- 5 ประเด็นพูดคุยในพรีเมียร์ลีกในช่วงเทศกาล
- พรีวิวบอร์นมัธ vs คริสตัล พาเลซ: เชอร์รี่มองหาจุดแข็งในยุโรป
- พรีวิวเซาแธมป์ตัน vs เวสต์แฮม: นักบุญเจ้าบ้านค้อนในการแข่งขันครั้งสำคัญ
- พรีวิวเชลซี vs ฟูแล่ม: เวสต์ลอนดอนดาร์บี้ในวันบ็อกซิ่งเดย์
- พรีวิวน็อตติงแฮมฟอเรสต์ vs ท็อตแนม: เจ้าบ้านยุโรปไล่ตามฟอเรสต์สเปอร์สที่มีปัญหา
- ตัวอย่าง Wolves vs Manchester United: ผู้จัดการคนใหม่ของเจ้าบ้านจะเด้งยังคงใช้งานได้กับ United ที่ไม่สอดคล้องกันหรือไม่?
- พรีวิวลิเวอร์พูล vs เลสเตอร์: หงส์แดงท็อปโต๊ะต้อนรับสุนัขจิ้งจอกที่กำลังดิ้นรน
- พรีวิวแมนเชสเตอร์ซิตี้ vs เอฟเวอร์ตัน: คนของ Guardiola มองหาทางยุติวิกฤติต่อต้านท๊อฟฟี่
Author: admin
ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ จะเดินทางไปยังเมืองมิลานในเกมนี้ เพื่อลงฟาดแข้งรอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก กับทีมที่ได้แชมป์รายการนี้บ่อยที่สุดเป็นอันดับสองอย่างเอซี มิลาน คู่นี้เป็นคู่ที่เดาผลและรูปเกมยากที่สุดเลยในบรรดาแปดคู่ในรอบน็อคเอาต์ จากฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวาของทั้งสองฝ่ายในฟุตบอลยุโรป ทีมไก่เดือยทองต้องแย่งตำแหน่งแชมป์กลุ่มกับสปอร์ติ้ง ลิสบอนและไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต จนถึงวันสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม กว่าจะผ่านเข้ารอบมาได้ การเดินทางไปเยือนทีมแชมป์เจ็ดสมัยในวันวาเลนไทน์ปีนี้จะเป็นเกมสำคัญใหญ่หลวงในฟุตบอลยุโรป (ที่พวกเขาก็ฟอร์มกระท่อนกระแท่น) ของพวกเขาแน่นอน แต่มิลานเองก็ไม่ได้ดูดีไปกว่ากันเลย พวกเขามีปัญหาอย่างมากในการเล่นเกมเหย้า (ถึงแม้ว่าจะรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงของเซเรีย อา อยู่ก็เถอะ) เกมนี้จะไม่ง่ายสำหรับทีมปีศาจแดงดำอย่างแน่นอน วิเคราะห์ภาพรวมของสเปอร์ จุดแข็ง จุดแข็งของทีมไก่เดือยทองก็คือพวกเขามีเกมรุกที่ดี และที่ดีไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าคู่แข่งจะไม่ค่อยให้ค่าเกมรุกที่ดีของพวกเขาเท่าไรเลย เพราะทั้งแฮร์รี่ เคน, ซอน ฮึง-มิน, ลูคัส มูร่า และ ริชาร์ลิซอน ล้วนเป็นผู้เล่นที่มีความมุ่งมั่งสูง และมีของในตัวพอที่จะพลิกเกมให้ทีมได้ นี่ยังไม่รวมเดยัน คูลูเซฟสกี้ที่เรายังไม่ได้พูดถึงอีก สไตล์การเล่นของดาวเตะชาวสวีดิชนั้นเข้ากับระบบของคอนเต้มาก และมีประสบการณ์ในการเจอกับ เอซี มิลาน เป็นอย่างดี จากการที่เขาเคยค้าแข้งอยู่ในเซเรีย อา เมื่อเพิ่มคูลูเซฟสกี้เข้าไปในทีมที่มีแนวรุกจัดจ้านอยู่แล้ว ถือว่าทีมไก่เดือยทองมีเกมรุกที่น่ากลัว และพร้อมจะยิงประตูได้ทุกทีม ขอแค่พวกเขามีการเตรียมความพร้อมและฟอร์มที่ดีพอ จุดอ่อน ฟอร์มเกมเยือนในบอลยุโรปของสเปอร์นั้นถือว่าเป็นห่วงทีเดียว จากผลงานในรอบแบ่งกลุ่มที่พวกเขาทำผลงานได้ไม่ดีนักเมื่อไปเยือนสามทีมร่วมกลุ่มที่ฝรั่งเศส, เยอรมัน และโปรตุเกส หรืออาจจะแค่แพ้ทางแฟนบอลสามประเทศนี้ก็เป็นได้ พวกเขาเก็บชัยชนะนอกบ้านได้ครั้งเดียวเท่านั้น ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายกับโอลิมปิก มาร์กเซย์ ในเกมที่พวกเขาจำเป็นต้องชนะเพื่อตำแหน่งแชมป์กลุ่ม และโดนทีมจากแดนน้ำหอมนำไปก่อนด้วย 1-0 กว่าจะซัลโวสองลูกรวดกลับมาเอาชนะได้ แน่นอนว่าบรรยากาศที่สนามซาน ซีโร่นั่นหนักหนากว่าสามทีมที่พวกเขาเจอมาก่อนหน้ามาก และถึงแม้ว่าคอนเต้จะค่อนข้างเชี่ยวชาญในการเจอกับทีมอิตาลี