อดีตผู้จัดการทีมอาร์เซนอลและหนึ่งในบุคคลในตำนานของวงการฟุตบอลสมัยใหม่อย่างอาร์แซน เวนเกอร์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเปรียบการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลว่า “มันเหมือนการใช้ชีวิตอยู่บนภูเขาไฟ ทุก ๆ วันอาจจะเป็นวันสุดท้ายของคุณ”

ไม่มีคำพูดไหนที่จะจริงไปกว่านั้นอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพรีเมียร์ลีก

ฟุตบอลเป็นธุรกิจที่ขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันเสมอ

เป้าหมายของทุก ๆ เกมคือชัยชนะ บางสโมสรชอบแนวทางการเล่นแบบใดแบบหนึ่ง (เช่น บาร์เซโลน่า, อาแจ็กซ์) และบางสโมสรก็ต้องการชัยชนะ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม

เพื่อที่จะทำตามเป้าหมายให้ได้ ทีมให้อำนาจผู้จัดการทีมเพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าสามารถให้ทีมเล่นตามแบบที่พวกเขาต้องการและคว้าชัยชนะในแบบที่พวกเขาต้องการ

แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ง่ายดายแบบนั้นเสมอไป

มันไม่ได้ผลเสมอไปสำหรับผู้จัดการทีมบางคนในบางสโมสร

ไม่ใช่ทุกทีมที่จะประสบความสำเร็จเพียงเพราะพวกเขาเลือกผู้จัดการทีมที่พวกเขารู้สึกว่าจะช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายนั้นได้

ด้วยการเติบโตทางการเงินอย่างต่อเนื่องในพรีเมียร์ลีก ลีกนี้จึงเป็นสถานที่สำหรับทีมอังกฤษทุก ๆ ทีม

ทีมที่ได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกนั้นหมดหวังที่จะอยู่รอดและทีมที่อยู่ในลีกกก็จะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกต่อไป

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ทีมต่าง ๆ จะลงทุนทางด้านการเงินในทีมของพวกเขาเองและซื้อนักเตะในตลาดซื้อขายนักเตะ ซึ่งจะได้รับค่าจ้างจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่สโมสรระดับล่างในพรีเมียร์ลีก

เมื่อการเคลื่อนไหวแบบนี้เกิดขึ้น ตอนนี้กลายเป็นหน้าที่ของผู้จัดการทีมในการสร้างผลงานในสนามเพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนของบอร์ดบริหารในช่วงซัมเมอร์นั้นผลคือกำไร ซึ่งก็คือการอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก

เมื่อเป้าหมายไม่บรรลุผลและทีมทำผลงานได้ไม่ดี ผู้จัดการทีมมักจะเป็นผู้ที่ต้องรับผลกรรมที่ตามมา

เช่นเดียวกับทีมที่อยู่อันดับต้น ๆ ของหัวตาราง ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน เช่นการชิงตำแหน่งแชมป์หรือการแย่งพื้นที่ฟุตบอลยุโรป

ผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกโดนไล่ออกต่อฤดูกาลเฉลี่ยฤดูกาลละกี่คน?

ในยุคพรีเมียร์ลีกซึ่งจนถึงตอนนี้มีทั้งหมด 30 ฤดูกาลและยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ในประวัติศาสตร์ 30 ปี ลีกมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมไปแล้วทั้งหมด 238 ครั้ง

นั่นทำให้พรีเมียร์ลีกมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมเฉลี่ย 7.9 ครั้ง หรือประมาณ 8 ครั้งต่อฤดูกาล

พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1994/1995 นั้นเป็นฤดูกาลที่มีผู้จัดการทีมโดนไล่ออกมากที่สุดในฤดูกาลเดียว ด้วยสถิติการมีผู้จัดการทีมโดนไล่ออกถึง 14 คน

ผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกคนไหนที่โดนไล่ออกเร็วที่สุด?

