Author: admin

ด้วยความเสี่ยงที่จะทายผิดพลาดและดูกลวงเหมือนกับแอคเคาต์ปั่นกระแสในทวิตเตอร์ เราจะขอทายว่าเมสซี่จะได้ชูถ้วยฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็แล้วกัน นี่เป็นฟุตบอลโลกครั้งที่ห้าของเขาแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ได้จับถ้วยที่เขาถวิลหามาทั้งชีวิตจนได้ และการโต้วาทีกันไปมาแสนยาวนานที่ว่าเมสซี่กับโรนัลโด้ใครเก่งกว่ากันนั้นก็ดูจะได้จุดจบแล้ว หลังจบเกมนัดชิงชนะเลิศในวันที่ 18 ธันวาคมที่สนามลูเซล สเตเดี้ยม ประเทศกาตาร์ และด้วยชัยชนะนัดนี้ ทำให้เขาขาดอีกเพียงถ้วยเดียวเท่านั้นก็จะไล่ดานี่ อัลเวส ในฐานะนักเตะที่ได้แชมป์มากที่สุดในโลกทัน มาถึงจุดนี้ คุณก็คงพอจะเดาได้แล้ว ว่าเราเขียนบทความนี้ขึ้นเพื่ออะไร นั่นก็คือการยกย่องให้เมสซี่เป็น GOAT – Greatest of all time หรือนักเตะที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาลนั่นเอง อย่างไรก็ดีเราก็ไม่ได้จะมาเขียนอวยเมสซี่อย่างเดียว เพราะเราจะเขียนถีงเรื่องของบริบทอื่น ๆ ที่น่ารู้และน่าสนใจในเรื่องนี้ด้วย เมสซี่ในหลายปีที่ผ่านมา “หนุ่มน้อยจากโรซาริโอ” ฝ่าฟันทุกอุปสรรคจนได้เดินทางไปที่ยุโรป จากอาร์เจนติน่าเมื่ออายุได้เพียง 13 ปีเท่านั้น ต้องขอบคุณบาร์เซโลน่าที่เห็นแววในตัวเขา และเป็นทีมเดียวที่พร้อมจะช่วยให้เขาเติบโตอย่างดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด ในฐานะนักเตะเยาวชนคนหนึ่งของทีม ทีมเจ้าบุญทุ่มคว้าตัวเมสซี่มาจากทีมนีเวลส์ โอลด์ บอยส์ สโมสรในเมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนติน่า และเมสซี่ก็ตอบแทนพวกเขาได้แบบทบต้นทบดอก ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรที่ขึ้นมาจากศูนย์ฝึก ลา มาเซีย อันเลื่องชื่อของพวกเขา ด้วยวัยเพียง 17 ปี เมสซี่ได้โอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และก็สร้างอิมแพ็คได้ทันที และใครที่ได้ดูเขาเล่นต่างก็เห็นเป็นเสียงเดียวกัน ในไม่ช้า อาร์เจนติน่าก็เรียกเมสซี่ติดทีมชาติชุดใหญ่ และเมสซี่ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดมือไป เขายึดตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติได้ทันที และไม่เสียมันให้ใครอีกเลย เกือบยี่สิบปีต่อมา เมสซี่ในวัย 35 ได้กลายเป็นพี่ใหญ่ทึ่มีประสบการณ์คว้าแชมป์มาแล้วมากมายภายในทีม ทั้งในสีเสื้อเลือดหมูของบาร์เซโลน่าและสีเสื้อฟ้าขาวของอาร์เจนติน่า ด้วยสถิติยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรบาร์เซโลน่า ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอเมริกาใต้ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ลา ลีกา รวมถึงลงเล่นให้กับบาร์เซโลน่าและอาร์เจนติน่ามากที่สุดตลอดกาล และสถิติอีกมากมายกับทั้งทีมชาติและสโมสร เขาได้จารึกชื่อของเขาไว้ในฐานะตำนานของทั้งบาร์เซโลน่าและอาร์เจนติน่าอย่างแท้จริง ปัจจุบัน ในฐานะผู้เล่นของปารีส แซงค์-แชร์กแม็ง ต้องยอมรับว่าเขาก็เข้าสู่ช่วงปลายอาชีพการค้าแข้งแล้ว แต่เขาก็ยังสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้อีก ด้วยการคว้าแชมป์โลกในฐานะผู้เล่นของปารีส แซงค์-แชร์กแม็ง ใครคือผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล สำหรับบางคน เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญอะไรมากนัก ถึงแม้ว่ามันจะดูน่าทึ่งก็ตาม ไม่ใช่จำนวนประตู ไม่ใช่จำนวนแชมป์ ไม่ใช่สถิติต่าง ๆ ที่ครอบครองอยู่ และไม่ใช่สไตล์การเล่นที่ทำให้เขามีแฟนคลับทั่วทุกมุมโลกกว่าร้อยล้านคนที่หลงไหลในเกมลูกหนังของเขาด้วยซ้ำ สำหรับเรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เมสซี่ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเท่าไรนัก หรือถ้าทำก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากกว่าที่เคยทำอยู่ทุกปีจนพวกเขาชินตาไปแล้ว และในบางเรื่องที่ว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คู่แข่งตลอดกาลของเขา ก็ดูจะเหนือกว่าเขาด้วยซ้ำ เมื่อแฟน…

