Author: admin

บอร์นมัธ พลพรรค เดอะ เชอร์รี่ส์กลับมาอยู่ในลีกสูงสุดในเกาะอังกฤษอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน พวกเขากำลังมองหาฟอร์มเก่งในตอนที่พวกเขาจะเปิดสนามวิทาลิตี้ สเตเดี้ยมต้อนรับการมาเยือนของสตีเว่น เจอร์ราร์ดและแอสตัน วิลล่า บอร์นมัธมีฟอร์มการเล่นปรีซีซั่นที่น่าผิดหวังทีเดียว ในช่วงปรีซีซั่น พวกเขาพ่ายให้กับเรอัล โซเซียดาด ทีมในลาลีก้า, บริสตอล ซิตี้, บราก้าและสามารถคว้าชัยชนะได้เพียงนัดเดียวในเกมที่เจอกับเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ โดยในปีนี้ สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ กุนซือของทีมได้เซ็นสัญญานักเตะคุณภาพมากมาย เช่น มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์และโจ ร็อทเวลล์ ในขณะที่มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์นั้นมีแนวโน้มที่จะได้โอกาสลงสนามในนัดเปิดฤดูกาลแต่สำหรับโจ ร็อทเวลล์ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นอาจจะพลาดในการลงเล่นเกมนัดเปิดฤดูกาล แอสตัน วิลล่า แอสตัน วิลล่ามีฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้นนับตั้งแต่ที่สตีเว่น เจอร์ราร์ดย้ายเข้ามาคุมทีม นอกจากนี้วิลล่ายังมีฟอร์มในช่วงปรีซีซั่นก็ยังดูดีและมีรูปเกมเฉียบขาดพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่อีกด้วย สตีเว่น เจอร์ราร์ดและลูกทีมของเขาน่าจะมีมุมมองที่ดีและหวังถึงสามคะแนนในการลงเล่นเกมนี้ เนื่องจากน่าจะไม่มีคู่แข่งเกมแรกที่เบากว่านี้แล้วสำหรับนัดเปิดฤดูกาล เจอร์ราร์ดยังจะได้มีกำลังใจเปี่ยมล้นจากความจริงที่ว่าพวกเขามีนักเตะให้เลือกใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบชนิดเรียกได้ว่าฟูลทีมและนักเตะอย่างแดนนี่ อิงส์และฟิลิปเป้ คูตินโญ่ก็พร้อมที่จะลงสนามอีกด้วย ผลการแข่งขันที่คาด ถึงแม้ว่าบอร์นมัธน่าจะพอสู้วิลล่าได้ แต่ฟอร์มที่ย่ำแย่ในช่วงปรีซีซั่นและการขาดการเซ็นสัญญานักเตะที่มีคุณภาพจะทำให้การกลับมาพรีเมียร์ลีกของพวกเขาในครั้งนี้แย่ลงเมื่อเทียบกับครั้งก่อน โดยความโหดร้ายของพรีเมียร์ลีกน่าจะเล่นงานพวกเขาตั้งแต่เกมแรกเลย นั่นก็คือเกมกับทีมสิงห์ผงาด แอสตัน วิลล่า โดยทีมเยือนมีขุมกำลังที่น่าเกรงขามกว่ามาก และคุณภาพของพวกเขานั้นก็น่าจะมากเกินไปสำหรับบอร์นมัธที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาใหม่ นี่ควรจะเป็น 3 คะแนนแรกในฤดูกาลของแอสตัน วิลล่า ฟันธง บอร์นมัธ 1-3 แอสตัน วิลล่า สูง 1.5 ประตู แอสตัน วิลล่าต่อ -1.5 ลูก

Read More

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ตกเป็นข่าวเรื่องการย้ายทีมมากมายในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่คำถามมากมายและคำตอบที่ใกล้จะมาถึง ดาวยิงวัย 37 ปีแสดงความปรารถนาที่จะย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเวลาแค่ไม่ถึง 12 เดือนหลังจากที่ย้ายกลับมา หากรายงานข้างต้นเป็นเรื่องจริง ฮอร์เก้ เมนเดส เอเยนต์ของเขาคงกำลังหาทีมใหม่ให้กับนักเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยจากทั่วทุกสารทิศเลยทีเดียว ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกควบคู่ไปกับดราม่าที่ไม่มีวันจบสิ้นจากดีลของเฟรงกี้ เดอ ยอง ความต้องการสุดท้ายของสโมสรคือนักเตะระดับแม่เหล็กที่กำลังมองหาทางออกจากสโมสร เรื่องที่ทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีกคือในเมื่อตัวนักเตะวัย 37 ปีนั้นมีเวลามากกว่า 2 เดือนในการไตร่ตรองการตัดสินใจที่จะออกจากสโมสร แล้วทำไมเขาถึงจะต้องรอจนถึงช่วงเริ่มเกมพรีซีซั่นกันล่ะ? มีรายงานออกมาอีกว่าซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสรายนี้ถูกปฏิเสธจากทุกสโมสรที่ซูเปอร์เอเยนต์ของเขาไปเร่เสนอขายให้ โดยมีบาเยิร์น มิวนิค, เชลซีและเปแอสเชเป็นเพียงแค่บางส่วนของรายชื่อเท่านั้น ถึงแม้ว่าตลอดฤดูกาล 2021/2022 ดาวยิงชาวโปรตุเกสจะแบกทีมของเขามาโดยตลอด ประตูในช่วงท้ายเกมของเขาในเกมกับอตาลันต้าและบียาร์เรอัลในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกได้เน้นย้ำถึงคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของเขาที่มีต่อทีม แฮททริกของเขาในเกมเจอกับนอร์ริชและท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขานั้นยังห่างไกลกับคำว่าหมดสภาพ เราสามารถพูดถึงช่วงเวลาอันน่าเหลือเชื่อที่นักเตะระดับตำนานคนนี้สร้างขึ้นในฤดูกาลที่แล้วได้ แต่คำถามบางคำถามก็เกิดขึ้น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะเล่นได้ดีขึ้นหากไม่มีซุปเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสหรือไม่? ถ้าไม่มีเขาอยู่ในทีมแล้ว พวกเขาจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดหรือไม่? พวกเขาจะอยู่อันดับไหนหากไม่มีเขา? คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ จากการพัฒนาฟอร์มล่าสุดของพวกเขา การย้ายออกไปของเขาจะช่วยฟื้นฟูความทะเยอทะยานในการไล่เพรสของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การแต่งตั้งเอริค เทน ฮากนั้นได้รับการต้อนรับด้วยความปลาบปลื้มและหวังให้เห็นอนาคตที่ดีขึ้นในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนได้รับการแต่งตั้ง สโมสรได้แต่งตั้งราล์ฟ รังนิคให้เป็นผู้บุกเบิกผู้จัดการทีมคนต่อไปและในการแถลงข่าวครั้งแรกของเขา มีคำ ๆ หนึ่งที่อยู่ในหัวของเรา นั่นคือคำว่าเพรสซิ่ง สโมสรได้แต่งตั้งเขาเพื่อสร้างความฟิตให้กับเหล่านักเตะและส่งเสริมให้การเล่นเกมรุกมากขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ผล แต่ก็มีหลายสื่อพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคริสเตียโน่ โรนัลโด้ไม่เหมาะกับแผนนี้ เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยนั้นอายุเลย 30 ปีไปนานมากแล้ว และถึงแม้ว่าเขาจะมีการซ้อมและโปรแกรมฟิตเนสที่ดีเลิศแค่ไหนก็ตาม อายุก็ยังคงเป็นปัญหาที่ตามตัวเขาอยู่ดี แต่ก็ต้องให้เครดิตเขาด้วย เขาเป็นนักเตะที่มุ่งมั่นและเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของสโมสรเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่สถิติยังบอกอีกว่าเขาเป็นนักเตะที่เพรสซิ่งได้ที่แย่ที่สุดในบรรดากองหน้าทั้งหมดในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะกลายเป็นปิศาจที่คอยจะเพรสซิ่งอย่างที่พวกเขาคิดแล้วล่ะก็ เมื่อดูตามสถิติแล้ว การมีโรนัลโด้นั้นแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แหล่งข่าวรายงานว่าราล์ฟ รังนิคได้ขอให้ทางสโมสรขายตัวของโรนัลโด้ออกไปตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม สาเหตุมาจากการที่เขามองว่าดาวยิงจอมเก๋านั้นไม่เข้ากับแผนการเล่นของเขา หนึ่งในการกระทำแรกของกุนซือชาวเยอรมันก็คือการคว้าตัวแอนโทนี่ อีลังก้าเข้ามาสู่ทีม ถึงแม้ว่าความจริงแล้วเขาจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับมาร์คัส แรชฟอร์ดก็ตาม เหตุผลนั้นก็เป็นอะไรที่คาดเดาได้ไม่ยาก เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ไล่เพรสได้ดีที่สุดในทีมและรังนิคก็พอจะมองออกได้ทันที แต่อย่างไรก็ตาม หากเทนฮากเป็นคนคุมทีมแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าเขาจะไม่ต้องการโรนัลโด้เลยหรืออาจจะต้องหาที่เพื่อให้เขาอยู่ในทีมให้ได้ ฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในช่วงพรีซีซั่นบอกอะไรได้มากมายเลยล่ะ เกมพรีซีซั่นเป็นเพียงแค่พิธีการเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จริง แต่มันก็เป็นเครื่องมือที่ดีในการช่วยในการติดตามความคืบหน้าของทีมอย่างปฏิเสธไม่ได้ ลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์…

