ในเดือนเมษายน 2021, ข่าวเขย่าวงการฟุตบอลอย่าง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีกก็ได้ถูกแถลงออกมา 12 ทีมที่มั่งคั่งที่สุดในยุโรปรวมตัวกันประกาศสร้างลีกของตัวเอง

ในซูเปอร์ลีกจะมีทั้งหมด 20 สโมสร รวมถึง 15 สโมสรที่จะมีส่วนร่วมอยู่ในลีกนี้ โดยในแต่ละปี 5 สโมสรที่มีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่สุดในฤดูกาลที่แล้วจะมีสิทธิ์เข้าร่วมซูเปอร์ลีก

ทีม “บิ๊กซิกซ์” แห่งพรีเมียร์ลีกอย่างอาร์เซนอล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูลและท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยักษ์ใหญ่แห่งลา ลีก้าสเปนอย่างบาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริดและแอตเลติโก้ มาดริด เช่นเดียวกับยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลีอย่างเอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลานและยูเวนตุสต่างก็สนใจที่จะอยู่ในซูเปอร์ลีก

ปฏิกิริยาเริ่มแรกในช่วงเดือนเมษายน 2021 เป็นอย่างไรบ้าง?

ปฏิกิริยาของหลายฝ่ายหลังจากที่ข่าวซูเปอร์ลีกถูกเผยแพร่ออกไปนั้นค่อนไปทางลบซะเป็นส่วนใหญ่ ทางยูฟ่าถึงขั้นออกมาประกาศขัดขวางโปรเจ็คซูเปอร์ลีกในทันทีทันใดด้วยข้อความดังนี้:

“พวกเรามีเอฟเอของอังกฤษ, สหพันธ์ฟุตบอลสเปน, สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี, พรีเมียร์ลีก, ลา ลีก้า, เซเรีย อา แถมยังมีสมาคมฟีฟ่าที่รวมสมาชิกมากกว่า 55 องค์กร – มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในการต่อต้านแผนการเหยียดหยามเหล่านี้ ซึ่งขัดกับสิ่งที่ฟุตบอลควรจะเป็นอย่างสิ้นเชิง”

“เกมฟุตบอลกลายมาเป็นกีฬาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกบนพื้นฐานของการแข่งขันที่เปิดกว้าง, ความซื่อสัตย์ และคุณค่าทางกีฬาและเราไม่สามารถอนุญาตและจะไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีทาง”

“ตามที่ฟีฟ่าและสหพันธ์ทั้ง 6 (ภาคพื้นทวีป) ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ นักเตะที่จะลงเล่นในทีมที่อาจเล่นในลีกปิดจะถูกห้ามไม่ให้ลงเล่นในฟุตบอลโลกและยูโร ดังนั้นพวกเขาจะไม่สามารถเป็นตัวแทนของชาติของตนได้ ทีมในการแข่งขันใด ๆ ก็ตาม”

การประกาศนี้เกิดขึ้นเมื่อยูฟ่ากำลังจะเปิดเผยแพร่แผนการเล่นสำหรับแชมเปี้ยนส์ลีกรูปแบบใหม่เช่นกัน

กลุ่มแฟนคลับของสโมสรที่เป็นตัวตั้งตัวตีของซูเปอร์ลีกต่างแสดงความผิดหวังต่อสโมสรที่พวกเขาสนับสนุนและจัดการประท้วงเพื่อแสดงความผิดหวังในสิ่งที่สำหรับพวกเขาถือว่าเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจของพวกเขา

โดยพื้นฐานแล้ว ซูเปอร์ลีกเป็นการแข่งขันของสโมสรระดับท็อปซึ่งสร้างขึ้นจากความโลภและความต้องการที่จะสนับสนุนความแข็งแกร่งทางการเงินของเหล่าสโมสรที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้จะสร้างช่องว่างในด้านความแข็งแกร่งทางการเงินและการแข่งขันระหว่างสโมสรเหล่านี้กับสโมสรอื่น ๆ ในยุโรปให้ห่างออกไปมากยิ่งขึ้น

การแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจาก 12 สโมสรที่ร่วมก่อตั้งซูเปอร์ลีกกล่าวว่า “สโมสรที่ร่วมก่อตั้งจะได้รับเงินจำนวน 3.5 พันล้านยูโร (4.21 พันล้านดอลลาร์) เพื่อสนับสนุนแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของพวกเขาและเพื่อชดเชยผลกระทบของการระบาดของโควิด”

“ทัวร์นาเมนต์ประจำปีใหม่จะช่วยเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสนับสนุนฟุตบอลยุโรปเป็นอย่างมาก…และ [การจ่ายเงินเพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน] คาดว่าจะเกินกว่า 10 พันล้านยูโร (12 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นของแต่ละสโมสร”

เนื่องจากปฏิกิริยาเชิงลบแทบจะในทันทีต่อซูเปอร์ลีกทำให้สโมสรยักษ์ใหญ่ 6 สโมสรจากอังกฤษที่เกี่ยวข้องจึงรีบขอถอนตัวออกจากซูเปอร์ลีก ซึ่งทำให้เกิดการถอยทัพชั่วคราวไปก่อน

การกลับมาของซูเปอร์ลีก

ผู้จัดซูเปอร์ลีกต้องกลับไปตั้งต้นกันใหม่ชั่วขณะหนึ่งเพื่อหาวิธีใหม่ในการนำเสนอซูเปอร์ลีกและในตอนนี้ พวกเขาได้มาพร้อมกับข้อเสนอและรูปแบบใหม่ของซูเปอร์ลีกแล้ว

แนวคิดซูเปอร์ลีกรูปแบบใหม่ที่ได้รับการเสนอนั้นแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้จัดที่จะเริ่มการแข่งขันอีกครั้งในฐานะลีกหลายดิวิชั่นที่มี 60-80 สโมสรโดยที่ไม่มีสมาชิกแบบถาวร (ตรงข้ามกับสโมสรผู้ก่อตั้งลีก) และมีการแข่งขันอย่างน้อย 14 เกมต่อฤดูกาล

แถลงการณ์ถูกกำหนดเวลาให้สอดคล้องกับการผลักดันครั้งใหม่จากผู้สนับสนุนซูเปอร์ลีก 3 สโมสรที่ยังไม่ถอนตัว ได้แก่เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่าและยูเวนตุสเพื่อดำเนินการขัดแย้งกับทางยูฟ่าต่อไปและก่อตั้งโดย A22 ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของซูเปอร์ลีกในมาดริด ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมแนวคิดนี้นั่นเอง

ทั้งหมดนี้ถูกเปิดเผยโดยเบิร์นด์ ไรชาร์ต ผู้บริหารระดับสูงของ A22 กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Die Welt ของเยอรมัน

ไรชาร์ตกล่าวว่า: “รากฐานของฟุตบอลยุโรปกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะพังทลายลง”

“ถึงเวลาแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลง มันคือสโมสรที่ต้องแบกรับความเสี่ยงในการเป็นผู้ประกอบการในวงการฟุตบอล แต่เมื่อการตัดสินใจที่สำคัญตกอยู่ในความเสี่ยง พวกเขามักจะถูกบังคับให้อยู่นิ่งเฉยข้างสนาม ในขณะที่รากฐานด้านกีฬาและการเงินกำลังพังทลายลงรอบตัวพวกเขา”

“การพูดคุยของเราทำให้ชัดเจนว่าสโมสรมักจะพบว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดต่อหน้าสาธารณะในการต่อต้านระบบที่ใช้การคุกคามของการลงโทษเพื่อขัดขวางฝ่ายค้าน”

“การเจรจาของเราเป็นไปอย่างเปิดเผย, ตรงไปตรงมา, สร้างสรรค์และทำให้เกิดแนวคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นและวิธีในการดำเนินการ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำและเราจะดำเนินบทสนทนานี้ต่อไป”

ทาง A22 เชื่อว่าทางยูฟ่าและฟีฟ่ากำลังใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางที่ผิดโดยละเมิดกฎหมายการแข่งขันของสหภาพยุโรปโดยขัดขวางการพัฒนาซุปเปอร์ลีกและลงโทษสโมสรคู่แข่ง

