Author: admin

เชลซีเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่ยุคใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเขาหลังจากที่เศรษฐีชาวรัสเซียอย่างโรมัน อบราโมวิชขายสโมสรไปและการมาถึงของท็อดด์ โบห์ลี่และคู่หูของเขาในฐานะเจ้าของทีมคนใหม่ สิงห์บลูเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จที่สุดในอังกฤษมาตลอด 19 ปีที่ผ่านมานั้นต้องขอบคุณความเอื้ออาทรและความเต็มใจของอบราโมวิชที่จะพาทีมก้าวขึ้นไปอีกขั้นเมื่อพูดถึงโปรเจ็คที่เกี่ยวกับในสนามของพวกเขา อบราโมวิชได้ปรับปรุงสนามของพวกเขา, ทำข้อตกลงและการรับรองมากมาย, เซ็นสัญญากับนักเตะและผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดและเป็นคนที่ทำหน้าที่เป็นกาวใจที่จะนำสโมสรกับแฟนบอลมารวมใจกัน นอกจากนี้ เขายังเต็มใจที่จะให้เงินกับสโมสรด้วยเงินส่วนตัวของเขาเองหลายครั้ง ซึ่งเขาทำกำไรได้มากถึง 1.5 พันล้านปอนด์ ซึ่งเขาได้สละทิ้งไปหลังจากที่มอบสโมสรให้กับโบห์ลี่และหุ้นส่วนของเขาเรียบร้อยแล้ว อบราโมวิชเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในอุดมคติและสโมสรต่อไปที่เขากำลังจะย้ายไปเป็นเจ้าของทีม –        มีรายงานว่าเขากำลังมองหาสโมสรในลาลีกาเพื่อการลงทุนครั้งต่อไปของเขา – ทีมที่ได้ตัวเขาไปเป็นเจ้าของทีมจะต้องโชคดีเอามาก ๆ เลยล่ะ ในขณะเดียวกัน เชลซีก็กำลังมองหาสิ่งที่ดีกว่ากับท็อดด์ โบห์ลี่และคู่หูของเขา เศรษฐีชาวอเมริกันเป็นฝ่ายชนะการประมูลสำหรับการซื้อสโมสร ซึ่งเอาชนะคู่แข่งที่จริงจังในการประมูลถึง 8 ฝั่ง รวมถึงเจ้าของสโมสรฟุตบอลอื่นอีกด้วย การประมูลของเขาที่ราคา 4.2 พันล้านปอนด์นั้นแสดงถึงความตั้งใจที่จะลงทุนกับสโมสรแห่งนี้และแฟนบอลของเชลซีก็มีสิทธิ์ที่จะตื่นเต้นไปกับเรื่องนี้ พวกเขาสามารถตื่นเต้นได้มากขึ้นไปอีกในขณะที่เขาได้รับรายงานว่าเจ้าของทีมได้จัดสรรเงิน 200 ล้านปอนด์สำหรับการซื้อขายในช่วงซัมเมอร์นี้ ตัวเลขนี้จะถูกเพิ่มขึ้นด้วยจำนวนเงินที่พวกเขาได้จากการขายนักเตะ 2-3 คน นี่อาจทำให้เชลซีก่อจลาจลในตลาดซื้อขายนักเตะก่อนที่จะเปิดฤดูกาลหน้า ซึ่งจะทำให้โธมัส ทูเคิ่ลมีความสุขเอามากๆ เลยล่ะ อย่างไรก็ตาม แฟนบอลของเชลซีจะต้องปรับความคาดหวังของพวกเขากับเจ้าของใหม่เพราะพวกเขาจะไม่ให้ความสนใจเหมือนกับที่อบราโมวิชทำอย่างแน่นอน เชลซีมีเจ้าของทีมใหม่ที่มีมากกว่า 1 คน ไม่ได้เหมือนอบราโมวิชที่เป็นเจ้าของทีมแต่เพียงผู้เดียว เรื่องราวครั้งหนึ่งในของอบราโมวิชในฐานะเจ้าของทีมเชลซีคือวิธีที่เขาทิ้งเงินไว้ 1.5 พันล้านปอนด์ซึ่งเขาให้สโมสรยืมเพื่อดำเนินการมาตลอดในช่วง 19 ปีที่เขาเป็นเจ้าของทีม มีรายงานว่าเชลซีสามารถเข้าสู่สภาวะล้มละลาย (การบริหารงานของสโมสรโดยองค์กรอิสระที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลหรือทางลีก) หากเขาไม่ตัดหนี้นั้นออก โดยพื้นฐานแล้ว การขายสโมสรจะไม่สร้างความแตกต่างมากนักในขณะที่เขาดูแลสโมสรให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง ท็อดด์ โบห์ลี่และคู่หูของเขาไม่มีทางทำแบบนี้เพื่อสโมสรอย่างแน่นอน เจ้าของทีมคนใหม่ของอดีตแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัยคือกลุ่มที่มีมหาเศรษฐีชาวอเมริกันเป็นหัวหน้า กับโบห์ลี่ มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก 5 รายในกลุ่มนี้: หุ้นส่วนธุรกิจของโบห์ลี่ มหาเศรษฐีชาวสวิสอย่างฮันสเยอร์ก วึส, โจนาธาน โกลด์สตีน เจ้าสัวอสังหาริมทรัพย์ชาวอังกฤษ, บริษัทการลงทุนของอเมริกา เคลียร์เลค แคปิตอลและเจ้าของร่วมของแฟรนไชส์เมเจอร์ลีกเบสบอลทีมลอสแองเจลิส ดอดเจอร์สของโบห์ลี่อย่างมาร์ค วอลเตอร์ ข่าวก็คือทุนส่วนใหญ่ที่ใช้ในการซื้อสโมสรมาจากเคลียร์เลค แคปิตอล ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุม สิ่งนี้ส่งผลให้มีการตรวจสอบการดำเนินงานของสโมสรมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเงิน ทุกอย่างจะต้องได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับผลตอบแทนจากการลงทุนของตัวเลขเหล่านี้ที่มารวมตัวกันเพื่อลุยงานของการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล ดังนั้น ทุกการลงทุนใหม่และการซื้อตัวและการขายนักเตะทุกครั้งจะต้องทำให้บัญชีของสโมสรมีความสมดุลกันเสมอ อบราโมวิชยินดีที่จะใช้เงินของเขาเพื่อสร้างสมดุลให้กับบัญชีของสโมสรเพราะเขาไม่เพียงแค่เขารักเชลซีเท่านั้น แต่ยังเป็นแฟนฟุตบอลที่รู้ว่าบางครั้งการเซ็นสัญญาก็ไม่เป็นไปตามแผน มันจะไม่มีทางที่อะไร ๆ จะเป็นเหมือนเดิมกับเจ้าของทีมใหม่อย่างแน่นอน การเปลี่ยนแปลงในการจัดการ เนื่องจากการมาของเจ้าของทีมใหม่ ก็ต้องมีพนักงานใหม่และการจัดการบริหารแบบใหม่ มีรายงานว่าโบห์ลี่จะเข้ามาแทนที่ของมาริน่า กรานอฟสกาย่าในฐานะผู้อำนวยการกีฬาชั่วคราวของสโมสร กรานอฟสกาย่ารับผิดชอบในการเซ็นสัญญาและการตัดสินใจด้านกีฬาทุกอย่างของสโมสรในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาซึ่งทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก, แชมป์สโมสรโลกและยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ…