Read More

อาร์เซน่อลพร้อมที่จะเซ็นสัญญากับโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งถือเป็นการคว้าตัวนักเตะคนที่ 5 ในช่วงซัมเมอร์นี้ ไม่รวมถึงการที่ทีมยังมีการซื้อตัวดี ๆ อีกมากมายในตลาดครั้งนี้ ดีลนี้ถูกมองว่าเป็นดีลที่ดีของอาร์เซน่อลในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสองตำแหน่งด้วยนักเตะคนเดียว เพราะดาวเตะทีมชาติยูเครนถูกมองว่าเป็นผู้เล่นที่เก่งกาจในหลายตำแหน่ง มีความมุ่งมั่นในการคว้าชัยชนะและจะเข้ามาเสริมแกร่งให้กับทีมในฐานะนักเตะพรีเมียร์ลีกที่ผ่านการพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมของเดอะกันเนอร์สเคยร่วมงานกับตัวนักเตะแล้วตั้งแต่สมัยที่เขาเป็นผู้ช่วยอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้และดูจะชื่นชอบผลงานของเขาอย่างชัดเจน เขาสามารถลงเล่นได้หลายตำแหน่ง เขาสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางและแบ็คซ้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาร์เตต้าบอกว่าเขารู้สึกทึ่งกับความสามารถแบบนี้และพร้อมที่จะทุ่มเงินก้อนโตเพื่อคว้าตัวนักเตะแบบนี้มาร่วมทีม ถึงแม้ว่าซิตี้กำลังสำรวจทางเลือกอื่นในตลาด เช่นการเล็งเซ็นสัญญากับมาร์ค คูคูเรญ่าของไบร์ทตันเพื่อเป็นตัวแทนของนักเตะชาวยูเครน แต่พวกเขาจะไม่เซ็นสัญญากับเขาจนกว่าอาร์เซน่อลจะจ่ายเงินเต็มจำนวนให้กับซินเชนโก้ ทีมแชมป์เก่าจะต้องปล่อยใช้เงินก้อนโตเพื่อซื้อตัวเขามาจากไบร์ทตันในขณะที่เขายังสัญญาปัจจุบันเหลืออยู่ถึง 4 ปีและสโมสรก็จะไม่รีบปล่อยตัวเขาออกมาอย่างแน่นอน ข้อตกลงกับอาร์เซน่อลในการปล่อยตัวซินเชนโก้นั้นอาจพิสูจน์ได้ว่ามีประโยชน์ในการเพิ่มเงินทุนที่จำเป็นสำหรับการซื้อตัวคูคูเรญ่า ดีลนี้จะสมเหตุสมผลมากสำหรับแฟน ๆ อาร์เซน่อลและนักวิจารณ์หลายคน เมื่อพิจารณาถึงความต้องการในปัจจุบันในทีมอาร์เซน่อล เขาทำได้แทบทุกอย่างที่อาร์เซน่อลต้องการ ชัดเจนว่าทีมต้องการกำลังเสริมในตำแหน่งแบ็คซ้ายและมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งนักเตะจอมเทคนิคชาวยูเครนอาจเป็นกุญแจสำคัญในการปิดปัญหาทั้งหมด คีแรน เทียร์นี่ย์ น่าจะยังคงเป็นแบ็คซ้ายตัวเลือกแรก แต่อาการบาดเจ็บที่ต่อเนื่องและความกังวลเกี่ยวกับความฟิตของเขาทำให้เขาไม่น่าไว้วางใจซักเท่าไหร่ ทีมปืนใหญ่พยายามแก้ไขสถานการณ์นี้โดยการคว้าตัวซินเชนโก้ไว้เผื่อใช้งานในยามจำเป็น ถึงแม้ว่านูโน่ ทาวาเรสจะเป็นอีกตัวเลือกในตำแหน่งแบ็คซ้าย แต่นักเตะชาวโปรตุเกสก็ประสบปัญหาในการเรียกฟอร์มเป็นอย่างมากในฤดูกาลแรกของเขาในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมเช่นกัน ทำไมอาร์เซน่อลถึงพุ่งเป้าไปที่ซินเชนโก้ นักเตะชาวยูเครนรายนี้ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในตำแหน่งแบ็คซ้ายกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้และยังสามารถแทนที่ตำแหน่งของเทียร์นี่ย์ในฐานะนักเตะตัวจริงได้ในตอนที่เขามาถึงได้เลยทันที ดาวเตะวัย 25 ปีนำหน้าแข้งชาวสก็อตไปแล้วในแง่ของสถิติ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซินเชนโก้ทำแอสซิสต์ต่อเกมได้มากขึ้น, จ่ายบอลแม่นขึ้น เปิดบอลและวิ่งไปเติมเกมรุกบ่อยขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เราควรจะเผื่อใจไว้เล็กน้อยเพราะว่าดาวเตะชาวยูเครนนั้นเล่นให้กับทีมที่เป็นฝ่ายรุกซะส่วนใหญ่และสถิติเหล่านั้นเป็นสิ่งที่น่าจะเป็นอยู่แล้ว เนื่องจากเขาเป็นผู้ได้ผลพลอยได้จากการลงเล่นให้ทีมที่เป็นแชมป์ลีก ยิ่งไปกว่านั้น มันดูเหมือนว่าตัวนักเตะเองนั้นก็ต้องการเวลาลงเล่นมากขึ้นและจากสัญญาณบ่งชี้ทั้งหมดแล้ว เหมือนว่าเขาจะชอบเล่นในตำแหน่งกองกลางมากกว่าตำแหน่งในแนวรับ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้เคยกล่าวไว้ว่าตัวนักเตะจะเหมาะสมที่สุดหากได้ลงเล่นในตำแหน่งที่สร้างสรรค์และเหมาะสมที่สุดสำหรับบทบาทในเกมรุก กวาร์ดิโอล่าพูดเอาไว้ในเดือนเมษายน: “ตำแหน่งกองกลางตัวรุก นั่นคือตำแหน่งของเขาอย่างแน่นอน      ในตอนที่เราคว้าตัวเขามาจากยูเครน เขาลงเล่นในตำแหน่งนักเตะหมายเลข 10 – ตำแหน่งของฟิล​ โฟเด้น นักเตะที่สร้างสรรค์เกม แต่ความต้องการที่เรามี…คือเราไม่มีแบ็คซ้ายมาหลายปีแล้ว ฟาเบี้ยน เดลฟ์ปรับตัวได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อในตำแหน่งนั้นและซินเชงโก้ก็ด้วย นั่นเป็นเพราะเขามีการศึกษาที่ดี เขารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร” เขากล่าวเสริม อาร์เซนอลนั้นยังต้องการการเสริมแกร่งแบบมากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้ในฤดูกาลหน้า เนื่องจากพวกเขาจะลงแข่งขันในถ้วยยุโรปด้วยในฤดูกาลหน้า การคว้าตัวนักเตะที่หลากหลายเช่นซินเชนโก้น่าจะการันตีได้เลยว่าจะเขาจะเป็นนักเตะที่มีประโยชน์มากในฤดูกาลที่แสนยาวนาน เขาจะเข้ากับแท็คติกของสโมสรได้อย่างไร? ด้วยความที่ซินเชงโก้สามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง เขาจะเข้ามาช่วยเพิ่มมิติและแบ่งเบาภาระของอาร์เตต้าได้เล็กน้อย ซินเชนโก้สามารถเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายและเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะเขาแสดงให้เห็นมาตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขาว่าเขาไม่ได้ขาดความเร็วและความแข็งแกร่งทางร่างกาย เขายังเติมเต็มด้วยความสามารถในการหาช่องจ่ายบอลได้ดีอีกด้วย ผู้จัดการทีมจะรู้ดีถึงความสามารถของซินเชนโก้อย่างแน่นอนตั้งแต่ตอนที่เขาเคยร่วมงานกับนักเตะชาวยูเครน แต่อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นปริศนาว่ากุนซือชาวสเปนตั้งใจที่จะใช้นักเตะวัย 25 ปีคนนี้แบบไหน ปัจจุบัน อาร์เซน่อลมีแบ็คซ้ายให้เลือก 2 คน ได้แก่คีแรน เทียร์นี่ย์และนูโน่ ทาวาเรส…

