- พรีวิวเลสเตอร์ vs แมนเชสเตอร์ซิตี้: ทีมในรูปแบบการปะทะกันที่สนามคิงเพาเวอร์สเตเดียม
- พรีวิวเอฟเวอร์ตัน vs น็อตติ้งแฮม: ทอฟฟี่ยินดีต้อนรับผู้ไล่ล่าประวัติศาสตร์
- รายงานอาร์เซนอล vs อิปสวิช 1-0: ชัยชนะที่แคบสำหรับพลปืนที่จะจบปีด้วยอันดับที่ 2
- รายงานไบรท์ตัน vs เบรนท์ฟอร์ด 0-0: นกนางนวลเจ้าบ้านเสมอโดยบีส์
- Niemann ยืนยันตำแหน่งในสนามสำหรับ International Series India
- ตัวเลือกอันดับต้นๆ ของ FPL สำหรับ Gameweek 19
- รายงานลิเวอร์พูล vs เลสเตอร์ซิตี้ 3-1: หงส์แดงขึ้นนำเหนือกว่าด้วยการชนะคัมแบ็ก
- รายงานน็อตติงแฮมฟอเรสต์ vs ท็อตแนม 1-0: ชนะอย่างแคบสำหรับแพ็คเกจเซอร์ไพรส์ของเปรม
Author: admin
พรีเมียร์ลีกก็ลงฟาดแข้งกันมาเกือบจะถึงครึ่งทางของฤดูกาลแล้ว และสัปดาห์ล่าสุดก็เต็มไปด้วยเหตุการณ์และการแข่งขันสุดเร้าใจมากมายไม่ว่าจะเป็นคู่ไหนก็ตาม ความสำคัญของแต่ละเกมมันค่อย ๆ มากขึ้นและจะเห็นผลมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลที่หลาย ๆ ทีมจะต้องรู้สึกกดดันไม่น้อย แมตช์การแข่งขันมากมายทั้งบอลลีกและบอลถ้วยจะเข้ามาหานักเตะอย่างไม่ขาดสายชนิดแทบไม่ได้พักกันอย่างแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะยังเปลี่ยนแปลงกันได้ ตอนนี้เราก็พอจะเห็นภาพกันแล้วว่าใครจะเป็นตัวเต็งที่จะลุ้นแชมป์ ไปบอลยุโรป หรือตกชั้นไป เพราะการต่อสู้ในทั้งสามโซน การลุ้นแชมป์ในโซนหัวตาราง การแย่งโควต้าบอลยุโรปในโซนกลางตาราง และการหนีตกชั้นในโซนท้ายตารางนั้นต่างก็ดุเดือดไม่แพ้กันเลย เพราะทุกทีมต่างก็พยายามจะคว้าทุกแต้มที่เป็นไปได้เพื่อบรรลุเป้าหมายในฤดูกาลนี้ของพวกเขาให้จงได้ อย่างไรก็ดี ในบทความนี้เราจะเน้นไปที่การต่อสู้บริเวณหัวตารางมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องการแย่งแชมป์ในฤดูกาลนี้ ในฤดูกาลที่มีเรื่องช็อคแฟนบอลมากมายฤดูกาลนี้ สามทีมในตำแหน่งท็อปโฟร์ของลีกตอนนี้ไม่ได้จบในอันดับโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลก่อนด้วยซ้ำ และเช่นเดียวกัน สามทีมเจ้าของท็อปโฟร์ในฤดูกาลก่อนก็กำลังมีปัญหาอย่างหนักเลยล่ะ และหลังจากที่ทุกเกมในคิวเตะสัปดาห์ก่อนจบลง วันนี้เราจะมาดูและลองวิเคราะห์ผลคู่ต่าง ๆ (ที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว) ว่าผลการแข่งขันในสัปดาห์นี้จะส่งผลต่อการลุ้นแชมป์อย่างไรบ้าง และอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ อาร์เซนอลเปิดหัวเลกสองได้อย่างยอดเยี่ยม หยุดสถิติไร้ชัยเหนือไก่เดือยทองได้สำเร็จ อาร์เซนอลในตอนนี้เหมือนกับทีมต่างดาวไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครหยุดพวกเขาได้เลยในตอนนี้ ในเกมที่ผ่านมา พวกเขาบุกไปเยือนเพื่อนบ้านคู่ปรับตลอดกาลทื่อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรอย่างท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ทีมที่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะหรือเก็บคลีนชีตได้เลยในเจ็ดครั้งล่าสุดที่เจอกัน แต่ในครั้งนี้พวกเขากลับทำได้ทั้งสองอย่าง ทั้งกลับบ้านพร้อมสามคะแนนเต็มแถมเก็บคลีนชีตได้ด้วย ถ้านี่ยังไม่ใช่คุณสมบัติและฟอร์มของทีมที่เป็นเต็งแชมป์ล่ะก็ เราก็ไม่รู้แล้วล่ะว่าฟอร์มระดับแชมป์มันจะขนาดไหน ความผิดพลาดของฮูโก้ โยริสในนาทีที่ 14 ทำให้อาร์เซนอลออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว แต่ถึงจะนำไปแล้วทัพปืนใหญ่ก็ยังโหมบุกใส่และกดดันแนวรับของเจ้าบ้านอย่างต่อเนื่อง จนเอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ โธมัส ปาร์เตย์ เกือบจะยิงได้ โดยรายหลังวอลเลย์นอกกรอบแบบสุดสวย น่าเสียดายที่ลูกดันไปชนเสา แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็มาได้มาร์ติน โอเดการ์ดที่ทำประตูให้ทีมนำห่างออกไปอยู่ดี ทีมไก่เดือยทองกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้นในครึ่งหลัง และเจาะเกมรับอาร์เซนอลได้บ่อยครั้ง แต่อารอน แรมส์เดล ก็ยังเอาอยู่ โชว์ผลงานเซฟสวย ๆ ได้ทุกครั้งที่เพื่อนร่วมทีมของเขาพลาดท่า ลูกทีมของมิเกล อาร์เตต้าแสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจของผู้ชนะออกมาให้เห็นตลอด และไม่เคยตื่นตระหนกเลยแม้ว่าสนามจะเต็มไปด้วยกองเชียร์ทีมคู่แข่ง