หลังจากได้โอกาสคุมทีมเพียง (9) วัน พอล สเตอร์ร็อคก็ถูกไล่ออก เขาเป็นผู้จัดการทีมเซาแธมป์ตันในฤดูกาล 2004/2005

นี่คือรายชื่อผู้จัดการทีมที่ถูกสโมสรไล่ออกภายใน 40 วันแรกของฤดูกาล

พอล สเตอร์ร็อค, เซาแธมป์ตัน ฤดูกาล 2004-05 (23 สิงหาคม 2004) – 9 วัน

ปีเตอร์ รีด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 1993-94 (26 สิงหาคม 1993) – 12 วัน

เคนนี่ ดัลกลิช, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ฤดูกาล 1998-99 (17 สิงหาคม 1998) – 12 วัน

บ็อบบี้ ร็อบสัน, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2004-05 (30 สิงหาคม 2004) – 16 วัน

อลัน เคอร์บิชลี่ย์, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2008-09 (3 กันยายน 2008) – 18 วัน

เควิน คีแกน, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2008-09 (4 กันยายน 2008) – 19 วัน

คริสเตียน กรอสส์, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ฤดูกาล 1998-99 (5 กันยายน 1998) – 21 วัน

รุด กุลลิต, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ฤดูกาล 1999-00 (28 สิงหาคม 1999) – 21 วัน

ฮาวเวิร์ด วิลคินสัน, ลีดส์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 1996-97 (9 กันยายน 1996) – 23 วัน

แกรม ซูเนสส์, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ฤดูกาล 2004-2005 (6 กันยายน 2547) – 23 วัน

จิอันลูก้า วิอัลลี่, เชลซี ฤดูกาล 2000-01 (12 กันยายน 2000) – 24 วัน

สก็อตต์ ปาร์คเกอร์, บอร์นมัธ ฤดูกาล 2022-23 (30 สิงหาคม 2022) – 25 วัน

ฮาเวียร์ กราเซีย, วัตฟอร์ด ฤดูกาล 2019-20 (7 กันยายน 2019) – 29 วัน

แฟรงค์ เดอ บัวร์, คริสตัล พาเลซ ฤดูกาล 2017-2018 (11 กันยายน 2017) – 31 วัน

โธมัส ทูเคิล, เชลซี ฤดูกาล 2022-23 (7 กันยายน 2022) – 33 วัน

อ่าน:  Ange Postecoglou หัวหน้าคนใหม่ของท็อตแนมต้องทำอะไร?

เกล็นน์ ฮ็อดเดิ้ล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส ฤดูกาล 2003-04 (21 กันยายน 2003) – 36 วัน

เปาโล ดิ คานิโอ้, ซันเดอร์แลนด์ ฤดูกาล 2013-14 (22 กันยายน 2013) – 36 วัน

โชเซ่ มูรินโญ่, เชลซี ฤดูกาล 2007-08 (19 กันยายน 2007) – 39 วัน

การเปลี่ยนผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022/2023

เราเพิ่งเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้ไม่นาน และช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผู้จัดการทีมก็เริ่มจะบรรเลงขึ้นมาแล้ว

จนถึงตอนนี้ของฤดูกาล ผู้จัดการทีม 8 คนถูกไล่ออก นั่นคือเกือบครึ่งหนึ่งของลีกและน้อยกว่าฤดูกาลที่แล้วทั้งฤดูกาลเพียงคนเดียวเท่านั้น

เรามาดูกันดีกว่าว่ามีใครในนี้กันบ้าง

สก็อตต์ ปาร์คเกอร์

ผู้จัดการทีมที่พาทีมตกชั้นครั้งล่าสุดที่เขาพาฟูแล่มเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกนั้นได้พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นกับบอร์นมัธที่เขาพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาได้

ในวันที่ 30 สิงหาคม ไม่นานหลังจากที่เขาโดนลิเวอร์พูลโดนถล่มยับ 9-0 บอร์นมัธก็ไล่ปาร์คเกอร์ออก

เขากลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่ตกงานในฤดูกาลนี้

ปาร์คเกอร์กังวลว่าบอร์ดบริหารจะให้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อนักเตะที่มีคุณภาพเพื่อช่วยทีมให้อยู่รอดในลีกสูงสุดในฐานะหนึ่งในทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาจากลีกแชมเปี้ยนชิพ

น่าเศร้าที่มันไม่ได้เกิดขึ้น

เขาถูกไล่ออกหลังจากคุมทีมเพียง 25 วันในฤดูกาลใหม่ของลีก

เขาถูกแทนที่โดยแกรี่ โอนีลล์ ซึ่งปัจจุบันสโมสรอยู่อันดับที่ 19 ในพรีเมียร์ลีก มีแต้มห่างจากโซนปลอดภัย 2 แต้ม

พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นหนึ่งในทีมเต็งที่จะตกชั้นในตอนนี้อีกด้วย

โธมัส ทูเคิล

ถ้าคุณบอกว่าภายในเวลาไม่ถึง 2 ฤดูกาล คนที่พาเชลซีคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกจะถูกไล่ออกในช่วงต้นฤดูกาล มันคงฟังดูเหมือนคำพูดที่ไร้สาระ

การปลดโธมัส ทูเคิลหลังจากผ่านไปเพียง 33 วันในฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกนั้นสร้างความประหลาดใจให้ทั้งลีกเป็นอย่างมาก

ด้วยฟอร์มของเชลซีในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลนี้นั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ

สถานการณ์แบบนั้นไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับผู้มีอำนาจตัดสินใจคนใหม่ของสโมสรที่ใช้เงินไปแล้วกว่า 300 ล้านยูโรในการคว้าตัวนักเตะใหม่มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์

เชลซี ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในทีมที่มีแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ได้สูญเสียรากฐานอันแข็งแกร่งของพวกเขาไปและดูเหมือนทีมจะมีแนวโน้มตกต่ำลง

รายงานยังชี้ให้เห็นว่ามีถกเถียงกันภายในองค์กรระหว่างผู้จัดการทีมกับบอร์ดบริหารเกี่ยวกับการย้ายทีมอีกด้วย

จากนั้น โธมัส ทูเคิลก็ถูกแทนที่ด้วยเกรแฮม พ็อตเตอร์ ผู้จัดการทีมที่มีอนาคตสดใสของไบรท์ตัน ซึ่งพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะโชว์ฟอร์มกับเชลซีให้คงเส้นคงวา

หลังจากทุ่มเงินไปมากกว่า 320 ล้านยูโรในตลาดซื้อขายช่วงฤดูหนาว เขาจำเป็นต้องหาทางทำทีมให้ดีที่สุดและเร็วที่สุดให้ได้

ปัจจุบันเชลซีรั้งอยู่ในอันดับที่ 9 และมีแต้มห่างจากจ่าฝูงอย่างอาร์เซนอลอยู่ถึง 20 คะแนน

บรูโน่ ลาจ, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส

บรูโน่ ลาจจากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์สเป็นคนต่อไปที่ถูกไล่ออกในอีก 1 เดือนต่อมา

เขาตกงานในวันที่ 2 ตุลาคมหลังจากพาทีมพ่ายให้กับเวสต์แฮมไปด้วยสกอร์ 2-0

หลังจากจบอันดับที่ 10 ในฤดูกาลที่แล้ว วูล์ฟได้รับการคาดหวังว่าจะต่อสู้เพื่อตำแหน่งท็อป 10 ของตารางอีกครั้ง แต่การขาดการทำประตูอย่างสม่ำเสมอจากตำแหน่งศูนย์หน้าและแนวรุกของทีมทำให้ทีมต้องตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่จะตกลงไปอยู่ในโซนตกชั้น

ยูเลน โลเปเตกี อดีตผู้จัดการทีมเซบีญ่าและเรอัล มาดริดเป็นกุนซือที่เข้ามาแทนที่ลาจและดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเล็กน้อย

ชัยชนะเกมล่าสุดของพวกเขาคือการถล่มลิเวอร์พูลของเจอร์เก้น คล็อปป์ไปได้อย่างสวยหรูด้วยสกอร์ 3-0 และทีมดูเหมือนจะอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มโดยที่พวกเขาสามารถหนีออกจากโซนตกชั้นได้สำเร็จ

ในตอนนี้พวกเขาอยู่อันดับที่ 15 ของลีกและทิ้งห่างเอฟเวอร์ตันที่อยู่อันดับที่ 18 เพียง 2 คะแนนเท่านั้น สถานการณ์ค่อนข้างสูสีเลยทีเดียวล่ะ

สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แอสตัน วิลล่า

เช่นเดียวกับวูล์ฟแฮมป์ตัน แอสตัน วิลล่าได้รับการคาดหมายว่าจะมีผลงานที่ดีขึ้นและผลักดันการจบท็อป 10 หลังจากคว้าตัวนักเตะใหม่เข้ามาร่วมทีมในช่วง 2-3 ตลาดซื้อขายนักเตะที่ผ่านมา แต่มันไม่เป็นไปตามที่พวกเขาวางแผนไว้ซะทีเดียว

สตีเว่น เจอร์ราร์ดไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทีมที่มีนักเตะพรสวรรค์ได้อย่างเต็มที่และแท็กติกของเขาก็คู่แข่งอ่านเกมได้อย่างง่ายดาย

ผลงานการคุมทีมของเขาในฐานะผู้จัดการทีมแอสตัน วิลล่านั้นถือว่าน่าผิดหวังเอามาก ๆ เมื่อพิจารณาถึงกระแสที่อยู่รอบตัวเขาในตอนที่เขาย้ายเข้ามาคุมทีม (มีการพูดถึงว่าเขาจะกลายเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลคนต่อไปด้วยซ้ำ)