Read More

ในที่สุด คาลิดู คูลิบาลี่ก็ได้ย้ายมาโลดแล่นในพรีเมียร์ลีกเสียที หลังจากที่เขาได้แสดงความปรารถนามาอย่างยาวนาน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีการประกาศดีลมูลค่าสูงถึง 36 ล้านยูโร ในดีลที่พาอดีตกองหลังของนาโปลีย้ายมาสู่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ยิ่งกว่านั้น มันก็เป็นที่รู้กันดีว่าเชลซีกำลังต้องการตัวเล่นทดแทนในแนวรับและการเซ็นสัญญาคว้าตัวคูลิบาลี่ก็เป็นเรื่องเร่งด่วน เพื่อที่จะเข้ามาแทนที่กองหลังที่พึ่งย้ายออกไป ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กองหลังทีมชาติเซเนกัลได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลก ทั้งความเหนียวแน่น, ความดุดันและการเล่นลูกกลางอากาศที่ยอดเยี่ยมของเขา ทำให้เขากลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่เป็นหัวใจสำคัญในเกมรับสำหรับทั้งสโมสรและทีมชาติของเขา ตั้งแต่ปี 2016 คูลิบาลี่มีข่าวเชื่อมโยงกับการย้ายไปยังพรีเมียร์ลีก สโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูลต่างก็ใกล้ที่จะได้เซ็นสัญญาคว้าตัวเขามาหลายครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม นาโปลีก็ได้ชะลอสิ่งนี้มาตลอดด้วยการปักป้ายราคานักเตะวัย 31 ปีแบบแพงสุดโต่ง เขาเคยร่วมงานกับผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมหลายคน โดยเฉพาะคาร์โล อันเชล็อตติ ซึ่งเคยเรียกเขาว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดที่เขาเคยร่วมงานด้วย แต่แน่นอนว่านั่นเป็นคำชมที่ดีมาก ๆ เมื่อเราลองคิดดูว่าผู้จัดการทีมคนนี้เคยร่วมงานกับทั้งเปาโล มัลดินี่และเซร์คิโอ รามอสมาก่อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากองหลังวัย 31 ปีคนนี้ มีประสบการณ์ มีฝีเท้าระดับโลกและแนวคิดที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในลีกที่สุดทรหดอย่างพรีเมียร์ลีก ยิ่งไปกว่านั้น คำถามที่อยู่ตรงหน้าเราคือเขาจะเข้ากับอุดมการณ์และแผนของโทมัส ทูเคิ่ลได้อย่างไร ฤดูกาลที่แล้วได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับทีมสิงโตน้ำเงินครามและปัญหาในเกมรับของพวกเขาก็เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่อันโตนิโอ รูดิเกอร์ประกาศว่าเขาจะย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริดและอันเดรียส คริสเตนเซ่นก็กำลังจะย้ายไปบาร์เซโลน่าเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม คูลิบาลี่เหมาะกับพรีเมียร์ลีกหรือไม่? อะไรคือคุณสมบัติที่เขามีที่สามารถทำให้เขาติดทีมเชลซีตัวจริงได้? มาลองหาดูกันเลย ทำไมเชลซีถึงพุ่งเป้าไปที่ตัวเขา? สโมสรจากลอนดอนตะวันตกต้องเสียอันโตนิโอ รูดิเกอร์และอันเดรียส คริสเตนเซ่นในตลาดการซื้อขายเดียวกันและจำเป็นต้องการกองหลังเข้ามาทดแทนตำแหน่งที่หายไปด้วยการเซ็นสัญญาคว้าตัวเขามาร่วมทีม แต่อย่างไรก็ตาม เชลซีไม่ได้ต้องการแค่คนที่จะเข้ามาแทนที่ แต่ยังต้องการนักเตะที่มีประสบการณ์แบบดาวเตะทีมชาติเซเนกัลอีกด้วย ในฤดูกาลหน้า เราน่าจะได้เห็นการจับคู่กันระหว่างคูลิบาลี่กับติอาโก้ ซิลวา คู่หูเซ็นเตอร์คู่นี้มีอายุรวมกันเกือบ 70 ปีและมาพร้อมกับการยกระดับประสบการณ์และความแข็งแกร่งในเกมรับไปอีกขั้น โดยติอาโก้ ซิลวาเองก็ไม่ได้เล่นแย่เลยนับตั้งแต่ย้ายมาจากเปแอสเช ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะช้าลงไปมาก แต่กองหลังชาวบราซิลก็ทดแทนสิ่งที่เขาขาดด้วยเชิงบอลและประสบการณ์แทน อย่างไรก็ตาม เมื่อเหล่าผู้บริหารของเชลซีรู้ข่าวว่ากองหลังชาวเซเนกัลพร้อมที่จะย้ายทีมและได้ปฏิเสธข้อเสนอสัญญาใหม่ที่นาโปลี พวกเขาก็มองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะคว้าตัวกองหลังชั้นยอดมาเสริมแนวรับ การเซ็นสัญญาของเขาสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ มากมาย เพราะเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำในแนวรับการเป็นนักเตะที่เล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่นและกองหลังที่ผ่านได้ยาก แนวรับชาวเซเนกัลยังเล่นลูกกลางอากาศได้ดีอีกด้วย ความสูงและความสามารถในการกระโดดของเขานั้นค่อนข้างน่าประทับใจ ซึ่งทำให้เขาเอาชนะการดวลลูกกลางอากาศในเซเรีย อาและทำประตูจากลูกโหม่งจากลูกตั้งเตะได้เป็นครั้งคราว เขายังสามารถขึ้นเกมจากแดนหลังได้อีกด้วย นักเตะวัย 31 ปีเคนร่วมงานกับเมาริซิโอ้ ซาร์รี่ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเจ้าพ่อของแผนครองบอล จะเห็นได้ว่าเกือบทุกทีมในสมัยนี้ล้วนขึ้นเกมจากแนวรับ ดังนั้นการเซ็นสัญญานักเตะกองหลังตัวสำคัญก็ควรจะต้องเซ็นนักเตะที่มีลักษณะแบบนี้ล่ะ ถึงแม้ว่าเขาจะยังมีข้อผิดพลาดในเกมรับอยู่บ้างเป็นครั้งคราวในตอนนี้ แต่คูลิบาลี่ถือว่าเป็นเซ็นเตอร์ชั้นยอดและเชลซีน่าจะได้รับผลประโยชน์แน่นอน จากการมีเขายืนในแดนหลัง เขาจะปรับตัวให้เข้ากับแท็คติกของเชลซีได้อย่างไร? คูลิบาลี่มีหน้าที่ไฟลต์บังคับที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในการแทนที่ของอันโตนิโอ รูดิเกอร์ กองหลังชาวเยอรมัน   แนวรับชาวเยอรมันสร้างชื่อของเขาด้วยการเล่นเกมรับที่แน่นอน, การลำเลียงบอลไปข้างหน้าที่ดีและการเข้าสกัดที่เด็ดขาด ข้อบกพร่องสำคัญประการหนึ่งที่รูดิเกอร์มีคือแนวโน้มที่จะปล่อยพื้นที่เกมรับของเขาว่างจนมีช่องให้ถูกโจมตี คูลิบาลี่ไม่มีข้อบกพร่องดังกล่าวและสามารถเป็นที่ไว้วางใจที่จะอยู่ในแดนหลังและเล่นเกมรับได้…

