Author: admin

ข่าวลือการซื้อตัวที่ใหญ่ที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์นี้คือข่าวลือของแฟรงกี้ เดอ ยอง ห้องเครื่องของบาร์เซโลนา เป็นที่รู้กันว่าผู้จัดการทีมป้ายแดงของสโมสรอย่างเอริค เทน ฮากกำลังมองหาโอกาสในการกลับมาร่วมงานกับมิดฟิลด์วัย 25 ปีอีกครั้ง และตั้งใจที่จะปั้นให้เขาเป็นนักเตะตัวสำคัญในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโฉมใหม่ที่เขากำลังสร้างทีมไว้เพื่อลุยศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022/23 ในครั้งแรกที่พวกเขาร่วมงานกันนั้น พวกเขาได้ทิ้งผลงานอันยอดเยี่ยมในการสร้างทีมอาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัมที่โดดเด่นในช่วงยุค 2010s ก่อนที่เดอ ยองจะย้ายไปแดนกระทิงดุเพื่อลงเล่นให้กับสโมสรในฝันของเขาอย่างบาร์เซโลนา ตอนนี้ เส้นทางอาชีพลูกหนังของพวกเขานั้นกำลังอยู่ในเส้นทางที่แตกต่างกัน เดอ ยองกำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มสะดุดเหมือนกับต้นสังกัดของเขา ในขณะที่เทน ฮากกำลังย้ายมากุมบังเหียนของปิศาจแดง แต่เราก็ยังคงต้องรอดูว่ามันจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง เมื่อลองมองไปข้างหน้า การกลับมาร่วมงานกันอาจจะเป็นการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน แต่อย่างไรก็ตาม การที่       เดอ ยองคอยปฏิเสธและปิดโอกาสในการพูดถึงเรื่องของการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเทน ฮากก็ควรที่จะเริ่มเปลี่ยนโฟกัสไปที่นักเตะตัวอื่นแทน และแน่นอนว่าพวกเขามีตัวแทนที่ยอดเยี่ยมรอไว้แล้ว – ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในลิสต์รายชื่อที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องการตัวมานานกว่ากองกลางชาวดัตช์แมนซะอีก – นั่นก็คือวิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ กองกลางตัวสำคัญของเลสเตอร์ ซิตี้ เรื่องราวของเอ็นดิดี้และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในอดีต กองกลางจอมตัดเกมชาวไนจีเรียมีข่าวการย้ายตัวเชื่อมโยงกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและมีนักวิจารณ์บางคนที่แนะนำตัวนักเตะคนนี้ให้กับสโมสร – รวมถึงนักเตะชื่อดังจากคลาส ออฟ 1992 – ได้โน้มน้าวให้นักเตะย้ายไปร่วมทีม แกรี่ เนวิลล์ นักวิจารณ์ที่โด่งดังที่สุดในบรรดานักเตะในตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเคยแนะนำเอาไว้เมื่อปี 2021 นอกเหนือจากดาวยิงของทีมจิ้งจอกสยามอย่างเจมี่ วาร์ดี้แล้ว เนวิลล์ยังพูดถึงเอ็นดิดี้ว่าเป็นนักเตะที่หากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าตัวเขามาได้ พวกเขาจะได้ประโยชน์จากมิดฟิลด์ชาวไนจีเรียอย่างแน่นอน เมื่อช่วงต้นเดือน ผู้สื่อข่าวจากสกาย สปอร์ตส์อย่างคริส ฮามิลล์ได้ให้เหตุผลทางสถิติไว้ว่าทำไมเอ็นดิดี้ถึงควรจะเป็นตัวเลือกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับรายการฟุตบอล เดลี่ เขาบอกว่า “วิลเฟร็ด (เอ็นดิดี้) ของเลสเตอร์นั้นเป็นนักเตะที่มีทุกอย่างที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังมองหาอยู่และเนื่องจากสัญญาของเขากับเลสเตอร์เหลืออยู่อีกเพียง 2 ปี มันก็มีแนวโน้มที่ค่าตัวของเขาจะลดลงเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่น่าดึงดูดใจที่เกี่ยวพันกับตัวเขาในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา” “และในขณะที่เขาพลาดการลงสนามในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของฤดูกาลด้วยอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า แต่ถ้าหากเขาไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บ เขาก็ยังถือเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในลีกอย่างแน่นอน ด้วยค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดบอลมากถึง 6.5 ครั้งต่อเกมและยังอยู่ในอันดับที่ 7 ของมิดฟิลด์ในเรื่องการเอาชนะการดวลลูกกลางอากาศอีกด้วย” นอกเหนือจากเหล่าบรรดานักวิจารณ์ที่ออกมาโน้มน้าวให้เอ็นดิดี้ย้ายมาร่วมทีมอดีตแชมป์พรีเมียร์ลีก 20 สมัย ยังมีรายงานออกมาจากสื่ออีกด้วยว่าทางสโมสรได้พิจารณาการคว้าตัวเขาในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา แฟนบอลของเหล่าปีศาจแดงก็ชื่นชอบในตัวเอ็นดิดี้พอสมควร จากการที่มีชื่อของเขาอยู่ในโซเชี่ยล มีเดียและเว็บบอร์ดของแฟนบอลในฐานะนักเตะที่ทางสโมสรจำเป็นจะต้องจับตามอง เพราะงั้นแล้วทำไมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงไม่พิจารณาในการคว้าตัวกองกลางจากเลสเตอร์ ซิตี้ซักทีล่ะ? เลสเตอร์ตั้งค่าหัว:…