ผู้สนับสนุนทั่วไปในเคสนี้ออกคำตัดสินที่ไม่มีผลผูกพันในเดือนธันวาคม โดยกล่าวว่าข้อบังคับที่อนุญาตให้ยูฟ่าและฟีฟ่าป้องกันการพัฒนาทัวร์นาเมนต์ใหม่นั้นสอดคล้องกับกฎหมายของสหภาพยุโรป ศาลยุติธรรมแห่งยุโรปมีกำหนดจะออกคำตัดสินขั้นสุดท้ายในคดีนี้ในปลายปีนี้

เมื่อพูดถึงประเด็นนั้น ไรชาร์ตกล่าวกับทางสกาย สปอร์ตส์: “ทางอัยการสูงสุดมีคำแนะนำที่ไม่มีผลผูกพันในระดับหนึ่ง เขาบอกว่าต้องมีกระบวนการอนุญาตที่เหมาะสม หากคุณต้องการจัดทัวร์นาเมนต์ในทางเลือกอื่น”

“ยูฟ่ามีหน้าที่พิเศษในการประเมินเรื่องดังกล่าวและไม่สามารถเอื้อให้การแข่งขันของตัวเองเหนือกว่าผู้จัดอื่นได้ เรายังเชื่อว่าศาลสามารถดำเนินการต่อไปได้”

“สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ในช่วงสัปดาห์หรือหนึ่งเดือนข้างหน้าคือการรอคอย, อดทนและเชื่อมั่นในระบบของตุลาการของยุโรป จากนั้นเราจะต้องปรับเปลี่ยนโปรเจ็คของเรา”

“การอนุญาตทางกฎหมายใด ๆ นั้นจะต้องบอกเราว่าการแข่งขันครั้งนี้ต้องปฏิบัติตาม: ความซื่อสัตย์, ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน, การเปิดใจต่อกัน, การพัฒนาเยาวชน, การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน คุณบอกเราและเราจะปรับโปรเจ็คนี้ แต่สุดท้ายแล้ว เราเชื่อว่าการแข่งขันในยุโรปควรอยู่ภายใต้การควบคุมของสโมสร เช่นเดียวกับลีกในประเทศอื่น ๆ”

ไทม์ไลน์ของการที่ซูเปอร์ลีกเวอร์ชั่นแรกล่มสลายเนื่องจากสโมสรในพรีเมียร์ลีกทั้ง 6 สโมสรพากันถอนตัวออกจากการแข่งขันหลังจากมีประกาศในเดือนเมษายน 2021 ได้เพียง 2 วันเท่านั้น

ไรชาร์ตอ้างว่าซูเปอร์ลีกที่ออกแบบใหม่นั้นจะเป็นทัวร์นาเมนต์สำหรับทุกสโมสร โดยมีทีมแข่งขันในดิวิชั่นท้องถิ่นต่าง ๆ และคัดเลือกตามผลงานในระดับประเทศ

ลีกระดับชาติเหล่านั้นจะยังคงเป็น “รากฐาน” ของลีกอีกด้วย ไรชาร์ตกล่าวและแย้งว่าซุปเปอร์ลีกแบบใหม่นั้นจะสร้างรายได้ใหม่เพื่อสนับสนุนระบบพีระมิดทั้งหมด

ไรชาร์ตบอกว่าจะมีการการันตีว่าจะมีเกมการแข่งขันอย่างน้อย 14 เกมเพื่อ “ความมั่นคงและคาดการณ์ได้” ของรายได้

ไรชาร์ตสรุปกลยุทธ์สำหรับการควบคุมค่าใช้จ่าย โดยระบุว่าสโมสรควรจำกัดจำนวนเงินที่ใช้กับค่าเหนื่อยของนักเตะและค่าตัวในการซื้อตัวนักเตะสุทธิไปยังส่วนเฉพาะของรายได้ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลรายปี

“การใช้จ่ายของสโมสรนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับเงินทุนที่สร้างขึ้นเท่านั้นและไม่ใช่การบิดเบือนจากเกมการแข่งขัน” เขากล่าว