Read More

โรนัลโด้ เดอ ลิม่า, โรแบร์โต้ บาจโจ้, ไมเคิ่ล โอเว่น, ฮาเมส โรดริเกซ สำหรับบางคนในรายชื่อนี้ มันอาจจะไม่ใช่ทัวร์นาเมนต์ที่ยอดเยี่ยมนัก แต่สำหรับบางคน มันกลับกลายมาเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ยอดเยี่ยมและทำให้ฟุตบอลโลกกลายมาเป็นแหล่งที่สุดยอดสำหรับเหล่าแมวมองในการแสวงหานักเตะระดับเวิร์ลด์คลาสจากทั่วทุกมุมโลก เช่นเดียวกับฟุตบอลโลกครั้งก่อน ๆ ฟุตบอลโลก 2022 ก็ทำให้เราได้เห็นเหล่านักเตะพรสวรรค์บางคนผ่านตามาบ้างแล้ว บางคนก็เป็นที่รู้จักดีอยู่แล้วและบางคนก็ยังคงเป็นเพชรเม็ดงามที่ยังไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนจนกระทั่งพวกเขามาฉายแสงกับทีมชาติของพวกเขา พวกเขาจะพาคุณไปดูนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในทัวร์นาเมนต์นี้จนค่าตัวพุ่งกระฉูดหลังจากที่ฉายแสงในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ยาซีน บูนู ผู้รักษาประตูจอมหนึบของเซบีญ่านั้นไม่เพียงแต่จะเป็นมือกาวที่พึ่งสร้างชื่อในวงการฟุตบอลและยังเป็นมือกาวจอมเซฟจุดโทษในฟุตบอลโลกที่กาตาร์เท่านั้น แต่เขาก็ยังพอมีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลยุโรปอยู่บ้าง โดยเฉพาะในลาลีก้าสเปน มือกาววัย 31 ปีทีมชาติโมร็อกโกนั้นมีค่าตัวประมาณการอยู่ที่ราว ๆ 15 ล้านยูโร แต่หลังจากที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับทีมชาติโมร็อกโก ไม่ว่าจะทีมไหนที่ต้องมาเจอกับโมร็อกโกก็ต้องปาดเหงื่อกันถ้วนหน้าเลยล่ะ ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งจากปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขาอยู่แล้ว ตอนนี้เขาเป็นตัวสำรองของมาร์โก้ ดมิโตรวิชที่เซบีญ่า ซึ่งนั่นหมายถึงว่าเขามีสิทธิ์ที่จะย้ายออกจากสโมสร เนื่องจากฟอร์มที่โดดเด่นของเขาในฟุตบอลโลก เซบีญ่าอาจจะต้องการค่าตัวเขาอย่างน้อย 30 ล้านยูโรเป็นอย่างต่ำ ซอฟยาน อัมราบัต น้องชายของนอร์ดิน อัมราบัต ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลก 2022 เพื่อให้ชื่อของตระกูลอัมราบัตยังคงโลดแล่นอยู่ในทีมชาติโมร็อกโกต่อไป ตอนนี้เขามีสัญญาอยู่กับฟิออเรนติน่าในกัลโช่ เซเรียอาและมีค่าตัวประมาณอยู่ที่ราว ๆ 4-7 ล้านยูโร แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทำให้ข่าวลือการย้ายตัวของเขาเริ่มกระพรือขึ้น ตอนนี้เขาตกเป็นเป้าหมายของสโมสรอย่างลิเวอร์พูล, บาร์เซโลน่า, เปแอสเช, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส, อาร์เซน่อล, แอตเลติโก้ มาดริดและสโมสรอื่น ๆ อีกมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม เขาออกมายอมรับว่าเขานั้นเป็นแฟนตัวยงของดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ซึ่งนั่นหมายความว่าแอตเลติโก้ มาดริดมีสิทธิ์ที่จะคว้าตัวได้สูงเขาหากฟิออเรนติน่าเลือกที่จะปล่อยตัวเขา และหากฟิออเรนติน่าคิดที่จะปล่อยตัวเขาแล้วล่ะก็ ราคาที่จะปล่อยกัปตันทีมชาติโมร็อกโกที่เป็นหนึ่งในนักเตะชุดที่พาทีมชาติโมร็อกโกชุดประวัติศาสตร์ในฟุตบอลโลกคงจะไม่ใช่แค่ 7 ล้านยูโรอย่างแน่นอน ฮาคิม ซิเยค ดาวเตะเชลซีอย่างฮาคิม ซิเยคนั้นเกือบจะไม่ได้ติดทีมชาติโมร็อกโกมาลงเล่นในฟุตบอลโลกที่กาตาร์แล้วเนื่องจากปัญหาส่วนตัวที่มีมาอย่างยาวนานกับวาลิด ฮาลิลฮาดซิช ซึ่งกุมบังเหียนทีมชาติโมร็อกโกจนถึงเดือนสิงหาคม 2022 ชาวโมร็อกโกทุกคนจะต้องขอบคุณวาลิด เรกรากุย กุนซือที่เข้ามาแทนที่ผู้จัดการทีมชาวบอสเนียคนเก่า และได้ทำการสานสัมพันธ์ระหว่างซิเยคและราชสหพันธ์ฟุตบอลโมร็อกโกใหม่อีกครั้ง ซิเยคโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในทัวร์นาเมนต์นี้และเชลซีที่ตอนแรกก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเขานั้น ตอนนี้พวกเขาคงเห็นโอกาสในการที่จะได้เงินก้อนโตจากการปล่อยตัวเขาแล้ว ค่าตัวประมาณของเขาในตอนนี้นั้นอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านยูโร ซึ่งมันไม่เพียงพอสำหรับสิงห์บลูอย่างแน่นอน เพราะว่าพวกเขาคว้าตัวซิเยคมาจากอาแจ็กซ์ด้วยราคา 35 ล้านยูโรในปี 2020…

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด โมร็อกโก 1-0 โครเอเชีย สนาม : คาห์ลิฟา อินเตอร์แนชั่นแนล สเตเดี้ยม เกมชิงอันดับสามของศึกฟุตบอลโลกปี 2022 นี้จะเป็นการรีแมตช์กันอีกครั้งของสองทีมร่วมกลุ่มเอฟอย่างโครเอเชียและโมร็อกโก โดยในเกมนั้นพวกเขากันไปแบบไร้สกอร์ แต่ในเกมนั้นเป็นโครเอเชียที่ดูจะเพลี่ยงพล้ำและเกือบจะแพ้ไปแล้ว จากการที่พวกเขายังจับทางทีมจากแอฟริกาไม่ค่อยได้ และไม่รู้ว่าโมร็อกโกจะมาไม้ไหน ทั้งสองทีมเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ถึงแม้พวกเขาจะไปไม่ถึงดวงดาวจากการแพ้อาร์เจนติน่า และฝรั่งเศสตามลำดับในรอบรองชนะเลิศ แต่พวกเขาจะพอใจเสียยิ่งกว่าพอใจอย่างแน่นอน ที่จะกลับไปยังประเทศบ้านเกิดเยี่ยงวีรบุรุษ สำหรับโมร็อกโก พวกเขามีหวังจะได้เป็นทีมจากแอฟริกาทีมแรกที่คว้าตำแหน่งท็อป 3 ในศึกฟุตบอลโลกได้ ด้านโครเอเชีย หากพวกเขาชนะได้ มันจะเป็นการคว้าตำแหน่งท็อป 3 ได้ถึงสองครั้งติดเลยทีเดียว ฟอร์ม : โครเอเชีย ลูกทีมของซลัตโก้ ดาลิช ได้สร้างชื่อในฐานะการเป็นราชาจอมคัมแบ็คในฟุตบอลโลกปีนี้ หลังจากเสมอกับโมร็อกโกไป 0-0 ทุกเกมต่อจากนั้นพวกเขาโดนนำไปก่อน 1-0 ก่อนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกับแคนาดา ญี่ปุ่น หรือบราซิล แต่พวกเขาก็กลับมาเอาชนะได้ทั้งสามเกม แต่โชคไม่ดีที่อาร์เจนติน่านั้นดูจะเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งเกินไปสักหน่อย ในครั้งนี้ถึงแม้จะโดนนำไปก่อนเหมือนเดิม พวกเขากลับมาไม่ได้และแพ้ไปด้วยสกอร์ 3-0 แทน ส่วนในเกมนี้กับโมร็อกโกที่พวกเขาเริ่มจับทางได้แล้ว พวกเขาน่าจะกลับมาคืนฟอร์มเดิมได้อีกครั้ง อย่างไรก็ดีพวกเขายังมีปัญหาใหญ่ในเรื่องการจบสกอร์ ซึ่งฉุดพวกเขาจนไปไม่ถึงดวงดาวในปีนี้ อาจสร้างปัญหาให้พวกเขาได้อีกครั้ง ในเกมที่จะต้องเจาะเกมรับของโมร็อกโกจอมเหนียว ฟอร์ม : โมร็อกโก จากผลงานที่พวกเขาเสียไปเพียงประตูเดียวก่อนหน้าที่จะเจอกับฝรั่งเศสในรอบรองชนะเลิศ ในตอนนั้น พวกเขามีเกมรับที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์อย่างแท้จริง เพราะจนถึงตอนนี้หากเอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เก็บคลีนชีตไม่ได้ในเกมนัดชิงชนะเลิศ รางวัลถุงมือทองคำก็จะตกเป็นของยาสซีน โบโน่ มือกาวทีมชาติโมร็อกโกทันที นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในเกมรับของพวกเขาได้เป็นอย่างดี และนี่จะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกอย่างมากอย่างแน่นอน ในการสู้กับโครเอเชียที่มีปัญหาด้านการจบสกอร์อย่างหนัก และเช่นกัน กุนซือของทีมโมร็อกโกอย่างวาลิด เรเกรกุย ก็น่าจะหวังแก้ปัญหาปืนฝืดของทีมเหมือนกัน เพราะนั่นคือปัญหาหลักสำคัญในเกมรอบรองชนะเลิศกับฝรั่งเศส จนทำให้พวกเขาไม่ได้เข้าไปชิงชนะเลิศ ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร เกมรอบรองชนะเลิศของทั้งสองทีมน่าจะเป็นเพียงเกมเดียวของทั้งสองฝ่ายที่พวกเขาไม่สามารถยื้อและเอาชนะคู่แข่งได้เหมือนเคย อย่างไรก็ดี ในเกมนี้ทั้งสองทีมรู้กลเม็ดของอีกฝ่ายกันเป็นอย่างดี และน่าจะเปิดเกมรุกใส่กันมากขึ้นเมื่อเทียบกับครั้งแรกที่เจอกัน และเราเชื่อว่าเมื่อเกมเปิดและทั้งสองฝ่ายเปิดหน้าแลกเกมรุกใส่กัน โมร็อกโกดูจะได้เปรียบมากกว่า และน่าจะเฉือนเอาชนะโครเอเชียไปได้