Read More

ในตอนที่อาร์เซนอลแถลงข่าวประกาศการคว้าตัวนิโคลัส เปเป้ด้วยราคาเป็นสถิติของสโมสรด้วยราคาสูงถึง 72 ล้านปอนด์ในปี 2019 มีการประโคมข่าวใหญ่โตและยังไปกระตุ้นความหวังของเหล่าแฟนบอลเดอะ กันเนอร์สเป็นอย่างมาก ด้วยฟอร์มสุดน่าประทับใจกับลีลล์ ศูนย์หน้าชาวไอวอรี่โคสต์ได้รับการคาดหวังว่าจะระเบิดฟอร์มได้ทันทีและเป็นคนที่เข้ามาช่วยปัญหาในแนวรุกของอาร์เซนอลได้อย่างแน่นอน แสงสว่างแห่งความหวังส่งแสงประกายได้เพียงชั่วครู่ก่อนที่จะตามมาด้วยฟอร์มอันย่ำแย่และภาพรวมที่น่าผิดหวัง ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ดาวยิงวัย 27 ปีก็ยังคงโชว์ฟอร์มไม่ได้ใกล้เคียงกับการที่ทุก ๆ คนตื่นเต้นหรือใกล้เคียงความคาดหวังที่มาพร้อมกันกับในตอนที่เขาเซ็นสัญญาควบคู่ไปกับค่าตัวมหาศาลของเขา ตอนนี้ศูนย์หน้าชาวไอวอรี่โคสต์ได้กลายเป็นเพียงตัวประกอบในทีมอาร์เซนอลชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมโดยมิเกล อาร์เตต้าไปแล้ว แถมยังมีรายงานออกมาอีกด้วยว่าเขาอาจจะหาทางออกจากสโมสรนี้ในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากที่โอกาสในการลงสนามได้ยากเย็นแสนเข็ญ นอกจากนี้เขายังอาจจะกลายมาเป็นหนึ่งในดีลเซ็นสัญญายอดแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกด้วย เห็นได้ชัดเจนว่าเขานั้นไม่เหมาะที่จะอยู่ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เกิดอะไรขึ้นกับดาวยิงชาวไอวอรี่โคสต์? ทำไมเขาถึงไม่สามารถสร้างอิมแพคอะไรได้เลย? พวกเราจะมาเจาะลึกถึงประเด็นสำคัญถึงในช่วงเวลาของเขากับไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอลกัน ทำไมเปเป้ถึงไม่ปังกับอาร์เซน่อล? บอกตามตรงว่าการที่เปเป้ย้ายเข้ามาร่วมทีมอาร์เซนอลนั้นต้องผ่านการแย่งชิงอำนาจและทะเลาะกันภายในของสโมสรกันอย่างหนักเลยทีเดียว ในตอนนั้น ผู้จัดการทีมอย่างอูไน เอเมอรี่ชื่นชอบและอยากที่จะได้เพื่อนร่วมชาติของเปเป้อย่างวิลฟรีด ซาฮามาร่วมทีมมากกว่า แต่ทางบอร์ดบริหารของสโมสร นำโดยราอูล ซานเญฮี กลับไม่เห็นด้วย และทางอาร์เซนอลก็เลือกที่จะเซ็นสัญญาคว้าตัวเปเป้เข้ามาแทนและมันก็ถือเป็นการกระทำที่เป็นชนวนส่งผลให้อดีตผู้จัดการทีมของอาร์เซนอลโดนไล่ออกในที่สุด ความจริงที่ว่าเปเป้นั้นไม่ได้เป็นที่ต้องการของเอเมอรี่มาตั้งแต่แรกเริ่มแล้วนั้นสร้างความตึงเครียดในห้องแต่งตัวขึ้นโดยไม่จำเป็นเลย เช่นเดียวกับสื่อในอังกฤษและการเซ็นสัญญาราคาแพงหูฉี่ ดาวยิงชาวไอวอรี่ โคสต์ยิ่งถูกสื่อมวลชนให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมจากค่าตัวของเขาและประเด็นที่ว่ามันเป็นสถิติการซื้อตัวที่แพงที่สุดของประวัติศาสตร์สโมสรอาร์เซนอล แต่ถึงกระนั้น ในสนามจริง เปเป้ทำได้เพียงโทษตัวเองเท่านั้นและเหตุผลหลัก ๆ ที่อยู่เบื้องหลังฟอร์มที่น่าอดสูของเขาในฟุตบอลลีกสูงสุดในอังกฤษก็คือความจริงที่ว่าเขานั้นไม่สามารถปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกได้ เปเป้เล่นทางกราบซ้ายซะเป็นส่วนใหญ่และเขาก็ไม่สามารถปรับปรุงการใช้เท้าข้างที่ไม่ถนัดของเขา มันเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นเขาแตะบอลไปแล้วตัดเข้าซ้าย ก่อนที่จะพยายามปั่นบอลโค้งๆ ให้ซุกตาข่าย นี่เป็นเครื่องหมายการค้าในการยิงประตูมากมายของเขา แต่การพึ่งพาเท้าซ้ายของเขามากเกินไปนั้นทำให้เขาเป็นนักเตะที่ถูกคาดเดาได้ง่ายเหลือเกิน ลองดูบูกาโย่ ซาก้าเป็นตัวอย่าง เขามีความคล้ายคลึงกับเปเป้พอสมควร เนื่องจากทั้งสองคนนั้นถนัดในการเล่นด้วยเท้าซ้ายเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ซาก้าสามารถเล่นเท้าข้างที่ไม่ถนัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและนั่นทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่มีมิจิ อันตราย และยากสำหรับนักเตะในแนวรับที่จะรับมือ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ดาวรุ่งชาวอังกฤษสามารถยึดตำแหน่งทางกราบขวาได้และเบียดให้เปเป้กลายเป็นเพียงนักเตะตัวโรเตชั่นเท่านั้น เกมสุดท้ายที่ดาวยิงทีมชาติไอวอรี่โคสต์นั้นลงสนามเป็นตัวจริงให้กับอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีกนั้นคุณจะต้องมองย้อนกลับไปถึงเดือนตุลาคม 2021 เลยล่ะ แค่นั้นก็บอกอะไรได้เยอะเลยทีเดียว  ข่าวซื้อขายล่าสุดที่เกี่ยวกับเปเป้? ศูนย์หน้าทีมไอวอรี่โคสต์บอกเป็นนัยว่าเขากำลังมองหาทางออกจากอาร์เซนอลโดยการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงตลาดซื้อขายก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเปเป้ถือเป็นนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของมิเกล อาร์เตต้าแล้ว ทำให้ทีมปืนใหญ่พร้อมที่จะขายดาวยิงไอวอรี่โคสต์ตั้งนานแล้ว โดยอาร์เซนอลนั้นพร้อมที่จะตอบรับข้อเสนอที่ราคาต่ำราว ๆ 25-30 ล้านปอนด์สำหรับเปเป้ด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าตัวนักเตะเองจะเหลือสัญญาปัจจุบันอยู่อีก 2 ปีก็ตาม การกลับไปบ้านเกิดที่ฝรั่งเศสนั้นดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ใช่ที่สุดและตัวนักเตะเองก็มีข่าวกับโอลิมปิก มาร์กเซย เช่นเดียวกับสโมสรเก่าอย่างลีลล์อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองสโมสรนั้นมีปัญหาในการจ่ายค่าเหนื่อยให้กับตัวนักเตะซึ่งค่าเหนื่อยปัจจุบันของเขานั้นรับอยู่ที่ 140,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ล่าสุด มีข่าวลือว่าเปเป้ถูกเชื่อมโยงกับการย้ายไปค้าแข้งกับเปแอสเช แต่แม้ข่าวลือนี้ก็ฟังดูเข้าท่าอยู่พอสมควร การย้ายไปเปเอสเชก็จะทำให้ตัวนักเตะเองไม่มีโอกาสลงสนามมากพอเหมือนเดิมอยู่ดี อาร์เซนอลกำลังพยายามอย่างหนักในการคว้าตัวกาเบรียล เชซุสจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้และแน่นอนว่าการมาของตัวรุกอีก 1 คนนั้นจะทำให้ดาวยิงชาวไอวอรี่โคสต์ตกกระป๋องหนักขึ้นไปอีก การที่เปเป้ย้ายออกจากอาร์เซนอลในซัมเมอร์นี้นั้นสมเหตุสมผลสำหรับทั้งสองฝ่าย เนื่องจากสัญญาของตัวนักเตะเหลืออยู่ 2 ปี มันสมเหตุสมผลสำหรับอาร์เซน่อลที่จะจัดการกับสถานการณ์ของนักเตะในตอนนี้ดีกว่าที่จะรอจนกว่าสัญญาของเขาใกล้จะหมดลง นั่นยังหมายความว่าทางสโมสรจะยังพอได้รับค่าตัวจากการขายเขาออกจากสโมสรอยู่พอสมควรเลยล่ะ…