แต่ผลการแข่งขันก็ยังขึ้นอยู่กับผู้เล่นเป็นส่วนใหญ่ ฉะนั้น ขั้นแรกพวกเขาจะต้องลงเล่นในบรรยากาศสุดกดดันที่ซาน ซีโร่ให้ได้ มิเช่นนั้นพวกเขาจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงเตะ โอกาส ถือว่าสเปอร์ค่อนข้างโชคดี ที่พวกเขาจะได้ออกไปเยือนก่อนในเลกแรก การได้ออกไปเยือนก่อนหมายความว่าถ้าพวกเขาสามารถเอาตัวรอดจากสนามซาน ซีโร่ได้ และกลับออกมาด้วยผลเสมอหรือชนะ พวกเขาก็มีโอกาสเข้ารอบที่ค่อนข้างสดใส เพราะในเลกสองพวกเขาจะได้เป็นเจ้าบ้านบ้าง ในเกมวันที่ 8 มีนาคม ที่มิลานจะต้องเป็นทีมเยือนบ้าง เพราะพลพรรคปีศาจแดงดำก็มีปัญหาเรื่องเกมเยือนในฟุตบอลยุโรปเหมือนกัน นั่นทำให้โอกาสการเข้ารอบของสเปอร์เพิ่มขึ้นไปอีก เราเชื่อว่าคอนเต้รู้ในจุดนี้ดี และจะเตรียมทีมของเขาเพื่อจี้จุดอ่อนนี้ของมิลานอย่างแน่นอน เพื่อมุ่งหน้าสู่การเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้อีกครั้งเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์สโมสร เรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง ตามธรรมชาติของทีมจากอังกฤษ สเปอร์มีเกมที่ต้องลงเล่นเยอะเหลือเกินในหนึ่งฤดูกาล โดยเฉพาะในตอนนี้ ในเลกสองของฤดูกาล พวกเขามีเกมที่จะต้องลงเตะทั้งเยอะและถี่มาก…
ลิเวอร์พูลจะต้องเจอกับเรอัล มาดริดอีกครั้งในรอบ 16 ทีมของปีนี้ นับเป็นการพบกันรอบที่สี่เข้าให้แล้วของทั้งสองทีมในรอบหกปีหลังสุด โดยในสามครั้งก่อน พวกเขาเจอกันในรอบชิงชนะเลิศปี 2017/18, รอบก่อนรองชนะเลิศปี 2020/21 และ รอบชิงชนะเลิศอีกครั้งในปี 2021/22 ตามลำดับ และก็เป็นทีมราชันชุดขาวที่เอาชนะไปได้ทั้งสามครั้ง ตอกย้ำทีมหงส์แดงอย่างเจ็บปวด และ ประกาศศักดาให้ทั้งยุโรปได้รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงคว้าแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ลิเวอร์พูลก็คว้าแชมป์รายการนี้ได้บ่อยที่สุดเป็นอันดับสามเช่นกัน และไม่ใช่ทีมหน้าใหม่ไร้ประสบการณ์ในรายการนี้แน่นอน อย่างไรก็ดี ในฤดูกาลนี้พวกเขาไม่ได้มีฤดูกาลที่ดีนัก ดูได้จากผลงานในรอบแบ่งกลุ่มที่ก็น่าจะพอแสดงให้เห็นได้บ้างแล้ว และมาดริดก็ไม่ใช่คู่แข่งที่พวกเขาอยากจะเจอเลยในตอนนี้ แต่อย่างน้อยนี่ก็จะเป็นโอกาสดีที่จะสะสางบัญชีแค้นกับมาดริดที่พวกเขาแพ้ให้มาสองปีติดแล้วเหมือนกัน วิเคราะห์ภาพรวมของลิเวอร์พูล จุดแข็ง ในเกมวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ลิเวอร์พูลจะได้ลงเล่นเกมยุโรปต่อหน้าแฟนบอลเต็มสนามอีกครั้ง และน่าจะหวังให้บรรยากาศสนามพาพวกเขาไปสู่ชัยชนะให้ได้อีกครั้ง เหมือนกับที่พวกเขาสร้างปาฏิหาริย์กลับมาเอาชนะบาร์เซโลน่าได้ในปี 2019/20 ถ้านับแค่ในเกาะอังกฤษ แฟน ๆ ของลิเวอร์พูลดูจะเป็นกองเชียร์ที่อินกับทีมที่สุดแล้ว โดยเฉพาะในสนาม พวกเขาจะส่งเสียงเชียร์ทีมของพวกเขาตลอดเวลา ทำให้สนามแอนฟิลด์ไม่เคยเงียบเลย และการที่มีบรรยากาศสนามเหย้าที่ดีแบบนี้นั้นทำให้พวกเขาเอาชนะเรอัล มาดริดไปได้ด้วยสกอร์รวมถึง 5-0 ในปี 2008/09 และแน่นอนว่าเจอร์เก้น คล็อปป์ จะไม่อยากทำให้สาวกผิดหวังอีกครั้ง ด้วยการแก้แค้นให้กับแฟน ๆ ที่ต้องผิดหวังจากความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศในปี 2021/22 จุดอ่อน หงส์แดงมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนนักเตะสำรองและนักเตะโรเทชั่นที่ดีอย่างหนัก และนี่เป็นปัญหาที่อันตรายมาก ๆ ในการเจอกับเรอัล มาดริด ที่ขึ้นชื่อเรื่องการวิ่งไล่อย่างไม่หยุดยั้งตลอด 90 นาที