สรุปหลักการ 10 ประการของซูเปอร์ลีก

  1. การแข่งขันในวงกว้างและตามหลักคุณธรรม
  2. การแข่งขันภายในประเทศ: พื้นฐานของฟุตบอล
  3. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยทรัพยากรที่มั่นคงและยั่งยืน
  4. สุขภาพของนักเตะจะต้องเป็นส่วนสำคัญที่สุดของเกมการแข่งขัน
  5. เกมการแข่งขันที่ดำเนินการโดยสโมสรด้วยกฎความยั่งยืนทางการเงินที่โปร่งใสและนำไปใช้ได้อย่างใสสะอาด
  6. ทัวร์นาเมนต์การแข่งขันฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก
  7. เพิ่มประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับเหล่าแฟนบอล
  8. พัฒนาและสนับสนุนฟุตบอลหญิง
  9. เพิ่มความสมานฉันท์อย่างเห็นได้ชัด
  10. เคารพกฎหมายและค่านิยมของสหภาพยุโรป

ในวงการฟุตบอลมีปฏิกิริยาอย่างไรกันบ้าง?

ตามที่คาดการณ์เอาไว้ วงการฟุตบอลนั้นไม่ค่อยชอบแนวคิดซูเปอร์ลีกเท่าไรนัก และยังมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรวดเร็วจากคณะกรรมการและรวมถึงแฟนบอลอีกด้วย

ฮาเวียร์ เตบาสเปรียบเทียบซูเปอร์ลีกเป็นหมาป่าจอมโลภตัวยักษ์

ฮาเวียร์ เตบาส ประธานของลา ลีก้าเป็นหนึ่งในกลุ่มแรก ๆ ที่วิจารณ์ซูเปอร์ลีกโฉมใหม่ เขาทวีตข้อความว่า:

“ซูเปอร์ลีกคือหมาป่าจอมโลภที่ทุกวันนี้ปลอมตัวเป็นคุณยายเพื่อพยายามหลอกลวงฟุตบอลยุโรป แต่จมูกและฟันของมันใหญ่เอามาก ๆ สี่ลีกในยุโรปงั้นเหรอ? แน่นอนว่า [ลีกระดับสูงสุด] สำหรับพวกเขา [สโมสรก่อตั้ง] เช่นเดียวกับแผนการในปี 2019 นั่นแหละ การบริหารสโมสรงั้นเหรอ? แน่นอนก็ต้องมาจากคนใหญ่คนโตเท่านั้นแหละ”

นอกจากนี้ ทางลา ลีก้ายังออกแถลงการณ์ประณามซูเปอร์ลีกรวมทั้งแสดงให้เห็นว่าทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวนั้นอาจส่งผลกระทบอย่างไรต่อวงการฟุตบอล

“วันนี้สโมสรที่คิดค้นซูเปอร์ลีกขึ้นมานั้นได้นำเสนอ “หลักการ” สำหรับสิ่งที่เรารู้ว่าเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อการแข่งขันฟุตบอลในระดับชาติ ยิ่งไปกว่านั้น รูปแบบการกำกับดูแลที่เสนอนั้นไม่ได้เป็นแบบประชาธิปไตยเลย แทนที่จะให้อำนาจและการตัดสินใจแก่สโมสรที่ร่ำรวยเพียงไม่กี่สโมสร โดยปล่อยให้สโมสรที่มีขนาดเล็กและขนาดกลางต้องล้มละลาย”

“ในขณะที่ผู้จัดซูเปอร์ลีกอ้างว่าการแข่งขันที่เสนอจะเป็นแบบเปิด ความเป็นจริงแล้วก็คือพวกเขากำลังปรับรูปแบบฟุตบอลยุโรปในแบบใหม่เพื่อผลประโยชน์และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสโมสรใหญ่ นี่คือแผนที่เคยถูกนำเสนอ, วิเคราะห์และปฏิเสธมาแล้วเมื่อย้อนกลับไปในปี 2019”

“การแข่งขันแบบลีกในแต่ละประเทศจะหายไปหากคุณไม่มีคุณสมบัติโดยตรงในการก้าวไปสู่จุดสูงสุดของฟุตบอลยุโรป แบบจำลองที่อิงตาม “ดิวิชั่นต่าง ๆ” ในฟุตบอลยุโรปกำลังถูกเสนอเพื่อให้เหล่าสโมสรหัวกะทิได้รับประกันความมั่งคงในลีกสูงสุด”