Read More

จะมีใครที่จะหยุดความร้อนแรงของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในลีกอังกฤษได้หรือไม่? นั่นเป็นคำถามใหญ่เพียงข้อเดียวที่ดูจะตอบยากเอาการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำตอบก็คือมี แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มันกลายเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นหลายๆ ลีกทั่วยุโรปถูกขนานนามว่า ‘ลีกชาวนา’ คำนี้ใช้โดยทั่วไปแล้วเป็นคำที่เสื่อมเสียเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ลีกที่ไม่มีการแข่งขันที่สูสีและถูกครอบงำโดยสโมสรใดสโมสรหนึ่งอย่างต่อเนื่อง อย่างลีกบุนเดสลีกา, ลีกเอิงและเซเรีย อาก็ถือเป็นตัวการสำคัญของ ‘คำ’ นี้อีกด้วย คำว่า ‘ลีกชาวนา’ ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในหมู่แฟนบอลชาวอังกฤษที่เชื่อว่าพรีเมียร์ลีกนั้นเป็นลีกที่เหนือกว่าหลายๆ ลีก ลีกซึ่งที่ใครๆ ก็รู้อยู่ตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาลแล้วว่าใครจะเป็นแชมป์ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พรีเมียร์ลีกในปัจจุบันได้รับการขนานนามว่าเป็นลีกที่ ‘แข็งแกร่งที่สุด’ และมีการแข่งขันสูงที่สุดในโลก ในช่วงก่อนเปิดทุกๆ ฤดูกาลในพรีเมียร์ลีก มีการพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ 4-5 ทีม โดยเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถท้าชิงตำแหน่งแชมป์ได้ ซึ่งนำไปสู่ทีม ‘บิ๊กซิกซ์’ ที่มีชื่อเสียง ในที่อื่นๆ บางคนมีความเห็นว่าสำหรับลีกสูงสุดในทั้งฝรั่งเศส, เยอรมนีและอิตาลีนั้น มันง่ายมากกับการที่จะบอกว่าใครจะเป็นแชมป์ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 4 จาก 5 ฤดูกาลหลังสุด และมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำไมพรีเมียร์ลีกถึงยังไม่ถูกเรียกว่า ‘ลีกชาวนา’ ซักที และนอกเหนือจากลิเวอร์พูลที่ทำให้ลูกทีมของกวาร์ดิโอล่าต้องเจอกับงานหนักในช่วงฤดูกาลที่พึ่งจบลงไป ซิตี้นั้นมีคะแนนนำทีมอันดับที่ 3 อย่างเชลซีมากสุดกู่ถึง 19 คะแนนและนั่นก็บอกอะไรเราได้เยอะเลยล่ะ ตั้งแต่ตอนที่เป็ป กวาร์ดิโอล่าเข้ามาคุมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในปี 2016 พวกเขากลายมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมในการครองลีกอังกฤษและคุณแทบจะเดาได้เลยว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ได้ก่อนที่ฤดูกาลจะเปิดซะอีก แต่เรือใบสีฟ้าไม่ได้ผงาดขึ้นมาครองลีกได้โดยใช้เวลาเพียงวันเดียวและพวกเราจะมาเจาะลึกกันดูว่าอะไรคือสิ่งที่ทีมอื่นๆ จะสามารถทำได้เพื่อลดช่องว่างระยะห่างของทีมและยุติการผูกขาดของฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เงินที่จะต้องใช้สู แน่นอนว่ากวาร์ดิโอล่าจะได้รับคำชื่นชมมากมายสำหรับการสร้างทีมที่ค่อนข้างยากในการที่จะเอาชนะได้ แต่จะมีซักกี่ทีมที่จะมีอำนาจในเรื่องการเงินมากเท่ากับที่ทีมเรือใบสีฟ้ามีกันล่ะ? โชคดีที่เชลซีได้อบราโมวิชเข้ามาซื้อสโมสรในปี 2003 ซึ่งก็เช่นเดียวกับซิตี้ ในตอนที่ถึงคราวที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ประสบความสำเร็จ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เรื่องของเงินจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง สโมสรที่ร่ำรวยที่สุดมักจะได้รับการพูดถึงในแนวนั้นบ่อยที่สุดและแนวโน้มนั้นก็เพิ่มขึ้นทุกวันในฟุตบอลสมัยใหม่นี้ ในฝรั่งเศส เปแอสเชถือเป็นคำอธิบายแนวโน้มนี้ได้ดีที่สุด แน่นอนว่าซิตี้ก็ไม่ต่างกัน ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะใช้เงินมากมายมหาศาลตั้งแต่ชีค มานซูร์เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรในปี 2008 ด้วยเหล่านักเตะที่มีความสามารถมากมายอยู่รายล้อมตัวเพื่อให้กวาร์ดิโอล่าได้ยัดคุณภาพในการหล่อหลอมทีมของเขาให้กลายเป็นเครื่องจักรจอมถล่มประตู เมื่อพูดถึงเรื่องการเงิน มีเพียงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ในพรีเมียร์ลีก เชลซีเคยมีอำนาจมากขนาดนั้นเช่นกัน แต่การที่ท็อดด์ โบห์ลีเข้าซื้อกิจการของสโมสรเมื่อไม่นานนี้ทำให้สิงห์บลูส์อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาอาจไม่ใจปล้ำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ในบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ 6 ทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้มีอำนาจทางการเงินที่มากที่สุดและสิ่งนี้ทำให้พวกเขาได้เปรียบเหนือคู่แข่งก่อนที่จะเปิดฤดูกาลด้วยซ้ำ นิวคาสเซิลยังอาจเป็นที่คุกคามพวกเขาได้มากที่สุดแล้วในตอนนี้ จากการเข้าซื้อกิจการครั้งล่าสุดโดยกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะซาอุดิอาระเบีย แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขายังต้องใช้เวลาอีกนานในการร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันและหากลยุทธ์ให้เหมาะสมกับตัวเอง นี่เป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งที่สามารถทำให้ซิตี้แซงหน้าทีมอื่นได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ยิ่งอำนาจทางการเงินระหว่างพวกเขาและทีมอื่นๆ ลดลงได้เร็วเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งได้เปรียบน้อยลงในการทุ่มเงินอย่างบ้าคลั่งเพื่อดึงดูดเหล่าบรรดานักเตะ…