เมื่อดูจากรายชื่อของนักเตะแล้ว ทีมราชันชุดขาวมีสมดุลและความพร้อมมากกว่าในทุกตำแหน่งของสนาม นี่คือปัญหาที่หงส์แดงจะรับมือได้ด้วยการเสริมแกร่งนักเตะเท่านั้น ลิเวอร์พูลก็น่าจะรู้ดี และช็อปนักเตะเพิ่มในตลาดหน้าหนาวนี้อย่างแน่นอน เพื่อเพิ่มโอกาสชนะในเกมนี้ เหมือนที่พวกเขาทำเมื่อกว่าสิบปีก่อน โอกาส ทีมหงส์แดงไม่มีโอกาสอะไรมากนัก เพราะทีมราชันชุดขาวก็ไม่ได้มีจุดอ่อนอะไรมากมายด้วย แต่จุดหนึ่งที่เราว่าพวกเขาน่าจะได้เปรียบแน่ ๆ ก็คือการที่พวกเขาจะได้เล่นในบ้านในเกมนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เจอร์เก้น คล็อปป์ จะทิ้งปรัชญาการเล่นแบบเกเกนเพรสและวิ่งไล่อย่างบ้าคลั่งของเขา แต่ถ้าเขาสามารถใช้พลังจากกองเชียร์ที่แอนฟิลด์ในเกมวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ พาทีมเก็บชัยชนะได้ เกมในเลกสองที่พวกเขาจะต้องออกไปเยือนซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ในวันที่ 15 มีนาคมนี้ก็จะง่ายขึ้นมาก เพราะพวกเขาก็สามารถดึงช้า และเน้นไปที่การรักษาสกอร์ที่ยิงตุนไว้แล้วผ่านเข้ารอบเอาได้ จุดที่ต้องระวัง แน่นอน ในฐานะทีมจากอังกฤษ ตารางแข่งของพวกเขานั้นแน่นยิ่งกว่าปลากระป๋องซะอีก และในฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาเล่นมากเกมที่สุดเท่าที่ตามทฤษฎีจะเป็นไปได้แล้ว เยอะที่สุดในยุโรปแบบเหลือ ๆ เพราะลีกอังกฤษมีโปรแกรมเตะเยอะที่สุดอยู่แล้ว แถมพวกเขาเขาชิงฟุตบอลถ้วยทุกถ้วย รวมถึงลุ้นแชมป์ลีกถึงนัดสุดท้ายด้วย…
เชลซีจะต้องพบกับโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และจะเป็นฝ่ายออกไปเยือนถิ่น ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ของทีมเสือเหลืองในเลกแรกก่อน ถึงจะได้เปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับดอร์ตมุนด์ในเลกที่สอง นี่จะเป็นบททดสอบชิ้นใหญ่สำหรับกุนซือหน้าใหม่ในเวทีฟุตบอลยุโรปอย่างเกรแฮม พ็อตเตอร์ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะทำผลงานได้ดีกับเชลซีในรอบก่อน ๆ ที่ผ่านมา แต่รอบน็อคเอาต์นั้นไม่หมูเหมือนรอบแบ่งกลุ่ม และฝีไม้ลายมือของเขาจะถูกทดสอบอย่างหนักแน่นอนในเกมนี้ วิเคราะห์ภาพรวมของทีมเชลซี จุดแข็ง ในสองฤดูกาลที่ผ่านมานี้ เชลซีดูจะมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเวทียุโรป พวกเขาทำผลงานได้ดีทั้งเกมเหย้าและเกมเยือน และนี่จะเป็นสิ่งที่พวกเขาน่าจะต้องใช้แน่นอน หากอยากจะเอาชนะทีมเสือเหลืองจะเยอรมันได้ พวกเขากลับมาลุยแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งนี้ด้วยกุนซือใหม่ แท็คติกใหม่ สไตล์การเล่นใหม่ และแน่นอน การจัดการนักเตะแบบใหม่ด้วย ถ้าพวกเขาสามารถเล่นได้แบบฤดูกาลที่ผ่าน ๆ มา ที่พวกเขาผ่านเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้ถึงสองปีติด และสร้างชื่อเอาชนะเรอัล มาดริดได้ล่ะก็ ทีมระดับดอร์ตมุนด์จะไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาแน่นอน จุดอ่อน เชลซีเล่นด้วยความมั่นใจมาตลอดในบอลยุโรปก็จริง และเสริมนักเตะใหม่ระดับโลกอย่างมิคาอิโล มูดริก และ เอนโซ่ เฟอร์นันเดส ที่ต่างก็อยากพิสูจน์ตัวเองในเวทียุโรปก็จริง แต่ถึงแม้ว่าทีมสิงห์บลูจะมีนักเตะมากมายให้เกรแฮม พ็อตเตอร์ ได้เลือกใช้งาน ดูเหมือนว่าเขาจะใช้นักเตะของเขาไม่ได้เต็มประสิทธิภาพเท่าไรนัก และมาถึงจุดนี้แล้วก็ยังหา 11 ตัวจริงในใจของเขาไม่ได้เลย เราสามารถเห็นตัวอย่างได้จากรอบแบ่งกลุ่ม ที่พวกเขาเอาชนะทีมอย่างดินาโม