พรีเมียร์ลีกเป็นลีกกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในลีกที่มีความต้องการมากที่สุด เนื่องจากมีนักเตะที่มีคุณภาพจำนวนมากมายควบคู่ไปกับเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้าสู่สโมสร
พรีเมียร์ลีกก่อตั้งขึ้นในปี 1888 และเปลี่ยนชื่อเป็นเอฟเอ พรีเมียร์ลีกในเดือนกุมภาพันธ์ 1992 หลังจากการตัดสินใจของสโมสรในลีกดิวิชั่นหนึ่งที่จะแยกตัวออกจากฟุตบอลลีกและใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทางด้านลิขสิทธิ์รายการโทรทัศน์ที่มีรายรับสุดมั่งคั่ง
นับตั้งแต่ฤดูกาล 1992-93 เป็นต้นมา มี 50 สโมสรที่เคยลงแข่งขันในพรีเมียร์ลีกยุคใหม่ และ 7 สโมสรที่เคยคว้าแชมป์ได้ก็มีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (13 สมัย), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (6 สมัย), เชลซี (5 สมัย), อาร์เซนอล (3 สมัย), แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (1 สมัย), เลสเตอร์ ซิตี้ (1 สมัย) และลิเวอร์พูล (1 สมัย)
แล้วมีสโมสรไหนบ้างที่ห่างหายจากการคว้าแชมป์มาอย่างยาวนาน? มาดูตามบทความนี้กันว่าทีมไหนในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษที่ห่างหายจากการคว้าแชมป์ลีกมาอย่างยาวนาซึ่งรวมถึงสถิติที่ยังคงดำเนินอยู่หรือได้สิ้นสุดลงแล้ว
อาร์เซนอล
ในบรรดาสโมสรบิ๊กซิกส์ดั้งเดิมในพรีเมียร์ลีก เดอะ กันเนอร์สเป็นทีมที่ครองหนึ่งในสถิติที่เลวร้ายที่สุดของการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกการไร้แชมป์ติดไม้ติดมือ อาร์เซนอลคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในฟุตบอลอังกฤษได้ 13 สมัย แต่สโมสรต้องรออย่างน้อยกว่า 18 ปีกว่าจะได้แชมป์ 3 สมัยในประวัติศาสตร์
หลังจากคว้าแชมป์ลีกได้ในปี 1953 โดยเบียดเปรสตัน นอร์ธ เอนด์คว้าแชมป์ไปได้ด้วยผลต่างประตูได้เสีย อาร์เซนอลไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้อีกเลยจนกระทั่งปี 1971 ที่พวกเขาคว้าแชมป์เหนือลีดส์ ยูไนเต็ดเพียงแต้มเดียว น่าแปลกที่เวลาผ่านไปอีกถึง 18 ปีก่อนที่ทีมจากลอนดอนจะคว้าแชมป์ได้อีกครั้งจากประตูได้เสียที่มากกว่าลิเวอร์พูลในฤดูกาล 1988-89
ฤดูกาล 2003-04 เป็นฤดูกาลที่ดูสดใสเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้เมื่ออาร์เซนอลที่นำทีมโดยอาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมพาพวกเขาเถลิงแชมป์ในแบบที่ทั้งฤดูกาลแบบไม่แพ้ใคร การได้ดูฟุตบอลที่น่าทึ่งร่วมกับนักเตะอย่างเธียร์รี่ อองรี, ปาทริค วิเอร่าและโรแบร์ ปิแรสและเฟรดดิก ลุงเบิร์ก
การที่มีทีมที่น่าเกรงขามที่สุดทีมหนึ่งในโลกฟุตบอล ณ เวลานั้น พวกเขาจบด้วยอันดับรองจ่าฝูงตามหลังเชลซีในฤดูกาลถัดมาและจากนั้นก็เข้าสู่วงจรการเล่นฟุตบอลที่น่าตื่นตาตืนใจแต่กลับไม่ได้รับผลการแข่งขันตามที่ต้องการ
ฤดูกาลไร้พ่ายในปี 2004 นำไปสู่ความวุ่นวายมาหลายทศวรรษ แต่ทีมชุดปัจจุบันของมิเกล อาร์เตต้าอาจจะยุติการรอคอยอันเจ็บปวดเพื่อครองเกาะอังกฤษอีกครั้ง ในที่สุด กุนซือชาวสเปนก็กลับมาสร้างชื่อเสียงอีกครั้งหลังจากที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวังมาหลายปี เนื่องจากอาร์เซนอลกลายมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ตัวจริงแล้วในฤดูกาล 2022/23
ความสุขุม, ความกล้าหาญและความโหดเหี้ยมที่ปลูกฝังโดยอดีตกัปตันทีมของพวกเขานั้นพึ่งออกดอกออกผลและหลังจากที่ทำคะแนนแซงหน้าทีมชุดฤดูกาลไร้พ่ายไปแล้ว แชมป์พรีเมียร์ลีกอาจกลับมาสู่ลอนดอนเหนืออีกครั้งหลังจากห่างมือไปถึง 19 ปีก็เป็นได้
ลิเวอร์พูล
ไม่มีทีมไหนในเกาะอังกฤษที่ได้แชมป์มากกว่าลิเวอร์พูลที่คว้าแชมป์รายการใหญ่ 45 รายการและแชมป์ลีกสูงสุด 19 สมัย แต่เป็นเรื่องแปลกที่พวกเขาพบว่ามันกลับเป็นเรื่องยากที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ จนกระทั่งเจอร์เก้น คล็อปป์ได้ทำให้ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่นั้นกลายเป็นจริงในฤดูกาล 2019 -20.