Read More

ไม่ว่าเกมการเล่นของทีมจะสนุกแค่ไหน ประตูก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่เสมอ พูดง่าย ๆ คือประตูทำให้คุณคว้าชัยชนะในเกมการแข่งขันได้และด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถมองข้ามพวกเขาได้เลย พรีเมียร์ลีกอาจจะไม่ได้รับประกันฟุตบอลในแบบที่ดีที่สุดอยู่เสมอไป แต่คุณภาพของประตูนั้นมันบ้าซะยิ่งกว่าอยู่นอกโลกซะอีก การรวบรวมรายชื่อประตูที่ดีที่สุดในลีกนั้นเป็นงานที่ยากมาก เนื่องจากมีประตูให้คุณเลือกมากมายเหลือเกิน เป็นสิ่งสำคัญที่เรากำลังจะบอกถึงว่าแม้ว่าจะมีมาตรฐานที่ยอมรับกันโดยทั่วไปสำหรับประตูที่ยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่เราเลือกนั้นขึ้นอยู่กับความคิดเห็นและคุณก็สามารถโต้แย้งได้ นี่อาจทำให้คุณสงสัยว่ามาตรฐานของเรามีอะไรบ้างเกี่ยวกับประตูที่ยิ่งใหญ่ ประการแรก ประตูที่ยิ่งใหญ่ควรมาจากความว่างเปล่า ชนิดทำประตูได้แบบไม่มีใครคาดคิดว่าจะยิงได้ และคนที่ทำประตูได้ควรจะสามารถยิงลูกบอลไปในลักษณะที่ผู้รักษาประตูแทบไม่มีโอกาสเซฟได้ สำหรับตอนนี้ นี่แหละสิ่งที่เป็นนิยามของคำว่าประตูสุดน่าทึ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกประเภทหนึ่งของประตูที่ยอดเยี่ยมในความหมายของเราคือการเลี้ยงเดี่ยวโซโล่ ในทางทฤษฎี แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่นักเตะคนหนึ่งจะเลี้ยงบอลผ่านนักเตะคู่แข่ง 3-4 คนเข้าไปทำประตูได้ เมื่อมันเกิดขึ้น (ถึงแม้จะหาดูได้ยาก) แม้แต่แฟน ๆ ของทีมฝ่ายตรงข้ามส่วนใหญ่ต่างก็พากันปรบมือให้กับผู้ที่ทำประตูได้ หมวดหมู่สุดท้ายของเราคือเรื่องฮิตที่ไม่ธรรมดา วิธีทั่วไปในการทำประตูคือการยิงด้วยเท้าหรือโหม่ง แต่ผู้เล่นบางคนก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยความพยายามที่ไม่ธรรมดา ด้วยการทำประตูด้วยวิธีที่น่าทึ่งกว่านั้น            เช่นการจักรยานอากาศ, วอลเลย์, ราโบน่าและปาเนก้าล้วนจัดอยู่ในหมวดหมู่นี้ทั้งสิ้น ในประวัติศาสตร์ 30 ปีของพรีเมียร์ลีก เราได้เห็นประตูที่ดูจะติดประตูยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลได้ในเกือบทุกนัด จากการที่เหล่ากองหน้าจอมถล่มประตูเช่นเวย์น รูนี่ย์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, อลัน เชียร์เรอร์และโทนี่ เยบัวห์ได้สร้างประตูสุดสวยงามมากมายไว้ในศึกพรีเมียร์ลีก ไม่นานมานี้ เราได้เห็นประตูของเอริค ลาเมล่า และ เอดินสัน คาวานี่ ซึ่งก็เป็นประตูสุดสวยเช่นกัน และเราก็ต้องยอมรับว่ามีนักเตะมายมายที่ทำประตูระดับพรีเมียมได้อย่างนับไม่ถ้วน แต่วันนี้เราจะพูดถึงการจบสกอร์ที่ดีที่สุด 10 อันดับในประวัติศาสตร์อันโด่งดังของพรีเมียร์ลีกกัน 10. โทนี่ เยบัวห์ vs วิมเบิลดัน อดีตกองหน้าชาวกาน่าเป็นผู้ทำประตูที่ยอดเยี่ยมมากมายในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับลีดส์และทั่วยุโรป นี่เป็นหนึ่งในประตูสุดคลาสสิกของเขา มันเป็นการโซโล่ฉายเดี่ยวโดยอดีตดาวยิงของลีดส์ในเกมที่พบกับวิมเบิลดัน เขาครองบอลด้วยอกได้อย่างยอดเยี่ยม, เอาบอลลง, พาบอลเลี้ยงผ่านกองหลังที่จะเข้าสกัดเขาและยิงบอลพุ่งเป็นจรวดไปสะกิดคานก่อนที่จะเข้าประตูไป มันยังคงเป็นหนึ่งในประตูที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่คุณอยากจะดูมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลยล่ะ 9. เอแด็ง อาซาร์ vs อาร์เซน่อล ศูนย์หน้าชาวเบลเยี่ยมอาจจะมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่กับเรอัล มาดริดตั้งแต่ที่เขาย้ายออกจากเชลซี แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถลบออกไปจากตัวเขาได้ก็คือความจริงที่เขาเขาได้ยิงประตูสุดสวยจนทุกคนต้องอ้าปากค้างมาแล้ว นั่นคือประตูโซโล่เดี่ยวที่เขาจัดการยิงใส่คู่ปรับร่วมเมืองอย่างอาร์เซน่อลนั่นเอง ดาวยิงทีมชาติเบลเยี่ยมวิ่งจากกลางสนามและโชว์ความแข็งแกร่งด้วยการเบียดฟรานซิส โกเกอแล็งล้มลงไปด้านข้างและเมื่อเขาเคลื่อนตัวเข้าไปในกรอบเขตโทษ เขาก็หนีโลร็องต์ กอสเซียนี่ก่อนที่จะซัดบอลเข้าก้นตาข่าย ประตูที่สุดยอดมาจากนักเตะที่มากความสามารถอย่างแท้จริง 8. ดาเลี่ยน แอตกินสัน vs วิมเบิลดัน ดาเลี่ยน แอตกินสัน ผู้ล่วงลับไปแล้วเป็นผู้ทำประตูที่ยอดเยี่ยมนี้ ในช่วงเวลาของเขากับแอสตัน วิลล่า เขาไม่เพียงเป็นที่รู้จักจากการทำประตูที่ยอดเยี่ยมของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเฉลิมฉลองประตูอันน่าทึ่งของเขาอีกด้วย มันเป็นประตูโซโล่เดี่ยวที่ยอดเยี่ยมกับวิมเบิลดันในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 1992/1993 แอตกินสันครองบอลจากในแดนของทีมตัวเอง เลี้ยงไปข้างหน้าและเอาชนะคู่แข่งมาได้…