Read More

หลังจากที่พลาดตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างน่าเสียดาย อาร์เซนอลกำลังมองหาการเสริมทัพอีกครั้งโดยมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นในช่วงตลาดซื้อขายในช่วงซัมเมอร์ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยองย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลน่าในตลาดฤดูหนาวเดือนมกราคม ในขณะที่อเล็กซานเดอร์ ลากาแซตต์ก็ได้บอกว่าเวลาของเขาที่อาร์เซนอลได้จบลงแล้วในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องเสริมเกมรุกอย่างช่วยไม่ได้ มีความคาดหมายว่าอาร์เซนอลจะเซ็นสัญญาศูนย์หน้ามาอย่างน้อย 2 คนในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ทางสโมสรกลับเลือกที่จะศรัทธากับศูนย์หน้าดาวรุ่งอย่างเอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์และข้อเสนอระยะยาวก็กำลังจะมีการแถลงข่าวในเร็ววันนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหล่าเดอะ กันเนอร์สจะยังคงมองหาตัวรุกอย่างน้อย 1 ตัวและในตอนนี้ก็มีตัวรุกชาวบราซิลคนนึงที่น่าจะเข้ากันได้ดีกับทีมในตอนนี้ นั่นก็คือ กาเบรียล เชซุส นักเตะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งก็เป็นนักเตะที่ยังตัดสินใจเรื่องอนาคตอยู่ และยังไม่มีข้อสรุปอย่างแน่นอน โดยแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้หลายแห่งได้ออกมารายงานตรงกันว่าตัวเขานั้นได้รับความสนใจจากอาร์เซนอลเป็นอย่างมาก ในช่วงก่อนที่พรีเมียร์ลีกจะจบฤดูกาล 2021/22 กาเบรียล เชซุสเปิดเผยว่าเขารู้แล้วว่าตัวเขาต้องการอะไรและได้พูดคุยเกี่ยวกับความตั้งใจของเขากับบอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ ซิตี้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ รายงานล่าสุดจากฟุตบอล อินไซเดอร์อ้างว่าเชซุสได้ยอมรับเงื่อนไขส่วนตัวกับทางอาร์เซนอลเรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าเหนื่อยปัจจุบันที่เขารับอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ 110,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ รายงานได้อ้างว่าเดอะ กันเนอร์สได้ยื่นข้อเสนอที่เพิ่มค่าเหนื่อยให้ตัวรุกชาวบราซิลเป็น 190,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์แทน ถึงกระนั้น ดีลนี้ก็ยังห่างไกลจากคำว่าเสร็จสมบูรณ์เนื่องจากอาร์เซนอลกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นยังไม่ได้ตกลงกันในเรื่องของค่าตัว โดยทีมเจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกปีล่าสุดนั้นอยากได้ค่าตัวไม่ต่ำกว่า 55 ล้านปอนด์ในขณะที่อาร์เซนอลพร้อมจ่ายที่ราคาไม่เกิน 40 ล้านปอนด์เท่านั้น สัญญาปัจจุบันของเชซุสนั้นเหลือเวลาอีกเพียงแค่ปีเดียวและมันทำให้ซิตี้อยู่ในที่นั่งลำบาก นั่นหมายความว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องหาทางขายเขาออกไปหรือจะยอมเสี่ยงที่จะเสียเชซุสไปแบบฟรีๆ ในช่วงซัมเมอร์หน้า กาเบรียล เชซุสจะเป็นนักเตะที่เล่นได้อย่างเข้าขาที่อาร์เซน่อล ในขณะที่ข้อกำหนดทางการเงินจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังคงคลุมเครือ แต่เชซุสนั้นจะสามารถเล่นได้เข้ากับแทคติกของอาร์เซนอลอย่างไม่ต้องคิดมากเลยทีเดียว ก่อนอื่นเลย อาร์เซนอลจะได้ตัวนักเตะที่มีสถิติการยิงประตูที่ดีเยี่ยม ตั้งแต่ที่เขาย้ายเข้ามาจากพัลไมรัสเข้าร่วมทีมเรือใบสีฟ้าในปี 2017 เชซุสยิงประตูไปแล้วถึง 95 ประตูพร้อมกับ 37 แอสซิสต์จาก 210 เกมที่ลงสนามในทุก ๆ รายการ         ที่น่าประทับใจไปยิ่งกว่านั้น คือการที่เขายิงได้มากขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วเขาเล่นเป็นกองหน้าเบอร์สองของทีม รองจากเซอร์จิโอ้ อเกวโร่ ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ซิตี้นั้นไม่มีกองหน้าตัวเป้าเลยหลังจากที่เขาพลาดการคว้าตัวแฮร์รี่ เคนของท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้น กาเบรียล เชซุสนั้นก็ยังไม่ใช่นักเตะตัวจริงของทีม เนื่องจากเป๊ป กวาร์ดิโอล่าเชื่อมั่นนักเตะอย่างฟิล โฟเด้น, ราฮีม สเตอร์ลิ่งและแม้กระทั่งเควิน เดอ บรอยน์ในการลงสนามในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ในบางนัด เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายฤดูกาล กวาร์ดิโอล่าเริ่มใช้งานเชซุสบ่อยขึ้นในตอนที่มีรายงานว่าอาร์เซนอลสนใจในตัวนักเตะก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงซัมเมอร์ แต่อันที่จริงแล้ว ดาวยิงชาวบราซิลได้แสดงให้ผู้จัดการทีมของเขาเห็นว่าเขาพลาดอะไรไป เชซุสระเบิดฟอร์มระดับ 5 ดาวในเกมกับวัตฟอร์ด เขายิงไป 4…

