Author: admin
บอร์นมัธเลื่อนชั้นกลับมาอยู่ในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่สองหลังจากที่ตกชั้นไปแล้วในฤดูกาล 2019/20 การกลับมาของพวกเขาในครั้งนี้นั้นไม่ได้น่าทึ่งเหมือนกับในฤดูกาล 2014/15 ที่พวกเขาสามารถคว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพมาครองได้และจองตั๋วเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีก มันเป็นสไตล์การเล่นแบบเดียวกันที่ทำให้พวกเขาอยู่ในลีกและถึงขี้นทำให้พวกเขาจบอันดับสูงถึงอันดับที่ 9 ในตารางคะแนนในฤดูกาล 2016/17 จนกระทั่งสิ่งต่างๆ เริ่มถาโถมเข้ามาใส่เอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีมในตอนนั้นในฤดูกาล 2019/20 ไม่ว่าพวกเขาจะกลับไปสู่ลีกสูงสุดบนเกาะอังกฤษแล้วและจะกลับมาพร้อมกับสก็อตต์ ปาร์คเกอร์ที่คุมทีมอยู่ ซึ่งประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกของคนๆ เดียวนั้นก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาหรือไม่ได้แจ๋วอะไรขนาดนั้นสำหรับผู้จัดการทีมหนุ่มคนนี้ บอร์นมัธในลีกแชมเปี้ยนชิพฤดูกาล 2021/22 ถือเป็นปัญหาสำหรับเดอะ เชอร์รี่ส์ในฤดูกาลที่เพิ่งจบลงไป พวกเขาลงเล่นราวกับว่าพวกเขาแบกโลกไว้บนบ่าของพวกเขา – ความคาดหวังของแฟนบอลในบางครั้งอาจรู้สึกแบบนั้นสำหรับสโมสรและถูกย้ำเตือนความทรงจำของค่ำคืนในปี 2015 อยู่เสมอ ในตอนที่บอร์นมัธ คว้าแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพและเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกจนสนามวิทาลิตี้ สเตเดี้ยมแทบจะพังทลายลงมา พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อจบรองแชมป์ในครั้งนี้ โดยมีแต้มตามหลังทีมแชมป์อย่างฟูแล่ม เพียง 2 แต้มเท่านั้น ในขณะที่พวกเขามีแนวรับที่ดีที่สุดในลีก พวกเขาเสียประตูไปเพียง 39 ประตูจาก 46 เกมที่พวกเขาเล่นและแฟนๆ จะต้องซาบซึ้งกับระบบเกมรับของปาร์คเกอร์ที่ช่วยให้พวกเขาทำสถิตินี้ได้สำเร็จ แต่ถึงกระนั้น ปาร์คเกอร์ก็ยังมีงานที่ต้องทำรอเขาอยู่อีกมากมายในช่วงปิดฤดูกาลนี้เพื่อเตรียมตัวสำหรับการคุมทีมในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่ 2 แต่เหล่าแฟนบอลต่างก็พากันกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับความสามารถของเขาในตอนที่จะต้องดวลกับผู้จัดการระดับโลกมากมายและแม้กระทั่งอดีตผู้จัดการของทีมอย่างเอ็ดดี้ ฮาว คนที่ได้โอกาสอีกครั้งกับสโมสรที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอย่างนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด การเดินทางสู่พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022/23 เดอะ เชอร์รี่ส์เอาชนะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ไป 1-0 ในเกมสุดท้ายของแชมเปี้ยนชิพเพื่อการันตีพื้นที่สู่ลีกสูงสุดบนเกาะอังกฤษสำหรับฤดูกาลใหม่ ตัวรุกเพียงคนเดียวจากคีฟเฟอร์ มัวร์นั้นได้รับการตอบรับด้วยเสียงเชียร์ที่ดังลั่นและเมื่อเสียงนกหวีดจบเกมดังขึ้น การเฉลิมฉลองที่ดุเดือดยิ่งขึ้นก็เกิดขึ้น ในขณะที่แฟนบอลของสโมสรต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าพวกเขาได้การันตีการเลื่อนชั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่จะไตร่ตรองถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่พวกเขาจบรองแชมป์ด้วยการมีคะแนนตามหลังฟูแล่ม ทีมแชมป์อยู่ 2 คะแนน หลังจากที่ไร้พ่าย 15 เกมติดต่อกันในช่วงต้นฤดูกาล ฟอร์มของพวกเขาเริ่มที่จะดร็อปลงในตอนที่เริ่มตระหนักได้ว่าพวกเขาโอกาสในการได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งเริ่มส่องแสงมาหาพวกเขา ในช่วงฤดูหนาวนั้นเป็นอะไรที่ยากเป็นพิเศษเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลย เห็นได้ชัดตั้งแต่จากเกมแรกที่พวกเขาเริ่มต้นทำสถิติไร้พ่าย 15 เกมนั้น ชัยชนะส่วนใหญ่นั้นเป็นเกมที่เอาชนะได้เพียง 1 ประตู ในช่วงฤดูหนาวนั้นเปิดเผยให้เห็นข้อบกพร่องหลายอย่างของทีมเนื่องจากพวกเขาสามารถทำแต้มได้เพียง 12 คะแนนจากทั้งหมด 36 คะแนน ในที่สุด พวกเขาก็หลุดออกจากช่วงโปรโมชั่นในช่วงปลายเดือนมกราคม แต่นั่นมาจากการได้รับการช่วยเหลือจากการซื้อตัวที่แสนอัจฉริยะในช่วงฤดูหนาวนั่นเอง เส้นทางสู่การออกจากลีกแชมเปี้ยนชิพ การได้ตัวแนท ฟิลลิปส์ นักเตะของลิเวอร์พูลมาแบบยืมตัวและฮีโร่ที่ช่วยให้พวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นมาได้อย่างมัวร์ได้ช่วยพวกเขาเอาไว้โดยเฉพาะเนื่องจากนักเตะทั้ง 2 คนต่างก็มีพรสวรรค์ในด้านเกมรับและเกมรุกสำหรับเดอะ เชอร์รี่ส์ พวกเขาเสมอในหลาย ๆ เกมพร้อมกับแพ้ไปเพียงแค่ 2 เกมใน 17 เกมหลังสุดในลีก ฟิลลิปส์จับคู่กับลอยด์…