Read More

ตำแหน่งผู้รักษาประตูเป็นตำแหน่งที่แฟนบอลหลายคนหมางเมินมากจนเกินไป สำหรับบางคนแล้ว ผู้รักษาประตูไม่ใช่แม้แต่นักฟุตบอล แต่เป็นเพียงคนที่จะหยุดเกมรุกของฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ทำประตูได้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดและในลีกอย่างพรีเมียร์ลีก การเป็นผู้รักษาประตูนั้นไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จได้และต้องใช้สมาธิและความแข็งแกร่งทางจิตใจสูงเพื่อป้องกันประตู ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้รักษาประตูหลายคนมีความสม่ำเสมอในการลงเล่นระดับสูงในการป้องกันเหล่ากองหน้าที่ยอดเยี่ยมจากการทำประตู นอกจากนี้ พวกเขายังแสดงความมั่นใจในการจัดระเบียบในเกมรับของพวกเขาและพวกเขาก็ยังคงโชว์ฟอร์มเซฟได้อย่างน่าเหลือเชื่ออีกด้วย นักเตะอย่างปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, เดวิด ซีแมนและปีเตอร์ เช็คถือเป็นผู้รักษาประตูดาวเด่นในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก ผู้รักษาประตูเหล่านี้มีวิธีของตัวเองในการเปลี่ยนแปลงมุมมองของเราในวิถีของการเป็นผู้รักษาประตู ใครกันที่จะกล้าลืมสถิติในแนวรับที่น่าประทับใจของเชลซีในยุคของมูรินโญ่กันล่ะ ซึ่งเราได้เห็นแล้วว่าปีเตอร์ เช็คเสียประตูในพรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาลไปเพียง 15 ประตูเท่านั้น สถิตินี้ยังคงอยู่มาจนถึงวันนี้อีกด้วย แล้วใครกันที่จะลืมวีรบุรุษจอมบ้าพลังอย่างชไมเคิ่ลซึ่งเป็นกระบอกเสียงในแนวรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปสู่ทริปเปิ้ลแชมป์ในประวัติศาสตร์ในปี 1999 และแชมป์ลีกในสมัยอื่นๆ เดวิด ซีแมน มือกาวชาวอังกฤษที่มัดผมหางม้าอันโด่งดังของไอ้ปืนใหญ่ ถึงแม้ว่ารายชื่อผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมจะมีมากมายไม่มีที่สิ้นสุด แต่นี่คือ 10 อันดับมือกาวที่สมควรได้รับพื้นที่สปอตไลท์และสมควรที่จะเป็นหนึ่งในสิบผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก 10. เยนส์ เลห์มันน์ – อาร์เซน่อล: ผู้รักษาประตูชาวเยอรมันนั้นถือว่ามีช่วงเวลาที่ได้โลดแล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีกค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับผู้รักษาประตูคนอื่น ๆ ในลีก เขาลงสนามไปเพียง 146 เกมกับอาร์เซนอล แต่แน่นอนว่าสถิติของเขานั้นจะยังคงอยู่กับสโมสรไปอีกนานเลยล่ะ เลห์มันน์ถือสถิติที่เป็นผู้รักษาประตูเพียงคนเดียวที่ลงเล่นทั้งฤดูกาลโดยไม่แพ้เลย เขาอาจจะไม่ได้น่าไว้วางใจเท่ากับมือกาวระดับตำนานอย่างเดวิด ซีแมน แต่แน่นอนเลยว่าเขาโชว์ฟอร์มได้ดีในระยะเวลา 5 ฤดูกาลของเขากับปืนใหญ่ 9. แบรด ฟรีเดล – หลายสโมสร: ตำนานผู้รักษาประตูจากแดนมะกันเริ่มต้นอาชีพการเฝ้าเสาในพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูลในปี 1997 ตอนนั้นเขาถือเป็นคู่แข่งกับผู้รักษาประตูดีกรีทีมชาติอังกฤษอย่างเดวิด เจมส์เลยทีเดียว มือกาวทีมชาติสหรัฐยังเคยเฝ้าเสาให้กับท็อตแน่มและแอสตัน วิลล่าอีกด้วย เขาแขวนถุงมือในตอนอายุ 44 และยังเป็นถือสถิติเป็นนักเตะอายุมากที่สุดที่ลงเล่นให้กับแอสตัน วิลล่าจนถึงวันนี้อีกด้วย อาชีพการเฝ้าเสาของเขาต้องหม่นหมองเล็กน้อยด้วยข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าเขาเป็นผู้รักษาประตูที่มีความสม่ำเสมอในระดับที่ดี 8. โจ ฮาร์ท – หลายสโมสร: ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษรายนี้ถือเป็นกำแพงที่ผ่านได้ยากมากในช่วงพีคของเขา อดีตผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นเป็นมือหนึ่งของทีมชาติอังกฤษมาหลายปีและได้ชื่อว่าเป็นตัวตายตัวแทนคนสุดท้ายของเดวิด ซีแมนอีกด้วย เขาสร้างชื่อในช่วงเวลาของเขาที่อยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาได้ 2 สมัย แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาของเขากับซิตี้นั้นต้องพังทลายลงไปเมื่อเป็ป กวาร์ดิโอล่าย้ายเข้ามากุมบังเหียนของเรือใบสีฟ้า 7. เอเดอร์สัน โมราเอส – แมนเชสเตอร์ ซิตี้: จอมหนึบชาวบราซิลถือเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในอังกฤษและในยุโรปมาตลอด 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา เขาถูกคว้าตัวเข้ามาเพื่อแทนที่ของเคลาดิโอ บราโว่เพื่อเสริมแผนการเล่นแบบทิกิ-ทากะในแบบที่เป็ปต้องการ…