“นอกจากนี้ ข้อเสนอที่แนะว่าจะไม่มีผลกระทบต่อปฏิทินวงการฟุตบอลนั้น ข้อสันนิษฐานค่อนข้างแปลกที่มีทีมมากขึ้นและเกมให้ลงแข่งขันเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ รายได้ที่สัญญาไว้จะมาจากไหน ถ้าไม่ได้มาจากลีกในระดับประเทศ?”

อ่าน:  5 เหตุผลที่ว่าทำไมลิโอเนล เมสซี่ยังห่างไกลจากคำว่าหมดสภาพหรือแขวนสตั๊ด

“ประเด็นสำคัญคือซูเปอร์ลีกคือหายนะสำหรับลีกระดับประเทศ ดังที่รายงานของเคพีเอ็มจีแสดงให้เห็น และมันจะทำให้สโมสรขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วยุโรปต้องล้มละลายพร้อมกับฆ่าฟุตบอลยุโรปอย่างสิ้นซากอย่างที่เราทราบกันดี”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายงานจากผู้เชี่ยวชาญของเคเอ็มพีจีที่ล่าสุดประเมินว่าการสูญเสียรายได้ทั่วโลกในลา ลีก้านั้นสูงถึง -55% และสำหรับสโมสรนอกซูเปอร์ลีกถึง -64%”

“การมีซูเปอร์ลีกนั้นจะหมายถึงสูญญากาศทางเศรษฐกิจสำหรับลีกในประเทศ และจะนำไปสู่การลดลงของรายได้สำหรับสโมสรในซูเปอร์ลีกในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งจะทำลายอุตสาหกรรมทั้งหมด: ไม่ว่าจะเป็นจีดีพี, งานและภาษี”

สมาคมสโมสรยุโรปกล่าวว่าโครงการซูเปอร์ลีกนั้นจะขัดขวางความก้าวหน้าของฟุตบอลยุโรป

สมาคมสโมสรยุโรปยังแสดงความไม่เห็นด้วยกับแผนการใหม่ของซูเปอร์ลีก

“นี่เป็นเพียงอีกหนึ่งความพยายามที่จงใจบิดเบือนและทำให้พวกเราเข้าใจผิดในการทำลายเสถียรภาพของงานสร้างสรรค์ที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่แท้จริงของวงการฟุตบอลเพื่อขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ ไปข้างหน้าเพื่อผลประโยชน์สูงสุดโดยรวมของเกมการแข่งขันสำหรับสโมสรยุโรป” สมาคมสโมสรยุโรปกล่าว

“ในฐานะองค์กรเดียวที่ได้รับการยอมรับจากฟีฟ่าและยูฟ่า ซึ่งเป็นตัวแทนของสโมสรในระดับยุโรปและระดับนานาชาติและเป็นองค์กรเดียวที่สโมสรต่าง ๆ เป็นตัวแทนที่แท้จริงในการตัดสินใจ ทางสมาคมสโมสรยุโรปจึงขอย้ำถึงการต่อต้านที่มีมาอย่างยาวนานต่อซุปเปอร์ลีกและโปรเจ็คอื่น ๆ ที่จะนำไปสู่การแตกแยก”

“ความคืบหน้าและการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่ประสบความสำเร็จโดยสมาคมสโมสรยุโรปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียฟุตบอลทั้งหมด – ยูฟ่า, ฟีฟ่าและสมาพันธ์, สมาคมระดับชาติ, ลีก, แฟนบอล, นักเตะและสโมสรทั้งหมด – ทำงานเพื่อประโยชน์ของระบบนิเวศฟุตบอลยุโรปทั้งหมด”

“ตั้งแต่ปี 2024 สโมสรจากประเทศต่าง ๆ จะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลสโมสรในยุโรปเพิ่มขึ้นทุกฤดูกาล เพิ่มความหลงใหลในวงการฟุตบอลยุโรปและเพิ่มส่วนแบ่งรายได้เป็นอย่างมาก ความคืบหน้าที่สำคัญสามารถมองเห็นได้จากแง่มุมอื่น ๆ ของเกมการแข่งขันนับตั้งแต่ฟุตบอลหญิง, การพัฒนาเยาวชนและสถานศึกษา, การเงินและกฎระเบียบเพื่อความยั่งยืนและผลกระทบต่อสังคม”

“นี่คือลักษณะของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เราเดินหน้าต่อไป แล้วเมื่อไหร่ที่ A22 จะเดินหน้าต่อไปบ้างล่ะ?”