Read More

สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราในหลายแง่มุม และส่งผลกระทบต่อหลายวงการทั่วโลก แน่นอนว่าฟุตบอลก็เป็นอีกวงการหนึ่งที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งสถานการณ์ของเชลซีในตอนนี้นั้นสร้างความกังวลต่อเหล่าแฟน ๆ เชลซีอยู่เหมือนกัน โรมัน อบราโมวิช หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ เสี่ยหมี ได้เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรเชลซีตั้งแต่ปี 2003 ยังคงถูกครหาว่าเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายกฯ ของรัสเซีย อย่างวลาดิเมียร์ ปูติน และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขาถูกแรงกดดันจากรัฐบาลอังกฤษเพื่อที่จะยึดทรัพย์สินของเขา ในฐานะปรปักษ์ทางการเมือง การที่ทีมสิงโตน้ำเงินครามจะต้องแยกทางกับโรมัน อบราโมวิช ถือเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าตะลึงที่สุดในวงการกีฬาตลอดกาล ไม่มีใครคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้จริง ๆ  โดยนิสัยแล้ว เสี่ยหมีเป็นเจ้าของทีมที่ต้องการความสมบูรณ์แบบจากลูกทีมและสตาฟฟ์โค้ชของเขา เขาไม่สนใจเรื่องความจงรักภักดีต่อทีมเท่าไรนัก เขาจะสนใจก็แต่ถ้วยรางวัลที่เขาจะสามารถคว้ามาเพิ่มให้กับสโมสรก็เท่านั้น แต่จะเอายังไงต่อไปดีล่ะ เชลซีจะต้องทำอย่างไรในสถานการณ์ที่ถูกคว่ำบาตรแบบนี้ เรามาลองคาดเดาเหตุการณ์ที่เป็นไปได้กันดู ว่ามหากาพย์ครั้งนี้จะจบแบบไหนได้บ้าง  การคว่ำบาตรต่ออบราโมวิชและเชลซี จากการรายงานของสำนักข่าวสกายสปอร์ต รัฐบาลอังกฤษได้ลงดาบอบราโมวิช โดยการระงับการทำธุรกรรม และแช่แข็งทรัพย์สินในสหราชอาณาจักรทั้งหมดของบราโมวิช เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็คงเดาได้ไม่ยากว่าทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุดของเจ้าตัวในเกาะอังกฤษก็คือสโมสรเชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษนั่นเอง อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขา อบราโมวิชเคยถูกลงโทษในกรณีที่คล้ายคลึงกันมาแล้วก่อนหน้านี้จากรัฐบาลสหรัฐ หลังจากมีการรายงานว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทุนป้องกันความเสี่ยงกองทุนหนึ่ง มูลค่ากว่า 20 ดอลลาร์สหรัฐ สิ่งที่น่าสนใจของการลงโทษเศรษฐีชาวรัสเซีย คือการที่ทรัพย์สินของเขานั้นอาจถูกยึดจากรัฐบาลได้ และเขาจะมีวิธีอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนยึดทรัพย์สิน ตัวอย่างเช่น เขาได้นำเรือซูเปอร์ยอร์ชมูลค่ากว่าพันล้านดอลลาร์ของเขา ไปจอดในน่านน้ำของตุรกี เพื่อป้องกันรัฐบาลอังกฤษจากการยึดเรือยอร์ชของเขา โดยตุรกีนั้นเป็นประเทศนอกสหภาพยุโรป และไม่ได้มีนโยบายต่อต้านเศรษฐีรัสเซียเหมือนกับประเทศยุโรปชาติอื่น ๆ ถือว่าตุรกีนั้นเป็นที่ที่ชาวยซื้อเวลาให้เหล่าเศรษฐีรัสเซียได้พอสมควร จากการตกที่นั่งลำบากจากผลของสงครามครั้งนี้ สำหรับทีมเชลซี พวกเขาก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน โดยพวกเขาจะไม่ได้รับเงินจากยอดขายเสื้อและตั๋วในปีนี้แม้แต่ปอนด์เดียว จากการถูกลงโทษโดยรัฐบาลอังกฤษ หลักการก็คือเพื่อป้องกันเงินเข้าสู่กระเป๋าของอบราโมวิช ที่อาจจะนำเงินนี้ไปสนับสนุนกองทัพรัสเซีย  นอกเหนือจากนั้น ยังมีการลงโทษทีมเชลซีเพิ่มอีก โดยพวกเขาจะถูกห้ามซื้อขายนักเตะ เซ็นสัญญา และขายสินค้าใด ๆ ไปก่อนจนกว่าจะมีการกำหนดปลดแบน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทีมเชลซีกำลังเดินเรื่องเพื่อขอพิจารณาลดโทษหรือเปลี่ยนโทษ  น่าจะเป็นเวลาพอสมควรเลยทีเดียวกว่าจะรู้ผล และผู้เล่นในทีมและแฟน ๆ ก็คงจะต้องหน้าหงิกกันไปอีกสักพักใหญ่ ในขณะนี้ การที่จะขายสโมสรเชลซีนั้นจะต้องใช้เวลานานกว่าปกติ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะต้องหาทางขายสโมสรให้ได้ โดยที่มีการจับตาอย่างเข้มงวด เพราะมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการประกาศชายทีม ก็ได้เกิดกระแสมากมายในวงการฟุตบอล ทั้งจากแฟนบอลและกูรูฟุตบอลรอบโลก แฟนเชลซีส่วนใหญ่ยังเชิ่อมั่นว่าทีมรักของตนจะกลับมายิ่งใหญ่และเดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ดีก็ยังไม่วางใจต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่จะสามารถเกิดอะไรขึ้นก็ได้.  สถานการณ์ในปัจจุบันยังส่งผลกระทบต่อเหล่านักเตะอีกด้วย มันไม่ใช่งานง่ายเลยที่จะโฟกัสกับเกมฟุตบอลและล่าชัยชนะในสนามเพียงอย่างเดียวในสถานการณ์เช่นกัน กองหน้าชาวอเมริกันอย่าง คริสเตียน พูลิซิช ได้กล่าวในช่วงพักเบรกทีมชาติที่ผ่านมาว่า “มันเป็นสถานการณ์ที่บ้ามาก ๆ เลยนะ ผมพูดตรง ๆ…