Read More

พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่น่าดึงดูดเหล่านักเตะชื่อดังมากที่สุดในโลก มันถือเป็นแหล่งของเหล่าซุปเปอร์สตาร์และดาวรุ่งพุ่งแรงของเกาะอังกฤษ นักฟุตบอลทุก ๆ คนฝันถึงการที่จะได้ย้ายมาค้าแข้งในลีกอังกฤษ ในขณะที่มีเพียงไม่มากนักที่ได้รับโอกาสในฝันนั้นและเข้ามาสร้างชื่อให้กับตัวของพวกเขาเอง ในขณะที่ยังมีนักเตะอีกหลายคนที่ถูกครอบงำด้วยความยากลำบากของการแข่งขันในลีก สโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเชลซีนั้นตกเป็นเป้าใหญ่ในการถูกล้อเลียนในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะทั้งสองสโมสรนั้นได้ทำการผลาญเงินไปกับการซื้อตัวนักเตะสุดแพงแต่กลับโชว์ฟอร์มได้อย่างย่ำแย่เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก ถึงแม้ว่าทีมอย่างลิเวอร์พูลกับอาร์เซน่อลก็อาจจะไม่ได้รับการยกเว้น และก็โดนล้อเลียนบ้างเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วตัวนักเตะที่พวกเขาซื้อมาร่วมทีมก็โชว์ฟอร์มได้ดีเลยทีเดียว ล่าสุดแล้วก็คงจะหนีไม่พ้นนักเตะเจ้าของแชมป์โลกทีมชาติฝรั่งเศสอย่างปอล ป็อกบา มิดฟิลด์เลือดน้ำหอมที่คอยคุมเกมในแดนกลางนั้นถูกเซ็นสัญญาเข้ามาร่วมทีมด้วยค่าตัวกว่า 90 ล้านปอนด์เพื่อฟื้นคืนชีพปิศาจแดง แต่อย่างไรก็ตาม เขากลับลงเล่นเหมือนหายใจทิ้งไปวันๆ ตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่กับผีแดงและสารคดี ‘ป็อกเมนทารี่’ ก็ยิ่งเป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของเขาได้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก อีกหนึ่งตัวอย่างที่ยังมาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกนั่นก็คืออังเคล ดิ มาเรีย ปีกพ่อมดชาวอาร์เจนไตน์นั้นเป็นนักเตะตัวหลักของเรอัล มาดริดก่อนที่จะย้ายมาค้าแข้งให้กับปิศาจแดงด้วยค่าตัวกว่า 59 ล้านปอนด์ เขาไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับทีมได้และถูกขายไปไวพอ ๆ กับตอนที่เขาย้ายมาร่วมทีมเลย ยังมีนักเตะอีกหลายคนที่กลายมาเป็นนักเตะที่ล้มเหลวในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราจะพาไปดู 10 นักเตะที่ได้รับความคาดหวังแต่กลับพังไม่เป็นท่ากัน นี่ถือเป็นเพียงบางส่วนของนักเตะที่ล้มเหลวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก 10. ปอล ป็อกบา – ยูเวนตุสไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงแม้ว่าห้องเครื่องจากแดนน้ำหอมจะมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมอยู่บ้างในช่วงเวลา 6 ปีของเขาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาไม่สามารถที่จะเล่นให้คุ้มค่าตัวของเขาได้ ช่วงเวลาของเขากับสโมสรปิศาจแดงนั้นเต็มไปด้วยการโต้เถียงในทั้งเรื่องของพฤติกรรมและความเป็นมืออาชีพของเขา เอเยนต์ของเขาอย่างมิโน่ ไรโอล่านั้นเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของการปั่นประเด็นและกระแสให้กับตัวนักเตะ ไปจนถึงเป็นตัวการที่ทำให้เขาไขว้เขว อย่างไรก็ตาม ตัวปอลเองก็ถูกมองว่าเป็นนักเตะที่ขาดความกระตือรือร้น ทัศนคติของเขาในการฝึกซ้อมและในสนามให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นทำให้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมของเขากับทีม ว่าตัวเขานั้นไม่เคยมุ่งมั่นและอุทิศตนให้กับการพัฒนาของสโมสรและดูเหมือนจะสนใจแต่เรื่องของตัวเองอยู่เสมอ ป็อกบา ซึ่งกำลังจะย้ายไปยูเวนตุสแบบฟรี ๆ นั้นอาจจะเป็นนักเตะพรสวรรค์ระดับโลกในพรีเมียร์ลีก แต่การที่เขาไม่เต็มที่กับทีมนั้นทำให้เขาเป็นอีกดีลที่เราเรียกว่าล้มเหลวได้อย่างเต็มปาก 9. เฟอร์นันโด ตอร์เรส – ลิเวอร์พูลไปเชลซี ดาวยิงจากแดนกระทิงดุถือเป็นหนึ่งในดาวยิงที่ดีที่สุดในโลกในตอนที่เขายังพีค ๆ ในสมัยที่เขายังค้าแข้งอยู่กับหงส์แดง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็ว, ความคล่องตัวและความคมในการจบสกอร์ที่ถล่มประตูให้ลิเวอร์พูลมามากมาย จากนั้นเขาถูกเชลซีคว้าตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัวถึง 50 ล้านปอนด์ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในพรีเมียร์ลีก ณ ขณะนั้นเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม การย้ายตัวของเขานั้นไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังและเขาก็ตกลงมาเป็นตัวสำรองและโดนขายทิ้งในที่สุด ศูนย์หน้าทีมชาติสเปนดีกรีรางวัลดาวซัลโวในยูโร 2008 นั้นต้องพบกับเวลาที่ยากลำบากกับเชลซีเนื่องจากความคาดหวังที่ถาโถมเข้ามาใส่ตัวเขา ซึ่งก็มีหลาย ๆ คนรู้สึกว่าความล้มเหลวของเขานั้นอาจเป็นผลมาจากคำสาปของนักเตะหมายเลข 9 ในถิ่นของสแตมฟอร์ด บริดจ์นั่นเอง 8. อันเดรย์ เชฟเชนโก้ – เอซี มิลานไปเชลซี เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ย้ายมาค้าแข้งในลอนดอนด้วยค่าตัวกว่า 30 ล้านปอนด์…

