ด้วยความเสี่ยงที่จะทายผิดพลาดและดูกลวงเหมือนกับแอคเคาต์ปั่นกระแสในทวิตเตอร์ เราจะขอทายว่าเมสซี่จะได้ชูถ้วยฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็แล้วกัน
นี่เป็นฟุตบอลโลกครั้งที่ห้าของเขาแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ได้จับถ้วยที่เขาถวิลหามาทั้งชีวิตจนได้ และการโต้วาทีกันไปมาแสนยาวนานที่ว่าเมสซี่กับโรนัลโด้ใครเก่งกว่ากันนั้นก็ดูจะได้จุดจบแล้ว หลังจบเกมนัดชิงชนะเลิศในวันที่ 18 ธันวาคมที่สนามลูเซล สเตเดี้ยม ประเทศกาตาร์
และด้วยชัยชนะนัดนี้ ทำให้เขาขาดอีกเพียงถ้วยเดียวเท่านั้นก็จะไล่ดานี่ อัลเวส ในฐานะนักเตะที่ได้แชมป์มากที่สุดในโลกทัน มาถึงจุดนี้ คุณก็คงพอจะเดาได้แล้ว ว่าเราเขียนบทความนี้ขึ้นเพื่ออะไร นั่นก็คือการยกย่องให้เมสซี่เป็น GOAT – Greatest of all time หรือนักเตะที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาลนั่นเอง อย่างไรก็ดีเราก็ไม่ได้จะมาเขียนอวยเมสซี่อย่างเดียว เพราะเราจะเขียนถีงเรื่องของบริบทอื่น ๆ ที่น่ารู้และน่าสนใจในเรื่องนี้ด้วย
เมสซี่ในหลายปีที่ผ่านมา
“หนุ่มน้อยจากโรซาริโอ” ฝ่าฟันทุกอุปสรรคจนได้เดินทางไปที่ยุโรป จากอาร์เจนติน่าเมื่ออายุได้เพียง 13 ปีเท่านั้น ต้องขอบคุณบาร์เซโลน่าที่เห็นแววในตัวเขา และเป็นทีมเดียวที่พร้อมจะช่วยให้เขาเติบโตอย่างดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด ในฐานะนักเตะเยาวชนคนหนึ่งของทีม
ทีมเจ้าบุญทุ่มคว้าตัวเมสซี่มาจากทีมนีเวลส์ โอลด์ บอยส์ สโมสรในเมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนติน่า และเมสซี่ก็ตอบแทนพวกเขาได้แบบทบต้นทบดอก ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรที่ขึ้นมาจากศูนย์ฝึก ลา มาเซีย อันเลื่องชื่อของพวกเขา
ด้วยวัยเพียง 17 ปี เมสซี่ได้โอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และก็สร้างอิมแพ็คได้ทันที และใครที่ได้ดูเขาเล่นต่างก็เห็นเป็นเสียงเดียวกัน ในไม่ช้า อาร์เจนติน่าก็เรียกเมสซี่ติดทีมชาติชุดใหญ่ และเมสซี่ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดมือไป เขายึดตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติได้ทันที และไม่เสียมันให้ใครอีกเลย
เกือบยี่สิบปีต่อมา เมสซี่ในวัย 35 ได้กลายเป็นพี่ใหญ่ทึ่มีประสบการณ์คว้าแชมป์มาแล้วมากมายภายในทีม ทั้งในสีเสื้อเลือดหมูของบาร์เซโลน่าและสีเสื้อฟ้าขาวของอาร์เจนติน่า
ด้วยสถิติยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรบาร์เซโลน่า ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอเมริกาใต้ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ลา ลีกา รวมถึงลงเล่นให้กับบาร์เซโลน่าและอาร์เจนติน่ามากที่สุดตลอดกาล และสถิติอีกมากมายกับทั้งทีมชาติและสโมสร เขาได้จารึกชื่อของเขาไว้ในฐานะตำนานของทั้งบาร์เซโลน่าและอาร์เจนติน่าอย่างแท้จริง
ปัจจุบัน ในฐานะผู้เล่นของปารีส แซงค์-แชร์กแม็ง ต้องยอมรับว่าเขาก็เข้าสู่ช่วงปลายอาชีพการค้าแข้งแล้ว แต่เขาก็ยังสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้อีก ด้วยการคว้าแชมป์โลกในฐานะผู้เล่นของปารีส แซงค์-แชร์กแม็ง
ใครคือผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล
