำลายสถิติตลอดกาลของเชียเรอร์ได้หรือไม่?
คำตอบในข้อนี้อาจจะขึ้นอยู่กับผลงานของเคนในอีก 1-2 ปีนี้ด้วย ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ดูแล้วถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เช่นอาการบาดเจ็บระยะยาว หรือ ฟอร์มตกแบบมหันต์ เคนก็น่าจะยิงเกิน 208 ประตู และแซงเวย์น รูนี่ย์ขึ้นเป็นอันดับสองตลอดกาลได้แบบสบาย ๆ
ส่วนถ้าจะหวังถึงอันดับหนึ่ง ดูจากสถิติมันก็ยังเป็นไปได้อยู่ เพราะเคนก็เพิ่งจะอายุ 29 เอง แต่ประเด็นสำคัญกว่าน่าจะอยู่ที่ว่าเขาจะอยู่ทำลายสถิติที่สเปอร์หรือเปล่า หรือจะย้ายไปเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกกับทีมอื่น