Read More

บทนำ : ชื่อของคีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ กำลังเป็นประเด็นร้อนมาสักพักแล้ว ดาวเตะหนุ่มชาวฝรั่งเศสกำลังเป็นที่สนใจของแฟนบอล และถูกจับตามองเป็นอย่างมากด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงของเขาในช่วง 2-3 ปีหลัง  จึงพูดได้อย่างเต็มปากว่าในปัจจุบัน คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้คือหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น และยังอาจจะพัฒนาฝีเท้าของเขาขึ่นไปได้อีกจนถึงขั้นเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลก็เป็นได้ ด้วยฝีเท้าและกระแสที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ จึงไม่แปลกใจที่เขาจะมีหลายทีมเข้ามาขายขนมจีบและอยากคว้าตัวเขาไปร่วมทีม ก็ใครจะไม่อยากได้คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ไปเล่นให้ทีมตัวเองกันล่ะ ท่ามกลางหลายทีมที่รุมแย่งตัวเขา มีอยู่สองทีมที่ดูจะได้เปรียบกว่าทีมอื่น คือเรอัล มาดริด ทีมที่เขาฝันว่าจะเล่นให้ตั้งแต่ยังเด็ก และเปเอสเช สโมสรปัจจุบันของเขา ที่เป็นทีมที่นักเตะฝรั่งเศสทุกคนอยากจะมาค้าแข้งที่นี่อยู่แล้ว ในตอนนี้เอ็มบัปเป้ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว ว่าเขาจะเล่นให้ทีมไหนในช่วง 3-4 ปีถัดไป ซึ่งเป็นช่วงที่นักฟุตบอลกำลังพีคและเป็นช่วงที่สำคัญมากในการค้าแข้ง วันนี้เรามาลองวิเคราะห์กัน ว่าทำไมอดีตแข้งโมนาโกถึงเลือกที่จะต่อสัญญากับปารีส และจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อเขาเลือกที่จะปฏิเสธทีมยักษ์ใหญ่อย่างเรอัล มาดริด เรามาลองดูกัน เอ็มบัปเป้ และ เปเอสเช:   เป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาของเอ็มบัปเป้กับเปเอสเชนั้นต้องเรียกว่ามหัศจรรย์มาก ทั้งฟอร์มการเล่นและสถิติต่าง ๆ อันน่าทึ่งมากมาย เขาสามารถเล่นได้เต็มศักยภาพของตัวเองและยังเหมือนว่าจะยังพัฒนาได้เรื่อย ๆ ในปี 2017 เปเอสเชต้องจ่ายเงินร่วม 180  ล้านยูโรกว่าจะคว้าตัว เอ็มบัปเป้ ในวัย 18 ปี มาร่วมทีมได้สำเร็จ ซึ่งนี่ทำให้ เอ็มบัปเป้กลายเป็นนักเตะ U-19 ที่แพงที่สุดในโลกตลอดกาลด้วย แต่ถึงจะราคาแพงขนาดนี้ เมื่อดูจากฟอร์มและผลงานส่วนตัวของเขาแล้ว ก็ยังถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมาก ดาวเตะโกลเด้นบอยก้าวขึ้นมาเป็นจุดศุนย์กลางของโปรเจ็กต์ใหญ่ของปารีส และเป็นขวัญใจของแฟนบอลได้อย่างรวดเร็ว จนบางทีถึงขั้นกลบรัศมีนักเตะระดับโลกอย่างเนย์มาร์ไปสนิทเลย ด้วยพรสวรรค์ ความเร็ว และสัญชาตญาณการถล่มประตูของเขา ทำให้เป็นเรื่องยากมากที่จะหากองหลังคนไหนที่เก่งพอจะหยุดเขาได้ ในช่วงเวลา 5 ปีกับเปเอสเช เอ็มบัปเป้ยิงไปเกือบ 200 ประตู และคว้าแชมป์ร่วมกับทีมถึง 11 ใบ รวมถึงเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก ในปี 2020 อีกด้วย นิทานเรื่องนี้ยังไม่จบ (อย่างน้อยก็ถึงปี 2025) คงไม่มีใครอยากให้นิทานเรื่องนี้จบลงง่าย ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ในมุมของบอร์ดบริหาร เพราะเอ็มบัปเป้มีสัญญากับทีมจนถึงแค่ฤดูกาล 2021/2022 เท่านั้น จากการที่เขาเซ็นสัญญาห้าปีไว้เมื่อปี 2017 การที่จะรั้งเอ็มบัปเป้ให้อยู่กับทีมนั้นเป็นงานช้างเลยทีเดียว …

Read More

การเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ความกดดันจากความคาดหวังของแฟนบอลพร้อมที่จะเข้าโจมตีจิตใจของเหล่านักเตะอยู่เสมอ แม้แต่นักเตะระดับโลกก็สามารถมีแมตช์ที่หลุดฟอร์มไปได้ง่าย ๆ นักเตะบางคนก็ฟอร์มดรอปลงไปแทบจะทั้งฤดูกาล ทั้ง ๆ ที่ในฤดูกาลก่อน ๆ ก็ยังทำผลงานได้ดีอยู่ อาจจะเป็นผลมาจากฟอร์มโดยรวมของทีมด้วย เช่น ทีมเล่นไม่เข้าขากัน หรือ ฟอร์มตกกันทั้งทีม หรืออาจจะเป็นเรื่องของการปรับตัว ที่นักเตะบางคนยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกได้ แต่ไม่ว่าสาเหตุก็มาจากอะไร การเห็นนักเตะฟอร์มตกและเล่นไม่ดีเหมือนเคยนั้นคงไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอลอยากเห็นอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ วันนี้เราจะมาเสนอ 11 นักเตะยอดแย่ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021/2022 โดยเรียงตามตำแหน่งตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า ตำแหน่งละหนึ่งคน และยกเหตุผลประกอบว่าทำไมเราถึงเลือกนักเตะคนนี้ ผู้รักษาประตู : แคสเปอร์ ชไมเคิล ปฏิเสธได้ยากว่าในฤดูกาลนี้ แคสเปอร์ ชไมเคิล เล่นได้อย่างผิดฟอร์มไปมาก และมีฤดูกาลที่ไม่น่าจดจำเท่าไรนักในปีนี้ ฟอร์มของเขาในตอนนี้เรียกได้ว่าคนละเรื่องกับตอนที่เขาเซฟอุตลุด จนพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ในปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง เลสเตอร์เสียไปถึง 59 ประตูในฤดูกาลนี้ มากที่สุดในบรรดาสิบทีมที่จบในครึ่งบนของตารางคะแนน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือของทีมคงจะผิดหวังอยู่ไม่น้อย ที่ทีมของเขาเก็บคลีนชีตได้น้อยมาก อย่างน้อยก็น้อยกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น ซึ่งส่งผลร้ายโดยตรงต่อผลงานในทุกรายการ โดยเฉพาะผลงานในลีก ที่การเสียประตูเยอะทำร้ายอันดับในตารางของพวกเขาเป็นอย่างมาก แบ็คขวา : ดิโอโก้ ดาโลต์ จากการที่ผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง ราล์ฟ รังนิก ดูจะไม่ถูกใจแบ็คขวาคนเก่าอย่าง อารอน วาน บิสซาก้า เท่าไรนัก ทำให้ ดาโลต์ แบ็คขวาตัวสำรอง ได้โอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองและยึดตำแหน่งตัวจริงเอาไว้ให้ได้ อย่างไรก็ดี แบ็คขวาหนุ่มชาวโปรตุกีสฟอร์มตกไปมากในการลงเล่นให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด ชนิดแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขาคือคนเดียวกับแบ็คที่ทำผลงานได้ดีและน่าจับตาในศึก เซเรีย อา ในฤดูกาลก่อน แม้ว่าแมนฯ ยูไนเต็ด จะมีเกมรับที่เละเทะเกินจะบรรยาย แต่ดาโลต์ก็ไม่ได้เล่นดีหรือช่วยยกระดับเกมรับขึ้นมาเลย โดยเฉพาะเกมรับที่เขาก็มีส่วนทำให้แผงหลังของทีมกลายเป็นทีมที่โดนเจาะเป็นว่าเล่นแบบนี้ แม้แต่ในเรื่องที่เป็นจุดแข็งของเขา จุดแข็งเดิมของเขาก็หายไปเกือบหมด เช่นในเรื่องการเปิดบอลที่เขาเคยทำได้ดี ในฤดูกาลนี้ก็ไม่ดีเหมือนเดิม ส่งผลเสียต่อทีมเป็นอย่างมาก เซนเตอร์ : แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไม่ทราบว่าแฟน ๆ ทีมอื่นจะคิดว่าแฮร์รี่ แม็กไกวร์ คือการซื้อตัวที่แย่ที่สุดของประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือไม่ แต่สำหรับแฟน…