ระหว่างปี 1970 ถึง 1990 หงส์แดงคว้าแชมป์ได้ 11 สมัย แถมด้วยการเป็นรองแชมป์ถึง 5 สมัย แต่พวกเขาทำได้แค่รั้งรองจ่าฝูงเพิ่มอีกเพียง 3 สมัยจนถึงปี 2020
ถึงแม้จะคว้าแชมป์บอลถ้วยได้ถึง 17 รายตลอด 30 ปี แต่คู่แข่งตัวฉกาจอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 13 สมัย, เชลซี 5 สมัย ในขณะที่อาร์เซนอลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ต่างก็คว้าแชมป์ได้ทีมละ 4 สมัย
แชมป์ลีกครั้งแรกของลิเวอร์พูลในยุคพรีเมียร์ลีกจุดประกายความโล่งอกโล่งใจและปฏิกิริยาสุดบ้าคลั่งจากแฟนบอลผู้ซื่อสัตย์ในถิ่นเมอร์ซี่ย์ไซด์ด้วยความรู้สึกที่ชัดเจนว่าพวกเขาต้องการมากกว่านี้หลังจากที่ร้างแชมป์ลีกมาอย่างยาวนาน
แน่นอนว่าแชมป์ลีกหนึ่งสมัยในรอบ 30 ปีนั้นยังไม่ดีพอสำหรับทีมหงส์แดง แต่พวกเขากลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกทีมที่ 7 ตามรอยของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, อาร์เซนอล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้และเลสเตอร์ ซิตี้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการคว้าแชมป์รายการสำคัญ ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ทีมของคล็อปป์กำลังเผชิญกับวิกฤตเล็ก ๆ ในฤดูกาล 2022-23 ในขณะที่พวกเขาพยายามสร้างทีมที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาใหม่
เลสเตอร์ ซิตี้
สำหรับสโมสรที่คว้าแชมป์ลีกคัพเพียง 3 สมัยจนถึงปี 2000 นั้น เลสเตอร์ถือเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคของพรีเมียร์ลีก
ทีมจิ้งจอกสยามสร้างสถิติในเกมกีฬาที่ช็อคที่สุดตลอดกาลเมื่อพวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2016 ซึ่งมีเจ้ามือรับพนันถูกกฏหมายที่ชื่อเสียงเปิดอัตราต่อรองที่เลสเตอร์ ซิตี้จะได้แชมป์ลีกที่ 5,000 ต่อ 1 เลสเตอร์รอดจากการตกชั้นเมื่อ 12 เดือนก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้กำลังสร้างประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่ง
ทีมจากทางฝั่งตะวันออกของเกาะอังกฤษชูถ้วยตำแหน่งแชมป์รายการใหญ่ครั้งแรกในรอบ 132 ปีและถึงแม้ว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่พวกเขาจะสามารถสร้างตำนานเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ได้
เลสเตอร์ได้แชมป์เอฟเอ คัพในปี 2021 ในขณะที่พวกเขายังคงแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกอีกด้วย
เชลซี
เมื่อพูดถึงการห่างหายแชมป์ที่ยาวนานของเชลซีนั้นถือเป็นอะไรที่ผิดปกติเป็นอย่างมากในสมัยนี้ แต่แฟนบอลรุ่นเก่าจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาอันไร้ถ้วยแชมป์ที่กินเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษนับตั้งแต่ก่อตั้งจนกระทั่งพวกเขาคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของเท็ด เดรคในปี 1955
ต้องใช้เวลาอีก 50 ปีก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสชูถ้วยแชมป์สมัยที่ 2 ในตอนที่โชเซ่ มูรินโญ่คุมทีมในยุคที่ฟุตบอลอังกฤษเสียสมดุลในฤดูกาล 2004-2005 พวกเขาจบฤดูกาลด้วยการทำลายสถิติ 95 แต้มและแย่งแชมป์จากอาร์เซนอลชุดไร้พ่ายมาได้พร้อมกับส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของพรีเมียร์ลีกและมันก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง
การลงทุนแบบทุ่มไม่อั้นของโรมัน อบราโมวิชนั้นทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้อีก 4 รายการหลังจากนั้น จนกระทั่งรัสเซียต้องเผชิญหน้ากับการคว่ำบาตรในอังกฤษและเชลซีก็ถูกประมูลไปให้กับเจ้าของใหม่ในที่สุด