Read More

กาลครั้งหนึ่งเคยมียุคสมัยที่ทีมชั้นนำในยุโรปล้วนใช้กองหน้าคู่ในการทำเกมรุก แต่ในช่วงทศวรรษ 2010 เทรนด์ของการเล่นแบบหน้าคู่เริ่มซาลง เพราะทีมส่วนใหญ่เลือกที่จะยอมลดกองหน้าเหลือเพียงคนเดียว เพื่อแพ็คแดนกลางของพวกเขาให้แน่นดีกว่าเล่นแบบมีกองหน้าสองตัว คุณอาจจะไม่เคยเห็นทีมดัง ๆ ในปัจจุบันใช้แผนหน้าคู่เท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ดี ในตอนนี้กระแสของการเล่นแบบกองหน้าคู่เริ่มกลับมาแล้ว  เพราะการมีกองหน้าสองตัวช่วยให้ทีมผลิตสกอร์ได้มากขึ้น ร่วมถึงช่วยให้เพื่อนร่วมทีมมีงานที่ง่ายขึ้นในการหาเป้าจ่ายหรือครอสเข้าไปเพื่อทำประตู ด้วยเหตุนี้ ทำให้มีคู่กองหน้ามากมายฟอร์มแรงขึ้นมา และมันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีด้วย ฉะนั้นเรามาลองดูรายชื่อของคู่กองหน้าที่อันตรายที่สุดในยุคนี้กันดีกว่า และอะไรทำให้พวกเขาพิเศษกว่ากองหน้าคู่อื่น ๆ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กับ โทมัส มุลเลอร์ เราเองยังไมอยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคู่กองหน้าคู่ไหนที่มีสถิติการยิงประตูน่าทึ่งขนาดนี้ในโลก เพราะแค่เพียงจำนวนประตูจากสองคนนี้ก็แทบจะเพียงพอที่จะทำให้แฟนเสือใต้หัวเราะชอบใจกับปริมาณประตูที่ทีมทำได้อย่างมหาศาลแล้ว และก็น่าจะไม่มีคำไหนในพจนานุกรมที่สามารถบรรยายความยอดเยี่ยมของเลวานดอฟสกี้ได้ เพราะในสองฤดูกาลล่าสุด เขายิงไปถึง 93 ประตูใน 77 เกมที่ลงเล่น และในฤดูกาลก่อนหน้านั้น เขาก็ยิงไปถึง 55 ประตู และพาทีมคว้าทุกถ้วยที่ทีมลงทำการแข่งขัน  สำหรับคู่ขาอย่างโทมัส มุลเลอร์ เขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขาเป็นผู้เล่นที่มีความครบเครื่องในตัวสูงมาก จะเอาเขาไปเล่นตรงไหน หรือจะสั่งให้ทำอะไรก็ได้ ยิง เปิด ปั้นเกม เขาทำได้หมด เขาน่าจะเป็นนักเตะคนเดียวในยุโรปขณะนี้ ที่สามารถเล่นในตำแหน่ง “รอมดอยต์เตอร์” ได้ และยังเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนจากชุดแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2014 ที่ยังเล่นในลีกใหญ่อยู่ และดูจากสถิติที่เขาทำได้แล้ว ดูเหมือนเขาจะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่จะโรยราตามสังขารเหมือนนักเตะทั่วไป และเขายังเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนที่สามารถคว้า “ทริปเปิลแชมป์” ได้ถึงสองครั้ง ในฤดูกาล 2012/2013 และ 2019/2020 โดยเขาเป็นตัวหลักของทีมในทั้งสองครั้งเสียด้วย การที่เขาสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งหน้าคู่และหน้าต่ำจะเป็นที่จดจำสำหรับแฟนบอลเยอรมันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะแฟน ๆ ของบาเยิร์นมิวนิก ความเข้าขากันของเขากับเลวานดอฟสกี้และปีกคนใหม่ของทีมอย่าง เลรอย ซาเน่ น่าจะส่งสารให้กับทุกทีมแล้วว่า บาเยิร์น ยังคงเป็นทีมตัวเต็งในศึกฟุตบอลยุโรปอยู่ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม   เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ เอดิน เชโก้ หลังจากที่ลูคาคูย้ายออกจากอินเตอร์ไปด้วยค่าตัวสถิติโลก แฟนบอลอิตาเลียนหลายคนก็เดาว่าแชมป์เก่าอย่างอินเตอร์จะต้องเป๋และหลุดฟอร์มในฤดูกาลนี้ที่ไม่มีลูคาคูอย่างแน่นอน บวกกับการเสียอันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือจอมเก๋าของทีมไปอีก แทบจะทุกคนเชื่อว่าทีมนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปสำหรับการจะทำทีมลุ้นแชมป์ และปีนี้น่าจะเป็นปีตั้งหลักถ่ายสายเลือดสำหรับพวกเขา มากกว่าที่จะลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว แต่ผิดคาด อินเตอร์ยังคงรักษามาตรฐานเดิมเหมือนกับฤดูกาลก่อนได้ แม้จะเสียกุนซือและนักเตะคนสำคัญไป ถึงในถ้วยยุโรปพวกเขาจะแพ้ให้กับลิเวอร์พูลจนตกรอบ แต่ในลีก พวกเขายังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์อีกด้วย สาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขายังคงฟอร์มเก่งเอาไว้ได้ นั่นก็คือคู่กองหน้าใหม่ของพวกเขา เลาตาโร่…

Read More

เกริ่นนำ ในแต่ละวันที่ผ่านไป ฮีโร่ขวัญใจในวัยเด็กของเราก็เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพการค้าแข้งแล้ว มันเป็นความจริงแสนน่าเศร้าที่ไม่มีใครสามารถหลีกหนีได้ ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นก็ต้องมีดับไป ไม่ว่าคุณจะอยากหรือไม่อยากก็ตาม  นักเตะเหล่านี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเขย่าโลกลูกหนังด้วยฝีเท้าของพวกเขาใกล้จะถึงเวลาแขวนสตั๊ดแล้ว ในบทความนี้ เราจะรวมรวมรายชื่อ 10 นักเตะที่มีแนวโน้มว่าจะเลิกเล่นหลังจบศึกฟุตบอลโลกในปีนี้ ยุคทองใกล้ถึงจุดจบ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นนักเตะที่มีฝีมือมากมาย แน่นอนว่ารวมไปถึงสองนักเตะที่น่าจะเยี่ยมยอดที่สุดตลอดกาล และทำให้มาตรฐานของฟุตบอลนั้นสูงขึ้นอย่างมาก ส่วนในตอนนี้ นักเตะในยุคนี้ส่วนมากก็เข้าช่วงท้ายอาชีพการค้าแข้งแล้ว ถ้วยฟุตบอลโลกในช่วงปลายปีนี้ อาจเป็นรายการสุดท้ายของนักเตะระดับตำนานหลาย ๆ คน อาทิเช่นสิบคนต่อไปนี้ 1. ลีโอเนล เมสซี่ – อาร์เจนติน่า ปีกชาวอาร์เจนไตน์ปัจจุบันอายุ 34 ปีแล้ว และกำลังจะลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งที่ 5 ของเขา ซึ่งก็น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาเช่นกัน ดาวเตะจากทีมปารีสเพิ่งได้แชมป์โกปา เดล เรย์ ที่รอมาเนิ่นนานได้สำเร็จ และมีสถิติส่วนตัวที่ยากจะหาใครเทียบได้ โดยดาวเตะว่าที่นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลนั้นถลุงไปถึง 762 ประตู จากการลงเล่นเพียง 969 เกมเท่านั้น นี่ยังไม่รวมถึงอีก 328 แอสซิสต์ ที่เรายังไม่ได้พูดถึงอีก นอกจากนี้ก็ยังมีรางวัลส่วนตัวอีกมากมาย อาทิเช่น บัลลงดอร์ 7 สมัยรางวัลผุ้เล่นทรงคุณค่าของยุโรป 3 สมัย ดาวซัลโว 22 ครั้ง และ ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีอีก 10 ครั้ง ไม่แปลกใจที่เขาจะมีสถิติที่โดดเด่นในทุก ๆ ด้านของฟุตบอล เขายังเป็นรองดาวซัลโวตลอดกาลในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอีกด้วย  ประตูแรกในฟุตบอลโลกของเขาต้องย้อนกลับไปในปี 2006 ที่เขาสามารถยิงได้ 1 ประตูและแอสซิสต์อีก 1 ครั้ง จากการลงเล่น 3 เกม ถึงในปี 2010 เขาจะยิงไม่ได้เลยก็ตาม จากการลงเล่นห้านัด ในปี 2014 เขาก็สามารถแก้ตัวได้ ด้วยการโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ยิงไปถึง 4 ประตูและแอสซิสต์อีก 1 ครั้ง คว้ารางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ได้ด้วย จากการลงเล่น 7 นัด ทำให้ทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แม้ว่าจะแพ้ให้กับเยอรมันไปอย่างน่าเสียดาย 0-1…