ผลการแข่งขันในเกมนี้มันได้แสดงออกมาแล้วว่าอาร์เซนอลเป็นทีมที่ทนต่อแรงกดดันได้แบบสบาย ๆ ผลจากสามคะแนนเต็มในนัดนี้ยังทำให้พวกเขาเพิ่มระยะห่างเหนืออันดับสองเป็นแปดคะแนนด้วย และการันตีว่าจะได้เป็นผู้กุมชะตาของตัวเองอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็จนถึงนัดที่ต้องตัดแต้มกับทีมเรือใบสีฟ้าแบบทางตรง ความพ่ายแพ้ในเกมนี้คือการปิดประตูแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลยหรือเปล่า แน่นอนว่าไม่ แต่ความเป็นจริงก็คืออาจจะใช่ก็ได้ ความพ่ายแพ้ต่ออริร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นช่างเป็นความพ่ายแพ้ที่ทำลายความมั่นใจของทีมเรือใบสีฟ้าเหลือเกิน ไม่ใช่เพียงเพราะว่าพวกเขาแพ้หรือเพราะมีจังหวะปัญหาในลูกตีเสมอของทีมปีศาจแดงเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของฟอร์มการเล่นโดยรวมของทีมมากกว่า พลพรรคเรือใบสีฟ้าครองบอลได้ถึง 71% ในเกมนี้ แต่แทบจะไม่มีจังหวะไหนเลยในเกมนี้ที่พวกเขาได้ครองเกม ช่วงที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นช่วงต้นครึ่งหลัง ที่พวกเขาหาจังหวะขึงบุกใส่ทีมปีศาจแดงได้ และเป็นแจ็ค กรีลิช ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาใช้จังหวะนี้ทำประตูขึ้นนำให้ทีมได้สำเร็จ หลังเกมผ่านไปราว 60 นาที ฟิล โฟเด้น ยังคงหาฟอร์มเก่งของตัวเองไม่เจอจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาทีที่ 57…
แมนเชสเตอร์ ซิตี้พบว่าพวกเขาเองนั้นกำลังอยู่ในสถานการณ์แปลก ๆ ฟอร์มสุดห่วยในช่วงที่ผ่านมาของพวกเขาและเกมที่พวกเขาออกไปเยือนและพ่ายให้กับเซาแธมป์ตันในเกมคาราบาวคัพสร้างความกังวลใจให้กับเหล่าแฟนบอลของพวกเขา ถึงแม้ว่าทีมเรือใบสีฟ้าจะใช้ทีมชุดผสมลงเล่นในเกมนั้น แต่หลายฝ่ายก็พอจะจินตนาการได้ว่าพวกเขานั้นมีคุณภาพเพียงพอที่จะจัดการคู่แข่งได้ แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ก่อนจบเกมการแข่งขัน ทีมเรือใบสีฟ้าจัดการส่งนักเตะตัวจริงอย่างเควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกันและเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ลงสนาม แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างโอกาสยิงตรงกรอบใส่เซาแธมป์ตันได้เลย ในการที่จะหาเหตุผลถึงฟอร์มอันย่ำแย่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในช่วงหลัง ๆ นั้น แฟนบอลบางส่วนกับเหล่าคนที่ไม่ได้แฟนของทีมเรือใบสีฟ้านั้นเชื่อว่าการมาของเออร์ลิ่ง ฮาลันด์อาจจะเป็นหนึ่งในตัวแปรของฟอร์มที่ย่ำแย่นี้อยู่ก็เป็นได้ ก่อนอื่นเลย มันอาจจะฟังดูไม่สมเหตุผลสมผลซักเท่าไหร่ที่จะบอกว่านักเตะที่พึ่งยิงประตูในลีกไปแล้ว 21 ประตูจาก 16 เกมนั้นจะกลายมาเป็นตัวปัญหาของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ในขณะเดียวกัน คู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นก็ออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างสุดห่วยที่สุดในยุคของพรีเมียร์ลีกโดยการมีคริสเตียโน่ โรนัลโด้เป็นดาวซัลโวของพวกเขา ฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นไม่ได้ย่ำแย่เท่ากับฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลที่แล้วเลย แต่คำถามในตอนนี้ก็คือว่าฮาลันด์ได้เข้ามายกระดับทีมเรือใบสีฟ้าหรือไม่ มันอาจเป็นคำถามง่าย ๆ แต่คำตอบนั้นไม่ได้ง่ายแบบนั้นเลย ฮาลันด์ส่งผลกระทบต่อการพังประตูและการสร้างโอกาสในการทำประตูอย่างไรบ้าง? ฟอร์มการพังประตูที่ยอดเยี่ยมของฮาลันด์ในฤดูกาลนี้ เช่นเดียวกับการพังสถิติการทำประตูมากมายของเขานั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับแฟนบอลในพรีเมียร์ลีกอีกต่อไปแล้ว สถิติการพังประตูของเขานั้นยอดเยี่ยมและดูเป็นธรรมชาติเอามาก ๆ ทีมถูกสร้างขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้รับการป้อนบอลและพังประตูมากมายเท่าที่เขาจะทำได้ ด้วยการที่มันเป็นเช่นนี้ มันก็เป็นปกติที่อัตราการพังประตูของนักเตะบางคนจะลดลงไปเช่นกัน ตามสถิติดังกล่าว พวกเราเปรียบเทียบกับจำนวนประตูเช่นเดียวกับประตูที่คาด (x ต่อประตู) ระหว่างฤดูกาลนี้กับฤดูกาลที่แล้วหลังจากที่ผ่านไปแล้ว 17 เกมเพื่อดูว่าการมาของฮาลันด์นั้นสร้างอิมแพคที่ดีหรือแย่ให้กับทีมกันแน่ สถิติการพังประตูของแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อเปรียบเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว หลังจากที่ผ่านไป 17 เกมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้พังประตูไปแล้ว 40 ประตูจากอัตราประตูที่คาดที่ 40.86 ประตู ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานไปน้อยกว่า 1 ประตูด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลนี้ พวกเขาทำไปแล้ว 45 ประตูพร้อมกับอัตราประตูที่คาดที่ 38.99 ประตู ซึ่งถือว่ามากกว่าอัตราประตูที่คาดของพวกเขา 6 ประตู เมื่อพูดถึงแค่เรื่องของการทำประตู คุณอาจจะบอกได้ว่าฮาลันด์เข้ามาเพิ่มจำนวนประตูได้มากขึ้นถึง 5 ประตู ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น จากนั้น เมื่อคุณลองดูไปที่อัตราของประตูที่คาดเมื่อผ่านไป 17 เกมแล้วนั้นแสดงให้เห็นว่าจำนวนการพังประตูของแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นมีความสม่ำเสมอ แต่อย่างไรก็ตาม ฟอร์มในฤดูกาลนี้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีโอกาสที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นจะขาดการทำประตูอย่างสม่ำเสมอลงในไม่ช้าก็เร็ว โดยส่วนตัวแล้ว ฮาลันด์พังประตูไปแล้ว 21 ประตูจาก 16 เกมที่ลงสนามด้วยอัตราประตูที่คาดที่ 15.81 นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาพังประตูไปเกินจำนวนประตูที่คาดถึง 5…
ผลการแข่งขันที่คาด คริสตัล พาเลซ 0-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในคืนวันพุธที่จะถึงนี้ คริสตัล พาเลซ จะต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในทีมกำลังฟอร์มร้อนแรงที่สุดในลีกในขณะนี้ ทีมปราสาทเรือนแก้วจะกลับมาลงเล่นในรังเหย้าของพวกเขาอีกครั้งในเกมนี้ หลังบุกไปแพ้เชลซีมา 1-0 ในเกมก่อน พวกเขาจะหวังให้โชคเข้าข้างพวกเขาบ้างในเกมนี้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะนี่เป็นการเจอกับทีมบิ๊กซิกซ์ครั้งที่สามแล้วในรอบสี่เกมหลัง อย่างน้อยพวกเขาก็ควรมีลุ้นที่จะทำแต้มจากทีมใหญ่ได้บ้าง อีกด้านหนึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทีมเยือนก็น่าจะหวังพึ่งฟอร์มที่กำลังเข้าฝักของพวกเขาให้เก็บชัยชนะในเกมลีกได้อีกครั้งเหมือนเคย หลังจากโชว์ฟอร์มคัมแบ็คมาปราบคู่ปรับอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้สำเร็จเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกทีมของเอริก เทน ฮากก็น่าจะอยากที่จะลงเล่นนัดต่อไปเต็มแก่แล้ว เกร็ดน่ารู้ ก่อนจะลงเตะเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชนะมาห้านัดรวดในศึกพรีเมียร์ลีก และหากนับแบบรวมทุกรายการ พวกเขาชนะรวดมาเก้านัดแล้ว ทีมปีศาจแดงยังไม่ทำแต้มหลุดมือเลยแม้แต่แต้มเดียว นับตั้งแต่แพ้ให้กับแอสตัน วิลล่าไป 3-1 เมื่อเดือนพฤษจิกายนที่ผ่านมา ส่วนคริสตัล พาเลซ แพ้ทุกนัดที่พวกเขาลงเล่นในสามนัดล่าสุดรวมทุกรายการ หนำซ้ำความพ่ายแพ้สองจากสามนัดนั้นยังเป็นความพ่ายแพ้แบบคาบ้านด้วย ในสองนัดที่ว่า พวกเขาเสียไปถึงเจ็ดประตูและยิงคืนไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว ฟอร์ม: คริสตัล พาเลซ พลพรรคปราสาทเรือนแก้วแพ้มาสามนัดติดแล้ว แต่เอาเข้าจริง ๆ โปรแกรมการลงเตะของพวกเขานั้นมันช่างนักหนาเหลือเกิน และในเกมนี้คู่แข่งก็ไม่ได้เบาไปกว่าเดิมเลย พวกเขาจะต้องเจอกับศึกหนักอีกครั้ง เมื่อทีมปีศาจแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์จะบุกมาเยือนพวกเขาในวันพุธนี้ พวกเขารั้งอันดับที่ 12 ของตารางอยู่ในขณะนี้ ยังทิ้งระยะห่างเหนือโซนตกชั้นอยู่เจ็ดคะแนน ซึ่งทำให้ไม่ว่าผลในเกมวันพุธนี้จะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังถือว่าค่อนข้างปลอดภัยและไกลจากการหนีตกชั้นมาก อย่างไรก็ดี ลูกทีมของปาทริค วิเอร่าน่าจะต้องรีบเรียกฟอร์มเก่งกลับมาให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่ปัญหาทุกอย่างมันจะใหญ่จนสายเกินแก้ ฟอร์ม: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมปีศาจแดงชนะรวดมาทุกนัดที่พวกเขาลงเตะนับตั้งแต่จบช่วงพักเบรกฟุตบอลโลก ซึ่งถ้านับต่อมาจากก่อนช่วงพักเบรกด้วยล่ะก็ พวกเขาไม่แพ้ใครในลีกมาห้าเกมติดกันแล้ว หลังจากกลับมาเอาชนะทัพเรือใบสีฟ้าได้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ปีศาจแดงของเอริก เทน ฮากเก็บชัยชนะในลีกได้ 12 เกมแล้ว และ 20 นัดรวมทุกรายการ ตัวเลขดังกล่าวนั้นมีความสำคัญตรงที่ว่าเมื่อฤดูกาลก่อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเก็บชัยชนะในลีกได้ 16 เกม และ 20 ครั้งรวมทุกรายการ ในตอนนี้ หลังผ่านครึ่งฤดูกาลมาไม่นาน พวกเขาก็ตามหลังสถิติชนะของฤดูกาลก่อนอยู่แค่สี่ครั้งเท่านั้น นี่น่าจะพอแสดงให้เห็นได้ว่าทีมปีศาจแดงพัฒนาขึ้นมามากแค่ไหน และแน่นอนว่าพวกเขาก็มีโอกาสสูงที่จะเพิ่มสถิตินั้นเป็น 21 นัดรวมทุกรายการ ในเกมต่อไปที่พวกเขาจะเดินทางไปเยือนเซลเฮิร์สต์ พาร์ค ของคริสตัล พาเลซ สถิติระหว่าง…
ความพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้นอกบ้านในเกมเอฟเอ คัพนั้นทำให้เชลซีแพ้ให้กับทีมเรือใบสีฟ้าเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกันและแพ้เป็นเกมที่ 7 จาก 9 เกมหลังสุด นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับทีมสิงห์บลูส์อย่างแน่นอน มันเป็นฟอร์มสุดห่วยที่ทำให้แฟนบอลของเชลซีหัวเสียเป็นอย่างมาก กองเชียร์กลุ่มหนึ่งที่เคยชินกับการคว้าชัยชนะนั้นแทบจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสิ่งที่พวกเขาเห็นจากทีมสิงโตน้ำเงินครามอันเป็นที่รักของพวกเขา แฟน ๆ ต่างพากันตื่นตระหนกและเหล่าตัวนักเตะเองก็ต่างกัน ท่ามกลางเรื่องราวทั้งหมดนั่นก็คือเกรแฮม พอตเตอร์ ผู้จัดการทีมที่ผงาดขึ้นมาในวงการฟุตบอลและได้รับคำชื่นชมจากหลาย ๆ ฝ่ายนั้นได้รับรางวัลจากผลงานอันยอดเยี่ยมของเขากับไบรท์ตัน เมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของเชลซีเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว การเข้ามาของเขายังถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์นั้นได้รับการต้อนรับด้วยปฏิกิริยาที่หลากหลายจากแฟนบอลเชลซี บางคนก็ยังชอบโธมัส ทูเคิ่ล ผู้ที่เคยพาสิงห์บลูส์คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีกให้กับพวกเขาเมื่อปีก่อนมากกว่า ในขณะที่อีกด้านก็พร้อมที่จะสนับสนุนผู้จัดการทีมคนใหม่ของพวกเขา เชลซีเก็บชัยชนะได้ 6 จาก 9 นัดแรกภายใต้การคุมทีมของพ็อตเตอร์ แถมชัยชนะ 2 จาก 6 เกมนี้ยังเป็นการเอาชนะทีมอย่างเอซี มิลานได้ในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกด้วย จุดเริ่มต้นของฟอร์มอันย่ำแย่ เส้นทางของพ็อตเตอร์เหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ จนกระทั่งเชลซีได้บุกไปเยือนไบรท์ตัน สโมสรเก่าของเกรแฮม พ็อตเตอร์ ไบรท์ตันเอาชนะเชลซีไปได้ด้วยสกอร์ถึง 4-1 ในเกมที่เชลซีนั้นสู้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อยและต้องกลับบ้านไปอย่างน่าอับอาย และด้วยเหตุนี้จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของฟอร์มอันย่ำแย่พวกเขา เชลซีแพ้ไปอีก 3 เกมก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มต้นขึ้น และพวกเขาคงรู้สึกดีเป็นอย่างมากที่ได้โอกาสในการกลับมาเริ่มต้นใหม่หลังช่วงพักเบรกอีกครั้ง พวกเขากลับมาเจอกับบอร์นมัธที่กำลังดิ้นรนหนีตายและทำผลงานได้ดีโดยการเอาชนะบอร์นมัธไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 แต่บอร์นมัธก็ยังคงมีโอกาสยิงเข้ากรอบถึง 4 ครั้งด้วยกัน พวกเขาไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนได้เลยในการเผชิญหน้ากัน 3 เกมหลังสุดและความพ่ายแพ้อย่างถาโถมในเกมนัดล่าสุดของพวกเขานั้นก็ทำให้มีแฟนบอลออกมาเรียกร้องให้ไล่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ออกได้แล้ว ผู้จัดการทีมเชลซีคนปัจจุบันอย่างพ็อตเตอร์กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะเขาจะต้องคอยโชว์ฟอร์มให้ได้เหมือนหรือใกล้เคียงกับผู้จัดการทีมระดับที่พาทีมเชลซีคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้วอย่างโธมัส ทูเคิ่ล กุนซือที่เป็นที่รักของแฟนบอลเชลซีส่วนใหญ่และการที่เขาถูกไล่ออกนั้นก็สร้างความตกใจให้กับพวกเขาอย่างมากเช่นกัน สถานการณ์ความกดดันในการจะถูกไล่ออกนั้นไม่ใช่ความผิดของพ็อตเตอร์เลยและความจริงก็คือทีมเชลซีนั้นมีแนวโน้มที่จะตกต่ำลงอยู่แล้ว ตั้งแต่ในช่วงท้ายยุคทูเคิ่ล เมื่อคุณลองเทียบ 18 เกมสุดท้ายของโธมัส ทูเคิ่ลในฐานะกุนซือเชลซีกับ 18 เกมแรกของเกรแฮม พ็อตเตอร์ คุณจะเห็นได้ถึงความคล้ายคลึงกันอย่างชัดเจน ผู้จัดการทีมทั้ง 2 คนมีอัตราการคว้าชัยชนะอยู่ที่ 44% โดยทีมของทูเคิ่ลทำประตูได้มากกว่า (24 ประตู) และทีมของพ็อตเตอร์เสียประตูน้อยกว่า (19 ประตู) โดยผู้จัดการทีมทั้ง 2 คนนั้นต่างพาทีมเอาชนะไปได้ 8 เกมเท่ากัน นั่นคือจากสถิติตลอด 36…