ซาเกร็บหรือแอร์เบ ซัลส์บูร์ก ไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าพ็อตเตอร์ยังอยากพาทีมคว้าสามคะแนนออกมาจากซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ได้ล่ะก็ เขาจะต้องจัดทีมให้ดีที่สุดในเกมต่อ ๆ ไป เพื่อเก็บชัยชนะให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะถ้าเชลซีไม่ได้ส่งชุดที่ดีที่สุดลงสนามเมื่อไร หรือจัดทีมและแท็คติกได้ไม่เข้าขากันดีพอ โอกาสที่จะแพ้ดอร์ตมุนด์ที่กำลังฟอร์มแรงทั้งในลีกและในบอลยุโรป มีสูงเลยทีเดียว โอกาส ต้องยอมรับว่าโอกาสของเชลซีในเกมนี้ก็มีไม่มากนัก และต้องหวังพึ่งจุดแข็งของพวกเขาเป็นหลัก นั่นก็คือผลงานเก่า ๆ ที่ดีในรายการนี้ โดยเฉพาะในรอบน็อคเอาต์ อย่างไรก็ดี พวกเขาน่าจะยังสามารถพึ่งพาเกมรับที่แข็งแกร่งและเก๋าเกมขึ้นขอกพวกเขาได้ ด้วยการวางแผนการโจมตีโดยใช้เกมรับของพวกเขาเป็นแกนหลัก เพราะทั้งติอาโก้ ซิลวา, รีซ เจมส์ และกัปตันทีมอย่างเซซาร์ อัซปิลิกวยต้านั้น เล่นบอลด้วยเท้าได้ดีกันทุกคน พ็อตเตอร์สามารถให้พวกเขาเป็นศูนย์กลางของแผนของเขาได้ เพื่อที่จะสร้างพื้นที่ให้กับตัวรุกคนอื่น ๆ ได้มากขึ้น เรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง จุดที่เชลซีจะต้องกลัวที่สุดจุดหนึ่งก็คือการที่พวกเขาจะต้องออกไปเยือนที่ซิกนัล…
ผลการแข่งขันที่คาด อาร์เซนอล 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนถึงจุดนี้ของฤดูกาล เกมนี้น่าจะเป็นเกมที่ใหญ่ที่สุดของฤดูกาลนี้แล้ว เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่อาร์เซนอลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้จะลงสนามพบกันในลีก และสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จะเป็นสังเวียนแข้งในเกมยกแรกนี้ อาร์เซนอลมีโอกาสจะขยับหนีห่างซิตี้ถึงหกคะแนนได้เลย หากพวกเขาเอาชนะซิตี้ได้ในเกมนี้ สามคะแนนสำคัญนี้จะช่วยพวกเขาได้มากในเส้นทางลุ้นแชมป์ ยิ่งเมื่อคิดถึงว่าพวกเขาเพิ่งสะดุดแพ้เอฟเวอร์ตันและเสมอเบรนต์ฟอร์ดไปด้วย ด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็มีประสบการณ์การไล่จี้จ่าฝูงจนแซงคว้าแชมป์ได้หลายครั้ง พวกเขาน่าจะรู้เป็นอย่างดีว่าเกมที่ตัดแต้มกันทางตรงแบบนี้ส่งผลต่อการลุ้นแชมป์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการบุกไปเอาชนะทีมจ่าฝูงได้แบบคาบ้านนั้นไม่เพียงแต่ส่งผลเรื่องคะแนน แต่ยังส่งผลทางจิตวิทยาเรื่องความมั่นใจอีกด้วย เกร็ดน่ารู้ จนถึงตอนนี้ อาร์เซนอลยังคงเป็นเพียงหนึ่งในสองทีมที่ยังไม่แพ้ใครในบ้านเลย โดยเก็บได้ถึง 26 คะแนนนับเฉพาะเกมเหย้า มากเป็นอันดับสองรองจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเดียวเท่านั้น ส่วนทีมเรือใบสีฟ้าแพ้เกมเยือนมาสองนัดติดแล้ว และรวมแล้วแพ้เกมเยือนทั้งฤดูกาลทั้งสิ้นสามนัด โดยทั้งสามนัดนั้นเป็นการพ่ายแพ้ต่อทีม “บิ๊กซิกซ์” ทั้งหมด (แพ้ลิเวอร์พูล, แพ้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แพ้ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ตามลำดับ) ฟอร์ม : อาร์เซนอล นี่ไม่น่าจะใกล้เคียงกับคำว่าสถานการณ์ในฝันเท่าไรสำหรับทีมปืนใหญ่ ในการเจอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้หลังจากการแพ้เอฟเวอร์ตันและเสมอเบรนต์ฟอร์ด นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถทิ้งห่างทีมเรือใบสีฟ้าได้มากขึ้นเลย แม้ว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็สะดุดทำแต้มหลุดมือเหมือนกัน