Read More

ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่ในช่วงของการสร้างทีมใหม่ครั้งใหญ่ภายใต้การนำทีมของเอริค เทน ฮาก ถึงแม้การลงทุนทั้งหมดที่พวกเขาผลาญเงินไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใกล้เคียงเลยเมื่อเทียบกับความยอดเยี่ยมที่คู่ปรับของพวกเขาอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูลและเชลซีได้แสดงออกมา ในฤดูกาลหน้า พวกเขาจะไม่ได้ลงในเล่นในรายการแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นฤดูกาลที่สี่นับตั้งแต่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันวางมือไป มันรู้สึกราวกับข่าวเมื่อวานเลยในตอนที่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้รับรู้ถึงรสชาติของความสำเร็จ ภายใต้การคุมทีมของอดีตผู้จัดการทีมอเบอร์ดีนอย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลายมาเป็นสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษและกลายมาเป็นสโมสรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ฟุตบอลในแบบที่พวกเขาเล่นและแชมป์ที่พวกเขากวาดมาได้อย่างต่อเนื่องทำให้ทุกๆ คนให้การยอมรับ พวกเขาจะสามารถกลับมาอยู่ในระดับนั้นได้อีกครั้งหรือไม่? คำตอบของคำถามนี้ทำให้วงการฟุตบอลเสียงแตก แต่อย่างไรก็ตาม มันมีเหตุผลมากมายที่ว่าทำไมพวกเขาจะกลายเป็นเหมือนกับที่น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์และแอสตัน วิลล่าเคยเป็น หากมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันระหว่างเหล่าปิศาจแดงในยุคนี้และในปีต่อๆ มาภายใต้การคุมทีมของเฟอร์กูสันแล้วล่ะก็ นั่นคือความเกลียดชังที่มีต่อเจ้าของทีมของพวกเขา นั่นคือครอบครัวเกลเซอร์ส ในปี 2013 ไม่ได้มีเพียงผู้จัดการทีมชาวสก็อตติชคนเดียวเท่านั้นที่เดินโบกมืออำลาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เดวิด กิลล์เป็นอีกคนที่ตามตาเฒ่าเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันออกจากสโมสร ดังนั้น การจัดการทางฝ่ายบริหารและการตัดสินใจในการซื้อขายนักเตะถูกส่งต่อไปให้กับเอ็ด วู้ดเวิร์ด ผู้บริหารสูงสุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยก่อนที่จะทำหน้าที่นี้ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  เอ็ด วู้ดเวิร์ดไม่เคยตัดสินใจเรื่องใดๆ เกี่ยวกับฟุตบอลให้กับสโมสรในยุโรปสโมสรไหนเลย แต่เขากลับได้เป็นคนยื่นคำขาดในการตัดสินใจให้กับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษในขณะนั้นไปอย่างหน้าตาเฉย นับตั้งแต่นั้นมา ทีมแชมป์ยุโรป 3 สมัยไม่เพียงแต่มีการเซ็นสัญญาตัวนักเตะที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้น พวกเขายังคว้าตัวผู้จัดการทีมที่ไม่ได้รับเครื่องมือมากพอในการทำงานของเขาให้สำเร็จ เดวิด มอยส์ถูกไล่ออกหลังจากที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันประกาศวางมือไปประมาณ 1 ปี ภายใต้ตลาดการซื้อขายช่วงซัมเมอร์เดียวของเขานั้น ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัยมีข่าวเชื่อมโยงกับทั้งเชสก์ ฟาเบรกัสและโทนี่ โครส แต่พวกเขากลับได้ตัวมารูยาน เฟลไลนี่ มิดฟิลด์ร่างโย่งจากเอฟเวอร์ตันมาแทน การจัดการบริหารทีมที่ผิดพลาดยังคงดำเนินต่อไปภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ ฟาน กัลและโชเซ่ มูรินโญ่ ถึงแม้จะมีนักเตะจำนวนมากออกจากสโมสรไปในปี 2014 นักเตะที่สโมสรได้ตัวมานั้นกลับไม่เคยเป็นการเซ็นสัญญาในระยะยาวเลย อังเคล ดิ มาเรียเซ็นสัญญามาเกาะอังกฤษด้วยค่าตัวที่เป็นประวัติการณ์ แต่เขาไม่เคยต้องการที่จะอยู่กับสโมสรเพราะเป้าหมายของเขาคือการไปฝรั่งเศส ซึ่งเขาก็ย้ายไปในอีกหนึ่งปีหลังจากนั้น เหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกันอย่างราดาเมล ฟัลเกาก็ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้ค่าเหนื่อยสูงที่สุดในสโมสร แต่กลับไม่ได้โชว์ฟอร์มได้ใกล้เคียงกับความคาดหวังเลย ส่งผลให้นักเตะทั้งสองคนที่ได้เซ็นสัญญามาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 ก็ได้ออกจากสโมสรไปในปีถัดมา แต่อย่างไรก็ตาม ฟาน กัลก็ยังยืนยันที่จะใช้นักเตะดาวรุ่งมาร่วมทีมเพื่อมอบบางสิ่งให้กับแฟนๆ ได้เชียร์ อองโตนี่ มาร์ซิยาลและมาร์คัส แรชฟอร์ดได้เข้ามาอยู่ในทีมชุดใหญ่และทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นกับศักยภาพในเกมรุกของพวกเขา เมื่อคุณคิดว่าทีมชุดที่เต็มไปด้วยดาวรุ่งจะแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ ฤดูกาล แมนเชสเตอร์…