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังเพลิดเพลินกับสถิติไร้พ่ายอยู่ในขณะนี้ พวกเขายังไม่แพ้ใครเลยนับตั้งแต่ลีกกลับมาฟาดแข้งใหม่หลังจากจบฟุตบอลโลกและพวกเขาก็ได้ทำมผลงานที่ยอดเยี่ยมตลอดช่วงไร้พ่ายนี้ ถึงแม้ว่าจะผ่านมาเพียงแค่ครึ่งฤดูกาล แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็มาไกลจากตอนแรกเอามาก ๆ แล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเก็บชัยชนะเกมในลีกไปแล้ว 11 เกมในฤดูกาลนี้หลังจากลงเล่นไป 17 เกมและตอนนี้มีแต้มเฉลี่ยอยู่ที่เกมละ 2 แต้ม เมื่อคุณเปรียบเทียบตัวเลขเหล่านี้กับฤดูกาลที่แล้ว คุณจะเห็นการพัฒนาที่ชัดเจน ในฤดูกาลก่อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเก็บชัยชนะไปได้เพียง 16 เกมตลอดทั้งฤดูกาล และทำได้แต้มเฉลี่ยได้ 1.5 คะแนนต่อเกมเท่านั้น ปีศาจแดงของเทน ฮากกำลังแซงหน้าตัวพวกเขาเองในฤดูกาลที่แล้วไปได้อย่างสบาย ๆ เลยล่ะ มันเป็นเวลาเกือบจะครึ่งฤดูกาลแล้วที่เอริค เทน ฮากเข้ามากุมบังเหียนในฐานะผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและในบทความนี้เราจะมาประเมินการคุมทีมของเขาจนถึงตอนนี้และลองมองถึงความสำเร็จของเขาที่ทำไว้ให้กับทีมปีศาจแดงกัน พาทีมกลับมาได้จากการออกสตาร์ทฤดูกาลที่ยากลำบาก หลังจากปรีซีซั่นที่แข็งแกร่งซึ่งรวมถึงชัยชนะเหนือลิเวอร์พูล 4-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เข้าสู่ฤดูกาลใหม่ด้วยความหวังและความเชื่อมากมาย ถึงแม้ว่าจะมันจะเป็นแค่ช่วงพรีซีซั่น แต่แฟน ๆ ก็ได้เห็นทีมของพวกเขาเล่นฟุตบอลสไตล์ที่พวกเขามีความสุข ซึ่งเรื่องนี้ทำให้พวกเขามีความหวังขึ้นมา แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ในนัดแรกของฤดูกาลกับไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยนของเกรแฮม พ็อตเตอร์ พวกเขากลับพ่ายแพ้ไปอย่างน่าอับอาย ความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ 2-1 นั้นทำให้พวกเขากลับมานึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ผิดพลาดในฤดูกาลที่แล้ว ความหวังและการมองโลกในแง่ดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงพรีซีซั่นได้รับผลกระทบอย่างจัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดออกเดินทางไปเยือนเบรนท์ฟอร์ดในสัปดาห์ต่อมาและพบกับผลการแข่งขันที่น่าอัปยศอีกครั้ง ความพ่ายแพ้ยับเยิน 4-0 ในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโดนข่มยับอีกครั้งนั้นได้ส่งสัญญาณเตือนภัยให้ดังขึ้นอีกระลอก เอริค เทน ฮากกลายเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคนแรกที่แพ้ 2 เกมแรกในการคุมทีมและผลการแข่งขันก็ทำให้แฟน ๆ สรุปได้ว่าฤดูกาลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นจบลงแล้ว แม้ว่าทีมจะลงเล่นไปเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น หลังจากความพ่ายแพ้ต่อเบรนท์ฟอร์ด เทน ฮากรับผิดชอบต่อฟอร์มการเล่นของทีมและบอกว่าทีมไม่ได้ลงเล่นด้วยความเชื่อ คำพูดเหล่านั้นฟังดูเหมือนคำพูดที่คุ้นเคยกันดีสำหรับแฟนบอลของสโมสรและราวกับว่าทุกอย่างจะไม่มีทางเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องเผชิญหน้ากับลิเวอร์พูลในเกมนัดต่อไป ทุกคนคงจะให้อภัยคุณในฐานะแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากคุณรู้สึกกังวลเล็กน้อยก่อนเกมที่จะเจอกับลิเวอร์พูลในคืนนั้น แต่ทีมกลับทำผลงานได้ดีที่สุดในรอบปีด้วยชัยชนะเหนือคู่อริตัวฉกาจไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 ทันใดนั้น สิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มที่จะสมเหตุสมผลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นกระบวนการเท่านั้น ฤดูกาลนี้ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องไปต่อ แต่คุณเห็นได้ชัดว่าถึงแม้ว่าพวกเขาจะพบกับความปราชัยตั้งแต่เริ่มฤดูกาล แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็กลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งกว่าเดิมในช่วงเดือนสิงหาคม สถิติที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่อาจไม่สามารถทำได้ในปีที่แล้ว แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นทีมที่สามารถเอาชนะทีมที่พวกเขาควรจะเอาชนะได้ นี่จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขาหากพวกเขาต้องการที่จะอยู่ในท็อปโฟร์ในช่วงที่เหลือของฤดูกาล ได้รับความเคารพจากเหล่านักเตะ ก่อนที่เขาจะย้ายมาคุมแมนเชสเตอร์…