ทำให้เดิมพันของการเจอกันครั้งนี้เพิ่มสูงขึ้นไปอีก ลูกทีมของมิเกล อาร์เตต้า ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา และจะถูกทดสอบในเรื่องของสภาพจิตใจอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดีสถิติที่พวกเขาสามารถปราบทุกทีมในบิ๊กซิกซ์ได้เมื่อเล่นเป็นเจ้าบ้านก็น่าจะเพิ่มความมั่นใจให้พวกได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ฟอร์ม : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ความพ่ายแพ้ต่อทีมไก่เดือยทองถือเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตของทีมอย่างแท้จริง เพราะในตอนนี้การลุ้นแชมป์ของพวกเขามีอุปสรรคทั้งในและนอกสนาม เพราะพวกเขายังมีเรื่องปัญหาตัดแต่งงบการเงินที่อาจมีโทษหนักถึงตัดแต้มได้อีกด้วย แต่ในสนามพวกเขาก็ยังทำได้ดี โชว์ฟอร์มสดปราบวิลล่าไปแบบสบาย ๆ 3-1 เพื่ออุดปากกองแช่งได้แบบสะใจกองเชียร์ ในการเจอกันในเกมใหญ่วันพุธนี้ ดูเหมือนว่าลูกทีมของเป็ป กวาดิโอล่า จะมีโมเมนตัมก่อนเกมดีกว่าอาร์เซนอลมาก สถิติระหว่างอาร์เซนอล VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แมนเชสเตอร์ ไม่เคยแพ้ให้อาร์เซนอลเลยในการออกไปเยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หกครั้งหลังสุด แถมในห้าเกมหลังสุดพวกเขาบุกไปชนะอาร์เซนอลคาบ้านได้ทั้งห้าเกม เก็บคลีนชีตได้อีกสี่นัด ครั้งล่าสุดที่อาร์เซนอลเอาชนะทีมเรือใบสีฟ้าได้คือในปี 2015 จากผลงานการทำประตูของโอลิวิเยร์ ชิรูด์และธีโอ วัลคอตต์ นักเตะที่น่าจับตามอง บูกาโย่ ซาก้า เขาเล่นดีจนหลาย ๆ คนถึงกับยกให้เขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้เลยล่ะ แต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องเล่นให้ดีเหมือนเดิมให้ได้ เพื่อจะพาทีมของเขากลับคืนฟอร์มเก่งและปราบแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในเกมวันพุธนี้ให้ได้ เควิน เดอ…
ผลการแข่งขันที่คาด บาร์เซโลน่า 2-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมระดับที่สามารถเป็นนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เลยในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้บาร์เซโลน่าและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะลงฟาดแข้งกันในถ้วยเล็กอย่างยูโรป้า ลีก ในเกมยูโรป้ารอบน็อคเอาต์ที่น่าติดตามที่สุดเกมหนึ่ง ในฐานะทีมต่อ ทีมดีกรีจ่าฝูงลา ลีก้า ในตอนนี้อย่างเจ้าบุญทุ่มน่าจะตั้งเป้าหวังยิงในเกมนี้ให้ขาดที่สุด ส่วนปีศาจแดงทีมเยือนแม้จะเป็นรองแต่ก็ต้องเล่นให้เต็มที่ เพราะยังมีเกมเลกสองที่พวกเขาจะได้เป็นเจ้าบ้านรออยู่ เกร็ดน่ารู้ รวมทุกรายการ บาร์เซโลน่าไม่แพ้ใครในบ้านมาห้านัดติดแล้ว และเก็บคลีนชีตได้ถึงสี่ครั้งจากห้าเกม ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ไม่แพ้ใครนอกบ้านเลยตลอดสามนัดของรอบแบ่งกลุ่มยูโรป้า ลีกเช่นเดียวกัน อันที่จริง พวกเขาแพ้เกมเยือนไปเพียงเกมเดียวเท่านั้น นับตั้งแต่เริ่มเลกสองหลังจบฟุตบอลโลกมา ฟอร์ม : บาร์เซโลน่า ทีมเจ้าบุญทุ่มจะลงเตะนัดนี้โดยรู้ดีว่าพวกเขานั้นเป็นต่ออยู่มาก และหวังถึงการเป็นแชมป์รายการนี้ได้เลย แต่ก็ต้องยอมรับว่าการตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกหล่นมาเล่นยูโรป้าลีกสองปีติดนั้นเป็นอะไรที่น่าผิดหวังไม่น้อยสำหรับทีมระดับบาร์เซโลน่าของชาบี้ แต่ในตอนนี้ทีมจากแคว้นกาตาลันชนะรวดมา 11 นัดแล้วและยังไม่แพ้ใครเลยตั้งแต่จบช่วงพักเบรกฟุตบอลโลก