Read More

ในขณะที่ช่วงจบฤดูกาลที่แล้ว โลกนั้นเต็มไปด้วยความหวัง และการมองในแง่บวกของแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหลังจากสโมสรของพวกเขานั้นจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์ แต่ในช่วงซัมเมอร์นี้กลับเต็มไปด้วยความผิดหวังและความขุ่นมัวภายในใจ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพลาดตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลนี้หลังจากที่จบรองแชมปได้อย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อฤดูกาลก่อน ในปี 2020/21 แต่ถึงกระนั้น การมาถึงของเทน ฮากก็ได้มาเติมความหวังให้กับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบางส่วน และมันก็ไม่มีทางไหนที่จะทำให้การมองโลกในแง่ดีนั้นหนักแน่นยิ่งขึ้นมากไปกว่าการที่บอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเซ็นสัญญานักเตะระดับคุณภาพเข้ามาร่วมทีม เพราะงั้นพวกเรามาส่อง 5 นักเตะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดควรจะรีบคว้าตัวมาให้ได้ในซัมเมอร์นี้และเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงเลือกพวกเขาเหล่านี้ มาเริ่มกันเลย แฟนบอลในโลกทุกคนน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นมีเกมรับที่แย่ที่สุดในบรรดาทีมที่จบอันดับ “ท็อปซิกส์” ทั้งหมดในศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว ไม่เพียงแค่พวกเขาจะเสียประตูเป็นจำนวนมากแล้ว แต่พวกเขายังก่อความผิดพลาดในแบบที่ทีมระดับท็อปนั้นไม่ควรจะเสียเป็นอย่างยิ่ง ด้วยจำนวนเงินมหาศาลที่จ่ายไปให้กับนักเตะอย่างแฮร์รี่ แม็คไกวร์, แอรอน วาน บิสซาก้าและราฟาเอล วาราน แฟนบอลทุกคนคาดหวังเกมรับที่ดีกว่านี้อย่างแน่นอน มันยังคงไม่ชัดเจนว่ากองหลังคนไหนที่จะถูกปล่อยตัวออกจากสโมสรในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงการที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นต้องการที่จะเสริมกำลังในแนวรับเป็นอย่างมาก พวกเขาควรที่จะเล็งความสนใจไปที่มัทไธจส์ เดอ ลิกต์ของยูเวนตุส กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์นั้นรู้จักเอริค เทน ฮากเป็นอย่างดีในสมัยที่เขาค้าแข้งอยู่กับอาแจ็กซ์และเขาถือเป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่โดดเด่นที่สุดในฤดูกาล 2018/19 แต่อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ได้โชว์ฟอร์มแกร่งตามเดิมเลยตั้งแต่ที่เขาย้ายมาอยู่กับยอดทีมแห่งเมืองตูริน ในขณะที่ตัวเขาเองได้แจ้งเรียบร้อยแล้วว่าเขาต้องการย้ายออกจากถิ่นม้าลายแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสามารถลองใจยูเวนตุสได้ด้วยการยื่นข้อเสนอพร้อมเงินจำนวนมหาศาลในช่วงซัมเมอร์นี้ เฟรงกี้ เดอ ยอง แน่นอนว่าเฟรงกี้ เดอ ยองถือเป็นข่าวลือการย้ายตัวที่ใหญ่ที่สุดประจำถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดในช่วงซัมเมอร์นี้ ความนิ่งที่เดอ ยองจะนำมาสู่แดนกลางของผีแดงนั้นเป็นอะไรที่แผงกลางของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2021/22 นั้นแทบหาไม่มีเลย สถานการณ์การเงินของบาร์เซโลน่านั้นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้มิดฟิลด์ชาวดัตช์ย้ายมาสู่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อพิจารณาว่าเอริค เทน ฮากนั้นมีอิทธิพลในช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่อาแจ็กซ์เป็นอย่างมาก เขาคงจะชอบไอเดียที่จะย้ายมาร่วมทัพผีแดงในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะไม่ได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้าที่จะมาถึงนี้ มันก็ไม่ใช่ปัจจัยอะไรที่ใหญ่โตมากนักเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ทางบาร์เซโลน่ากำลังมีปัญหาทางการเงินและต้องการกำจัดนักเตะของพวกเขาออกไปหลายคน เปาโล ดีบาล่า ภาพของดีบาล่าขณะลงสนามให้กับยูเวนตุสดวลกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วการเซ็นเปาโล ดีบาล่าแบบฟรี ๆ ล่ะ น่าสนใจมั้ย? ในฤดูกาลที่พึ่งจบไป ราล์ฟ รังนิคบอกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นต้องการนักเตะมากกว่า 10 คน หากอยากจะต่อกรกับลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้และแย่งแชมป์มาจากพวกเขา ถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นไปได้ยากกับการที่พวกเขาจะเซ็นสัญญานักเตะมากมายขนาดนั้น หากพวกเขาต้องการใช้จ่ายเงินในการซื้อตัวได้อย่างสบายใจ พวกเขาอาจจะต้องหานักเตะที่สามารถย้ายมาได้แบบฟรีๆ ได้บ้าง อย่างน้อยก็สัก 1-2 คน และในตลาดซื้อขายในซัมเมอร์นี้ ไม่มีนักเตะบิ๊กเนมคนไหนที่จะโดดเด่นไปกว่าเปาโล ดีบาล่าอีกแล้ว ศูนย์หน้าชาวอาร์เจนไตน์ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของทีมในฤดูกาลที่น่าผิดหวังของยูเวนตุส…