ผลการแข่งขันที่คาด ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 2-3 อาร์เซนอล เย็นวันอาทิตย์นี้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของอาร์เซนอลในเกมลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ที่ดุเดือดที่สุดอีกเกมในประวัติศาสตร์ ลูกทีมของอันโตนิโอ คอนเต้พ่ายไปแบบสู้ไม่ได้ในเกมนัดแรกที่ทั้งสองทีมเจอกันไปด้วยสกอร์ 3-1 พวกเขาจะมองหาโอกาสในการแก้แค้นในเกมนัดนี้และหวังที่จะเก็บผลการแข่งขันโดยเปลี่ยนโอกาสการคว้าแชมป์ของทีมปืนใหญ่และหวังที่จะขยับเข้าใกล้พื้นที่ท็อปโฟร์อีกครั้ง อีกฝั่งหนึ่งอย่างอาร์เซนอลนั้นก็รู้ดีว่าเกมนี้ก็เป็นเหมือนกับทุก ๆ เกมต่อจากนี้ ซึ่งก็คือเกมที่พวกเขาจำเป็นจะต้องเก็บชัยชนะให้ได้หากพวกเขาหวังที่จะรักษาระยะห่างกับทีมเรือใบสีฟ้าที่กำลังจี้เข้ามา พวกเขาจำเป็นจะต้องโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมออกมาแบบที่พวกเขาเคยทำได้ในช่วงต้นฤดูกาล ในตอนที่พวกเขาเอาชนะท็อตแน่มไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก ในเกมนี้ พวกเขาจะเป็นฝ่ายออกไปเยือนบรรยากาศของสนามของทีมคู่ปรับร่วมเมืองลอนดอนอีกด้วย ทั้งสองทีมน่าจะลุ้นเต็มที่ไปกับผลการแข่งขันของเกมดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ที่จะลงแข่งก่อนหน้าพวกเขา 1 วันอีกด้วย เกร็ดน่ารู้ อาร์เซนอลมีสถิติไร้พ่ายในลีก 11 เกมติดต่อกันเข้าให้แล้ว โดยแบ่งเป็นชัยชนะไปถึง 9 เกมและเสมอเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์เป็นทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ในลีกในฤดูกาลนี้โดยพังไปแล้ว 37 ประตู มีเพียงอาร์เซนอลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 ทีมที่อยู่หัวตารางเท่านั้นที่ทำประตูได้มากกว่าพวกเขา ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์แพ้ไปถึง 3 จาก 4 เกมหลังสุดในเกมพรีเมียร์ลีกที่พวกเขาลงเล่นในบ้าน (ชนะ 1) โดยพวกเขาเก็บชัยชนะในบ้านได้ถึง 8 เกมก่อนหน้านี้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์เอาชนะในเกมลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ในบ้านได้เพียงเกมเดียวจาก 5 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก โดยชัยชนะนัดเดียวของพวกเขานั้นเกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ในเกมที่พวกเขาเอาชนะฟูแล่มไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 ในเดือนกันยายน อาร์เซนอลแพ้ไปเพียงแค่เกมเดียวตลอด 18 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก โดยเป็นการเก็บชัยชนะไปได้ถึง 15 นัด (เสมอ 2) แน่นอนว่าทีมปืนใหญ่ยิงประตูได้ทุกนัดตลอด 18 เกมนั้น โดยเพิ่งกระสุนด้านในเกมล่าสุดที่พึ่งเสมอกับนิวคาสเซิ่ลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง อาร์เซนอลยังคงไม่แพ้ใครตลอด 6 เกมหลังสุดที่ลงเล่นในฐานะทีมเยือนในพรีเมียร์ลีก (ชนะ 5 เสมอ 1) โดยเก็บคลีนชีทไปได้ถึง 4 เกมอีกด้วย ฟอร์ม: ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเปอร์จะมองหาโอกาสในการเก็บชัยชนะในลีกได้เป็นนัดที่ 2 ติดต่อกันหลังจากที่พวกเขาบุกไปเก็บ 3 คะแนนได้ถึงถิ่นเซลเฮิร์สท์ ปาร์คเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขากลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีในช่วงครึ่งหลังโดยพังไปถึง 4 ประตูหลังจากที่โชว์ฟอร์มไม่เข้าขากันเลยตลอดในช่วงครึ่งแรก นั่นถือเป็นชัยชนะนัดแรกในลีกนับตั้งแต่ที่เกมสโมสรกลับมาฟาดแข้งกันและมันยังถือเป็นชัยชนะเพียงนัดที่…