ทำสถิติไร้พ่าย 16 เกมติดต่อกัน ฟอร์ม : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังทีมยูงทองบุกมายันเสมอพวกเขาได้ถึงถิ่นเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน ทัพปีศาจแดงถอนแค้นลีดส์ได้สำเร็จ เอาชนะลีดส์ในเกมสุดสัปดาห์ที่พวกเขาต้องออกไปเยือนบ้างไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชัยชนะในเกมสงครามกุหลาบนี้ส่งผลให้ลูกทีมของเอริก เทน ฮาก ไม่แพ้ใครมาหกนัดติดแล้วรวมทุกรายการ และจะเดินทางไปสเปนพร้อมความมั่นใจเต็มถัง เพื่อรับศึกหนักอย่างบาร์เซโลน่า ทีมที่เคยทำให้พวกเขาชอกช้ำมาหลายครั้งในอดีต สถิติระหว่างบาร์เซโลน่า VS แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บาร์ซาไม่เคยแพ้ให้แมนยูเลยในสี่ครั้งหลังสุดที่พบกันและได้ลงเล่นเป็นเจ้าบ้านที่สนามคัมป์ นู และจากสี่เกมดังกล่าว เป็นชัยชนะที่ห่างกว่าหนึ่งสกอร์ถึงสามครั้ง โดยเกมล่าสุดเป็นเกมที่ทั้งสองทีมเจอกันในช่วงเดือนเมษายนปี 2019 และเป็นบาร์เซโลน่าที่เปิดบ้านต้อนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแบบสบาย ๆ 3-0 สรุปแล้ว นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา บาร์เซโลน่าเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้สี่ครั้งด้วยกัน (นับทั้งเหย้า, เยือน และ สนามกลาง) ส่วนทัพปีศาจแดงสามารถเอาชนะบาร์เซโลน่าได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น นักเตะที่น่าจับตามอง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกชาวโปลิชกำลังมีช่วงเวลาที่ดีในสเปนในตอนนี้ การยิงประตูที่เฉียบคมของเขาก็ดูร้อนแรงเหมือนเดิมและไม่มีทีท่าว่าจะฟอร์มตกเลย โดยจากการลงเล่น 27 เกมในฤดูกาลนี้ เลวานดอฟสกี้ยิงไปแล้ว 23 ประตูด้วยกัน เขายิงไปห้าประตูในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนที่บาร์เซโลน่าจะตกลงมาเล่นยูโรป้า…
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แฮร์รี่ เคน ศูนย์หน้าของทีมไก่เดือยทองได้สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร โดยประตูที่เขายิงใส่ทีมเรือใบสีฟ้านั้นเป็นประตูที่ทำให้เขาขึ้นมาเป็นดาวซัลโวเดี่ยวแซงหน้าสถิติดาวซัลโวเก่าของจิมมี่ กรีฟส์ พอดิบพอดี โดยประตูในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นประตูที่ 267 ในการลงเล่น 416 เกมภายใต้สีเสื้อท็อตแนมของแฮร์รี่ เคน ทำลายสถิติเก่าของจิมมี่ กรีฟส์ที่ทำไว้ 266 ประตูใน 379 เกม หลังจากทำลายสถิติได้ในเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคนได้ให้สัมภาษณ์ไว้ดังนี้: “สวัสดีครับ ทุกคน ผมกำลังให้สัมภาษณ์นี้ในค่ำคืนที่พิเศษมาก ๆ สำหรับผม” เคนกล่าว หลังจากเอาชนะทีมเรือใบสีฟ้าได้ “การที่ผมทำลายสถิติทำประตูสูงสุดของสโมสร และ ได้เป็นดาวซัลโวของสโมสรนี้นั้นถือเป็นความฝันของผมมาตลอด และวันนี้มันก็เป็นจริงแล้ว มันเหมาะเจาะมาก ๆ ที่ผมทำลายสถิติได้ในเกมเหย้าของเราพอดี ไม่มีที่ไหนและอะไรจะเหมาะสมไปมากกว่าการทำลายสถิติได้ในเกมที่เราเก็บสามคะแนนสำคัญในเกมใหญ่ในบ้านแบบนี้อีกแล้ว นี่เป็นค่ำคืนที่มีความหมายกับผมมาก ๆ และผมก็อยากขอบคุณทุกคนทั้งครอบครัวของผม, แฟน ๆ และทุกคนที่ช่วยให้ผมมาถึงจุดนี้ได้ และสนับสนุนผมมาตลอด ผมซึ้งใจมากจริง ๆ และภูมิใจกับมันมาก ๆ ขอบคุณจริง ๆ และเราจะเจอกันอีกในเกมหน้า” โดยการทำลายสถิติของเคนนั้นไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์สำคัญของเจ้าตัวเท่านั้น