Read More

พรีเมียร์ลีกไม่ได้ถูกจัดให้เป็นลีกที่ดีที่สุดเพราะโชคช่วยหรือมูลค่านักเตะอย่างเดียว แต่เพราะแรงกดดันมหาศาลและระดับของฟุตบอลในลีกที่สูงมาก ๆ จากการมีทีมและนักเตะระดับโลกอยู่เต็มลีกไปหมด  ไม่ใช่นักเตะทุกคนที่จะสามารถเล่นในพรีเมียร์ลีกได้ คำพูดนี้ยังคงเป็นจริงเสมอ ในหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นดาวเตะจากหลายลีกที่ทำผลงานได้ดีในลีกอื่น ๆ แต่พอย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกกลับเล่นไม่ดีเหมือนเดิม และ มีผลงานที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า  ในบทความวันนี้ เราจะพาไปดู 10 นักเตะกองหลังที่มีค่าตัวแพง แต่ไม่สามารถโชว์ฟอร์มในพรีเมียร์ลีกได้  แต่ก่อนอื่น เราไปทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่า ว่าทำไปนักเตะกองหลังถึงโชว์ฟอร์มได้ลำบากในฟุตบอลอังกฤษ ทำไมกองหลังเล่นไม่ดีเหมือนที่เคยในพรีเมียร์ลีก พรีเมียร์ลีกมีชื่อเสียงในเรื่องการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อนักเตะอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักเตะดาวรุ่งหรือตัวเก๋า  นักเตะที่ย้ายมาจากลีกอื่นจะต้องปรับตัวให้เข้ากับลีกอังกฤษ ทั้งในเรื่องแผนและสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของฟุตบอลอังกฤษ ทำให้นักเตะจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัว และยากที่จะปรับตัวได้ สำหรับกองหลัง นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมพวกเขาถึงฟอร์มดร็อปลงไป ตำแหน่งแผงหลังเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีก ลีกที่มีการแข่งขันสูง สปีดเกมเร็ว และไม่มีอะไรแน่นอน และนี่ก็คือเสน่ห์ของมัน เหล่ากองหลังไม่สามารถจะสมาธิหลุดได้เลย ในเกมที่อาจตัดสินผลแพ้ชนะกันได้ด้วยประตูเพียงประตูเดียว  สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ลีกอังกฤษนั้นโหดหินที่สุด แม้นักเตะที่ย้ายมาจะเป็นนักเตะมากพรสวรรค์หรือประสบการณ์สูงก็ตาม และนี่ก็คือ 6 นักเตะตัวอย่างของกองหลังที่ครั้งหนึ่งเคยถูกคาดหวังให้เป็นตัวหลักของทีม จนมีค่าตัวสูงลิ่ว ส่วนนักเตะ 6 คนจะเป็นใครกันบ้างนั้น เราไปดูกันเลย แฮร์รี่ แม็คไกวร์ – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: น่าจะเป็นคนแรกที่หลาย ๆ คนนึกถึงในปัจจุบัน หากพูดถึงดีลกองหลังที่พังไม่เป็นท่าในช่วง 10 ปีหลัง ในฤดูกาล 2021/2022 นี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตกต่ำลงอย่างมาก และน่าจะเรียกได้ว่าตกต่ำถึงขีดสุดแล้ว หลังจากสองฤดูกาลแบบจืด ๆ ที่แฮรรี่ แม็คไกวร์ ได้นำทีมลงเล่นในลีก เรื่องของแม็คไกวร์ถือว่ามาไกลมากแล้ว ช่วงแรก ๆ  : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจควักเงินกว่า 80 ล้านปอนด์ ใช่ครับ 80 ล้านปอนด์จริง ๆ  เพื่อพากองหลังรายนี้มาร่วมทีมในโรงละครแห่งความฝันของพวกเขา และทำให้แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กลายเป็นกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกอีกด้วย  ด้วยค่าตัวที่แพงมหาศาล ทำให้แม็คไกวร์ถูกคาดหวังจากสโมสรเป็นอย่างมาก และน่าจะกดดันเขามากเกินไปจนทำให้ฟอร์มหลุด และทำให้ฟอร์มเก่งกับเลสเตอร์กลายเป็นแค่อดีตเท่านั้น แม็คไกวร์ เริ่มต้นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างดีที่สุดแล้ว เพราะเขาได้ถูก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือในขณะนั้น แต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมด้วย …