แอสตัน วิลล่ามูฟออนจากตำนานลิเวอร์พูลและค้วาตัวอูไน เอเมรี่ อดีตกุนซือที่คว้าแชมป์ยูโรป้า ลีกมาแล้วหลายสมัยและอดีตผู้จัดการทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมงและอาร์เซนอลเข้ามาคุมทีมแทน

ตอนนี้ แอสตัน วิลล่าอยู่อันดับที่ 11 ของพรีเมียร์ลีกอย่างสบาย ๆ และมีคะแนนอยู่ห่างจากโซนตกชั้นอยู่ 10 แต้ม

มันโอเคที่จะบอกว่าเอเมอรี่นั้นจัดการกับแอสตัน วิลล่าที่กำลังระส่ำได้อย่างใจเย็นเลยทีเดียว

ราล์ฟ ฮัสเซนฮุตเทิล

เซาแธมป์ตันแยกทางกับฮัสเซนฮุตเทิลในวันที่ 6 พฤศจิกายนและแต่งตั้งนาธาน โจนส์ขึ้นมาเป็นกุนซือไม่กี่วันหลังจากนั้น

ฮัสเซนฮุตเทิลเข้ารับงานเซาแธมป์ตันในปี 2018 แต่เขาไม่เคยจบงานที่สูงกว่าอันดับที่ 11 ในลีกเลยระหว่างที่คุมทีม

ครั้งเดียวที่เกิดขึ้นคือในฤดูกาล 2019-2020

ทีมนักบุญกำลังอยู่ในโซนตกชั้นและเป็นสโมสรที่จมบ๊วยอยู่ในพรีเมียร์ลีก พวกเขาตามหลังเอฟเวอร์ตันที่อยู่อันดับที่ 18 อยู่ 3 แต้ม

ระหว่างการแถลงข่าวที่เลวร้ายและฟอร์มที่ย่ำแย่ในสนาม นาธาน โจนส์ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายนักในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเซาแธมป์ตัน

นั่นหมายความว่าเขาเองก็สุ่มเสี่ยงที่จะโดนไล่ออกเช่นกัน

แฟรงค์ แลมพาร์ด

ทีมท๊อฟฟี่สีน้ำเงินเริ่มต้นฤดูกาลได้ดีมากและได้รับการยกย่องในเรื่องของความแข็งแกร่งในเกมรับซึ่งทำให้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งกลางตารางได้แบบสบาย ๆ เลยล่ะ แต่ในท้ายที่สุดแล้วมันก็พิสูจน์ได้แล้วว่าพวกเขาไม่สามารถยืนระยะได้

ในที่สุด แนวรับของเอฟเวอร์ตันภายใต้การคุมทีมของแฟรงค์ แลมพาร์ดก็แสดงให้เห็นถึงช่องโหว่อย่างต่อเนื่อง แลมพาร์ดถูกเอฟเวอร์ตันไล่ออกหลังจากเขาพาทีมจมอยู่ในอันดับที่ 19 ของตารางคะแนน

ฌอน ไดช์เข้ามาคุมทีมและพาทีมเปิดบ้านเฉือนเอาชนะอาร์เซนอลไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 ในเกมแรกของเขา

ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่ทีมท๊อฟฟี่สีน้ำเงินและสงสัยว่าพวกเขาจะรอดจากการตกชั้นได้หรือไม่

เจสซี่ มาร์ช

หลังจากที่สโมสรต้องพ่ายให้กับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ลีดส์ ยูไนเต็ดยืนยันว่าทางสโมสรจะไม่ให้โอกาสกับผู้จัดการทีมชาวอเมริกันต่อไปอีกแล้ว

ลีดส์ ยูไนเต็ดยังคงตามหาผู้จัดการทีมคนใหม่ แต่ผลเสมอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 แสดงให้เห็นว่าทีมอาจจะมีวันข้างหน้าที่ดีกว่านี้รออยู่

ผู้จัดการทีมอย่างนาธาน โจนส์ของเซาแธมป์ตัน, เกรแฮม พ็อตเตอร์ของเชลซี, เจอร์เก้น คล็อปป์ของลิเวอร์พูลและเดวิด มอยส์ของเวสต์แฮมต่างเป็นผู้จัดการทีมที่กำลังอยู่ภายใต้ความกดดัน

ฤดูกาลนี้เพิ่งเข้าสู่ช่วงที่สำคัญที่สุดและอาจจะยังมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมอีกก็เป็นได้

Leave A Reply