ลีกต่าง ๆ ในยุโรปแสดงความประหลาดใจเมื่อได้ข่าวการแถลงการณ์

“ลีกต่าง ๆ ในยุโรปต่างพากันประหลาดใจกับคำแถลงการณ์จาก A22 ซึ่งอ้างถึงกระบวนการปรึกษาหารือแบบเปิดและผลลัพธ์ของมัน”

“ลีกยุโรป – องค์กรที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์อย่างเป็นทางการของผู้จัดการแข่งขันในประเทศกว่า 40 รายจาก 34 ประเทศในยุโรปและ 1,092 สโมสร – ไม่เคยพบกับ A22 และไม่ได้รับคำปรึกษาใด ๆ เลย”

“ลีกสนับสนุนรูปแบบฟุตบอลสโมสรยุโรปในปัจจุบันอย่างเต็มที่ ซึ่งใช้โครงสร้างแบบพีระมิดแบบเปิดที่มีการเลื่อนชั้นและตกชั้นจากระดับรากหญ้าไปสู่ระดับอาชีพในประเทศและคุณสมบัติสำหรับการแข่งขันระดับสโมสรของยูฟ่าจะขึ้นอยู่กับผลงานประจำฤดูกาลในการแข่งขันภายในประเทศ”

“โมเดลนี้ยังไม่มีอะไรที่จะต้องแก้ไข”

สมาคมผู้สนับสนุนฟุตบอลออกมาเปรียบเทียบว่าการแถลงการณ์ของซุปเปอร์ลีกนั้นเหมือนกับออกมาประกาศฝังตัวเอง

เควิน ไมลส์ ประธานบริหารสมาคมผู้สนับสนุนฟุตบอลออกมาเปรียบเทียบซูเปอร์ลีกว่าการแถลงการณ์ของพวกเขานั้นเท่ากับฆ่าตัวตายในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

“ศพเดินได้อย่างซูเปอร์ลีกนั้นตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความโดดเดี่ยว” ไมลส์กล่าว

“แนวคิดใหม่ล่าสุดของพวกเขาคือการมี ‘การแข่งขันที่เปิดกว้าง’ มากกว่าการปิดไอเดียที่พวกเขานำเสนอในตอนแรก ซึ่งนำไปสู่การประท้วงของแฟนบอลจำนวนมาก”

“แน่นอนว่าพวกเรามีการแข่งขันที่เปิดกว้างสำหรับสโมสรระดับท็อปของยุโรปอยู่แล้ว นั่นก็คือแชมเปี้ยนส์ลีกยังไงล่ะ”

“พวกเขาพูดว่า ‘การพูดคุยกับแฟน ๆ และกลุ่มแฟนบอลอิสระนั้นเป็นสิ่งสำคัญ’ แต่ซูเปอร์ลีกก็ยังคงเดินหน้าต่อไป – พวกเขาจงใจเพิกเฉยต่อการดูถูกเหยียดหยามจากแฟนบอลทั่วทั้งทวีป”

ซูเปอร์ลีกจะเริ่มต้นได้เมื่อไหร่?

ซูเปอร์ลีกเวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่อาจจะเปิดศึกลงฟาดแข้งกันได้ในฤดูกาล 2024–25 ไรชาร์ตกล่าวเมื่อเดือนตุลาคม

“นั่นอาจเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผลและอิงตามความเป็นจริงมากที่สุดเป็นครั้งแรก แต่มีตัวแปรมากมายที่ผมไม่สามารถคาดการณ์ได้ นั่นอาจเป็นการตัดสินใจแบบจริงจังครั้งแรก”

 

Leave A Reply