Read More

พรีเมียร์ลีกกำลังจะเข้าสู่ฤดูกาล 2022/23 พร้อมกับสโมสรน้องใหม่ 3 สโมสรที่มาแทนที่ 3 สโมสรที่ตกชั้นไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว บอร์นมัธกลับมาเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้งหลังจากหายหน้าหายตาไป 2 ปี ฟูแล่มก็กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไป 1 ปีและน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ที่กลับมาลงเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานถึง 23 ปี ถือเป็นเรื่องราวแห่งฤดูกาลที่แล้วเลยทีเดียว ทั้ง 3 สโมสรทุ่มเทและต่อสู้อย่างหนักเพื่อแย่งชิงตั๋วขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่ออกสตาร์ทลีกแชมเปี้ยนชิพฤดูกาล 2020/21 ด้วยการอยู่ในโซนครึ่งล่างของตารางคะแนน ความตื่นเต้นจะรออยู่ในฤดูกาลใหม่อย่างแน่นอนและเหล่าทีมน้องใหม่ก็หวังที่จะโชว์ของในตอนที่พวกเขาต้องเจอกับขาใหญ่ประจำลีกในฤดูกาลหน้า วันนี้เรามาส่องเหล่าทีมน้องใหม่ที่พึ่งเลื่อนชั้นขึ้นมากัน เพื่อดูว่าพวกเขาจะทำได้ดีแค่ไหนในลีกสูงสุดของอังกฤษประจำฤดูกาล 2022/23 ที่กำลังจะมาถึงนี ฟูแล่ม ตั้งแต่ที่ฟูแล่มตกชั้นไปเมื่อฤดูกาล 2013/14 พวกเขามีปัญหาในการที่จะกลับขึ้นมาอยู่ในลีกสูงสุดและอยู่รอดปลอดภัยนานกว่า  1 ฤดูกาลอยู่เสมอ และนี่คือความหายนะที่พวกเขาอยากจะลบเลือนไปในขณะที่เตรียมตัวสำหรับฤดูกาลใหม่ ทีมเจ้าสัวน้อยที่ตอนนี้นำทัพโดยมาร์โก้ ซิลวา อดีตผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน, วัตฟอร์ดและฮัลล์ ซิตี้ จอมแทคติกชาวโปรตุเกสมีประสบการณ์ในลีกสูงสุดมาแล้ว แม้โชคก็ยังไม่เข้าข้างเขาเท่าไรนักในลีกนี้ อย่างไรก็ตาม เขากำลังจะกลับมาอยู่ในลีกพร้อมกับเหล่านักเตะที่เขาได้หล่อหลอมให้เป็นทีมในแบบที่เขาหวังที่จะสร้างแล้ว ทีมภายใต้การนำทัพของซิลวากำลังสนุกกับยุคแห่งการฟื้นฟูเพื่อกลับมาอยู่ในจุดที่พวกเขาควรจะอยู่ นักเตะที่มีการพัฒนามากที่สุดของพวกเขาคือฌ็อง มิเชล เซรี่ ฉายา “ซาบี้แห่งแอฟริกา” นักเตะที่ฟูแล่มคว้าตัวมาเนื่องจากการที่พวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หลังจาก 1 ฤดูกาลที่ผ่านไปโดยที่เขาไม่มั่นใจว่าจะลงเล่นแบบไหนภายใต้การคุมทีมของสก็อตต์ ปาร์คเกอร์ เขาได้กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งโดยมีซิลวาคอยชี้ทางสว่างให้เขา นักเตะอีกคนที่โชว์ฟอร์มได้ดีในฤดูกาลที่ผ่านมาและกำลังตั้งหน้าตั้งตารอลงเล่นในพรีเมียร์ลีกก็คือนีสเกนส์ เคบาโน่ ปีกทีมชาติคองโกที่อยู่กับฟูแล่มมาแล้วถึง 6 ปี แม้จะเป็นนักเตะที่ได้ลงบ้างไม่ได้ลงบ้าง การคุมทีมของซิลวาได้ปลดล็อกความสามารถในตัวเขาและปีกวัย 30 ปีก็ได้กลายมาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมของทีม ด้วยสถิติยิง 9 ประตูบวกกับ 6 แอสซิสต์จากการลงสนาม 40 เกม แถมยังเป็นหนึ่งในนักเตะตัวหลักและโดดเด่นภายในทีมอีกด้วย ฟูแล่มได้เริ่มลงตลาดซื้อขายในซัมเมอร์นี้แล้วและมีข่าวเชื่อมโยงกับผู้รักษาประตูของอาร์เซน่อลอย่างแบรนด์ เลโน่ ซึ่งพวกเขากำลังมองหานักเตะที่มีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกเพื่อมารวมทีมเป็นหนึ่งเดียวในฤดูกาลหน้า กองหลังของเวสต์แฮมอย่างอาร์เธอร์ มาซูอาคูก็มีข่าวเชื่อมโยงกับทีมเจ้าสัวน้อยด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดก็คือการตัวแทนของฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ที่พึ่งย้ายซบลิเวอร์พูลหลังจากที่พวกเขา       การันตีการคว้าตั๋วเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาร์วัลโญ่มีส่วนร่วมกับ 43 ประตูโดยมีอเล็กซานดาร์ มิโตรวิชอยู่ในแนวรุก บวกกับ 10 ประตูพร้อมกับ 8 แอสซิสต์สำหรับประตูทั้งหมด 106 ประตูที่ฟูแล่มยิงไปในแชมเปี้ยนชิพพร้อมก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์แรกได้ในรอบ 21 ปี ซิลวารู้ดีว่าเขาต้องการนักเตะจอมถล่มประตูมาเติมทีมเพื่อพาทีมอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกและจะเน้นไปที่การมองหาตัวแทนของคาร์วัลโญ่ในขณะที่จัดการกับเรื่องต่างๆ ในทีมเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับฤดูกาลใหม่ บอร์นมัธ ทัพเดอะเชอร์รีส์กำลังจะกลับมาลงเล่นในพรีเมียร์ลีกหลังจากหายหน้าหายตาไป…

Read More

ซาดิโอ มาเน่มีโอกาสที่จะย้ายออกจากลิเวอร์พูลหลังจากที่เขานำความรุ่งโรจน์มาสู่แอนฟิลด์เป็นเวลากว่า 6 ปี ลิเวอร์พูลคงจะไม่พาตัวเองมาตกอยู่ในสถานการณ์นี้หากพวกเขาจัดการต่อสัญญาและป้องกันไม่ให้สัญญาของมาเน่เข้าสู่ช่วงปีสุดท้าย แต่ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์นั้นแล้ว พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้เพื่อถึงจิตวิญญาณของทีมกลับมาในช่วงเวลาสุดเปราะบางหลังจากทีมคู่แข่งแย่งแชมป์อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าพึ่งคว้าตัวเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ไป สโมสรกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อรั้งให้มาเน่อยู่ต่อ แต่ความเป็นไปได้นั้นมีเพียงน้อยนิดเพราะมาเน่นั้น อายุแต่หลัก 30 แล้ว และน่าจะเหลือโอกาสเซ็นสัญญาเพื่อรับเงินก้อนโตได้อีกเพียงครั้งเดียวเป็นสัญญาสุดท้าย ทำให้เขานั้นกำลังดึงเชิงและต่อรองกับทุกทีมเพื่อรอรับเงินก้อนโตอยู่ มีรายงานว่าศูนย์หน้าดีกรีแชมป์แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่น 2021 นั้นไม่มีความต้องการที่จะต่อสัญญาใหม่กับสโมสรในถิ่นแอนฟิลด์ แต่สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อถึงช่วงของปรีซีซั่น แต่ถึงกระนั้น ทางลิเวอร์พูลกำลังรอข้อเสนอระดับ 40 ล้านปอนด์จากสโมสรใดก็ตามที่สนใจในตัวของมาเน่ในช่วงซัมเมอร์นี้ บาเยิร์น มิวนิคเป็นหนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ที่สนใจมาเน่เนื่องจากพวกเขาเตรียมตัวที่จะเสียศูนย์หน้าระดับบิ๊กเนมอย่างโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้และต้องการหาตัวแทน ตัวแทนที่ไม่เพียงแต่เล่นเกมรุกได้เท่านั้น แต่จำเป็นจะต้องทำประตูได้อีกด้วย การที่บาเยิร์นจะคว้าตัวมาเน่นั้นเป็นหนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่ลิเวอร์พูลควรจะทำทุกวิถีทางที่จะรั้งตัวปีกตัวเก่งของพวกเขาเอาไว้ ในส่วนที่เหลือของบทความนี้ พวกเราจะเจาะลึกถึงความสนใจในตัวของปีกดาวเด่นวัย 30 ปีของบาเยิร์นและเหตุผลอื่นๆ ที่ว่าทำไมหงส์แดงควรที่จะทำทุกๆ ทางที่จะเก็บมาเน่เอาไว้ ความอันตรายของบาเยิร์นในเวทียุโรป ลิเวอร์พูลเคยคว่ำบาเยิร์นมาแล้วในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในตอบที่ทั้งคู่มาพบกันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อฤดูกาล 2018/19 บาเยิร์นยันเสมอหงส์แดงได้แบบไร้สกอร์ในเกมนัดแรกที่แอนฟิลด์ แต่กลับพ่ายแพ้ไป 1-3 คาบ้านของตัวเองในเกมนัดที่สอง      และชัยชนะนั้นไม่ได้มาจากใครที่ไหนนอกจากมาเน่ ที่เป็นคนยิงเบิ้ลในเกมนั้นจนเขี่ยทีมแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก 6 สมัยตกรอบ   ต่อหน้าแฟนบอลของพวกเขาเอง ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบเข้าไปคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลนั้นหลังจากที่พลิกนรกผ่านบาร์เซโลน่าได้ในรอบรองชนะเลิศและในรอบชิงชนะเลิศลิเวอร์พูลก็เป็นฝ่ายครองเกมอยู่ฝั่งเดียวและเอาชนะท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สไปได้ 2-0                            นับตั้งแต่นั้น ลิเวอร์พูลได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ถึง 2 ครั้งและผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศอีก 1 ครั้ง ซึ่งเป็นการเข้าชิงถึง 3 ครั้งในรอบ 6 ปีที่มาเน่อยู่กับสโมสร นอกจากนี้ ในช่วงเวลานั้น มาเน่ได้กลายมาเป็นนักเตะที่ยิงประตูสูงที่สุดในเกมรอบน็อคเอาท์ในแชมเปี้ยนส์ลีกของประวัติศาสตร์สโมสรลิเวอร์พูล (ในยุคที่ใช้ชื่อยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก) ด้วยจำนวน 14 ประตูใน 5 ฤดูกาลกับหงส์แดง ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่าบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลต่อมาหลังจากที่มาเน่และลิเวอร์พูลบุกมายำใหญ่ใส่พวกเขาถึงถิ่นอาลิอันซ์ อารีน่านั้นได้แสดงความสนใจในตัวของดาวเตะทีมชาติเซเนกัลตั้งแต่ในตอนที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับลิเวอร์พูลและคว่ำพวกเขาได้…