‘ทีมขาจร’ ของพรีเมียร์ลีกอย่างฟูแล่มกลับมาอีกครั้งเพื่อสร้างชื่อในลีกสูงสุดบนเกาะอังกฤษ พวกเขากลับมาในฐานะแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพ 2021/22 หลังจากระเบิดฟอร์มที่สุดยอดด้วยการคว้าไปถึง 90 แต้มและยิงไปถึง 106 ประตูใน 46 เกมพร้อมกับได้ประสบการณ์จากลีกรองบนเกาะอังกฤษที่มีระเบียบและวุ่นวายที่สุด นี่ถือเป็นแชมป์แรกในรอบ 21 ปีของพวกเขา ซึ่งแชมป์ล่าสุดของพวกเขาก็คือแชมป์รายการเดียวกันในฤดูกาล 2000/01 ก่อนที่พวกเขาจะคว้าแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพ เส้นทางสู่พรีเมียร์ลีกของพวกเขานั้นมาจากการผ่านรอบเพลย์ออฟของแชมเปี้ยนชิพ พวกเขาเล่นฟุตบอลได้ค่อนข้างน่าสนใจและแฟนบอลก็เชื่อว่าการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพจะเปลี่ยนแปลงทิศทางในการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกในรอบนี้ และภายใต้การคุมทีมของมาร์โก้ ซิลวา พวกเขามีอาวุธครบมือพร้อมกับประสบการณ์ที่จะต่อกรกับทีมในลีกสูงสุดเพื่อความอยู่รอดและเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะไต่ไปถึงกลางตารางกันเลยทีเดียว ฟูแล่มในลีกแชมเปี้ยนชิพ 2021/22 มาร์โก้ ชิลวาถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมเมื่อช่วงต้นฤดูกาลและสามารถโชว์ผลงานระดับพรีเมียร์ลีกทันที ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของเขา นอกเหนือจากการพาเจ้าสัวเลื่อนชั้นขึ้นมาได้สำเร็จแล้ว มันยังเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของสโมสรในตอนที่ลงสนามจนคนทั่วไป, นักวิจารณ์และแฟนๆ ของสโมสรต่างพากันมองเห็นถึงประเด็นที่สำคัญนี้ ประตูที่พวกเขาทำได้ทั้งหมด 106 ประตูนั้นยังถือเป็นการทำประตูได้มากที่สุดในลีกแชมเปี้ยนชิพในรอบกว่า 2 ทศวรรษ แต่อย่างไรก็ตาม การที่ฟอร์มของของฟูแล่มแล่นฉิวนั้นไม่ได้ราบรื่นนักในตอนที่พวกเขาก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ พวกเขาคว้าชัยในเกมที่จำเป็นต้องชนะด้วยการเอาชนะคู่แข่งและทำงานอย่างหนักในชัยชนะสุดที่สำคัญกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า แต่เกมการเล่นของพวกเขากับทีมที่มีความคมมากกว่าด้วยการใช้เกมรับที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขายังชวนให้นึกถึงอดีตในตอนที่เคยโลดแล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การคุมทีมของสก็อตต์ ปาร์คเกอร์ ที่ตอนนี้เขากำลังคุมทีมบอร์นมัธอยู่ จิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกเขาในครั้งนี้เป็นข้อดีสุด ๆ และซิลวาที่คว่ำวัตฟอร์ด, ฮัลล์ ซิตี้และเอฟเวอร์ตันในทั้ง 3 ช่วงในลีกดิวิชั่น 1 ของอังกฤษ พวกเขาจะมั่นใจในทีมที่เขาที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลใหม่โดยเขาจะได้ดูแลการพัฒนาของลูกทีมตั้งแต่แรก ฟูแล่มคว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพฤดูกาล 2022/23 ได้ยังไงกัน ฟูแล่มถล่มตัวเต็งในเพลย์ออฟอย่างลูตัน ทาวน์ไปถึง 7-0 ในเกมสุดท้ายก่อนที่จะก้าวไปคว้าแชมป์ซึ่งนอริช ซิตี้เคยทำได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาต่อกรกับอีกคู่แข่งตัวเต็งในเพลย์ออฟอีกทีมหนึ่งอย่างเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดในเกมสุดท้ายของฤดูกาลโดยถล่มดาบคู่ไป 4-0 สิ่งเดียวที่พวกเขาเสียใจคือพวกเขาไม่สามารถยิงเพิ่มได้อีก 2 ประตูเพื่อให้เท่ากับสถิติ 108 ประตูของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในครั้งล่าสุดที่ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกลงเล่นในลีกรอง ก้าวแรกของซิลวาคือการวางระบบแผน 4-3-3 โดยเน้นเกมรุกนั้นได้ผล ถึงแม้ว่าบุคลากรในทีมนั้นแสดงความกังวลว่าแผนนี้อาจจะไม่เหมาะกับทีม พวกเขาเริ่มต้นฤดูกาลด้วยประตูสุดฮาจากผู้ทำลายสถิติดาวซัลโวอย่างอเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ซึ่งนั่นกลายมาเป็นลูกแรกใน 43 ประตูของเขา ศูนย์หน้าชาวเซอร์เบียมีส่วนร่วมเป็นอย่างมากในการช่วยเหลือแนวรุกคนอื่นอย่างทอม แคร์นีย์, นีส์เก้นส์ เคบาโน่, แฮร์รี่ วิลสันและฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ในขณะที่มิโตรวิชเป็นคนที่ได้เครดิตจากประตูที่เขายิงได้ซึ่งกลายมาเป็นคนทำลายสถิติดาวซัลโวของแชมเปี้ยนชิพใน 1 ฤดูกาลโดยทำลายสถิติเดิมของอีแวน โทนีย์ของเบรนท์ฟอร์ด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาจะไม่มีทางไต่ไปถึงระดับนั้นได้หากไม่มีนักเตะเหล่านี้อยู่รอบๆ ตัวเขา นอกจากนี้เขายังมีแรงกระตุ้นจากการแข่งดาวซัลโวจากโดมินิค โซลันเก้ของบอร์นมัธซึ่งยิงไป 30 ประตูช่วยให้เดอะ เชอร์รีส์เป็นรองแชมป์และทำให้ฟูแล่มครองจ่าฝูงไว้ได้ตลอดทั้งฤดูกาล นักเตะตัวหลัก เมื่อย้อนกลับไปแล้ว…
ปอล ป็อกบากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นถือเป็นอะไรที่ไม่เคยเข้ากันได้เลย ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ในการคุมแดนกลางของปิศาจแดงทั้งสองครั้ง ส่วนมาก มันมักจะเต็มไปด้วยความขัดแย้งและความไม่แน่นอนรอบตัวของเขา คำพูดและการเปิดเผยข้อความเพิ่มเติมล่าสุดก็อาจจะทำให้แฟนผีส่วนใหญ่ถึงกับส่ายหน้า เป็นที่ยอมรับกันว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอาจจะมีข้อบกพร่องมากมายในการจัดการกับตัวนักเตะโดยมีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับมิดฟิลด์จอมเปลี่ยนทรงผมทีมชาติฝรั่งเศสในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราต่างมองในมุมเดียวกันแล้วว่าป็อกบามีบางอย่างที่ซับซ้อนและอาจจะตกเป็นเหยื่อของการกระทำของตัวเขาเอง มันก็จริงอยู่ที่จะบอกว่าเหล่านักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกฟุตบอลนั้นมีลักษณะที่เหมือน ๆ กันอยู่ นั่นคือการมีอีโก้ของพวกเขา แต่มันมีเส้นบาง ๆ ระหว่างการมีเกียรติกับการมีอีโก้ ซึ่งมันก็ชัดเจนในกรณีของปอล ป็อกบา กองกลางตัวตัดผมรายนี้สร้างความฮือฮาให้กับแฟนบอลหลังจากมีการเปิดเผยเรื่องราวสุดช็อคมากมายในสารคดีเรื่องล่าสุดของเขาเรื่อง The Pogmentary (เดอะ ป็อกเมนทารี่) ในสารคดีนั้น ตัวเขาได้เปิดเผยเรื่องราวมากมายในอาชีพการค้าแข้งของเขา ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ที่ร้อนระอุกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งในและนอกสนาม หากพูดแบบกลาง ๆ มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสก็ได้ออกมาพิสูจน์ในประเด็นบางประเด็นที่เขานำเสนอจริงนั่นแหละ แต่วิธีการเข้าถึงของเขาและความคิดเห็นหลังจากที่เขาปล่อยสารคดีเรื่องนี้ออกมาล่ะ ป็อกบาอ้างว่าเขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองสำคัญเลยที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปอล ป็อกบาต้องการให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดรับรู้ว่าพวกเขาได้ทำ ‘ผิดพลาด’ ในการที่ไม่ยื่นข้อเสนอที่ดีให้เขาตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนนี้ ดาวเตะชาวฝรั่งเศสกำลังเตรียมตัวกลับไปที่ยูเวนตุสหลังจากที่สัญญาของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังจะหมดลง โดยมีรายงานล่าสุดเปิดเผยว่าห้องเครื่องวัย 29 ปีได้ปฏิเสธข้อเสนอที่มีค่าเหนื่อยสูงถึง 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทิ้ง เมื่อมองย้อนกลับไป มันเป็นข้อเสนอที่ไม่ได้ ‘เพิ่มขึ้น’ เลยเนื่องจากก่อนหน้านี้ตัวนักเตะได้รับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 290,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หลังจาก 6 ปีที่น่าผิดหวังกับสโมสรในช่วงที่เขากลับมาที่สโมสรอีกเป็นครั้งที่ 2 ป็อกบาจะย้ายกลับไปค้าแข้งที่เมืองตูรินอีกครั้ง เมืองที่เราได้เป็นสักขีพยานในการได้เห็นเขาระเบิดฟอร์มในช่วงปี 2012-2016 กับยูเวนตุส ฟอร์มกับยูเวนตุสได้โน้มน้าวให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำลายสถิติค่าตัวที่แพงที่สุดในโลกด้วยราคา 89 ล้านปอนด์ ในฤดูกาลแรกของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ป็อกบาช่วยทีมของมูรินโญ่คว้าแชมป์ยูโรป้าลีกและอีเอฟแอลคัพ และก็ช่างน่าบังเอิญเหลือเกิน เพราะฤดูกาลที่ว่านั่นคือฤดูกาลสุดท้ายที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ได้อีกด้วย แม้จะโชว์ฟอร์มได้ดีเป็นครั้งคราว ควบคู่ไปกับการทำถึง 39 ประตูจาก 226 เกมในช่วง 6 ฤดูกาลกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภาพรวมฟอร์มของป็อกบาคือข้อเท็จจริงที่ว่าเขาแทบ ไม่เคยมี ‘ความคงเส้นคงวา’ เลย ดาวเตะชาวฝรั่งเศสทำให้สโมสรต้องเสียค่าตัวมหาศาลถึง 1 ล้านปอนด์ต่อเกมในช่วงคำรบที่ 2 ของเขาในถิ่นโอลด์…
ข่าวลือการซื้อตัวที่ใหญ่ที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์นี้คือข่าวลือของแฟรงกี้ เดอ ยอง ห้องเครื่องของบาร์เซโลนา เป็นที่รู้กันว่าผู้จัดการทีมป้ายแดงของสโมสรอย่างเอริค เทน ฮากกำลังมองหาโอกาสในการกลับมาร่วมงานกับมิดฟิลด์วัย 25 ปีอีกครั้ง และตั้งใจที่จะปั้นให้เขาเป็นนักเตะตัวสำคัญในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโฉมใหม่ที่เขากำลังสร้างทีมไว้เพื่อลุยศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022/23 ในครั้งแรกที่พวกเขาร่วมงานกันนั้น พวกเขาได้ทิ้งผลงานอันยอดเยี่ยมในการสร้างทีมอาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัมที่โดดเด่นในช่วงยุค 2010s ก่อนที่เดอ ยองจะย้ายไปแดนกระทิงดุเพื่อลงเล่นให้กับสโมสรในฝันของเขาอย่างบาร์เซโลนา ตอนนี้ เส้นทางอาชีพลูกหนังของพวกเขานั้นกำลังอยู่ในเส้นทางที่แตกต่างกัน เดอ ยองกำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มสะดุดเหมือนกับต้นสังกัดของเขา ในขณะที่เทน ฮากกำลังย้ายมากุมบังเหียนของปิศาจแดง แต่เราก็ยังคงต้องรอดูว่ามันจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง เมื่อลองมองไปข้างหน้า การกลับมาร่วมงานกันอาจจะเป็นการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน แต่อย่างไรก็ตาม การที่ เดอ ยองคอยปฏิเสธและปิดโอกาสในการพูดถึงเรื่องของการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเทน ฮากก็ควรที่จะเริ่มเปลี่ยนโฟกัสไปที่นักเตะตัวอื่นแทน และแน่นอนว่าพวกเขามีตัวแทนที่ยอดเยี่ยมรอไว้แล้ว – ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในลิสต์รายชื่อที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องการตัวมานานกว่ากองกลางชาวดัตช์แมนซะอีก – นั่นก็คือวิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ กองกลางตัวสำคัญของเลสเตอร์ ซิตี้ เรื่องราวของเอ็นดิดี้และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในอดีต กองกลางจอมตัดเกมชาวไนจีเรียมีข่าวการย้ายตัวเชื่อมโยงกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและมีนักวิจารณ์บางคนที่แนะนำตัวนักเตะคนนี้ให้กับสโมสร – รวมถึงนักเตะชื่อดังจากคลาส ออฟ 1992 – ได้โน้มน้าวให้นักเตะย้ายไปร่วมทีม แกรี่ เนวิลล์ นักวิจารณ์ที่โด่งดังที่สุดในบรรดานักเตะในตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเคยแนะนำเอาไว้เมื่อปี 2021 นอกเหนือจากดาวยิงของทีมจิ้งจอกสยามอย่างเจมี่ วาร์ดี้แล้ว เนวิลล์ยังพูดถึงเอ็นดิดี้ว่าเป็นนักเตะที่หากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าตัวเขามาได้ พวกเขาจะได้ประโยชน์จากมิดฟิลด์ชาวไนจีเรียอย่างแน่นอน เมื่อช่วงต้นเดือน ผู้สื่อข่าวจากสกาย สปอร์ตส์อย่างคริส ฮามิลล์ได้ให้เหตุผลทางสถิติไว้ว่าทำไมเอ็นดิดี้ถึงควรจะเป็นตัวเลือกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับรายการฟุตบอล เดลี่ เขาบอกว่า “วิลเฟร็ด (เอ็นดิดี้) ของเลสเตอร์นั้นเป็นนักเตะที่มีทุกอย่างที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังมองหาอยู่และเนื่องจากสัญญาของเขากับเลสเตอร์เหลืออยู่อีกเพียง 2 ปี มันก็มีแนวโน้มที่ค่าตัวของเขาจะลดลงเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่น่าดึงดูดใจที่เกี่ยวพันกับตัวเขาในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา” “และในขณะที่เขาพลาดการลงสนามในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของฤดูกาลด้วยอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า แต่ถ้าหากเขาไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บ เขาก็ยังถือเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในลีกอย่างแน่นอน ด้วยค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดบอลมากถึง 6.5 ครั้งต่อเกมและยังอยู่ในอันดับที่ 7 ของมิดฟิลด์ในเรื่องการเอาชนะการดวลลูกกลางอากาศอีกด้วย” นอกเหนือจากเหล่าบรรดานักวิจารณ์ที่ออกมาโน้มน้าวให้เอ็นดิดี้ย้ายมาร่วมทีมอดีตแชมป์พรีเมียร์ลีก 20 สมัย ยังมีรายงานออกมาจากสื่ออีกด้วยว่าทางสโมสรได้พิจารณาการคว้าตัวเขาในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา แฟนบอลของเหล่าปีศาจแดงก็ชื่นชอบในตัวเอ็นดิดี้พอสมควร จากการที่มีชื่อของเขาอยู่ในโซเชี่ยล มีเดียและเว็บบอร์ดของแฟนบอลในฐานะนักเตะที่ทางสโมสรจำเป็นจะต้องจับตามอง เพราะงั้นแล้วทำไมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงไม่พิจารณาในการคว้าตัวกองกลางจากเลสเตอร์ ซิตี้ซักทีล่ะ? เลสเตอร์ตั้งค่าหัว:…
ในตอนที่อาร์เซนอลแถลงข่าวประกาศการคว้าตัวนิโคลัส เปเป้ด้วยราคาเป็นสถิติของสโมสรด้วยราคาสูงถึง 72 ล้านปอนด์ในปี 2019 มีการประโคมข่าวใหญ่โตและยังไปกระตุ้นความหวังของเหล่าแฟนบอลเดอะ กันเนอร์สเป็นอย่างมาก ด้วยฟอร์มสุดน่าประทับใจกับลีลล์ ศูนย์หน้าชาวไอวอรี่โคสต์ได้รับการคาดหวังว่าจะระเบิดฟอร์มได้ทันทีและเป็นคนที่เข้ามาช่วยปัญหาในแนวรุกของอาร์เซนอลได้อย่างแน่นอน แสงสว่างแห่งความหวังส่งแสงประกายได้เพียงชั่วครู่ก่อนที่จะตามมาด้วยฟอร์มอันย่ำแย่และภาพรวมที่น่าผิดหวัง ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ดาวยิงวัย 27 ปีก็ยังคงโชว์ฟอร์มไม่ได้ใกล้เคียงกับการที่ทุก ๆ คนตื่นเต้นหรือใกล้เคียงความคาดหวังที่มาพร้อมกันกับในตอนที่เขาเซ็นสัญญาควบคู่ไปกับค่าตัวมหาศาลของเขา ตอนนี้ศูนย์หน้าชาวไอวอรี่โคสต์ได้กลายเป็นเพียงตัวประกอบในทีมอาร์เซนอลชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมโดยมิเกล อาร์เตต้าไปแล้ว แถมยังมีรายงานออกมาอีกด้วยว่าเขาอาจจะหาทางออกจากสโมสรนี้ในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากที่โอกาสในการลงสนามได้ยากเย็นแสนเข็ญ นอกจากนี้เขายังอาจจะกลายมาเป็นหนึ่งในดีลเซ็นสัญญายอดแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกด้วย เห็นได้ชัดเจนว่าเขานั้นไม่เหมาะที่จะอยู่ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เกิดอะไรขึ้นกับดาวยิงชาวไอวอรี่โคสต์? ทำไมเขาถึงไม่สามารถสร้างอิมแพคอะไรได้เลย? พวกเราจะมาเจาะลึกถึงประเด็นสำคัญถึงในช่วงเวลาของเขากับไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอลกัน ทำไมเปเป้ถึงไม่ปังกับอาร์เซน่อล? บอกตามตรงว่าการที่เปเป้ย้ายเข้ามาร่วมทีมอาร์เซนอลนั้นต้องผ่านการแย่งชิงอำนาจและทะเลาะกันภายในของสโมสรกันอย่างหนักเลยทีเดียว ในตอนนั้น ผู้จัดการทีมอย่างอูไน เอเมอรี่ชื่นชอบและอยากที่จะได้เพื่อนร่วมชาติของเปเป้อย่างวิลฟรีด ซาฮามาร่วมทีมมากกว่า แต่ทางบอร์ดบริหารของสโมสร นำโดยราอูล ซานเญฮี กลับไม่เห็นด้วย และทางอาร์เซนอลก็เลือกที่จะเซ็นสัญญาคว้าตัวเปเป้เข้ามาแทนและมันก็ถือเป็นการกระทำที่เป็นชนวนส่งผลให้อดีตผู้จัดการทีมของอาร์เซนอลโดนไล่ออกในที่สุด ความจริงที่ว่าเปเป้นั้นไม่ได้เป็นที่ต้องการของเอเมอรี่มาตั้งแต่แรกเริ่มแล้วนั้นสร้างความตึงเครียดในห้องแต่งตัวขึ้นโดยไม่จำเป็นเลย เช่นเดียวกับสื่อในอังกฤษและการเซ็นสัญญาราคาแพงหูฉี่ ดาวยิงชาวไอวอรี่ โคสต์ยิ่งถูกสื่อมวลชนให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมจากค่าตัวของเขาและประเด็นที่ว่ามันเป็นสถิติการซื้อตัวที่แพงที่สุดของประวัติศาสตร์สโมสรอาร์เซนอล แต่ถึงกระนั้น ในสนามจริง เปเป้ทำได้เพียงโทษตัวเองเท่านั้นและเหตุผลหลัก ๆ ที่อยู่เบื้องหลังฟอร์มที่น่าอดสูของเขาในฟุตบอลลีกสูงสุดในอังกฤษก็คือความจริงที่ว่าเขานั้นไม่สามารถปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกได้ เปเป้เล่นทางกราบซ้ายซะเป็นส่วนใหญ่และเขาก็ไม่สามารถปรับปรุงการใช้เท้าข้างที่ไม่ถนัดของเขา มันเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นเขาแตะบอลไปแล้วตัดเข้าซ้าย ก่อนที่จะพยายามปั่นบอลโค้งๆ ให้ซุกตาข่าย นี่เป็นเครื่องหมายการค้าในการยิงประตูมากมายของเขา แต่การพึ่งพาเท้าซ้ายของเขามากเกินไปนั้นทำให้เขาเป็นนักเตะที่ถูกคาดเดาได้ง่ายเหลือเกิน ลองดูบูกาโย่ ซาก้าเป็นตัวอย่าง เขามีความคล้ายคลึงกับเปเป้พอสมควร เนื่องจากทั้งสองคนนั้นถนัดในการเล่นด้วยเท้าซ้ายเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ซาก้าสามารถเล่นเท้าข้างที่ไม่ถนัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและนั่นทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่มีมิจิ อันตราย และยากสำหรับนักเตะในแนวรับที่จะรับมือ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ดาวรุ่งชาวอังกฤษสามารถยึดตำแหน่งทางกราบขวาได้และเบียดให้เปเป้กลายเป็นเพียงนักเตะตัวโรเตชั่นเท่านั้น เกมสุดท้ายที่ดาวยิงทีมชาติไอวอรี่โคสต์นั้นลงสนามเป็นตัวจริงให้กับอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีกนั้นคุณจะต้องมองย้อนกลับไปถึงเดือนตุลาคม 2021 เลยล่ะ แค่นั้นก็บอกอะไรได้เยอะเลยทีเดียว ข่าวซื้อขายล่าสุดที่เกี่ยวกับเปเป้? ศูนย์หน้าทีมไอวอรี่โคสต์บอกเป็นนัยว่าเขากำลังมองหาทางออกจากอาร์เซนอลโดยการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงตลาดซื้อขายก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเปเป้ถือเป็นนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของมิเกล อาร์เตต้าแล้ว ทำให้ทีมปืนใหญ่พร้อมที่จะขายดาวยิงไอวอรี่โคสต์ตั้งนานแล้ว โดยอาร์เซนอลนั้นพร้อมที่จะตอบรับข้อเสนอที่ราคาต่ำราว ๆ 25-30 ล้านปอนด์สำหรับเปเป้ด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าตัวนักเตะเองจะเหลือสัญญาปัจจุบันอยู่อีก 2 ปีก็ตาม การกลับไปบ้านเกิดที่ฝรั่งเศสนั้นดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ใช่ที่สุดและตัวนักเตะเองก็มีข่าวกับโอลิมปิก มาร์กเซย เช่นเดียวกับสโมสรเก่าอย่างลีลล์อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองสโมสรนั้นมีปัญหาในการจ่ายค่าเหนื่อยให้กับตัวนักเตะซึ่งค่าเหนื่อยปัจจุบันของเขานั้นรับอยู่ที่ 140,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ล่าสุด มีข่าวลือว่าเปเป้ถูกเชื่อมโยงกับการย้ายไปค้าแข้งกับเปแอสเช แต่แม้ข่าวลือนี้ก็ฟังดูเข้าท่าอยู่พอสมควร การย้ายไปเปเอสเชก็จะทำให้ตัวนักเตะเองไม่มีโอกาสลงสนามมากพอเหมือนเดิมอยู่ดี อาร์เซนอลกำลังพยายามอย่างหนักในการคว้าตัวกาเบรียล เชซุสจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้และแน่นอนว่าการมาของตัวรุกอีก 1 คนนั้นจะทำให้ดาวยิงชาวไอวอรี่โคสต์ตกกระป๋องหนักขึ้นไปอีก การที่เปเป้ย้ายออกจากอาร์เซนอลในซัมเมอร์นี้นั้นสมเหตุสมผลสำหรับทั้งสองฝ่าย เนื่องจากสัญญาของตัวนักเตะเหลืออยู่ 2 ปี มันสมเหตุสมผลสำหรับอาร์เซน่อลที่จะจัดการกับสถานการณ์ของนักเตะในตอนนี้ดีกว่าที่จะรอจนกว่าสัญญาของเขาใกล้จะหมดลง นั่นยังหมายความว่าทางสโมสรจะยังพอได้รับค่าตัวจากการขายเขาออกจากสโมสรอยู่พอสมควรเลยล่ะ…
หลังจากที่พลาดตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างน่าเสียดาย อาร์เซนอลกำลังมองหาการเสริมทัพอีกครั้งโดยมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นในช่วงตลาดซื้อขายในช่วงซัมเมอร์ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยองย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลน่าในตลาดฤดูหนาวเดือนมกราคม ในขณะที่อเล็กซานเดอร์ ลากาแซตต์ก็ได้บอกว่าเวลาของเขาที่อาร์เซนอลได้จบลงแล้วในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องเสริมเกมรุกอย่างช่วยไม่ได้ มีความคาดหมายว่าอาร์เซนอลจะเซ็นสัญญาศูนย์หน้ามาอย่างน้อย 2 คนในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ทางสโมสรกลับเลือกที่จะศรัทธากับศูนย์หน้าดาวรุ่งอย่างเอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์และข้อเสนอระยะยาวก็กำลังจะมีการแถลงข่าวในเร็ววันนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหล่าเดอะ กันเนอร์สจะยังคงมองหาตัวรุกอย่างน้อย 1 ตัวและในตอนนี้ก็มีตัวรุกชาวบราซิลคนนึงที่น่าจะเข้ากันได้ดีกับทีมในตอนนี้ นั่นก็คือ กาเบรียล เชซุส นักเตะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งก็เป็นนักเตะที่ยังตัดสินใจเรื่องอนาคตอยู่ และยังไม่มีข้อสรุปอย่างแน่นอน โดยแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้หลายแห่งได้ออกมารายงานตรงกันว่าตัวเขานั้นได้รับความสนใจจากอาร์เซนอลเป็นอย่างมาก ในช่วงก่อนที่พรีเมียร์ลีกจะจบฤดูกาล 2021/22 กาเบรียล เชซุสเปิดเผยว่าเขารู้แล้วว่าตัวเขาต้องการอะไรและได้พูดคุยเกี่ยวกับความตั้งใจของเขากับบอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ ซิตี้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ รายงานล่าสุดจากฟุตบอล อินไซเดอร์อ้างว่าเชซุสได้ยอมรับเงื่อนไขส่วนตัวกับทางอาร์เซนอลเรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าเหนื่อยปัจจุบันที่เขารับอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ 110,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ รายงานได้อ้างว่าเดอะ กันเนอร์สได้ยื่นข้อเสนอที่เพิ่มค่าเหนื่อยให้ตัวรุกชาวบราซิลเป็น 190,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์แทน ถึงกระนั้น ดีลนี้ก็ยังห่างไกลจากคำว่าเสร็จสมบูรณ์เนื่องจากอาร์เซนอลกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นยังไม่ได้ตกลงกันในเรื่องของค่าตัว โดยทีมเจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกปีล่าสุดนั้นอยากได้ค่าตัวไม่ต่ำกว่า 55 ล้านปอนด์ในขณะที่อาร์เซนอลพร้อมจ่ายที่ราคาไม่เกิน 40 ล้านปอนด์เท่านั้น สัญญาปัจจุบันของเชซุสนั้นเหลือเวลาอีกเพียงแค่ปีเดียวและมันทำให้ซิตี้อยู่ในที่นั่งลำบาก นั่นหมายความว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องหาทางขายเขาออกไปหรือจะยอมเสี่ยงที่จะเสียเชซุสไปแบบฟรีๆ ในช่วงซัมเมอร์หน้า กาเบรียล เชซุสจะเป็นนักเตะที่เล่นได้อย่างเข้าขาที่อาร์เซน่อล ในขณะที่ข้อกำหนดทางการเงินจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังคงคลุมเครือ แต่เชซุสนั้นจะสามารถเล่นได้เข้ากับแทคติกของอาร์เซนอลอย่างไม่ต้องคิดมากเลยทีเดียว ก่อนอื่นเลย อาร์เซนอลจะได้ตัวนักเตะที่มีสถิติการยิงประตูที่ดีเยี่ยม ตั้งแต่ที่เขาย้ายเข้ามาจากพัลไมรัสเข้าร่วมทีมเรือใบสีฟ้าในปี 2017 เชซุสยิงประตูไปแล้วถึง 95 ประตูพร้อมกับ 37 แอสซิสต์จาก 210 เกมที่ลงสนามในทุก ๆ รายการ ที่น่าประทับใจไปยิ่งกว่านั้น คือการที่เขายิงได้มากขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วเขาเล่นเป็นกองหน้าเบอร์สองของทีม รองจากเซอร์จิโอ้ อเกวโร่ ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ซิตี้นั้นไม่มีกองหน้าตัวเป้าเลยหลังจากที่เขาพลาดการคว้าตัวแฮร์รี่ เคนของท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้น กาเบรียล เชซุสนั้นก็ยังไม่ใช่นักเตะตัวจริงของทีม เนื่องจากเป๊ป กวาร์ดิโอล่าเชื่อมั่นนักเตะอย่างฟิล โฟเด้น, ราฮีม สเตอร์ลิ่งและแม้กระทั่งเควิน เดอ บรอยน์ในการลงสนามในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ในบางนัด เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายฤดูกาล กวาร์ดิโอล่าเริ่มใช้งานเชซุสบ่อยขึ้นในตอนที่มีรายงานว่าอาร์เซนอลสนใจในตัวนักเตะก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงซัมเมอร์ แต่อันที่จริงแล้ว ดาวยิงชาวบราซิลได้แสดงให้ผู้จัดการทีมของเขาเห็นว่าเขาพลาดอะไรไป เชซุสระเบิดฟอร์มระดับ 5 ดาวในเกมกับวัตฟอร์ด เขายิงไป 4…
บทนำ : ชื่อของคีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ กำลังเป็นประเด็นร้อนมาสักพักแล้ว ดาวเตะหนุ่มชาวฝรั่งเศสกำลังเป็นที่สนใจของแฟนบอล และถูกจับตามองเป็นอย่างมากด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงของเขาในช่วง 2-3 ปีหลัง จึงพูดได้อย่างเต็มปากว่าในปัจจุบัน คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้คือหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น และยังอาจจะพัฒนาฝีเท้าของเขาขึ่นไปได้อีกจนถึงขั้นเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลก็เป็นได้ ด้วยฝีเท้าและกระแสที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ จึงไม่แปลกใจที่เขาจะมีหลายทีมเข้ามาขายขนมจีบและอยากคว้าตัวเขาไปร่วมทีม ก็ใครจะไม่อยากได้คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ไปเล่นให้ทีมตัวเองกันล่ะ ท่ามกลางหลายทีมที่รุมแย่งตัวเขา มีอยู่สองทีมที่ดูจะได้เปรียบกว่าทีมอื่น คือเรอัล มาดริด ทีมที่เขาฝันว่าจะเล่นให้ตั้งแต่ยังเด็ก และเปเอสเช สโมสรปัจจุบันของเขา ที่เป็นทีมที่นักเตะฝรั่งเศสทุกคนอยากจะมาค้าแข้งที่นี่อยู่แล้ว ในตอนนี้เอ็มบัปเป้ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว ว่าเขาจะเล่นให้ทีมไหนในช่วง 3-4 ปีถัดไป ซึ่งเป็นช่วงที่นักฟุตบอลกำลังพีคและเป็นช่วงที่สำคัญมากในการค้าแข้ง วันนี้เรามาลองวิเคราะห์กัน ว่าทำไมอดีตแข้งโมนาโกถึงเลือกที่จะต่อสัญญากับปารีส และจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อเขาเลือกที่จะปฏิเสธทีมยักษ์ใหญ่อย่างเรอัล มาดริด เรามาลองดูกัน เอ็มบัปเป้ และ เปเอสเช: เป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาของเอ็มบัปเป้กับเปเอสเชนั้นต้องเรียกว่ามหัศจรรย์มาก ทั้งฟอร์มการเล่นและสถิติต่าง ๆ อันน่าทึ่งมากมาย เขาสามารถเล่นได้เต็มศักยภาพของตัวเองและยังเหมือนว่าจะยังพัฒนาได้เรื่อย ๆ ในปี 2017 เปเอสเชต้องจ่ายเงินร่วม 180 ล้านยูโรกว่าจะคว้าตัว เอ็มบัปเป้ ในวัย 18 ปี มาร่วมทีมได้สำเร็จ ซึ่งนี่ทำให้ เอ็มบัปเป้กลายเป็นนักเตะ U-19 ที่แพงที่สุดในโลกตลอดกาลด้วย แต่ถึงจะราคาแพงขนาดนี้ เมื่อดูจากฟอร์มและผลงานส่วนตัวของเขาแล้ว ก็ยังถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมาก ดาวเตะโกลเด้นบอยก้าวขึ้นมาเป็นจุดศุนย์กลางของโปรเจ็กต์ใหญ่ของปารีส และเป็นขวัญใจของแฟนบอลได้อย่างรวดเร็ว จนบางทีถึงขั้นกลบรัศมีนักเตะระดับโลกอย่างเนย์มาร์ไปสนิทเลย ด้วยพรสวรรค์ ความเร็ว และสัญชาตญาณการถล่มประตูของเขา ทำให้เป็นเรื่องยากมากที่จะหากองหลังคนไหนที่เก่งพอจะหยุดเขาได้ ในช่วงเวลา 5 ปีกับเปเอสเช เอ็มบัปเป้ยิงไปเกือบ 200 ประตู และคว้าแชมป์ร่วมกับทีมถึง 11 ใบ รวมถึงเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก ในปี 2020 อีกด้วย นิทานเรื่องนี้ยังไม่จบ (อย่างน้อยก็ถึงปี 2025) คงไม่มีใครอยากให้นิทานเรื่องนี้จบลงง่าย ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ในมุมของบอร์ดบริหาร เพราะเอ็มบัปเป้มีสัญญากับทีมจนถึงแค่ฤดูกาล 2021/2022 เท่านั้น จากการที่เขาเซ็นสัญญาห้าปีไว้เมื่อปี 2017 การที่จะรั้งเอ็มบัปเป้ให้อยู่กับทีมนั้นเป็นงานช้างเลยทีเดียว …
การเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ความกดดันจากความคาดหวังของแฟนบอลพร้อมที่จะเข้าโจมตีจิตใจของเหล่านักเตะอยู่เสมอ แม้แต่นักเตะระดับโลกก็สามารถมีแมตช์ที่หลุดฟอร์มไปได้ง่าย ๆ นักเตะบางคนก็ฟอร์มดรอปลงไปแทบจะทั้งฤดูกาล ทั้ง ๆ ที่ในฤดูกาลก่อน ๆ ก็ยังทำผลงานได้ดีอยู่ อาจจะเป็นผลมาจากฟอร์มโดยรวมของทีมด้วย เช่น ทีมเล่นไม่เข้าขากัน หรือ ฟอร์มตกกันทั้งทีม หรืออาจจะเป็นเรื่องของการปรับตัว ที่นักเตะบางคนยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกได้ แต่ไม่ว่าสาเหตุก็มาจากอะไร การเห็นนักเตะฟอร์มตกและเล่นไม่ดีเหมือนเคยนั้นคงไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอลอยากเห็นอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ วันนี้เราจะมาเสนอ 11 นักเตะยอดแย่ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021/2022 โดยเรียงตามตำแหน่งตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า ตำแหน่งละหนึ่งคน และยกเหตุผลประกอบว่าทำไมเราถึงเลือกนักเตะคนนี้ ผู้รักษาประตู : แคสเปอร์ ชไมเคิล ปฏิเสธได้ยากว่าในฤดูกาลนี้ แคสเปอร์ ชไมเคิล เล่นได้อย่างผิดฟอร์มไปมาก และมีฤดูกาลที่ไม่น่าจดจำเท่าไรนักในปีนี้ ฟอร์มของเขาในตอนนี้เรียกได้ว่าคนละเรื่องกับตอนที่เขาเซฟอุตลุด จนพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ในปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง เลสเตอร์เสียไปถึง 59 ประตูในฤดูกาลนี้ มากที่สุดในบรรดาสิบทีมที่จบในครึ่งบนของตารางคะแนน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือของทีมคงจะผิดหวังอยู่ไม่น้อย ที่ทีมของเขาเก็บคลีนชีตได้น้อยมาก อย่างน้อยก็น้อยกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น ซึ่งส่งผลร้ายโดยตรงต่อผลงานในทุกรายการ โดยเฉพาะผลงานในลีก ที่การเสียประตูเยอะทำร้ายอันดับในตารางของพวกเขาเป็นอย่างมาก แบ็คขวา : ดิโอโก้ ดาโลต์ จากการที่ผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง ราล์ฟ รังนิก ดูจะไม่ถูกใจแบ็คขวาคนเก่าอย่าง อารอน วาน บิสซาก้า เท่าไรนัก ทำให้ ดาโลต์ แบ็คขวาตัวสำรอง ได้โอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองและยึดตำแหน่งตัวจริงเอาไว้ให้ได้ อย่างไรก็ดี แบ็คขวาหนุ่มชาวโปรตุกีสฟอร์มตกไปมากในการลงเล่นให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด ชนิดแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขาคือคนเดียวกับแบ็คที่ทำผลงานได้ดีและน่าจับตาในศึก เซเรีย อา ในฤดูกาลก่อน แม้ว่าแมนฯ ยูไนเต็ด จะมีเกมรับที่เละเทะเกินจะบรรยาย แต่ดาโลต์ก็ไม่ได้เล่นดีหรือช่วยยกระดับเกมรับขึ้นมาเลย โดยเฉพาะเกมรับที่เขาก็มีส่วนทำให้แผงหลังของทีมกลายเป็นทีมที่โดนเจาะเป็นว่าเล่นแบบนี้ แม้แต่ในเรื่องที่เป็นจุดแข็งของเขา จุดแข็งเดิมของเขาก็หายไปเกือบหมด เช่นในเรื่องการเปิดบอลที่เขาเคยทำได้ดี ในฤดูกาลนี้ก็ไม่ดีเหมือนเดิม ส่งผลเสียต่อทีมเป็นอย่างมาก เซนเตอร์ : แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไม่ทราบว่าแฟน ๆ ทีมอื่นจะคิดว่าแฮร์รี่ แม็กไกวร์ คือการซื้อตัวที่แย่ที่สุดของประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือไม่ แต่สำหรับแฟน…
พรีเมียร์ลีกไม่ได้ถูกจัดให้เป็นลีกที่ดีที่สุดเพราะโชคช่วยหรือมูลค่านักเตะอย่างเดียว แต่เพราะแรงกดดันมหาศาลและระดับของฟุตบอลในลีกที่สูงมาก ๆ จากการมีทีมและนักเตะระดับโลกอยู่เต็มลีกไปหมด ไม่ใช่นักเตะทุกคนที่จะสามารถเล่นในพรีเมียร์ลีกได้ คำพูดนี้ยังคงเป็นจริงเสมอ ในหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นดาวเตะจากหลายลีกที่ทำผลงานได้ดีในลีกอื่น ๆ แต่พอย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกกลับเล่นไม่ดีเหมือนเดิม และ มีผลงานที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า ในบทความวันนี้ เราจะพาไปดู 10 นักเตะกองหลังที่มีค่าตัวแพง แต่ไม่สามารถโชว์ฟอร์มในพรีเมียร์ลีกได้ แต่ก่อนอื่น เราไปทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่า ว่าทำไปนักเตะกองหลังถึงโชว์ฟอร์มได้ลำบากในฟุตบอลอังกฤษ ทำไมกองหลังเล่นไม่ดีเหมือนที่เคยในพรีเมียร์ลีก พรีเมียร์ลีกมีชื่อเสียงในเรื่องการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อนักเตะอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักเตะดาวรุ่งหรือตัวเก๋า นักเตะที่ย้ายมาจากลีกอื่นจะต้องปรับตัวให้เข้ากับลีกอังกฤษ ทั้งในเรื่องแผนและสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของฟุตบอลอังกฤษ ทำให้นักเตะจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัว และยากที่จะปรับตัวได้ สำหรับกองหลัง นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมพวกเขาถึงฟอร์มดร็อปลงไป ตำแหน่งแผงหลังเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีก ลีกที่มีการแข่งขันสูง สปีดเกมเร็ว และไม่มีอะไรแน่นอน และนี่ก็คือเสน่ห์ของมัน เหล่ากองหลังไม่สามารถจะสมาธิหลุดได้เลย ในเกมที่อาจตัดสินผลแพ้ชนะกันได้ด้วยประตูเพียงประตูเดียว สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ลีกอังกฤษนั้นโหดหินที่สุด แม้นักเตะที่ย้ายมาจะเป็นนักเตะมากพรสวรรค์หรือประสบการณ์สูงก็ตาม และนี่ก็คือ 6 นักเตะตัวอย่างของกองหลังที่ครั้งหนึ่งเคยถูกคาดหวังให้เป็นตัวหลักของทีม จนมีค่าตัวสูงลิ่ว ส่วนนักเตะ 6 คนจะเป็นใครกันบ้างนั้น เราไปดูกันเลย แฮร์รี่ แม็คไกวร์ – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: น่าจะเป็นคนแรกที่หลาย ๆ คนนึกถึงในปัจจุบัน หากพูดถึงดีลกองหลังที่พังไม่เป็นท่าในช่วง 10 ปีหลัง ในฤดูกาล 2021/2022 นี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตกต่ำลงอย่างมาก และน่าจะเรียกได้ว่าตกต่ำถึงขีดสุดแล้ว หลังจากสองฤดูกาลแบบจืด ๆ ที่แฮรรี่ แม็คไกวร์ ได้นำทีมลงเล่นในลีก เรื่องของแม็คไกวร์ถือว่ามาไกลมากแล้ว ช่วงแรก ๆ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจควักเงินกว่า 80 ล้านปอนด์ ใช่ครับ 80 ล้านปอนด์จริง ๆ เพื่อพากองหลังรายนี้มาร่วมทีมในโรงละครแห่งความฝันของพวกเขา และทำให้แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กลายเป็นกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกอีกด้วย ด้วยค่าตัวที่แพงมหาศาล ทำให้แม็คไกวร์ถูกคาดหวังจากสโมสรเป็นอย่างมาก และน่าจะกดดันเขามากเกินไปจนทำให้ฟอร์มหลุด และทำให้ฟอร์มเก่งกับเลสเตอร์กลายเป็นแค่อดีตเท่านั้น แม็คไกวร์ เริ่มต้นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างดีที่สุดแล้ว เพราะเขาได้ถูก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือในขณะนั้น แต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมด้วย …
พรีเมียร์ลีกคือลีกสุดหินและบททดสอบอันสูงสุดสำหรับผู้เล่นทุกคนบนโลกนี้การจะตัดสินความยิ่งใหญ่ของผู้เล่นคนนึงนั้น ส่วนมากแล้วจะมีคำถามเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกเข้ามาเสมอ ว่าเขาเคยเล่นในพรีเมียร์ลีกหรือเปล่า และถ้าเคยเล่นดีหรือไม่ นั่นคือข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าลีกอังกฤษนั้นมีอิทธิพลต่อโลกฟุตบอลมากแค่ไหน แม้ว่าทุกตำแหน่งในฟุตบอลอังกฤษนั้นจะยากทั้งหมด แต่ในตำแหน่งศูนย์หน้านั้นถือว่ายากขึ้นไปอีกระดับ เพราะพวกเขาคือคนเปลี่ยนโอกาสและการเข้าทำของทีมให้เป็นสกอร์ และแฟน ๆ ก็อยากเห็นทีมรักของตัวเองยิงประตูให้ได้เยอะ ๆ เสียด้วย นาน ๆ ทีที่ กองหน้าระดับดาวซัลโวอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เซร์คิโอ อเกวโร่ และ เธียร์รี อองรี จะโผล่มาให้เห็นในลีก เพราะสัญชาติญาณการทำประตูของตำนานเหล่านี้นั้นเหนือคำบรรยายไปมาก อย่างไรก็ดี เหรียญย่อมมีสองด้าน มีดีก็ต้องมีล้มเหลว มีกองหน้ามากมายเช่นกันที่ไปไม่รอดในพรีเมียร์ลีก บางคนก็ราคาไม่ใช่ถูก ๆ เลย วันนี้เราจะมาดูรายชื่อ 5 แนวรุกชื่อดังค่าตัวแพง แต่กลับปืนฝืดเล่นไม่ออกในพรีเมียร์ลีกกัน ว่าจะมีใครกันบ้าง ทำไมกองหน้าถึงไปกันไม่ค่อยรอดในพรีเมียร์ลีก คำตอบก็ไม่ยาก ก็เพราะว่ากองหลังในพรีเมียร์ลีกคือกองหลังระดับโลกกันเกือบทุกคนน่ะสิ พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของนักเตะอยู่แล้ว โดยเฉพาะกองหลัง ตัวอย่างเช่น ติอาโก้ ซิลวา, รูเบน ดิอาส, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และอีกมากมายที่โลดแล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก การที่เหล่ากองหน้านั้นจะมายิงเป็นกอบเป็นกำได้ง่าย ๆ ในพรีเมียร์ลีกนั้นจึงเป็นเรื่องยากมาก อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของแรงกดดัน คนอังกฤษจริงจังกับฟุตบอลมาก และความคาดหวังในทีมโปรดของพวกเขานั้นสูงมาก ผู้เล่นทุกคนถูกคาดหวังให้เล่นได้อย่างดีที่สุดทุกอาทิตย์ รวมไปถึงการที่แฟน ๆ นั้นรับความผิดหวังกันไม่ค่อยจะได้เสียด้วย จนลงเอยด้วยการทำร้ายนักฟุตบอลทีมตัวเองบ่อยครั้ง อังเดร เชฟเชนโก้ – เชลซี จนถึงปี 2006 เชฟเชงโก้ถือว่าเป็นผู้เล่นระดับโลก และยิงระเบิดระเบ้อชนิดหยุดไม่อยู่ จากการทำไปถึง 250 ประตูก่อนหน้าปี 2006 และหลาย ๆ คนก็ให้เกียรติเขาเป็นดาวยิงที่คมที่สุดในโลกคนหนึ่งในขณะนั้นเลยทีเดียว เกิดอะไรขึ้น – สมัยที่เล่นอยู่กับ เอซี มิลาน กองหน้าชาวยูเครนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ยิงไปถึง 175 ประตูในนามสโมสร และรั้งตำแหน่งรองดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรอีกด้วย นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จนเขาถูกยกให้เป็นตำนานของสโมสรไปแล้ว รวมถึงเคยคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก กับมิลานมาแล้ว ในปี 2003 เรื่องนี้จบอย่างไร – ในปี 2006…