ผลการแข่งขันที่คาด เชลซี 1-1 คริสตัล พาเลซ เชลซียังอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงในขณะนี้ ขณะนี้ทัพสิงห์บลูอยู่ในอันดับที่ 10 ของตารางและตามหลังโซนแชมเปี้ยนส์ลีกอยู่ถึงสิบคะแนน ในช่วงเวลาที่ทีมคู่แข่งใหญ่ ๆ ของพวกเขาต่างก็ทำแต้มได้อย่างต่อเนื่อง เชลซีกลับทำแต้มหล่นเป็นว่าเล่นด้วยฟอร์มที่ทำให้แฟน ๆ หงุดหงิดกับผู้จัดการทีมเป็นอย่างมาก ถึงเกรแฮม พ็อตเตอร์ จะเข้ามาคุมทีมได้ไม่นานนัก แต่ดูเหมือนว่าอนาคตของเขาจะเริ่มไม่แน่นอนซะแล้ว ในทางกลับกัน คริสตัล พาเลซ คู่แข่งของพวกเขานั้นไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องปวดหัวเลย ตอนนี้ทีมปราสาทเรือนแก้วของปาทริค วิเอร่าอยู่ในอันดับที่ 12 ของตาราง ตามหลังเชลซีอยู่เพียงสามคะแนน และทิ้งห่างโซนตกชั้นอยู่ถึงเจ็ดคะแนน ถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างมากสำหรับทีมระดับพวกเขาที่มาถึงจุดนี้ได้ด้วยการเล่นฟุตบอลเกมรุกที่น่าตื่นตาตื่นใจ พลพรรคปราสาทเรือนแก้วน่าจะหวังสูงได้เลยในเกมนี้กับเชลซีที่กำลังฟอร์มตกอย่างหนัก และน่าจะหวังอย่างน้อยที่การมีคะแนนออกไปจากสแตมฟอร์ด บริดจ์ เกร็ดน่ารู้ ใน 17 เกมที่เชลซีลงเล่นในฤดูกาลนี้ พวกเขาเก็บสามคะแนนเต็มได้เพียงเจ็ดนัดเท่านั้น รวมแล้วเก็บได้ 25 คะแนนจาก 17 เกม หารเฉลี่ยออกมาแล้วเท่ากับ 1.4 คะแนนต่อเกม ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบทีมระดับลุ้นท็อปโฟร์ คริสตัล พาเลซ เสียประตูไปเพียง 25 ประตูเท่านั้นในฤดูกาลนี้ นั่นทำให้พวกเขาเสียประตูน้อยเป็นอันดับที่สองในครึ่งตารางล่าง เป็นรองเพียงเอฟเวอร์ตันทีมเดียวเท่านั้น เชลซีเก็บชัยชนะได้เพียงสองครั้งเท่านั้น จากเกมในบ้านห้านัดหลังสุดภายใต้การคุมทีมของเกรแฮม พ็อตเตอร์ ในห้านัดดังกล่าว พวกเขายิงได้หกประตูและเสียไปสามประตู และชัยชนะทั้งสองนัดก็มาจากการชนะบอร์นมัธและวูล์ฟแฮมป์ตัน สองทีมที่อยู่ในโซนตกชั้นเท่านั้น ฟอร์ม: เชลซี อย่างไรก็ตาม ทีมสิงโตน้ำเงินครามก็ยังเป็นต่อคริสตัล พาเลซในเกมวันอาทิตย์นี้อยู่ แม้จะฟอร์มดร็อปไปมาก และน่าจะหวังใช้เกมนี้เป็นการกลับมาคืนฟอร์ม หลังจากที่โดนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเอาชนะได้ถึงถิ่นเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ในเกมลีกห้านัดล่าสุดของพวกเขา พวกเขาเก็บได้เพียงสี่คะแนนเท่านั้น ชนะหนึ่ง เสมอหนึ่ง และแพ้สามนัด เสียไปสี่ประตู เก็บได้หนึ่งคลีนชีต ยิงได้รวมสามประตูถ้วน ซึ่งสามประตูนั้นมาจากนัดที่เจอกับน็อตติ้งแฮมและบอร์นมัธแค่สองนัดเท่านั้น พวกเขามีปัญหาอย่างหนักในเรื่องการสร้างโอกาสการจบสกอร์และความคิดสร้างสรรค์ในเกมรุกกับทีมที่ใหญ่กว่าในช่วงหลัง และจะต้องรีบยกระดับมาตรฐานของตัวเองให้ได้เร็วที่สุดในเกมนี้กับคริสตัล พาเลซ มิเช่นนั้นต้องพูดตามตรงว่าเชลซีมีสิทธิถึงแพ้คาบ้านได้เลย ฟอร์ม: คริสตัล พาเลซ เหมือนกับเชลซี คริสตัล พาเลซก็ไม่ได้มีฟอร์มที่ดีนักในช่วงหลังเช่น ในเกมลีกเจ็ดนัดล่าสุด พวกเขาชนะได้สาม แพ้สี่ แต่รวมแล้วยิงได้เพียงสี่ประตูเท่านั้น และเสียไปถึง 12 ประตู จริงอยู่ที่เชลซีนั้นไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของพวกเขา แต่ทีมสิงโตน้ำเงินครามก็ยังเป็นต่อพาเลซอยู่มากในเกมนี้ ทีมปราสาทเรือนแก้วจะต้องใช้เกมรับที่เหนียวแน่นของพวกเขาเข้าสู้…
ผลการแข่งขันที่คาด วูล์ฟ 1-0 เวสต์แฮม เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญ วูล์ฟแฮมป์ตันทำได้เพียงเสมอกับแอสตัน วิลล่าของอูไน เอเมอรี่มาในเกมก่อนหน้านี้ ส่วนเวสต์แฮมก็ทำทุกอย่างที่พวกเขาทำได้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะลีดส์ได้ และเกมที่เอลแลนด์ โร้ดก็จบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไป ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด วูล์ฟ – เสมอ,แพ้,ชนะ,แพ้,แพ้ เวสต์แฮม – เสมอ,แพ้,แพ้,แพ้,แพ้ สถิติระหว่างทั้งสองทีม เดวิด มอยส์ กุนซือของทีมขุนค้อนน่าจะหวังเป็นอย่างยิ่งให้ลูกทีมของเขาเก็บชัยชนะได้ในนัดนี้ เพราะโอกาสในการโดนไล่ออกของเขานั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หลังจากทีมขุนค้อนไม่ชนะใครมาห้านัดติดแล้ว และในห้านัดนั้นก็เป็นการแพ้ไปถึงสี่นัด ทีมหมาป่ามีปัญหาเรื่องการยิงประตูได้น้อยเกินไปในฤดูกาลนี้ พวกเขายิงได้เพียงห้าประตูเท่านั้นจากเกมลีกห้าเกมหลังสุด นั่นเป็นสถิติที่แย่เอามาก ๆ นักเตะที่น่าจับตามอง รูเบน เนเวส จอมทัพชาวโปรตุกีสน่าจะเป็นแสงสว่างเดียวของทีมวูล์ฟแฮมป์ตันแล้วในฤดูกาลนี้และเท่าที่ผ่านมา เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและสร้างโอกาสในการจบสกอร์ให้ทีมได้หลายครั้ง แต่เขาก็ต้องผิดหวังเมื่อบรรดาแนวรุกในทีมก็มิได้นำพาเลย ใช้โอกาสได้อย่างสิ้นเปลืองมาก ซาอิด เบนราห์มา ความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวของปีกชาวแอลจีเรียนจะมีความสำคัญอย่างมากในเกมนี้ ที่ทุกอย่างดูสูสีกันไปหมด และเกมจะต้ดสินกันด้วยรายละเอียดและจังหวะเล็ก ๆ น้อย ๆ