Read More

พรีเมียร์ลีกคือลีกสุดหินและบททดสอบอันสูงสุดสำหรับผู้เล่นทุกคนบนโลกนี้การจะตัดสินความยิ่งใหญ่ของผู้เล่นคนนึงนั้น ส่วนมากแล้วจะมีคำถามเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกเข้ามาเสมอ ว่าเขาเคยเล่นในพรีเมียร์ลีกหรือเปล่า และถ้าเคยเล่นดีหรือไม่ นั่นคือข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าลีกอังกฤษนั้นมีอิทธิพลต่อโลกฟุตบอลมากแค่ไหน แม้ว่าทุกตำแหน่งในฟุตบอลอังกฤษนั้นจะยากทั้งหมด แต่ในตำแหน่งศูนย์หน้านั้นถือว่ายากขึ้นไปอีกระดับ เพราะพวกเขาคือคนเปลี่ยนโอกาสและการเข้าทำของทีมให้เป็นสกอร์ และแฟน ๆ ก็อยากเห็นทีมรักของตัวเองยิงประตูให้ได้เยอะ ๆ เสียด้วย นาน ๆ ทีที่ กองหน้าระดับดาวซัลโวอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เซร์คิโอ อเกวโร่ และ เธียร์รี อองรี จะโผล่มาให้เห็นในลีก เพราะสัญชาติญาณการทำประตูของตำนานเหล่านี้นั้นเหนือคำบรรยายไปมาก อย่างไรก็ดี เหรียญย่อมมีสองด้าน มีดีก็ต้องมีล้มเหลว มีกองหน้ามากมายเช่นกันที่ไปไม่รอดในพรีเมียร์ลีก บางคนก็ราคาไม่ใช่ถูก ๆ เลย วันนี้เราจะมาดูรายชื่อ 5 แนวรุกชื่อดังค่าตัวแพง แต่กลับปืนฝืดเล่นไม่ออกในพรีเมียร์ลีกกัน ว่าจะมีใครกันบ้าง ทำไมกองหน้าถึงไปกันไม่ค่อยรอดในพรีเมียร์ลีก คำตอบก็ไม่ยาก ก็เพราะว่ากองหลังในพรีเมียร์ลีกคือกองหลังระดับโลกกันเกือบทุกคนน่ะสิ พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของนักเตะอยู่แล้ว โดยเฉพาะกองหลัง ตัวอย่างเช่น ติอาโก้ ซิลวา, รูเบน ดิอาส, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และอีกมากมายที่โลดแล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก การที่เหล่ากองหน้านั้นจะมายิงเป็นกอบเป็นกำได้ง่าย ๆ ในพรีเมียร์ลีกนั้นจึงเป็นเรื่องยากมาก  อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของแรงกดดัน คนอังกฤษจริงจังกับฟุตบอลมาก และความคาดหวังในทีมโปรดของพวกเขานั้นสูงมาก ผู้เล่นทุกคนถูกคาดหวังให้เล่นได้อย่างดีที่สุดทุกอาทิตย์ รวมไปถึงการที่แฟน ๆ นั้นรับความผิดหวังกันไม่ค่อยจะได้เสียด้วย จนลงเอยด้วยการทำร้ายนักฟุตบอลทีมตัวเองบ่อยครั้ง อังเดร เชฟเชนโก้ – เชลซี จนถึงปี 2006 เชฟเชงโก้ถือว่าเป็นผู้เล่นระดับโลก และยิงระเบิดระเบ้อชนิดหยุดไม่อยู่ จากการทำไปถึง 250 ประตูก่อนหน้าปี 2006 และหลาย ๆ คนก็ให้เกียรติเขาเป็นดาวยิงที่คมที่สุดในโลกคนหนึ่งในขณะนั้นเลยทีเดียว เกิดอะไรขึ้น –  สมัยที่เล่นอยู่กับ เอซี มิลาน กองหน้าชาวยูเครนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ยิงไปถึง 175 ประตูในนามสโมสร และรั้งตำแหน่งรองดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรอีกด้วย นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จนเขาถูกยกให้เป็นตำนานของสโมสรไปแล้ว รวมถึงเคยคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก กับมิลานมาแล้ว ในปี 2003  เรื่องนี้จบอย่างไร –   ในปี 2006…

Read More

ฤดูกาล 2021/22 ถือเป็นฤดูกาลสุดดราม่าและกระชากอารมณ์จนถึงวันสุดท้ายของฤดูกาลเลยทีเดียว นอกเหนือจากการไล่ล่าแชมป์ลีกและการต่อสู้เพื่อหนีโซนตกชั้นที่เข้มข้นไม่แพ้กันแล้ว นี่ถือเป็นฤดูกาลที่มีครบทุกอารมณ์สำหรับแฟนบอลทีมที่มีลุ้นแชมป์และแฟนบอลขาจรอย่างแน่นอน หลังจากฤดูกาลที่หนักหน่วงจบลงไปแล้ว เหล่านักเตะก็ได้รับรางวัลตามความอุตสาหะตลอดฤดูกาลของพวกเขา และมุมมองการตัดสินการให้รางวัลส่วนตัวเหล่านี้มักจะเป็นตัวจุดประเด็นในการถกเถียงกันระหว่างเหล่าแฟนบอล รางวัลยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอเป็นหนึ่งในรางวัลที่แฟนบอลและนักเตะได้มีส่วนร่วมในการโหวตให้คะแนนกับนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดประจำฤดูกาลและผลรางวัลที่ประกาศออกมาในฤดูกาลนี้ก็ได้จุดประเด็นที่กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่มากมายอย่างไม่มีใครคาดคิด หลังจากที่ยิงไป 31 ประตูกับจ่ายอีก 15 แอสซิสต์ในฤดูกาล 2021/22 ดาวยิงของหงส์แดงอย่างโมฮาเหม็ด ซาล่าห์ก็คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของพีเอฟเอประจำฤดูกาลนี้ไปแบบตามโพยทุกสำนัก ถือเป็นครั้งที่สองที่ซาล่าห์คว้ารางวัลนี้ไปครอง หลังจากที่เคยคว้ารางวัลนี้มาแล้วจากผลงานสุดอลังการในฤดูกาล 2017/18 แถมนี่ยังเป็นครั้งที่ 9 ที่นักเตะของลิเวอร์พูลคว้ารางวัลนี้อีกด้วย เป็นการปิดฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมซึ่งซาล่าห์ เพราะเขาคว้าทั้งรางวัลดาวซัลโว, รางวัลเพลย์เมคเกอร์แห่งปี, รางวัลประตูยอดเยี่ยมแห่งปี, รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักข่าวนักเขียนฟุตบอลอังกฤษ, รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอที่ถูกโหวตจากแฟนบอล, ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอเช่นเดียวกับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ถึงแม้ว่าจะมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม แต่หลาย ๆ คนก็เชื่อว่าดาวดังจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้อย่างเควิน เดอ บรอยน์นั้นเหมาะสมมากกว่าที่จะคว้ารางวัลนักเตะแห่งปี แต่นั่นก็ยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในรางวัลนี้เลย เพราะในส่วนของรางวัลทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอนั้นมีประเด็นใหญ่ที่ทำให้ทุกคนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เช่นเดียวกันกับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลซึ่งฟิล โฟเด้นได้คว้ารางวัลนี้เป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน คำถามมากมายได้ผุดขึ้นมาเกี่ยวกับความถูกต้องของรางวัลเหล่านี้และเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินผู้ชนะ แต่สำหรับรางวัลในฤดูกาลล่าสุดนี้ได้ทิ้งคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้เอาไว้ ทีมยอดเยี่ยมประจำปีของพีเอฟเอ: ซอนหลุดทีมยอดเยี่ยมแบบสุดช็อค แมนเชสเตอร์ ซิตี้อาจจะเป็นฝ่ายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกฤดูกาล แต่กลับเป็นฝั่งลิเวอร์พูลที่มีนักเตะติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีมากที่สุด โดยติดถึง 6 คนกันเลยทีเดียว จากการโหวตของเหล่านักเตะพรีเมียร์ลีก เหล่าหงส์แดงติดทีมยอดเยี่ยมไปถึง 6 คน มีอลิสซอน เบ็คเกอร์ติดในตำแหน่งผู้รักษาประตู ในขณะที่เวอร์จิล ฟาน ไดค์กับเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ติดทีมในแผงหลัง ในส่วนของมิดฟิลด์ ธิอาโก้ อัลคันทาร่ามีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมในขณะที่คู่หูในแดนหน้าอย่างซาดิโอ มาเน่กับโมหาเหม็ด ซาล่าห์ติดทีมยอดเยี่ยมในตำแหน่งศูนย์หน้า ในทางกลับกัน 3 นักเตะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ติดทีมยอดเยี่ยมนำโดยเควิน เดอ บรอย, แบร์นาโด้ ซิลวาและเจา กันเซโล่ อีก 2 ตำแหน่งที่เหลือนั้นมาจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเชลซี โดยเป็นคริสเตียโน่ โรนัลโด้และอันโตนิโอ รูดิเกอร์ที่พึ่งย้ายซบรีล มาดริดติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีอีกคนหนึ่ง ทำให้ทีมรวมดาราในตอนนี้ครบ 11 ตำแหน่งแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม มีข้อสงสัยที่ว่าทำไมคริสเตียโน่ โรนัลโด้ถึงติดทีมยอดเยี่ยมประจำปี เมื่อดูจากทีมของนักเตะคนอื่นๆ ที่ติดทีมยอดเยี่ยม เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาจบในอันดับท็อปโฟร์และอย่างน้อยก็ได้ลงเล่นในเกมนัดชิงในเกมถ้วยอีกด้วย (ยกเว้นนักเตะจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ไม่ได้เล่นรอบชิงบอลถ้วยก็จริง แต่ก็คว้าแชมป์ลีกได้) มันน่าตลกมากที่จะจินตนาการว่าซอน ฮึง-มิน ดาวดังจากสเปอร์สไม่ติดทีมยอดเยี่ยมหลังจากการที่เขาระเบิดฟอร์มช่วยทีมคว้า ท็อปโฟร์ในลีกมาได้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงว่าดาวยิงทีมชาติเกาหลีใต้เป็นดาวซัลโวประจำฤดูกาล…