Read More

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เพียงเดือนเดียวหลังจากตลาดซื้อขาย (ฤดูหนาว) พอล สคัลลี่ ประธานสโมสร         กิลลิ่งแฮม เอฟซี สโมสรในลีกทูของอังกฤษ ลีกระดับที่ 4 ก็ได้ออกโรงมาพูดต่อพรีเมียร์ลีก ถ้อยคำแถลงการณ์ของเขา หรืออาจจะพูดได้ว่าเป็นการโวยวายของเขาว่าถึงการใช้จ่ายอย่างบ้าคลั่งของพรีเมียร์ลีกในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ ในช่วงเวลาที่ลีกดิวิชั่นล่างบางทีมกำลังพยายามดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอด คุณคงจะจำได้ว่าในช่วงเดือนมกราคมเดียวกันนั้น โบลตัน วันเดอร์เรอร์สต้องได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลของสหราชอาณาจักรจากการเข้าสู่สภาวะล้มละลายเป็นครั้งที่สองในรอบสามปี คุณคงจะนึกขึ้นได้ว่าดาร์บี้ เคาน์ตี้ก็ตกอยู่ในสภาวะล้มละลายและเป็นผลให้ถูกตัดไปถึง 21 คะแนนซึ่งทำให้พวกเขาตกชั้นจากลีกแชมเปี้ยนชิพลงมาเล่นในลีกวันทันที ท้ายที่สุดแล้ว คุณก็จะยังนึกถึงเบอร์รี่ เอฟซี หนึ่งในสโมสรที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษถูกขับไล่ออกจากวงการฟุตบอลอังกฤษในปี 2020 อันเป็นผลมาจากปัญหาทางการเงินของพวกเขา เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีความสำคัญกับสโมสรที่ลงเล่นในลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ เหล่าสโมสรที่ใช้เงินมหาศาลอย่างบ้าคลั่งเพื่อซื้อนักเตะและสตาฟฟ์จากสโมสรเล็กๆ เหล่านี้และกำลังทำลายพวกเขาอย่างรุนแรง ตัวเลขสุดบ้าคลั่งเบื้องหลังการใช้จ่ายในพรีเมียร์ลีก ในตลาดการซื้อขายช่วงเดือนมกราคม สโมสรในพรีเมียร์ลีกใช้เงินรวมกันในตลาดซื้อขายไปกว่า 295 ล้านปอนด์ นี่ถือเป็นจำนวนเงินใช้จ่ายที่สูงที่สุดในตลาดซื้อขายช่วงฤดูหนาวในลีกอาชีพทั่วยุโรป ที่ยิ่งน่าสนใจมากไปกว่านั้น ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีกได้ใช้เงินไปกับการซื้อขายทิ้งห่าง 5 ลีกระดับท็อปไปมากโขเลยล่ะ จำนวนเงินกว่า 5 พันล้านปอนด์ในตลาดซื้อขายของพวกเขานั้นเป็นจำนวนเงินมากกว่า 10 เท่าที่ลีกอื่นๆ ใช้จ่ายในช่วง 10 ปีหลัง ปัจจัยหลักของตัวเลขนี้คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดซึ่งเป็นคนใช้เงิน 1 พันล้านปอนด์และบางตัวก็ไม่เพียงแค่ล้มเหลวในการรับเสียงชื่นชมในเกมฟุตบอลแบบใดแบบหนึ่งในฟุตบอลอังกฤษหรือในยุโรป แต่ยังทำหน้าที่สร้างตลาดการซื้อขาย โดยเฉพาะในอังกฤษกับทีมที่ต้องดิ้นรนอีกด้วย นักเตะอย่างพอล ป็อกบา, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, เจดอน ซานโช่, โรเมลู ลูกากู, อังเคล ดิ มาเรียและอ็องโตนี่ มาร์กซิยาลได้ก้าวเข้ามาสู่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดด้วยค่าตัวรวมกันมากกว่า 500 ล้านปอนด์ ในตอนนั้น ค่าตัวของป็อกบาที่ราคา 89 ล้านปอนด์นั้นถือเป็นการทำลายสถิติค่าตัวสูงสุด ในขณะที่ค่าตัวของแม็คไกวร์ยังถือเป็นการทำลายสถิติค่าตัวนักเตะในตำแหน่งกองหลังอีกด้วย ตัวเลขดังกล่าวก็ดูน่าเกรงขามไม่แพ้ทีมอย่างเชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้และแม้แต่อาร์เซนอลที่ยังไม่เป็นที่สนใจของสื่อ แต่พวกเขาก็ได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลสำหรับการซื้อตัวนักเตะในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นเดียวกัน ตัวเลขการซื้อตัวในตลาดช่วงเดือนมกราคม 2022 ถึงแม้ว่ามันจะไม่แฟร์ที่จะเรียกร้องให้สโมสรต่าง ๆ ไม่ควรทำในสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่าจำเป็นต้องทำเพื่อความก้าวหน้าในสถานะของพวกเขาในวงการฟุตบอลและหาเงิน – ฟุตบอลคือธุรกิจ ท้ายที่สุดแล้ว – มันก็ไม่แฟร์ยิ่งกว่าในการที่ “เกมของทุกคน” ไม่ใช่เกมของทุกคนอีกต่อไป เพราะมีบาง “คน” ที่ไม่สามารถเข้าร่วมได้เพราะคนอื่นบางคนต้องการใช้ทรัพยากรของพวกเขาเพื่อทำให้พวกเขาตกต่ำลง ลิเวอร์พูลใช้เงินกว่า 50 ล้านปอนด์ในการเซ็นสัญญานักเตะเพียงคนเดียวอย่างหลุยซ์ ดิอาซ…

Read More

หากจะมีทีมใดในพรีเมียร์ลีกที่ต้องเผชิญกับการโดนถากถางจากเหล่านักวิจารณ์มากหน้าหลายตาอย่างไม่หยุดหย่อนแล้วล่ะก็ นั่นก็จะต้องเป็นท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์สอย่างแน่นอน เชื่อได้เลยว่าถ้าหากคุณตัดสเปอร์สออกจากการเป็นผู้ชิงแชมป์ในฤดูกาลหน้าก็จะไม่มีใครโกรธคุณเลย เพราะฟอร์มที่น่าผิดหวังตลอดมาของพวกเขา สโมสรจากลอนดอนเหนือนั้นยังไม่เคยมีโอกาสชูถ้วยแชมป์อีกเลยนับตั้งแต่ปี 2008 ในช่วงนั้น เลสเตอร์ ซิตี้ก็ผงาดขึ้นมาสร้างความตกตะลึงให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ แถมคู่ปรับร่วมเมืองของพวกเขานั้นก็ยังก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ลีกและแชมป์รายการอื่น ๆ อีกนับตั้งแต่ปี 1992 เป็นที่น่าสังเกตว่าในบรรดา 6 สโมสรชั้นนำ ท็อตแน่มเป็นทีมเดียวที่ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกหรือเอฟเอ คัพมาครองได้นับตั้งแต่ปี 1992 สถิติเหล่านี้และสถิติอื่น ๆ เป็นประเด็นที่นักวิจารณ์มักจะหยิบบกขึ้นมาในตอนที่มีการพูดคุยกันเรื่องสถานะของท็อตแน่มในวงการฟุตบอลอังกฤษ สเปอร์สล้มเหลวในหลายๆ ด้าน นอกเหนือจากยุคของเร็ดแน็ปป์ ซึ่งถือเป็นยุคที่ดีที่สุดของสโมสรในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาแล้ว เมาริซิโอ้ โปเช็ตติโน่ได้สร้างความหวังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาบ่มเพาะนักเตะดาวดังอย่างแฮร์รี่ เคนและเอริค ดายเออร์ นักเตะทั้งสองยังคงอยู่กับสโมสร แต่อย่างไรก็ตาม โชคร้ายที่เขาไม่สามารถใช้ฟอร์มอันน่าทึ่งในสนามเปลี่ยนให้เป็นถ้วยแชมป์ได้ เขาพาสโมสรไปถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกได้อย่างสุดยอด ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรนับตั้งแต่ยุค 80 จากนั้นก็เป็นโชเซ่ มูรินโญ่ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” ผู้จัดการทีมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ชนะต่อเนื่องก็มาถึง เขาได้ย้ายมาร่วมทีมหลังจากการที่โดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไล่ออกและถูกแทนที่โดยโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ความตื่นเต้นก็ลอยอบอวลจากการที่สโมสรแต่งตั้งผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสอย่างนูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ซึ่งโชว์ฟอร์มได้ดีมากกับวูล์ฟแฮมป์ตันและมีส่วนในการพาพวกเขา​ให้ขึ้นไปเป็นทีมระดับท็อปเท็นอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม เขาล้มเหลวในการสร้างความประทับใจให้กับสโมสรจากลอนดอนเหนือและก็ถูกไล่ออกอย่างรวดเร็ว การแต่งตั้งอันโตนิโอ คอนเต้ อดีตกุนซือเชลซีมาเป็นผู้จัดการทีมนั้นถูกมองว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของสโมสร ดังนั้นเขาจึงพาสโมสรจากที่จมอยู่ก้นบึ้งแห่งความล้มเหลวไปสู่ท็อปโฟร์ สเปอร์สพัฒนาขึ้นภายใต้การคุมทีมของคอนเต้ได้อย่างไร ในตอนที่ผู้จัดการทีมชาวอิตาลีย้ายเข้ามาสู่สโมสรนั้น ทางสโมสรถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ หนึ่งในหลาย ๆ นัดที่พวกเขาโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่ที่สุดคือเกมนัดที่แพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไป 0-3 ฟอร์มในนัดนั้นดูน่าสลดใจมากขึ้นไปอีกเมื่อคุณตระหนักถึงความจริงที่ว่าทีมที่พวกเขาแพ้นั้นมีฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 40 ปีเลยทีเดียว ก่อนที่จะแต่งตั้งคอนเต้เข้ามาคุมทีม ทางสโมสรมีปัญหาในทุกหนแห่งในสนาม พวกเขาเสียประตูง่ายๆ และในแดนกลางก็ร่อแร่ พวกเขามักจะพึ่งพาฟอร์มของคู่หูอย่างแฮร์รี่ เคนและซน ฮึง มิน ในตอนแรกที่คอนเต้เข้ามา สิ่งแรกที่เขาทำคือทำให้ทีมมั่นคงโดยปรับปรุงเรื่องสภาพความฟิตของทีม จากนั้นเขาก็หยุดการเสียประตูง่าย ๆ เขายังดึงเอาฟอร์มที่ดีที่สุดของซอน ฮึง มินออกมาอีกด้วย                        ในขณะเดียวกันก็เซ็นสัญญาคว้าตัวนักเตะใหม่เข้ามาในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม ซึ่งเป็นการกระตุ้นการแข่งขันภายในทีมเพื่อให้ติดท็อปโฟร์ การมาของคูลูเซฟสกี้และเบนตันคูร์จากยูเวนตุสและการหล่อหลอมทีมนำไปสู่การทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำและมีโอกาสมากขึ้นที่จะก้าวไปข้างหน้า สเปอร์สจะจัดการกับสโมสรยักษ์ใหญ่ทีมอื่นได้อย่างไร? สโมสรมีงานหนักอย่างแน่นอนในช่วงซัมเมอร์นี้ เหล่าผู้บริหารของสโมสรได้ตัดสินใจที่จะสนับสนุนคอนเต้ในตลาดซื้อขายนี้แล้ว บริษัทผู้มีส่วนได้ส่วนเสียส่วนใหญ่อัดฉีดเงินถึง 150 ล้านปอนด์ให้กับทางสโมสรเพื่อคว้าตัวนักเตะที่อยู่ในเป้าหมาย สโมสรได้ซื้อมิดฟิลด์ทีมชาติมาลีระดับคุณภาพอย่างอีฟ บิสซูม่า รวมถึงอีวาน…