ผลการแข่งขันที่คาด น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-1 เลสเตอร์ ซิตี้ เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ดูฟอร์มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และพวกเขาน่าจะหวังใช้ฟอร์มนี้ในการเร่งเครื่องหนีโซนตกชั้นให้จงได้ โดยมีไตโว อโวนียี่ ศูนย์หน้าของทีมรับหน้าที่นำทีมในภารกิจหนีตกชั้นให้ได้อย่างปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ ในทางกลับกัน ฟอร์มของเลสเตอร์ก็ดรอปลงมาอีกครั้ง พร้อมกันอันดับของพวกเขาที่ค่อย ๆ ลงมาเข้าใกล้ท้ายตารางขึ้นเรื่อย ๆ เป็นผลจากฟอร์มห่วยในเกมหลัง ๆ ทั้ง ๆ ที่ครั้งหนึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะหนีโซนท้ายตารางพ้นแล้วแท้ ๆ ส่วนชัยชนะกับทีมลีกรอง ๆ ในเกมเอฟเอคัพก็ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรกับทีมเลย ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ – ชนะ,เสมอ,แพ้,ชนะ,เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ –แพ้,แพ้,แพ้,ชนะ,ชนะ สถิติระหว่างทั้งสองทีม ทั้งสองทีมเคยเจอกันแล้วในเลกแรกของฤดูกาลนี้ และเป็นเลสเตอร์ที่เอาชนะไปได้ ในเกมจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขาติดเครื่องทำแต้มหนีโซนตกชั้นไปสักพักเลย น็อตติ้งแฮมเคยชนะเลสเตอร์ได้เมื่อ 23 ปีก่อน ด้วยสกอร์ 1-0 ในฤดูกาลสุดท้ายบนพรีเมียร์ลีกชองพวกเขาก่อนจะตกชั้นยาว ๆ ไปร่วม 20 ปี นักเตะที่น่าจับตามอง ไตโว อโวนิยี่ หัวหอกชาวไนจีเรียนกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มแรงและพัฒนาฝีเท้าของเขาขึ้นมาในหลายส่วนมาก เกมนี้เขามีโอกาสสูงที่จะเป็นตัวพลิกเกมของทีม และมีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดในเกมนี้ ฮาร์วีย์ บานส์ ปีกตัวจี๊ดของเลสเตอร์เป็นนักเตะที่อันตรายมากบริเวณริมเส้น และ ความเร็วของเขาจะช่วยทีมในการเจาะแนวรับของทีมเจ้าป่าเป็นอย่างมากแน่นอน
ผลการแข่งขันที่คาด นิวคาสเซิล 3-1 ฟูแล่ม เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญ นิวคาสเซิลยังคงทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจเป็นอย่างมากในฤดูกาลนี้ โดยนัดล่าสุดพวกเขาก็สามารถบุกไปยันเสมอจ่าฝูงอาร์เซนอลถึงถิ่งเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมได้ ทีมเจ้าสัวน้อยได้อานิสงส์จากอเล็กซานเดอร์ มิโตรวิช ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม และเฉือนเอาชนะเลสเตอร์ในบ้านของพวกเขาไปได้ ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด นิวคาสเซิล – เสมอ,เสมอ,ชนะ,ชนะ,ชนะ ฟูแล่ม – ชนะ,ชนะ,ชนะ,แพ้,แพ้ สถิติระหว่างทั้งสองทีม ทีมสาลิกาดงสะดุดเสมอมาสองนัดติดแล้ว และในสองนัดนั้นพวกเขาปืนฝืด ยิงไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียว จริงอยู่ที่การเสมอแบบไร้สกอร์มาสองนัดแสดงให้ถึงความแข็งแกร่งในแนวรับ แต่มันก็ทำให้ชวนคิดถึงปัญหาในการยิงประตูของพวกเขาเหมือนกัน ครั้งล่าสุดที่ทั้งสองทีมพบกัน คือเกมเลกแรกของฤดูกาลนี้ และเป็นนิวคาสเซิลที่ถล่มฟูแล่มคาบ้านไปถึง 4-1 นักเตะที่น่าจับตามอง บรูโน่ กีมาไรช์ จอมทัพชาวแซมบ้าก้าวขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการในแดนกลางของทีมในทันที นับตั้งแต่เขาย้ายมาร่วมทีมสาลิกาดงในปีนี้ เขาเป็นนักเตะที่มีคุณภาพมาก ๆ ยิ่งวันไหนเล่นดีนี่แทบจะระดับเวิลด์คลาสเลย ในเกมนี้ เขามีโอกาสที่จะเป็นนักเตะตัวพลิกเกมให้ทีมหรือทำประตูชัยให้ทีมได้อย่างแน่นอน อเล็กซานเดอร์ มิโตรวิช มิโตรวิชคือทุกอย่างของฟูแล่มในขณะนี้ สมัยก่อนเขาอาจจะเป็นแค่ตัวจบสกอร์ของทีม แต่ในตอนนี้เขาได้ปรับแนวทางการเล่นของตัวเอง และกลายมาเป็นนักเตะคนสำคัญที่ได้ทั้งยิงและสร้างโอกาสให้เพื่อนในทีมฟูแล่ม แม้ทีมเจ้าสัวน้อยอาจจะไม่ใช่ทีมที่แข็งแกร่งนักก็ตาม