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด อาร์เจนติน่า 1 – 1 ฝรั่งเศส (หลังการต่อเวลาพิเศษ) | อาร์เจนติน่าชนะจุดโทษ 4-3 สนาม : ลูเซล ไอคอนิค สเตเดี้ยม ครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นทีมที่เข้าชิงชนะเลิศในครั้งก่อนหน้าสามารถเข้าชิงชนะเลิศได้อีกครั้งในทันทีก็ต้องย้อนกลับไปถึงปี 1962 เลยทีเดียว ใครที่รู้ก็จะทราบดีว่าในฟุตบอลโลกสองครั้งนั้นเป็นเวทีที่ให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้เฉิดฉายและโชว์เท้าระดับโลกออกมาอย่างแท้จริง และครั้งนี้ก็มีเด็กที่ขึ้นมาและกำลังจะทำสิ่งนั้นได้เหมือนกัน นั่นก็คือคีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ ที่พาฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกได้ในปี 2018 และปัจจุบันก็ห่างจากคำว่าแชมป์สองสมัยซ้อนอยู่เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น แต่เกมที่ว่านั้นมันจะไม่ง่ายอย่างแน่นอน นอกจากการที่เกมนัดชิงชนะเลิศเป็นอะไรที่ไม่เคยง่ายอยู่แล้ว เพราะนอกจากนั้น คู่แข่งที่ขวางการป้องกันแชมป์ของเอ็มบัปเป้และฝรั่งเศสอยู่ก็คือเพื่อนร่วมทีมของเขา ลิโอเนล เมสซี่ หนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และด้วยการที่เขายิ่งใหญ่ขนาดนี้ แฟน ๆ ก็เห็นพ้องต้องกันว่าเมสซี่ควรจะได้สัมผัสถ้วยแชมป์โลกสักครั้งก่อนที่เขาจะแขวนสตั๊ดไป แต่ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้ ประวัติศาสตร์จะต้องถูกจารึกไว้อย่างแน่นอน เพราะไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งจะเป็นฝ่ายสร้างตำนานได้สำเร็จ และแฟนบอลราว 88,000 คนที่สนาม ลูเซล ไอคอนิค สเตเดี้ยม ก็จะได้เป็นพยานเอกในเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ ฟอร์ม : อาร์เจนติน่า อาร์เจนติน่าเป็นทีมที่ครบเครื่องและมีวินัยมากที่สุดทีมหนึ่งในทัวร์นาเมนต์นี้ ตั้งแต่ในเกมรับไปถึงเกมรุก พวกเขามีความผิดพลาดน้อยมาก อย่างไรก็ดี ฝรั่งเศสจะเป็นบททดสอบที่ใหญ่และยากเย็นที่สุดของทีมฟ้าขาวอย่างแน่นอน เพราะทีมตราไก่ไม่ได้หวังพึ่งความยอดเยี่ยมของเอ็มบัปเป้อย่างเดียวเท่านั้น อาร์เจนติน่ายังจะต้องเจอกับตัวรุกที่อันตรายอีกหลายตัว รวมถึงอองตวน กรีซมันน์ ที่ลงเล่นเป็นกองกลางจำเป็นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่พวกเขาดูเป็นต่อในแดนกลาง ในน่าจะหวังใช้ความได้เปรียบในแดนกลางของพวกเขาลดความอันตรายของทัพเลอ เบลอส์ ลง และคว้าแชมป์โลกสมัยที่สามในประวัติศาสตร์ของประเทศมานอนกอดให้จงได้ ฟอร์ม : ฝรั่งเศส ทัพเลอ เบลอส์ ทำผลงานได้อย่างตามเป้า แม้ว่าพวกเขาจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย หนึ่งในนั้นคือการที่พวกเขาต้องเสียนักเตะไปมากมายจากอาการบาดเจ็บ และน่าจะมากที่สุดในบรรดาทีมตัวเต็ง โดยทีมได้เอ็มบัปเป้เป็นพระเอกทำผลงานได้โดดเด่นเช่นเดิม แต่หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมของเขา โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ได้ทำลายสถิติยิงประตูตลอดกาลของทีมชาติฝรั่งเศสไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อองตวน กรีซมันน์ ก็ได้ทำลายสถิติการลงสนามต่อเนื่องติดต่อกันมากที่สุดในนามทีมชาติเช่นกัน ส่วนกุนซืออย่างดิดิเยร์ เดอชองส์ ก็ได้โชว์ว่าเขาคือกุนซือที่สามารถปรับแทคติกได้หลากหลายระดับที่หาตัวได้จับได้ยากมาก พวกเขาจะเป็นทีมที่อันตรายมาก ๆ ในรอบชิงชนะเลิศอย่างแน่นอน แต่จุดอ่อนที่สุดในทีมของพวกเขาที่พอจะเจาะได้ก็น่าจะเป็นในแผงกองกลางนี่แหละ ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองทีมเจอกันคือในฟุตบอลโลกปี 2018  ที่ฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกไปได้ แต่ทั้งสองทีมก็เปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะอาร์เจนติน่าที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าเกมนี้เราจะได้เห็นว่าทั้งสองทีมเปลี่ยนไปมากแค่ไหนไปพร้อมกัน ในเกมที่ทั้งสองทีมต่างจะลงเล่นเพื่อแชมป์โลกสมัยที่สามของพวกเขาทั้งคู่