แต่เป็นเหตุการณ์สำคัญของกองเชียร์ไก่เดือยทองทั่วโลก เสียงตะโกนดังกระหึ่มไปก้องสนามว่า “Harry Kane, he’s one of our own” (แฮร์รี่ เคน เขาคือนักเตะของเรา) หลังจากเขาทำประตูสร้างตำนานกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าของลีกได้ โดยประตูนี้ของเคนเป็นประตูโทนของเกมช่วยให้สเปอร์เอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปได้ 1-0 ส่งผลให้ทีมขยับไล่จี้ตามหลังนิวคาสเซิลอันดับ 4 เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น และประตูนี้ยังเป็นประตูที่ 17 ในฤดูกาลนี้ของเจ้าตัวด้วย และถ้าเขายังยิงได้ด้วยอัตราต่อเกมประมาณนี้ไปได้เรื่อย ๆ ดาวยิงหนุ่มดีกรีกัปตันทีมชาติอังกฤษก็มีสิทธิที่จะทำลายสถิติการยิงต่อหนึ่งฤดูกาลของตัวเองได้ด้วย โดยสถิติเดิมของเขาอยู่ที่ 30 ประตูในฤดูกาล 2017/18 แฮร์รี่ เคน และ 200 ประตูในพรีเมียร์ลีก อย่างไรก็ดี การทำลายสถิติของจิมมี่ กรีฟส์ ไม่ใช่สถิติเดียวที่แฮร์รี่ เคน ทำลายลงได้ในเกมกับทัพเรือใบสีฟ้า เพราะหัวหอกวัย 29 ปีก็เพิ่งยิงประตูที่ 200 ในพรีเมียร์ลีกของเขาในเกมเดียวกันนั้นด้วย…
ผลการแข่งขันที่คาด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 แอสตัน วิลล่า เกร็ดน่ารู้ ทัพเรือใบสีฟ้าพลาดโอกาสไล่จี้อาร์เซนอลเหลือสองคะแนนไปอย่างน่าเสียดาย หลังพวกเขาบุกไปแพ้ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 1-0 ในเกมก่อน วิลล่าก็แพ้มาในเกมก่อนเช่นกัน โดยเป็นเลสเตอร์ที่บุกมาเอาชนะพวกเขาได้ถึงถิ่น ต้องขอบคุณสามประตูในครึ่งแรกที่ช่วยให้พวกเขาเอาชนะไปได้ ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – แพ้-ชนะ-ชนะ-แพ้-ชนะ แอสตัน วิลล่า — แพ้-ชนะ-ชนะ-เสมอ-ชนะ สถิติระหว่างทั้งสองทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือสถิติเหนือกว่ามากเมื่อเจอกับทีมสิงห์ผงาด เพราะในการเจอกันห้าครั้งหลังสุด ทีมเรือใบสีฟ้าเก็บชัยชนะได้ถึงสี่ครั้ง แต่อย่างไรก็ดี ในครั้งล่าสุดที่ทั้งสองทีมเจอกัน วิลล่าสามารถเปิดบ้านยันเสมอทีมเรือใบสีฟ้าได้ 1-1 จากลูกตีเสมอท้ายเกมของลีออน ไบลีย์ นักเตะที่น่าจับตามอง โอลลี่ วัตกิ้นส์ ศูนย์หน้าชาวอังกฤษทำประตูในเกมก่อนที่เจอกับทีมจิ้งจอกสยาม และน่าจะหวังให้ฟอร์มของตัวเองดีต่อเนื่องในเกมนี้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ถึงฮาลันด์จะทำประตูได้เยอะเป็นว่าเล่นในปีนี้ แต่นักวิจารณ์หลายๆ คนก็ยังพุ่งเป้าไปที่เรื่องการขาดการมีส่วนร่วมในการปั้นเกมของเขากับทีม อย่างไรก็ดี เจ้าตัวคงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ยิ่งถ้าทำประตูได้เป็นการกลบเสียงวิจารณ์ด้วย
ผลการแข่งขันที่คาด ลิเวอร์พูล 2-1 เอฟเวอร์ตัน เกร็ดน่ารู้ ลิเวอร์พูลโดนทีมหมาป่าฉีกพวกเขาเละแบบไม่เหลือชิ้นดีถึง 3-0 ที่สนามรังหมาป่า โมลินิวซ์ สเตเดี้ยม กลับกัน เอฟเวอร์ตันกลับสร้างเรื่องช็อคด้วยการเปิดบ้านเอาชนะจ่าฝูงอย่างอาร์เซนอลไปได้ 1-0 ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด ลิเวอร์พูล – แพ้-เสมอ-แพ้-แพ้-ชนะ เอฟเวอร์ตัน – ชนะ-แพ้-แพ้-แพ้-เสมอ สถิติระหว่างทั้งสองทีม ลิเวอร์พูลไม่ชนะใครมาสี่นัดติดแล้ว เกมล่าสุดที่พวกเขาเก็บสามคะแนนเต็มได้คือเกมที่พวกเขาเอาชนะเลสเตอร์ได้ 2-1 เมื่อห้าเกมก่อน ครั้งล่าสุดที่ทีมท๊อฟฟี่สีน้ำเงินเปิดสนามกูดิสัน พาร์ค รับการมาเยือนของเพื่อนบ้านอย่างลิเวอร์พูล พวกเขาสามารถยันเสมอทีมหงส์แดงได้ 0-0 