Read More

ฤดูกาล 2021/2022 ก็เข้าสู่ช่วงปิดฤดูกาลแล้ว ก็เป็นช่วงที่แฟนบอลจะหงอย ๆ กันเล็กน้อย เพราะไม่มีฟุตบอลลีกให้ดูเหมือนเคย และว่างกว่าช่วงปกติเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อแก้เบื่อให้ทุกท่าน เราจะมารีวิวฤดูกาลนี้กัน โดยวิธีที่เราชอบทำและคิดว่าน่าสนใจก็คือการคัดทีมยอดเยี่ยม โดยคัดสรรเหล่าผู้เล่นที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในตำแหน่งของตัวเอง และนำมารวมกันเป็นทีมเดียว เพื่อดูว่ามีใครที่ทำผลงานได้น่าสนใจบ้าง ในฤดูกาลนี้ วันนี้เราขอเสนอ 11 นักเตะยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021/2022 โดยเรียงตามตำแหน่ง ตั้งแต่ผผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า ตำแหน่งละหนึ่งคน เราได้เลือกแผน 4-3-3 มาใช้ในบทความนี้ เพราะเป็นแผนของทีมแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผู้รักษาประตู : เอเดอร์สัน ในทีมที่มีเกมรุกที่จัดจ้านและอันตรายที่สุดในลีก เอเดอร์สันยังแสดงให้เราดูอยู่เสมอ ว่าทำไมเขาถึงคู่ควรกับตำแหน่งผู้รักษาประตูในทีมแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นายด่านชาวบราซิลเลี่ยนเก็บได้ถึง 20 คลีนชีตในฤดูกาลนี้ ซึ่งทำให้เขาคว้ารางวัลถุงมือทองคำได้ด้วย โดยเป็นรางวัลถุงมือทองคำร่วมกับเพื่อนร่วมชาติของเขาอย่าง อลิสซอน โดยพวกเขายังเสีย 26 ประตูเท่ากันอีกด้วย อย่างไรก็ดี เราคิดว่าผลงานการเซฟของเอเดอร์สัน มีผลต่อการคว้าแชมป์ของทีมมากกว่า เซฟสำคัญที่สุดของเอเดอร์สันในฤดูกาลนี้น่าจะเป็นเซฟในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ขณะที่พวกเขากำลังตามหลังวิลล่าอยู่ 2-0 ในครึ่งหลัง หากเอเดอร์สันเซฟลูกยิงนั้นไม่ได้ และทำให้ทีมตามหลังเพิ่มเป็น 3-0 เราคิดว่าซิตี้ไม่น่าจะกลับมาเอาชนะได้เหมือนเดิมแน่ ๆ เพราะ 3-0 ดูจะเป็นระยะห่างที่มากไปหน่อย ในการที่พวกเขาจะต้องรัวถึงสี่ลูกรวดในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง  และจะทำให้พวกเขาพลาดแชมป์ในฤดูกาลนี้ด้วย เพราะลิเวอร์พูลเอาชนะวูล์ฟได้ในเกมสุดท้าย แบ็คขวา : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นผู้เล่นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในฤดูกาลก่อน ๆ ในเรื่องของเกมรับของเขา โดยนักวิจารณ์หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แบ็คขวาชาวอังกฤษนั้นเล่นเกมรุกได้ดีก็จริง โดยเฉพาะเวลามีบอลที่ทำได้ดีมาก แต่ก็เป็นบ่อน้ำมันในแผงหลังที่คู่แข่งเจาะได้บ่อยครั้งเหมือนกัน และทำให้ทีมเสียประตูเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมในฤดูกาลนี้ และลบทุกข้อกังขาได้สำเร็จ เขาได้พิสูจน์แล้วว่านอกจากเขาจะเล่นเกมรุกได้ดี โดยการทำไปถึง 12 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้แล้ว เขายังพิสูจน์อีกว่าเขายังเล่นเกมรับได้ดีด้วยเช่นกัน และเป็นคีย์แมนสำคัญช่วยให้ลิเวอร์พูลนั้นเก็บได้ถึง 20 คลีนชีตมากที่สุดในลีกในฤดูกาลนี้ เซนเตอร์ : เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กูรูฟุตบอลจำนวนมากเชื่อว่าการที่ลิเวอร์พูลฟอร์มรูดจนเกือบไม่ได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลที่แล้วนั้น มีสาเหตุหลักมาจากการขาด เวอร์จิล ฟาน…

Read More