Read More

สารบัญ บทนำ  ตำนานชีวิตลูกหนังของเปเล่ ชีวิตในช่วงแรก/เส้นทางการค้าแข้งในสโมสร ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ระดับโลก  นักเตะที่สามารถทัดเทียมกับเปเล่ได้ โลกฟุตบอลต้องสั่นสะเทือนเมื่อมีข่าวว่าเปเล่ ตำนานลูกหนังทีมชาติบราซิลถูกหามส่งโรงพยาบาล จากนั้นมีรายงานเพิ่มเติมว่านักเตะระดับตำนานวัย 82 ปีถูกย้ายไปยังการดูแลในช่วงระยะสุดท้ายเนื่องจากการรักษามะเร็งของเขานั้นไม่ได้ผล แต่เปเล่เองก็ได้ให้ความมั่นใจกับแฟน ๆ ด้วยการออกมาบอกว่าเขานั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก และ ไม่ต้องเป็นห่วงเขา เขาออกมาแถลงการณ์ผ่านทางอินสตาแกรมด้วยการขอบคุณแฟนบอลทั่วโลกสำหรับความห่วงใยและให้คำมั่นสัญญากับทุก ๆ คนว่าเขากำลังเข้ารับการรักษาอย่างเคร่งครัด “แด่สหายทั้งหลาย ผมอยากจะฝากบอกให้ทุก ๆ คนใจเย็น ๆ และมองโลกในแง่บวกเอาไว้ ผมยังแข็งแรงดี แถมยังมีความหวังและผมยังทำตามการรักษาอยู่เป็นประจำ ผมอยากจะขอขอบคุณทีมแพทย์และพยาบาลทุก ๆ คนที่ช่วยกันดูแลผมเป็นอย่างดี “ผมมีความเชื่อมั่นใจพระเจ้าและทุก ๆ ข้อความที่มาพร้อมกับความรักที่ผมได้รับจากทั่วโลกนั้นทำให้ผมมีพลังงานอย่างเต็มเปี่ยมพร้อมกับดูบราซิลในฟุตบอลโลกครั้งนี้อีกด้วย! “ขอบคุณสำหรับทุก ๆ สิ่ง” ตำนานชีวิตลูกหนังของเปเล่ เอ็ดสัน อรานเตส โด นาสซิเมนโต้ หรือในชื่อที่รู้จักกันทั้งโลกอย่าง “เปเล่” ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาล โดยเฉพาะในยุคเก่า สำหรับคนที่เคยดูเขาลงเล่นนั้นมักจะพูดถึงพรสวรรค์และความยอดเยี่ยมของเขาพร้อมกับถ้วยรางวัลและสถิติประตูมากมายก็บ่งบอกถึงความสุดยอดของเขาอยู่แล้ว เส้นทางการค้าแข้งกับสโมสร หลังจากที่สร้างชื่อในช่วงแรกของการค้าแข้งในการลงเล่นฟุตซอล (ฟุตบอลในร่ม) เปเล่ก็ได้ไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรซานโตส เอฟซีในวัย 15 ปีและไม่เพียงแค่เขาจะผ่านการคัดตัวเท่านั้น มันเห็นได้ชัดว่าเขานั้นมีศักยภาพพอที่จะกลายมาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกด้วยซ้ำ เปเล่เซ็นสัญญานักเตะอาชีพแรกในวัย 15 ปีและสร้างอิมแพคให้กับสโมสรแรกของเขาได้ทันที ในเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการเกมแรกที่เจอกับโครินเธี่ยนส์ เดอ ซานโต้ เปเล่ยิงประตูแรกให้กับซานโตสพร้อมกับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม ซึ่งนั่นถือเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ในวัย 16 ปี เปเล่ก็ได้กลายมาเป็นนักเตะคนสำคัญของซานโตส เอฟซีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและกลายมาเป็นดาวซัลโวในฤดูกาลปี 1957 ด้วยสถิติการยิง 41 ประตูจากการลงเล่น 38 เกม ถ้วยแชมป์รายการแรกกับซานโตสของเปเล่นั้นมาในปี 1958 ซึ่งพวกเขาคว้าแชมป์แคมเปโอนาโต้ เปาลิสต้า เขาจบทัวร์นาเมนต์นั้นด้วยตำแหน่งดาวซัลโวด้วยสถิติ 58 ประตูตลอด 38 เกมที่ลงสนามและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครสามารถทำลายสถิติของเขาได้อีกเลย ในช่วงเวลาไม่ถึงปีหลังจากที่เขาลงเล่นในเกมระดับอาชีพ เปเล่ถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลเป็นครั้งแรกในอาชีพการค้าแข้งของเขา เกมแรกของเขาที่ลงเล่นให้กับบราซิลนั้นเป็นเกมที่บราซิลเจอกับอาร์เจนติน่าซึ่งเขาทำประตูแรกในเกมเปิดตัวให้กับทีมชาติได้อีกด้วย จนถึงวันนี้ เขายังคงเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้กับทีมชาติบราซิลในวัยเพียง 16  ทั้งโลกได้รู้จักกับเปเล่ในฟุตบอลโลก 1958 ซึ่งเขาได้ประกาศศักดามาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในวงการลูกหนัง เขาไม่สามารถลงเล่นสองเกมแรกในฟุตบอลโลกได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่เขาเจอก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่ม แต่เขาลงเล่นได้ในเกมนัดที่สามของทัวร์นาเมนต์ เขากลายมาเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่เคยลงเล่นในฟุตบอลโลกในเวลานั้นในเกมที่เขาลงสนามเจอกับสหภาพโซเวียต หนึ่งในไฮไลท์ของทัวร์นาเมนต์นี้เกิดขึ้นในเกมรอบรองชนะเลิศที่พวกเขาเจอกับฝรั่งเศส เขายิงแฮตทริคใส่ฝรั่งเศสและกลายมาเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงแฮตทริคได้ในฟุตบอลโลก แต่เปเล่ยังไม่หยุดแค่นั้น เขายังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศอีกด้วย แต่พวกคุณคงจะไม่รู้อะไรหรอกเพราะว่าเขานั้นโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นอีกครั้งด้วยการเหมา 2…