ในเกมไร้สกอร์ที่สนุกที่สุดเกมหนึ่ง นักเตะที่น่าจับตามอง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถึงในตอนนี้ดาวเตะชาวอียิปต์จะกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตก และดูจะกำลังมีฤดูกาลที่ไม่ดีเท่าที่ควรนั้น แต่เท้าซ้ายของเขานั้นก็ยังอันตรายเสมอ เอฟเวอร์ตันต้องระวังเท้าซ้ายของปีกจากแดนฟาโรห์คนนี้เอาไว้ให้ดี เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ปราการหลังชาวอังกฤษเป็นคนช่วยทีมเอาไว้อย่างแท้จริง ในเกมกับอาร์เซนอลนัดที่ผ่านมา เพราะเขาทั้งเป็นคนทำประตูชัยให้กับทีม และแทบจะไม่พลาดเลยในการเล่นเกมรับ
ผลการแข่งขันที่คาด ลีดส์ 1-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกร็ดน่ารู้ ลีดส์ ยูไนเต็ดจะเจอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดติดกันเป็นเกมที่ 2 ในรอบ 4 วัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังโชว์ฟอร์มได้ดีและจะลงสนามดวลกับลีดส์ที่เจสซี่ มาร์ชเพิ่งโดนไล่ออกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด ลีดส์ – แพ้-เสมอ-แพ้-เสมอ-เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – ชนะ-แพ้-เสมอ-ชนะ-ชนะ สถิติระหว่างทั้งสองทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังโชว์ฟอร์มแจ่มด้วยการเก็บชัยชนะได้ 3 จาก 5 เกมหลังสุดและยิงอย่างน้อย 4 ประตูใน 3 เกมที่เก็บชัยชนะได้อีกด้วย ลีดส์ ยูไนเต็ดเก็บชัยชนะไม่ได้เลยตลอด 5 เกมหลังสุดและนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เจสซี่ มาร์ชโดนไล่ออกในที่สุด นักเตะที่น่าจับตามอง เวสตัน แม็คเคนนี่ มิดฟิลด์ทีมชาติสหรัฐอเมริกาที่พึ่งถูกยืมตัวมาจากยูเวนตุสนั้นดูเหมือนจะเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีและเขาก็พร้อมที่จะปล่อยของในเกมนี้อีกด้วย มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวยิงลูกหม้อของทีมระเบิดฟอร์มได้อย่างสุดยอดนับตั้งแต่ที่เขากลับมาจากฟุตบอลโลกและเขาก็พร้อมที่จะพังประตูให้ได้ในเกมนี้อีกครั้ง
ผลการแข่งขันที่คาด บอร์นมัธ 1-2 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เกร็ดน่ารู้ บอร์นมัธไม่สามารถต้านทานไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยนในเกมที่เอเม็กซ์ สเตเดี้ยมได้และต้องแพ้ไปอย่างเฉียดฉิว นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดก็ไม่สามารถรักษาสกอร์ที่ขึ้นนำ 1-0 ในช่วงต้นเกมเอาไว้ได้และสุดท้ายแล้วก็เป็นเวสต์แฮมที่ทำประตูตีเสมอแบ่งแต้มได้ถึงถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ค ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด บอร์นมัธ – แพ้-เสมอ-แพ้-แพ้-แพ้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด – เสมอ-เสมอ-ชนะ-เสมอ-เสมอ สถิติระหว่างทั้งสองทีม ฟอร์มของบอร์นมัธกำลังแย่และพวกเขาก็ยังหาชัยชนะไม่เจอเลยตลอด 5 เกมหลังสุด นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดก็ไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนเหนือเวสต์แฮมได้และนี่เป็นครั้งที่ 2 ในลีกที่พวกเขาเสมอ 2 เกมติดต่อกัน นักเตะที่น่าจับตามอง ฟิลิป บิลลิ่ง รองกัปตันของบอร์นมัธถือว่าโชว์ฟอร์มได้ค่อนข้างดีในฤดูกาลนี้ แต่มันก็ยังไม่พอที่จะช่วยทีมของเขาได้อยู่ดี โจเอลินตัน มิดฟิลด์ชาวบราซิเลี่ยนถือเป็นนักเตะขับเคลื่อนคนสำคัญนับตั้งแต่ที่เอ็ดดี้ ฮาวก้าวเข้ามาคุมทีมและเขาจะเป็นนักเตะคนสำคัญในเกมนี้อย่างแน่นอน