Read More

มีรายงานว่าลิเวอร์พูลกำลังจะเซ็นสัญญาศูนย์หน้าของเบนฟิก้าอย่างดาร์วิน นูนเญซ แผนการซื้อตัวส่วนใหญ่ของหงส์แดงนั้นจะขึ้นอยู่กับการได้ตัวศูนย์หน้าในฤดูกาลนี้และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงพร้อมที่จะจ่ายเงินก้อนโตเพื่อให้มันเกิดขึ้นจริง ความสำเร็จมากมายของลิเวอร์พูลภายใต้เจอร์เก้น คล็อปป์นั้นมาจากผลงานของสามหัวหอกสุดโด่งดังอย่างซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟิร์มีโน่และโมฮาเหม็ด ซาล่าห์ แต่ถึงกระนั้น นักเตะทั้งสามคนดังกล่าวนั้นอยู่ในช่วงท้ายของสัญญากับทางสโมสรแล้ว และดูเหมือนว่ามาเน่จะเป็นคนแรกที่จะเดินทางออกจากสโมสรในช่วงซัมเมอร์นี้ โมสรยักษ์ใหญ่จากเยอรมันรายนี้ก็ ได้หมายหัวกองหน้าชาวเซเนกัลเป็นเป้าหมายหลักในตลาดซื้อขายในช่วงซัมเมอร์นี้ ล่าสุด ลิเวอร์พูลได้ปฏิเสธข้อเสนอระดับ 30 ล้านปอนด์จากทีมแชมป์บุนเดสลีก้าไปแล้ว ซึ่งทางด้านหงส์แดงนั้นตั้งราคาในใจไว้ที่ 40 ล้านปอนด์ในการปล่อยตัวศูนย์หน้าตัวเก่งของทีม เนื่องจากการที่มาเน่อาจจะย้ายออกจากสโมสรและสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ยังคงไม่ชัดเจนของทั้งฟีร์มีโน่และซาลาห์ มันก็เรื่องธรรมชาติที่เราจะได้เห็นลิเวอร์พูลเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในการมองหากองหน้าคนใหม่ ดาร์วิน นูนเญซ และเรื่องของตัวเลขต่าง ๆ ในตลาดซื้อขายฤดูกาลนี้มีศูนย์หน้าระดับท็อปอยู่ไม่มากนัก และหากจะหาศูนย์หน้าดาวรุ่งอายุน้อย มันก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าตัวเออร์ลิ่ง ฮาร์ลันด์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ลิเวอร์พูลนั้นก็รู้ดีว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องคว้าตัวกองหน้าจอมถล่มประตูมาเพื่อเสริมขุมกำลังให้แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน เพื่อที่จะแย่งแชมป์และชิงบัลลังก์กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้ได้ ดาร์วิน นูนเญซได้ถือเป็น ‘คำตอบสุดท้าย’ และมีเหตุผลมากมายที่ช่วยสนับสนุนว่าทำไมตัวนักเตะนั้นถึงได้รับความสนใจมากขนาดนี้ โดยศูนย์หน้าชาวอุรุกวัยนั้นโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาล 2021/22 ที่ผ่านมาโดยการยิงไปถึง 34 ประตูจาก 41 เกมที่ลงสนาม. ด้วยวัยเพียง 22 ปี หนทางที่สดใสของอาชีพการค้าแข้งของเขากำลังรอเขาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาชีพการค้าแข้งหรือฝีเท้าที่ยังสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีก บางที มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจนักเลย หากลิเวอร์พูลอาจจำเป็นจะต้องทุ่มเงินมากถึงขั้นทำลายสถิติค่าตัวแพงที่สุดของประวัติศาสตร์สโมสรเพื่อคว้าตัวศูนย์หน้าดาวรุ่งรายนี้มาร่วมทีม ตามรายงานจากเดอะ แอธเลติก ทางลิเวอร์พูลได้บรรลุเงื่อนไขส่วนตัวกับทางนูนเญซแล้วและกำลังจัดการเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยในส่วนของข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับทางเบนฟิก้า แต่อย่างไรก็ตาม รายงานที่กล่าวข้างต้นนั้นกลับขัดแย้งกับรายงานจากแหล่งข่าวอื่นที่เชื่อถือได้ เช่นจากการรายงานของเรคคอร์ด เมื่อสื่อจากทางโปรตุเกสอ้างว่าลิเวอร์พูลและเบนฟิก้านั้นได้บรรลุข้อตกลงกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รายงานหนึ่งที่สอดคล้องกันคือข้อเท็จจริงที่ว่าทางลิเวอร์พูลได้ยื่นข้อเสนอ 68.5 ล้านปอนด์ให้กับสโมสรยักษ์ใหญ่จากโปรตุเกสไปแล้ว ข้อเสนอนั้นอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 85.5 ล้านปอนด์หลังจากรวมขิ่อเสนอแอดออนต่างๆ ในสัญญาแล้ว คาดการณ์ว่านูนเญซจะเซ็นสัญญา 5 ปีกับทางลิเวอร์พูลและค่าตัวของเขาก็จะทุบสถิติค่าตัวเดิมของสโมสร ซึ่งเดิมเป็นของเวอร์จิล ฟาน ไดค์ อีกด้วยหากลิเวอร์พูลต้องจ่ายค่าแอดออนทั้งหมด โดย ฟาน ไดค์นั้นย้ายเข้ามาร่วมทัพหงส์แดงในปี 2017 ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ดาร์วิน นูนเญซจะสร้างอิมแพ็คอะไรให้กับลิเวอร์พูลบ้าง ลิเวอร์พูลได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมากในเรี่องของการมีระบบแมวมองที่ยอดเยี่ยม พวกเขาสร้างชื่อจากการคว้าตัวนักเตะที่เหมาะกับทีม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสไตล์และปรัชญา ดีลที่อธิบายได้ดีที่สุดก็คงจะเป็นการเซ็นสัญญาคว้าตัว หลุยซ์ ดิอาซ นักเตะที่น่าจับตามองและสามารถเล่นเข้าขากับทีมได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทางฝั่งกราบซ้ายของหงส์แดงทันทีที่เขาเข้ามาร่วมทีมเมื่อช่วงตลาดฤดูหนาว พูดง่าย ๆ ก็คือสไตล์การเล่นของนูนเญซนั้นเข้ากับแผนการเล่นเพรสซิ่งสุดบ้าคลั่งของเจอร์เก้น คล็อปป์…