Read More

สารบัญ เชซุสได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า รายละเอียดเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเขา อาการบาดเจ็บนี้จะส่งผลต่อตลาดซื้อขายช่วงเดือนมกราคมของอาร์เซน่อลอย่างไร นักเตะของอาร์เซน่อลที่จะได้ประโยชน์จากอาการบาดเจ็บของเชซุส กาเบรียล เชซุสย้ายมาร่วมทีมอาร์เซน่อลด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาหลังจากที่เชซุสนั้นประสบความสำเร็จและคว้าแชมป์มากมายกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาร่วม 5 ปี เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและช่วยให้อาร์เซน่อลครองจ่าฝูงนำหน้าสโมสรเก่าของเขาอยู่ในขณะนี้พร้อมกับสถาปนาตัวเองเป็นไอดอลของแฟนบอลอาร์เซน่อลทั่วโลกอยู่ในตอนนี้ แต่อาการบาดเจ็บของเขาทำให้เขาน่าจะพลาดโอกาสในการลงเล่นในช่วงที่สำคัญที่สุดของฤดูกาล สร้างความตื่นตระหนกให้กับอาร์เซน่อลเป็นอย่างมาก อาการบาดเจ็บของกาเบรียล เชซุสจะส่งผลกระทบต่อสโมสรในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลอย่างไร เนื่องจากพวกเขากำลังพยายามที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้อีกครั้งนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003/04 สิ่งที่เรารู้: อัพเดทอาการบาดเจ็บของกาเบรียล เชซุส กาเบรียล เชซุสเพิ่งเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดไปได้แบบสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและหากนับจากการช่วงเวลาที่เขาจะต้องเข้ารับการกายภาพบำบัดแล้ว เราอาจจะได้เห็นเขากลับมาลงสนามได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2023 นั่นหมายความว่าเขาอาจจะหายหน้าหายตาไปนานกว่านั้นก็เป็นได้และรายงานก็ออกมาบอกว่ามันอาจจะยาวนานกว่า 4 เดือนเลยด้วยซ้ำ ในปัจจุบัน ขณะนี้ก็ช่วงปลายเดือนธันวาคมแล้ว สถานะอาการบาดเจ็บของกาเบรียล เชซุสนั้นมีรายงานออกมาว่าเขาจะกลับมาได้เร็วที่สุดในช่วงเดือนเมษายน หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ นั่นหมายความว่าเชซุสจะมีโอกาสลงเล่นให้กับอาร์เซน่อลเพียงไม่กี่เกม ซึ่งนั่นทำให้เขาอาจจะแทบไม่ได้ช่วยอะไรกับทีมเลยหรือตำแหน่งในลีกอาจจะถูกตัดสินไปแล้วก็เป็นได้ในช่วงเวลานั้น การพังประตูของเขานั้นถือว่าดร็อปลงมาซักพักหนึ่งแล้วและเขาก็ทำได้เพียง 5 ประตูและอีก 5 แอสซิสต์จาก 14 เกมหลังสุด แต่อย่างไรก็ตาม นั่นถือเป็นสถิติการมีส่วนร่วมในการทำประตูที่มากที่สุดของสโมสรในฤดูกาลนี้ ซึ่งถือเป็นอะไรที่สำคัญกับสโมสรเอามาก ๆ อย่างแน่นอน มิเกล อาร์เตต้ายังคงต้องภาวนาต่อไปว่าอาการบาดเจ็บนั้นจะไม่รุนแรงมากตามที่คาด แต่กุนซือชาวสเปนก็รู้ดีว่าเขานั้นจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวในช่วงเวลาที่ยากลำบากโดยที่ไม่มีนักเตะที่ถือว่าเป็นนักเตะคนสำคัญที่สุดของทีมในฤดูกาลนี้ บททดสอบที่แท้จริงในทักษะการจัดการทีมฟุตบอลของมิเกล อาร์เตต้านั้นกำลังจะเดินทางมาถึงและมันจะเป็นการที่เขาจะต้องจัดทีมโดยไม่มีนักเตะที่มากไปด้วยพลังงานอย่างกาเบรียล เชซุส ซึ่งเขามีความสามารถในการวิ่งพล่านไปทั่วในแนวรุกซึ่งนำมาด้วยโอกาสและประตูมากมายให้กับเหล่าเดอะกันเนอร์ส บอกได้เลยว่าอาการบาดเจ็บของเขานั้นจะต้องทำให้ทีมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ตอนนี้ เชซุสก็กำลังโฟกัสไปที่การรักษาอาการบาดเจ็บของเขาอยู่และเขาก็หวังที่จะกลับมาลงสนามให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กาเบรียล เชซุสเป็นนักเตะกระดูกยุงจอมมีบาดเจ็บหรือไม่? ถึงจะไม่น่ามีกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าเชซุสนักเตะกระดูกยุงจอมบาดเจ็บ แต่สถิติอาการบาดเจ็บของเขานั้นก็แสดงให้เห็นว่าเขาพลาดโอกาสในการลงสนามไปเกือบ 4 สัปดาห์ในทุก ๆ ฤดูกาลนับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาร่วมทีมเรือใบสีฟ้าในปี 2016 โดยมีเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้นที่เขาไม่มีอาการบาดเจ็บเลย นั่นถือฤดูกาล 2021/22 ในฤดูกาลเหล่านั้นที่เขาได้รับอาการบาดเจ็บ เขาพลาดการลงสนามอย่างน้อย 3 สัปดาห์ แต่อาการบาดเจ็บล่าสุดของเขานั้นถือเป็นอาการบาดเจ็บที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขา ซึ่งยาวนานกว่าการพลาดการลงสนามถึง 67 วันหลังจากที่เขาต้องเจอกับอาการบาดเจ็บที่กระดูกฝ่าเท้าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2017 การซื้อตัวต่าง ๆ  อาร์เซน่อลยังขาดนักเตะตัวรุกและมิดฟิลด์อีกราวตำแหน่งละ 1 คนในการที่จะสร้างทีมระดับแชมป์ลีก แมวมองของทีมปืนใหญ่มองไปที่มิคคายโล มูดริคของชัคตาร์ โดเน็ตส์และดานิโล่ โอลิเวร่าจากสโมสรจากบราซิลอย่างพัลไมรัสเป็นตัวเลือกที่จะเข้ามาแทนที่ในตำแหน่งที่หายไปจากอาการบาดเจ็บ มีรายงานออกมาว่านักเตะทั้งสองคนนั้นถือเป็นเป้าหมายหลักของสโมสรจากลอนดอนเหนือ อีกเป้าหมายหนึ่งที่มีสื่อออกมารายงานก็คือดาวยิงของแอตเลติโก้ มาดริดอย่างเจา เฟลิกซ์, มิดฟิลด์จากลาซิโอ้อย่างเซอร์เกจ์ มิลินโควิช-ซาวิช, ปีกของปอร์โต้อย่างเปเป้และยูริ ทีเลอมองส์ กองกลางของเลสเตอร์ ซิตี้ ไม่เพียงแค่ตัวเลือกเหล่านั้นจะต้องทำให้อาร์เซน่อลต้องใช้เงินเยอะมากพอสมควรแล้ว…