สำหรับบางคน เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญอะไรมากนัก ถึงแม้ว่ามันจะดูน่าทึ่งก็ตาม
ไม่ใช่จำนวนประตู ไม่ใช่จำนวนแชมป์ ไม่ใช่สถิติต่าง ๆ ที่ครอบครองอยู่ และไม่ใช่สไตล์การเล่นที่ทำให้เขามีแฟนคลับทั่วทุกมุมโลกกว่าร้อยล้านคนที่หลงไหลในเกมลูกหนังของเขาด้วยซ้ำ
สำหรับเรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เมสซี่ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเท่าไรนัก หรือถ้าทำก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากกว่าที่เคยทำอยู่ทุกปีจนพวกเขาชินตาไปแล้ว และในบางเรื่องที่ว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คู่แข่งตลอดกาลของเขา ก็ดูจะเหนือกว่าเขาด้วยซ้ำ
เมื่อแฟน ๆ เริ่มที่จะเรียกเมสซี่ว่า GOAT หรือ ผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลนั้น เขาถูกนำสถิติไปเปรียบเทียบกับสองตำนานร่วมทวีปอย่างเปเล่และมาราโดน่า สองนักเตะอมตะที่เปลี่ยนการเล่นฟุตบอลในยุคนั้น ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง แถมความสามารถในการยิงประตูของเมสซี่ก็ยังถูกนำไปเปรียบเทียบกับกองหน้าระดับตำนานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเปเล่, โจเซฟ บิคาน หรือ เฟเรนซ์ ปุสกัส รวมถึงความสามารถในการสร้างโอกาสให้เพื่อนนั้นก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย เพราะเขาทำได้ดีมาจนอาจจะพูดได้ว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเสียด้วยซ้ำ
และถึงแม้เมสซี่จะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลในใจของแฟนบอลส่วนใหญ่ แฟนบอลบางคนก็ไม่คิดเช่นนั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะฟุตบอลก็มีหลายแง่มุม และความชอบของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป
แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะบอกว่าเมสซี่ไม่ใช่ผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล เมื่อดูจากสถิติต่าง ๆ ที่เมสซี่เพิ่งทำลายไปได้ในฟุตบอลโลกปี 2022
- ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุด และ ผู้เล่นที่อายุมากที่สุดที่ทั้งยิงและจ่ายในเกมเดียว (ในเกมฟุตบอลโลก)
- ผู้เล่นที่มีส่วนร่วมกับการทำประตู (ยิงประตู+แอสซิสต์) มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก
- ผู้เล่นคนแรกและคนเดียวที่ทำแอสซิสต์ได้ฟุตบอลโลกห้าครั้ง
- ผู้เล่นที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกมากที่สุดตลอดกาล
- ผู้เล่นคนแรกและคนเดียวที่สามารถชนะรางวัลโกลเด้น บอล (ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก) ได้ถึงสองครั้ง
- ผู้เล่นที่ลงเล่นในฐานะกัปตันทีมในศึกฟุตบอลโลกมากที่สุดตลอดกาล
- ผู้เล่นที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุด (ร่วม) ในรอบน็อคเอาต์ของฟุตบอลโลก
- และผู้เล่นที่คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ที่ 11 ครั้ง
แต่ก็น่าจะยังมีบางคน ที่แม้ว่าจะเห็นสถิติเหล่านี้แล้วก็ยังยืนกรานว่าเมสซี่ไม่ใช่นักเตะที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาล ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรของพวกเขาก็ตาม