Read More

นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ในลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่างพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022/23 เสียแล้ว หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2021/22 โดยเฉพาะในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ตอนนี้มันเป็นอะไรที่ดูเอื้อมถึงและเป็นไปได้กับการที่ทางสโมสรจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงพื้นที่ท็อปโฟร์ในฤดูกาลหน้า เมื่อดูจากฟอร์มที่น่าทึ่งของพวกเขาในช่วงครึ่งซีซั่นหลังแล้ว ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อพวกเขาถูกเทคโอเวอร์โดยกลุ่มกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดิอาระเบีย (พีไอเอฟ), พีซีพี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์นำโดยอแมนด้า สเตฟลีย์และอาร์บี สปอร์ตส์ & มีเดียที่นำโดยเดวิดและไซม่อน รูเบนด้วยเงินมหาศาลกว่า 300 ล้านปอนด์ ดีลนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มเดียวกันนี้ถอนตัวจากข้อตกลงในช่วงเดือนกรกฎาคม 2020 สิ่งต่อมาที่พวกเขาทำคือการปลดสตีฟ บรูซออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม เพื่อสังเวยผลงานสุดห่วยของทีมและแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ไฟแรงที่มาพร้อมกับไอเดียสดใหม่ที่จะผลักดันสโมสรให้เดินไปข้างหน้า โดยเป็น เอ็ดดี้ ฮาว ที่ถูกเลือกเข้ามารับเผือกร้อนและทุลักทุเลอยู่เหมือนกันในการประคองตำแหน่งในตารางคะแนนของสโมสรให้อยู่เหนือโซนตกชั้น จนกระทั่งตลาดหน้าหนาวในช่วงเดือนมกราคมเปิดตัว ต่อมาในเรื่องของการซื้อตัว ซึ่งจากความคาดหวังในตอนแรกก็ไม่สุดเท่าที่ควร การที่ทีมมีเจ้าของระดับนี้  แฟน ๆ ก็คงคาดหวังที่จะได้นักเตะระดับเวิรลด์คลาสเข้ามาร่วมทีม แต่นักเตะที่ทีมซื้อมาในตลาดนี้นั้น ยังไม่มีใครที่เข้าเวิรลด์คลาสเลย ตลาดการซื้อขายที่น่าผิดหวัง? การเซ็นสัญญาตัวนักเตะที่ดูจะมีโปรไฟล์ที่ดีที่สุดของพวกเขาคืออดีตนักเตะเก่าของท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สอย่างคีแรน ทริปเปียร์ที่พึ่งจบเส้นทางการค้าแข้งในลาลีก้าและกลับมาค้าแข้งในบ้านเกิดของเขา ทริปเปียร์จะเข้ามาเติมประสบการณ์ที่เคยลงเล่นกับเหล่านักเตะและผู้จัดการทีมระดับโลก และเพื่อช่วยสโมสรให้กลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้ง ทั้งหมดนี้ด้วยราคาเพียง 13.5 ล้านปอนด์เท่านั้น จากนั้นก็เป็นคริส วู้ดจากเบิร์นลีย์ด้วยราคา 25 ล้านปอนด์, บรูโน่ กิมาไรส์จากโอลิมปิก ลียงด้วยราคา 33 ล้านปอนด์ (40 ล้านปอนด์ รวมทุกแอดออน), แมตต์ ทาร์เก็ตต์ที่ยืมตัวมาจากแอสตัน วิลล่าและแดน เบิร์นจากไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน             ด้วยราคา 13 ล้านปอนด์ การทุ่มเงินซื้อนักเตะกว่า 91 ล้านปอนด์นั้นถือเป็นการส่งสาส์นไปให้ทุก ๆ ทีมในพรีเมียร์ลีกแล้ว ว่านิวคาสเซิลพร้อมที่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่สำหรับเหล่าแฟนบอล เหล่านักเตะที่ซื้อเข้ามานั้นไม่ได้กระตุ้นความหวังของแฟนบอลทีมตัวเองหรือไปสร้างความกดดันให้แฟนบอลฝ่ายตรงข้ามเท่าไรนัก แต่ผิดคาด พวกเขากลับโชว์ผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและผู้จัดการทีมอย่างฮาวก็ใช้งานเหล่านักเตะให้ระเบิดฟอร์มเก่งออกมาให้กับสโมสรได้เป็นอย่างดี ในช่วงนัดแรกของตลาดการซื้อขายหน้าหนาว นิวคาสเซิลชนะเพียงเกมเดียวจาก 11 เกมหลังสุดของพวกเขาและจมอยู่รองบ๊วยในตารางคะแนน แต่หลังจากการมาของ 5 นักเตะหน้าใหม่ ทัพสาลิกาดงเก็บชัยชนะได้เป็นส่วนใหญ่และมีเพียงแค่สองสโมสรหัวตารางอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูลเท่านั้นที่เก็บแต้มได้มากกว่าพวกเขาในปี 2022 พวกเขาจบฤดูกาลในอันดับที่ 11 พร้อมกับโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งถ้าเป็นในสถานการณ์ปกติ…

Read More