Read More

ไม่มีข้อกังขาแน่นอนหากเราจะพูดว่าเป็ป กวาร์ดิโอล่า เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอย่างแน่นอน สถิติของเขามันฟ้องอยู่แล้วและมันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาสามารถเสกความสำเร็จได้ในทุกๆ ที่ๆ เขาไปคุมทีม ที่บาร์เซโลน่า เขาได้สร้างฟุตบอลสไตล์ที่ใคร ๆ ก็อยากรับชม และทำให้สไตล์ ‘ติกี้ ตาก้า’ โด่งดังไปทั่วโลก ในขณะที่เขาครองลีกสเปนและเป็นหนึ่งในสโมสรแนวหน้าของยุโรปด้วย ที่บาเยิร์น มิวนิค เขาก็ทำแบบเดียวกันโดยการทำลายสถิติหลายรายการและแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จของเขากับบาร์เซโลนาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การลงเล่นใน ‘ลีกที่ยากที่สุดในโลก’ กวาร์ดิโอล่าได้มาวาดลวดลายในพรีเมียร์ลีกและยังคงโชว์เครื่องหมายการค้าของเขาที่ทำลายสถิติมากมายอีกครั้ง นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาคุมทีมในปี 2016 เขาได้พาเรือใบสีฟ้าแล่นฉิวในวงการฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งพวกเขาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของห่วงโซ่อาหารและปล่อยให้สโมสรอื่นไล่หลัง แชมป์พรีเมียร์ลีกอีก 1 สมัยในฤดูกาลที่ผ่านมานั้นหมายความว่าตอนนี้ ซิตี้คว้าแชมป์ลีกได้ 4 สมัยในรอบ 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากวาร์ดิโอล่าจะหาประโยชน์ได้มากมาย แต่คำวิจารณ์ของเขาส่วนใหญ่มาจากความล้มเหลวของเขาในฟุตบอลระดับยุโรป พูดก็พูดเถอะ กวาร์ดิโอล่าได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกเพียง 2 สมัยเท่านั้นในอาชีพการคุมทีมของเขา กวาร์ดิโอล่าคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัยกับบาร์เซโลน่า ในปี 2009 และอีกครั้งเมื่อปี 2011 นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เขาชูถ้วยบิ๊กเอียร์ เนื่องจากเขาคว้าน้ำเหลวในรายการนี้กับบาเยิร์น มิวนิคและซิตี้ นับตั้งแต่แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2011 ซึ่งเป็นสมัยที่ 2 ของเขากับบาร์เซโลน่าแล้ว เขาก็ไม่เคยได้แชมป์รายการนี้อีกเลย เขาเคยเข้าใกล้ที่สุดในปี 2021 ซึ่งเขาพ่ายให้กับเชลซีในนัดชิงชนะเลิศ ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนนี้ กวาร์ดิโอล่าใช้เวลาอยู่ที่สโมสรแห่งนี้มา 6 ปีแล้ว – ถือเป็นสโมสรที่เขาอยู่นานที่สุดอีกด้วย – แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงล้มเหลวในการพาเรือใบคว้าแชมเปี้ยนส์ลีกสมัยแรกของสโมสรอยู่ดี  เสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขามีเงินเหลือเฟือให้ใช้ได้อย่างไม่จำกัด แต่เขาก็ยังล้มเหลว ถึงแม้ว่าจะมีอำนาจทางการเงินที่ดีที่สุดในยุโรปก็ตาม ทั้งหมดข้างต้นทำให้เกิดคำถาม ถึงเวลาแล้วรึยังที่ซิตี้ต้องบอกลากับผู้จัดการทีมชาวสเปน ถ้าเขาไม่สามารถพาเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกได้หลังจากพยายามมาแล้วถึง 7 ฤดูกาล ซิตี้ใกล้เคียงเอามาก ๆ แล้วแต่ก็ยังไม่ถึงเสียที เป็นเรื่องน่าขันที่จะคิดว่าในทศวรรษที่ผ่านมา ทุกสโมสรที่กวาร์ดิโอล่าเข้ามาคุมนั้นได้ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกทุกฤดูกาลในฐานะทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์มาเสมอ ผู้จัดการทีมชาวสเปนอาจจะครองลีกได้ในทุกๆ ลีก แต่ความสามารถในการใช้แท็คติกของเขามักทำให้เขา ‘คิดมาก’ มากเกินไป ตามที่แฟนๆ หลายคนเคยบอกเอาไว้ กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ความอกหักนั้นมีมากกว่าความผิดหวัง อันที่จริงแล้วในปี 2020 กวาร์ดิโอล่าไม่เคยพาเรือใบสีฟ้าผ่านรอบก่อนรองชนะเลิศในแชมเปี้ยนส์ลีกได้เลย…

Read More