Read More

คำถามนี้จะเป็นคำถามที่ตอบง่ายมาก ๆ หากทั้งสองทีมเจอกันในรอบแบ่งกลุ่ม เหมือนกับที่พวกเขาเจอกันในปี 2018  แต่หลังจากที่เราได้เห็นความโกลาหลพลิกล็อกกันแบบถล่มทลายในฟุตบอลโลกครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ที่กาตาร์แล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะฟันธงให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะไปแบบง่าย ๆ ในตอนนี้ เรารู้อะไรบ้าง ตอนนี้เรารู้แล้วแน่ ๆ ว่าเมสซี่กำลังอยู่ในฟอร์มเทพ ระดับลุ้นรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ได้เลย และถ้าดูจากประวัติการแจกรางวัลนี้ของฟีฟ่าแล้ว เมสซี่ก็น่าจะคว้ารางวัลนี้ได้ไม่ยาก หากทีมฟ้าขาวสามารถเอาชนะโครเอเชียได้ในเกมรอบรองชนะเลิศ เรายังรู้อีกเช่นกันว่า ลูก้า โมดริช เจ้าของรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ปี 2018 ก็เป็นตัวแบกและทำทุกอย่างเพื่อขับเคลื่อนทีมตราหมากรุกมาตลอดเช่นกัน เช่นเดียวกับเมสซี่ ทั้งฝีเท้าและความเป็นผู้นำของโมดริชนั้นสำคัญต่อโครเอเชียมาก  และอีกเรื่องก็คือ เมสซี่มีส่วนร่วมกับเกินครึ่งของประตูทั้งหมดที่อาร์เจนติน่าทำได้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้เสียอีก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่หลายสำนักคาดไว้อยู่แล้ว ส่วนด้านทีมโครแอตก็มีลูก้า โมดริช ที่สร้างช็อตมหัศจรรย์ช่วยโครเอเชียจากการตกรอบมาแล้วหลายครั้งเช่นกัน ที่สนามลูเซลสเตเดี้ยม ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 80,000 ชีวิต มันจะเป็นศึกระหว่างดาวเตะสองคน ที่มีชื่อย่อ LM และเบอร์เสื้อเดียวกันคือเบอร์ 10 (LM10 – Lionel Messi / Luka Modric) และไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะและเข้ารอบไปได้ กำไรจะตกอยู่ที่ผู้ชมไม่ว่าจะในสนามหรือทางบ้านแน่นอน เพราะเกมนี้จะเป็นเกมระดับห้าดาวอีกเกม และเป็นบุญตาแฟนบอลอย่างยิ่ง ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร อาร์เจนติน่าพลาดท่าแพ้เกมแรกของทัวร์นาเมนต์ในทันที แต่หลังจากนั้นก็ชนะรวดเรื่อยมา เช่นเดียวกับที่สเปนทำได้ในปี 2010 ไม่มีผิด ซึ่งในครั้งนั้นทีมกระทิงดุสามารถคว้าแชมป์ได้ด้วย ในฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ที่ในขณะนั้นเป็นเจ้าภาพหน้าใหม่ เช่นเดียวกับกาตาร์ในครั้งนี้ หลังจากความพ่ายแพ้นัดนั้น อาร์เจนติน่าก็กลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง และลงเล่นในนัดต่อ ๆ มาด้วยสปิริตทีมที่ดีกว่าเดิมมาก ในเกมกับเม็กซิโก, โปแลนด์ และ ออสเตรเลีย พวกเขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมชนิดแทบไร้ที่ติ แต่ในเกมกับทีมอัศวินสีส้ม สปิริตทีมทั้งหมดก็เกือบจะสูญเปล่าซะแล้ว เพราะกว่าทีมฟ้าขาวจะเอาชนะไปได้ก็ต้องดวลกับทีมกังหันลมถึงลูกจุดโทษเลยทีเดียว เหมือนในปี 2014 ที่อาร์เจนติน่าดวลจุดโทษชนะเนเธอร์แลนด์เข้าไปชิงชนะเลิศได้ไม่มีผิด ด้านโครเอเชีย เส้นทางของพวกเขาลำบากลำบนกว่าอาร์เจนติน่ามาก และผ่านอะไรมาเยอะกว่าจะมาถึงจุดนี้ ลำพังแค่ในรอบน็อคเอาต์ของฟุตบอลโลกครั้งนี้ พวกเขาก็เข้ารอบมาได้ด้วยการชนะจุดโทษทั้งสองครั้ง และมาจากการไล่ตามตีเสมอจนได้ดวลจุดโทษทั้งคู่ด้วย เกมนี้จะเป็นเกมที่ทดสอบสติและสมาธิของทั้งสองทีมอย่างแน่นอน ว่าใครจะผิดพลาดก่อนกัน และก็น่าจะมีการชิงเหลี่ยมและปะทะกันเยอะกว่าปกติบ้าง เพราะฉะนั้นเตรียมเห็นเมสซี่และโมดริชโชว์ลีลาล็อคหลบกองหลังกันได้เลย เมสซี่จะเอาชนะและเข้ารอบไปได้มั้ย คำตอบของเราในตอนนี้ คือ ใช่ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม เมสซี่มีทีมที่พร้อมจะเล่นเพื่อเขา – ในปี 2014 และ 2018 อาร์เจนติน่าเป็นทีมที่ดูจะพึ่งพาความสามารถของเมสซี่เป็นหลัก แต่ในปีนี้มันแตกต่างออกไป อาร์เจนติน่าในปีนี้ไม่ใช่ทีมที่สร้างมาเพื่อพึ่งพาความสามารถของเมสซี่…