สิงห์บลูส์ไม่เคยจบฤดูกาลแบบมือเปล่าเลยตลอด 2 ฤดูกาลเต็มตลอด 19 ปีที่อับราโมวิชเป็นเจ้าของทีมและความคิดแบบผู้ชนะนั้นคือสิ่งที่เจ้าของทีมคนใหม่อย่างโบห์ลี่ย์กำลังทำโดยการทุ่มเงินกว่า 600 ล้านยูโรในตลาดซื้อขายฤดูหนาวในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ก่อนที่ทีมเรือใบสีฟ้าจะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ชนะตลอดกาลด้วยความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ในการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์ลีกนั้นถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคเดียวกันเนื่องจากการคว้าแชมป์ 2 สมัยแรกของพวกเขานั้นห่างกันถึง 31 ปี (1936/37-1967/68)
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาของพวกเขาที่ร้างแชมป์นานที่สุดนั้นยาวนานถึง 44 ปี ซึ่งกินเวลามาจนถึงช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่ของเซอร์คิโอ้ อเกวโร่ในปี 2012
มานูเอล เปเญกรินี่พาเครื่องจักรจอมพังประตูของเขาคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้งก่อนที่จะหลีกทางให้กับการมาของเป็ป กวาร์ดิโอล่า
กวาร์ดิโอล่าใช้เวลา 2 ฤดูกาลในการทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าเป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีกที่จบฤดูกาลด้วยคะแนน 100 คะแนนและทำลายสถิติมากมายรวมถึงเก็บคะแนนได้มากที่สุด (100 คะแนน), คะแนนทีมเยือนมากที่สุด (50 คะแนน), คะแนนนำหน้ารองจ่าฝูงมากที่สุด (19 คะแนน), ชนะมากที่สุด (32 เกม), ชนะเกมเยือนมากที่สุด (16 เกม), ยิงประตูได้มากที่สุด (106 ประตู), ผลต่างประตูได้เสียดีที่สุด (+79 ประตู) และเก็บชัยชนะติดต่อกันมากที่สุด (18 เกม) กุนซือชาวสเปนพาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 4 จาก 6 ฤดูกาลเต็มในยุคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร
มันโอเคที่จะบอกว่าพวกเขาจะไม่ต้องเจอกับช่วงเวลาร้างแชมป์เป็นเวลานานในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คนรุ่นหลังที่ได้เห็นความสำเร็จอย่างต่อเนื่องภายใต้การคุมทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันนั้นจะไม่แปลกใจเลยที่จะได้เห็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่ในบทความนี้ เนื่องจากหลายปีหลังจากการวางมือของกุนซือตำนานชาวสก็อต ทีมปิศาจแดงก็แทบจะไม่ได้แชมป์อะไรเลย
ด้วยการคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 13 สมัยในรอบ 20 ปี สถิติการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกติดต่อกัน 3 ฤดูกาลได้ถึงสองครั้งและไม่เคยร้างแชมป์พรีเมียร์ลีกเกิน 3 ฤดูกาลภายใต้การคุมทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเลย
อันที่จริงแล้ว สตรีค 10 ปีติดต่อกันในปัจจุบันถือเป็นหายนะอย่างแท้จริง แต่ทีมจากโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดต้องรอถึง 26 ปีระหว่างในช่วงปี 1967-1993 สำหรับการคว้าแชมป์ลีก ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่ในระยะเวลายาวนานที่สุดโดยปราศจากถ้วยแชมป์รายการใหญ่ในรอบ 40 ปี เนื่องจากพวกเขาคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีกในปี 2017 เป็นแชมป์รายการล่าสุดของพวกเขา
เอริค เท็น ฮากสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับปิศาจแดงนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาคุมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 และพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศลีก คัพได้สำเร็จ มาดูกันว่าเขาจะพาทีมลบล้างสถิติไร้แชมป์ลีกที่ยาวนานที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีกลงได้หรือไม่