นี่บอกอะไรเราได้บ้างน่ะเหรอ
มันบ่งบอกว่าการที่จะบอกว่านักเตะคนหนึ่ง ๆ เป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะในชีวิตนักเตะคนหนึ่งมีหลายปัจจัยมากที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเมสซี่ก็เช่นกัน เราต้องยอมรับว่าเขาก็แอบโชคดีเหมือนกัน ที่ได้เล่นในสโมสรและทีมชาติที่ค่อนข้างดี
อย่างไรก็ดี ความจริงก็คือหากเขาคว้าแชมป์โลกได้ “หนุ่มน้อยจากโรซาริโอ” จะกลายมาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลอย่างแท้จริง ถ้าจะมีใครสักคนทำการตัดสินกันอย่างเอกฉันท์
ตอบคำถามหัวเรื่อง: สถานะตำนานของเมสซี่เป็นอย่างไรบ้าง
หลังจากที่เขาแขวนสตั๊ดไป เขาจะทิ้งอะไรไว้บ้าง…
ถ้าหากเราไม่นับประตู, แอสซิสต์, ถ้วยแชมป์ และ รางวัลส่วนตัวมากมายที่เขาได้รับตลอดการค้าแข้งของเขา และการเป็นหนึ่งในคนที่ใกล้เคียงที่สุดกับคำว่านักเตะที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาลคนหนึ่ง สิ่งที่เมสซี่จะทิ้งไว้ให้กับนักเตะรุ่นหลัง นั่นก็คือรอยเท้าที่ใหญ่จนยากที่นักเตะคนไหนในอนาคตจะมาทาบได้
เราขอขยายความหน่อยแล้วกัน เพราะนั่นออกจะเป็นภาษาเปรียบเทียบไปหน่อย
อาร์เจนติน่าและฝรั่งเศสและลงเล่นนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกครั้งนี้ที่กาตาร์ และมันเป็นศึกศักดิ์ศรีระหว่างดาวค้างฟ้าอย่างเมสซี่ และดาวต้องมองอย่างเอ็มบัปเป้อย่างแท้จริง
ในจุด ๆ หนึ่ง เอ็มบัปเป้ ในฐานะตัวแทนของนักเตะยุคใหม่ ก็เกือบจะเอาชนะเมสซี่และขโมยมงกุฎราชาของเมสซี่มาได้แล้ว ด้วยการทำผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ทำแฮตทริกแรกในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 56 ปีได้ แต่เมสซี่ก็ยังเอาชนะไปได้ในที่สุด แม้จะทำได้เพียงสองประตูก็ตาม ด้วยการช่วยสร้างสรรค์โอกาสมากมาย และเอาชนะเอ็มบัปเป้ด้วยมิติอื่น ๆ ในสนาม
อย่างไรก็ดี เอ็มบัปเป้ไม่มีความจำเป็นจะต้องมาฟูมฟายอะไรเลยกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ เขามีทัวร์นาเมนต์ที่ยอดเยี่ยมมาก คว้ารางวัลดาวซัลโวได้ด้วยซ้ำ อันที่จริง ครั้งก่อนที่สองคนนี้เจอกันก็เป็นเอ็มบัปเป้ที่เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ จนสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุดนับตั้งแต่เปเล่ แต่ในครั้งนี้มันต่างออกไป ครั้งนี้เมสซี่แข็งแกร่งขึ้น เก๋าขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น และมุ่งมั่นเป็นอย่างมากว่าจะต้องทำทุกอย่างเพื่อเป็นแชมป์โลกและนักเตะที่ดีที่สุดให้ได้
เราไม่อยากจะคิดเลย ว่านักเตะคนอื่น ๆ ที่อาจจะไม่ได้มีพรสวรรค์เท่ากับสองคนนี้จะรู้สึกอย่างไรกันบ้าง
เมสซี่ได้สร้างบรรทัดฐานเอาไว้สูงเหลือเกิน สูงขนาดที่ว่าฟุตบอลอาจจะเป็นกีฬาที่น่าเบื่อไปเลย เมื่อเขาตัดสินใจอำลาวงการไป เพราะสิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้มันมากกว่าประตู, แอสซิสต์, ถ้วยแชมป์ และ รางวัลส่วนตัว ใด ๆ แต่มันคือตำนานของเขาตลอด 20 ปีต่างหาก
เขาคือนักเตะระดับปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างแท้จริง นักเตะระดับที่ทำให้เกมทุกเกมดูน่าเบื่อเพราะเขาเก่งเกินไปน่ะ