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด โมร็อกโก 1 – 2 ฝรั่งเศส (เสมอในเวลา 1-1 / ฝรั่งเศสชนะต่อเวลา 2-1) สนาม: อัล บายท์ สเตเดี้ยม ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้อย่างแน่นอน เมื่อทีมจากแอฟริกาอย่างโมร็อกโกผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกของทวีป ปิดฉากการรอคอยกว่า 92 ปีได้สำเร็จ ส่วนในเกมต่อไป พวกเขาจะต้องเจอกับฝรั่งเศส ในวันพุธที่ 14 ธันวาคม 2022 นี้ ที่สนาม อัล บายท์ สเตเดี้ยม แชมป์เก่าจากปี 2018 จะมีภาษีดีกว่าอย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลหลายประการ อย่างน้อยก็จากประวัติการลงเล่นรอบรองชนะเลิศที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา ประกอบกับการมีราศีแชมป์เก่าอีก ส่วนด้านทีมโมร็อกโกก็มีจุดเด่นในเรื่องของพลังบวก, พลังเชียร์จากแฟน ๆ บอลรองทั่วทุกมุมโลก และ กำลังใจจากกองเชียร์ชาวแอฟริกัน, อาหรับ และ ชาวมุสลิมทั่วโลก ฟอร์ม: โมร็อกโก ทีมสิงโตแอตลาสไม่น่าจะรู้ว่าจะต้องคาดหวังอะไรจากเกมนี้ เพราะนี่คือครั้งแรกในการเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศของพวกเขา อย่างไรก็ดี พวกเขาก็ได้สร้างตำนานในฟุตบอลโลกครั้งนี้ไปแล้ว ด้วยฟอร์มสุดแกร่งตลอดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงรอบแปดทีมสุดท้าย พวกเขาคือทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้ เสียไปเพียงประตูเดียวเท่านั้น จากห้าเกมที่ลงเล่น แถมประตูที่เสียก็มาจากการทำเข้าประตูตัวเองอีกด้วย นี่หมายความว่าจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีผู้เล่นคู่แข่งคนไหนเลยที่สามารถพังประตูของพวกเขาได้ อย่างไรก็ดี วาลิด เรเกรกี กุนซือของทีมก็ยังวางใจไม่ได้ และยังต้องโฟกัสไปที่เกมรับอีกมาก หากหวังจะหยุดเกมรุกที่ร้อนแรงของฝรั่งเศส ฟอร์ม : ฝรั่งเศส ฝรั่งเศสเหมือนเป็นทีมขั้วตรงข้ามของโมร็อกโกอย่างไรอย่างนั้น เพราะพวกเขาเลือกที่จะเน้นไปที่การเล่นด้วยสไตล์ที่พวกเขาถนัด นั่นก็คือการบุกแหลก ซึ่งเกมบุกของพวกเขาในฟุตบอลโลกหนนี้ถือว่าหาทีมหยุดได้ยากมาก อย่างไรก็ดีเกมรับของพวกเขานั้นยังมีช่องโหว่ให้เห็นอยู่ พวกเขาเสียไปถึงห้าประตูจากห้าเกม และถือว่าโชคดีแล้วที่ไม่เสียมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าโมร็อกโกจะไม่ใช่ทีมที่มีเกมบุกที่น่ากลัวมากมาย แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะลงโทษทีมตราไก่ด้วยเกมโต้กลับได้เสมอ นี่จะสร้างความกังวลให้กับกุนซืออย่างดิดิเยร์ เดอชองส์ ไม่น้อย นี่ยังไม่รวมการที่ถึงเขาต้องคิดวิธีเจาะเกมรับสุดแข็งของโมร็อกโกให้ได้อีกด้วย ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ทุกเกมของโมร็อกโกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ล้วนเป็นเกมยาวสุดกดดันที่วัดกันจนถึงนาทีสุดท้ายทั้งสิ้น แต่พวกเขาก็สามารถผ่านมาได้ตลอด ฝรั่งเศสอาจต้องตกรอบไปก็ได้ หากไปเล่นตามเกมโมร็อกโก หรือปล่อยให้เกมยืดเยื้อออกไป เกมนี้น่าจะเป็นเกมที่โมร็อกโกมารับแบบเต็มรูปแบบ ส่วนแชมป์เก่าฝรั่งเศสก็มีหน้าที่บุกเข้าใส่และพยายามพังประตูชัยให้ได้ สุดท้ายแล้ว เรายังเชื่อมั่นในทีมตราไก่ว่าพวกเขายังแน่พอ และน่าจะเฉือนเอาชนะทีมสิงโตแอตลาสไปได้

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด อาร์เจนติน่า 2 – 1 โครเอเชีย (เสมอในเวลา 1-1 / อาร์เจนติน่าชนะต่อเวลา 2-1) สนาม : ลูเซล สเตเดี้ยม ทั้งอาร์เจนติน่าและโครเอเชียต่างก็ต้องสู้อย่างสุดกำลังกว่าจะผ่านเข้ารอบมาได้อย่างทุลักทุเลทั้งคู่ จนมาถึงรอบรองชนะเลิศที่พวกเขาจะต้องพบกันอีกครั้ง ในรอบรองชนะเลิศคู่แรกของฟุตบอลโลกปี 2022 นี้ที่กาตาร์ ทั้งแฟนบอลและสำนักข่าวต่าง ๆ ก็เชื่อว่าเกมนี้จะเป็นเกมสุดมันที่มีทั้งการโชว์ทักษะระดับโลก และการกระทบกระทั่งอย่างหนักหน่วงกันตลอดทั้งเกมอย่างแน่นอน รวมถึงลูก้า โมดริช ก็น่าจะเล็งที่จะย้ำแค้นเมสซี่ให้ได้อีกครั้ง เหมือนกับที่เขาเคยทำได้ในปี 2018 ที่โมดริชพาโครเอเชียถล่มอาร์เจนติน่าไปถึง 3-0 ในตอนที่ทั้งสองทีมเจอกันในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลกปี 2018 จนพาโครเอเชียไปไกลจนถึงตำแหน่งรองชนะเลิศได้ ฟอร์ม : อาร์เจนติน่า อาร์เจนติน่าเพิ่งผ่านบททดสอบที่หนักที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้มา ในการลงเล่นรอบแปดทีมสุดท้ายเจอกับเนเธอร์แลนด์ หลังจากผ่านรอบแรกกับออสเตรเลียมาได้แบบไม่ลำบากลำบนนัก พวกเขานำไปก่อนตามคาด แต่ทีมอัศวินสีส้มก็บุกหนักคืนในช่วงท้ายเกมจนทำประตูตีเสมอได้สำเร็จ ทำให้เกมต้องยืดเยื้อออกไปถึงการดวลจุดโทษ อย่างไรก็ดีในเกมนี้ ทีมฟ้าขาวก็คงหวังพึ่งลิโอเนล เมสซี่ ได้เหมือนทุกนัดที่ผ่านมา แต่ลำพังเมสซี่คนเดียวอาจจะไม่พอที่จะเอาชนะโครเอเชียทีมสร้างชื่อในเรื่องการเป็นทีมจอมคัมแบ็คในฟุตบอลโลกปีนี้ไปได้ ฟอร์ม : โครเอเชีย ทัวร์นาเมนต์นี้ของโครเอเชียมีเอกลักษณ์หนึ่งที่เด่นชัดมาก นั่นก็คือความมานะอุตสาหะ และสู้แบบไม่มียอมแพ้จนกว่าจะจบเกม หลังจากผ่านเข้ารอบมาได้ด้วยเพียงประตูได้เสียเท่านั้น พวกเขาก็ยันเสมอและเอาชนะการดวลจุดโทษกับญี่ปุ่นและบราซิลไปได้ตามลำดับ ทั้งสองเกมแสดงให้เห็นถึงกลยุทธทีเด็ดของพวกเขา ในการปิดจุดแข็งของคู่แข่งให้ได้ ยื้อให้เกมไปถึงจุดโทษ และใช้จุดแข็งของพวกเขาอย่างการการดวลจุดโทษให้เป็นประโยชน์ ผู้รักษาประตูตัวแบกของพวกเขาอย่างโดมินิค ลิวาโควิช นอกจากจะมีรูปร่างสูงใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้รักษาประตูที่เซฟจุดโทษได้ดีอีกด้วย อย่างไรก็ดีพวกเขาก็ต้องยันเสมออาร์เจนติน่าในเกมให้ได้ก่อน เพราะอาร์เจนติน่าในปีนี้นั้นไม่เหมือนกับชุดที่พวกเขาเอาชนะได้ง่าย ๆ เมื่อสี่ปีที่แล้วอย่างแน่นอน ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ในเกมนี้ เมสซี่จะเล่นอย่างมุ่งมั่นกว่าที่เคยแน่นอน เช่นเดียวกับนักเตะบางคนในทีมชุดนี้ที่ติดทีมชุดฟุตบอลโลกปี 2018 ด้วย เพราะในปีนั้นพวกเขาโดนโครเอเชียถล่มชนิดไม่เหลือชิ้นดี ฉะนั้นทุกสปอตไลต์จะจับจ้องไปที่เมสี่อย่างแน่นอน แต่สุดท้ายแล้ว ฟุตบอลคือกีฬาทีม และเกมนี้จะเป็นอีกเกมยาวที่วัดว่าใครจะผิดพลาดก่อนกัน ทั้งนี้ ในมุมภาพรวมของทีม อาร์เจนติน่าก็ยังดูดีกว่าอยู่ดี และมันก็ยากเหลือเกินที่จะได้เห็นโครเอเชียพลิกนรกเข้าชิงได้อีกครั้ง

Read More

รอบแบ่งกลุ่มของศึกฟุตบอลโลก 2022 นั้นก็จะได้จบลงไปแล้ว และทวีปแอฟริกาก็ได้ส่งสองทีมอย่างเซเนกัลและโมร็อกโกเป็นตัวแทนทวีปเข้ารอบมาด้วย ส่วนทวีปเอเชียส่งทีมเข้ามาในรอบน็อคเอาต์ได้ถึงสามทีม ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และ เกาหลี ปกติแล้ว เมื่อทีมเหล่านี้ลงเล่นนอกทวีปของพวกเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้สร้างความเกรงกลัวให้กับคู่แข่งทวีปอื่น ๆ เลย แต่ในปีนี้ฟอร์มของพวกเขาดีอย่างน่าประหลาดใจ วันนี้เราจะมาลองวิเคราะห์กันดู ว่าทำไมพวกเขาถึงยกพลเข้ารอบมาได้ถึงรอบนี้ เซเนกัล เซเนกัลจับฉลากมาอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับเนเธอร์แลนด์ เอกวาดอร์ และเจ้าภาพกาตาร์ ในขณะที่ทีมอัศวินสีส้มสามารถเล่นได้สมฐานะตัวเต็งแชมป์กลุ่มและเข้ารอบไปได้อย่างไม่ยากเย็นนักนั้น ฝ่ายเซเนกัล อันดับสองของกลุ่มต้องสู้จนหืดจับเลยทีเดียว กว่าจะแย่งตำแหน่งรองแชมป์กลุ่มจากเอกวาดอร์มาได้ การที่ซาดิโอ มาเน่ ตัวแบกของทีม มาได้รับบาดเจ็บก่อนทัวร์นาเมนต์จะเปิดฉากขึ้นเพียงสัปดาห์เดียวจากการลงสนามให้กับต้นสังกัดอย่างบาเยิร์น มิวนิก นั้น หลายฝ่ายเชื่อว่าอาการบาดเจ็บนี้อาจส่งผลให้เซเนกัลถึงขั้นเสียศูนย์ไปเลย เพราะอลิอู ซิสเซ่ กุนซือของทีมต้องยกเครื่องปรับแท็คติกกันใหม่เลย เพียงเพราะว่าขาดมาเน่ไปเท่านั้น และก็น่าจะพูดได้อีกว่าขวัญและกำลังใจของพวกเขาก็หายไปมากเช่นกัน เพราะมาเน่โชว์ฟอร์มได้ดีเหลือเกินในปีนี้ ถึงขั้นเกือบคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้ได้ โดยได้อันดับสอง เป็นรองแค่คาริม เบนเซม่าเท่านั้น และก็น่าเสียดายที่เราจะไม่ได้เห็นมาเน่นำทัพเซเนกัลลุยฟุตบอลโลกหนนี้ ในฟุตบอลโลกครั้งที่เซเนกัลเล็งจะไปไกลกว่าครั้งประวัติศาสตร์ของพวกเขาในปี 2002 ที่พวกเขาพลิกนรกผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ มันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่แปลกใหม่สักนิดสำหรับอลิอู ซิสเซ่ กุนซือของทีม ที่จะต้องปรับกระบวนทัพใหม่และใช้แท็คติกใหม่ของเขาในการปิดเกมให้ได้ จากแผนเดิม 4-3-3 ของพวกเขา ก็กลายมาเป็น 4-2-3-1 โฉมใหม่จากการที่ขาดพระเอกอย่างมาเน่ไป โชคร้ายที่แผนนี้ดันไปเข้าทางเนเธอร์แลนด์พอดี เพราะทีมอัศวินสีส้มก็เด่นในเรื่องการเล่นแดนกลางอยู่แล้ว สุดท้ายแล้ว แม้พวกเขาจะแพ้ไปแต่ก็ได้เรียนรู้จากเกมนั้นหลายอย่าง จนกลับมาเอาชนะได้ในสองเกมที่เหลือ และผ่านเข้ารอบมาเจอกับอังกฤษได้ โดยเกมระหว่างทั้งสองน่าจะน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ออสเตรเลีย ครั้งสุดท้ายที่ออสเตรเลียผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์ได้นั้นต้องย้อนกลับไปถึงฟุตบอลโลกปี 2006 นู่นเลยทีเดียว และเมื่อทัวร์นาเมนต์นี้เริ่มต้นขึ้น ก็คงไม่มีใครเชื่อว่าสถิตินั้นจะถูกทำลายแน่นอน เพราะพวกเขาจับฉลากเข้ามาอยู่ในกลุ่มสุดแข็งที่มีทั้งฝรั่งเศส, เดนมาร์ก และ ตูนีเซีย ใคร ๆ ก็คาดว่าออสเตรเลียจะต้องจบในอันดับบ๊วยของกลุ่มอยู่แล้ว หรืออย่างเก่งก็อันดับสามแบบห่าง ๆ แต่พวกเขาไม่เพียงแต่ลบคำวิจารณ์เหล่านั้นจนหมดสิ้นเท่านั้น พวกเขายังทำการช็อกโลกด้วยการพลิกล็อกเอาชนะเดนมาร์ก ทีมที่หลายสำนักยกให้เป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ไปได้อีกด้วย มันก็อาจจะพูดได้ว่าตูนีเซียเป็นฝ่ายพลาดง่าย ๆ จนโดนออสเตรเลียลงโทษเอง แต่มันก็สามารถตีความได้ว่าออสเตรเลียรู้จุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเองเป็นอย่างดี และหาจังหวะในการเปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็งได้ดีมาก พวกเขาเป็นทีมที่มีจำนวนครั้งการยิง, การส่ง, การครองบอล และบอลแทงช่องเข้าไปในเขตโทษน้อยที่สุด แต่กระนั้น พวกเขาก็ยังมีดีที่ความคมในการจบสกอร์ สิ่งที่พวกเขาเน้นมาตลอด และ เกมรับที่เหนียวแน่น จากการทุ่มเททุกอย่างที่พวกเขามี การแพ้ให้กับแชมป์เก่าฝรั่งเศส 4-1 นั้นไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย…

Read More