Author: admin

ผลการแข่งขันที่คาด: โครเอเชีย 1 – 2 บราซิล  สนาม: เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม โครเอเชียจะมองหาโอกาสในการคว่ำบราซิลให้ได้ซักที ซึ่งบราซิลเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากซะจนพวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้มาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ สองเกมก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองทีมเจอกันในฟุตบอลโลกนั้นเป็นโครเอเชียที่พ่ายให้กับบราซิลไปทั้งสองนัด ในขณะเดียวกัน บราซิลก็ตั้งเป้าที่จะคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 ให้ได้และจะมองโครเอเชียเป็นเพียงแค่ขวากหนามหนึ่งที่จะต้องก้าวข้ามไปให้ได้เท่านั้น เกมนี้จะเป็นเกมที่น่าสนใจเอามาก ๆ และจะต้องมีการปะทะกันอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากทั้งสองทีมต่างก็มีนักเตะที่พร้อมจะเล่นสกปรกเพื่อช่วยให้ทีมเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการให้ได้ ฟอร์ม: โครเอเชีย โครเอเชียรอดพ้นจากการกลับบ้านก่อนใครเพื่อนในรอบแบ่งกลุ่มของกลุ่มเอฟที่พวกเขาตามโมร็อกโกเข้ารอบมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วยการเก็บชัยชนะไปได้ 1 เกมและเสมอไปอีก 2 เกม แต่เกมที่พวกเขาเจอกับญี่ปุ่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้นพวกเขาต้องเสียพลังงานไปมาก กับการดวลกับญี่ปุ่นถึง 120 นาทีเต็มและต้องยื้อไปถึงช่วงยิงจุดโทษกว่าจะผ่านทีมซามูไรบลูมาได้ แต่พวกเขาก็น่าจะได้เพิ่มความเชื่อมั่นในความสามารถของผู้รักษาประตูของพวกเขาอย่างโดมินิค ลิวาโควิช อยู่บ้าง เพราะเจ้าตัวโชว์เซฟจุดโทษได้ถึง 3 จาก 4 ครั้ง จนส่งญี่ปุ่นกลับบ้านไปได้ แต่พวกเขาก็ควรที่จะจบสกอร์ให้เฉียบคมมากขึ้นในเกมที่พวกเขาจะต้องมาเจอกับบราซิล เพราะในเกมกับบราซิลนั้นอาจจะไปไม่ถึงการยิงจุดโทษก็ได้ เพราะทีมแซมบ้าสามารถปิดเกมได้โดยที่ไม่ต้องไปลุ้นถึงช่วงต่อเวลาพิเศษหรือยิงจุดโทษแน่ ๆ ด้วยผลงานเกมรุกที่เด็ดขาดของพวกเขา ฟอร์ม: บราซิล หลังจากที่ผ่านเข้ารอบมาด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่มจีตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ ทีมแซมบ้าก็เจอคู่แข่งที่อ่อนชั้นกว่าอย่างเกาหลีใต้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาปิดเกมได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกมด้วยซ้ำ โดยการยิงไปถึง 4 ประตูในเวลาเพียง 36 นาทีเท่านั้น ก่อนหน้านี้ พวกเขายิงประตูได้เพียง 3 ลูกเท่านั้น ซึ่งทำให้เหล่าแฟนบอลต่างพากันสงสัยในความเฉียบคมในเกมรุกของพวกเขา เกมที่พวกเขาเจอกับเกาหลีใต้นั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าความคมของพวกเขานั้นไม่ได้หายไปไหนเลยและมันจะเป็นสิ่งที่สำคัญเอามาก ๆ ในเกมที่จะต้องเจอกับโครเอเชีย ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมที่มีเกมรับเหนียวแน่นที่สุดของทัวร์นาเมนต์ ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งสองทีมเคยเจอกัน 2 ครั้งในฟุตบอลโลก 4 ครั้งหลังสุด ทั้งสองทีมต่างรู้ดีว่าจุดแข็งของอีกฝ่ายนั้นคืออะไร มันจะเป็นเกมแห่งการดวลสมาธิของทั้งสองฝั่ง แต่เทคนิคและความยอดเยี่ยมของบราซิลนั้นจะสร้างปัญหาให้กับโครเอเชียเป็นอย่างมาก ซึ่งพวกเขาจะโชคดีมากหากว่าไม่มีใครต้องโดนใบแดงในเกมนัดนี้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม บราซิลน่าจะเฉือนทีมจากยุโรปไปได้ แต่จะไม่ใช่การถล่มเละอย่างแน่นอน

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด โมร็อกโก 1 – 1 โปรตุเกส (หลังจากจบการต่อเวลาพิเศษ) | โมร็อกโกชนะจุดโทษ 5 – 3 สนาม: อัล ธูห์มาม่า สเตเดี้ยม เกมระหว่างโมร็อกโกกับโปรตุเกสนั้นน่าจะเป็นเกมที่มีสิทธิ์ที่จะเป็นเกมที่น่าตื่นเต้นที่สุดในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศได้เลย เมื่อดูจากฟอร์มของทั้งสองทีมในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย โมร็อกโกถือเป็นทีมม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ ส่วนโปรตุเกสก็ก้าวขึ้นมาจากคำว่าทีมม้ามืดกลายมาเป็นทีมระดับผู้ท้าชิงแชมป์โลกในปีนี้ เกมสุดมันนี้จะทำให้เราได้เห็นว่าทั้งสองทีมนั้นเล่นฟุตบอลแบบเอ็นเตอร์เทนคนดูสุด ๆ ด้วยความเร็วในการเปลี่ยนจากรับเป็นรุก โดยสถิติการพบกันก่อนหน้านี้ ทั้งสองทีมนั้นแบ่งกันเอาชนะกันไปได้ทีมละ 1 ครั้งจาก 2 เกมที่ทั้งสองทีมเจอกัน ฟอร์ม: โมร็อกโก โมร็อกโกช็อคแฟนบอลทั่วโลกด้วยการถีบสเปนตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไป แม้จะเป็นฝ่ายตกเป็นรองตลอดทั้งเกมก็ตาม เช่นเดียวกับญี่ปุ่น พวกเขายินดีที่จะตั้งรับในแดนตัวเองไปเรื่อย ๆ และคอยหาหมัดเด็ดน็อคสเปนในเกมสวนกลับ แต่สเปนก็ไม่ได้แพ้ง่ายขนาดนั้น และไม่เสียประตูจากลูกโต้กลับเช่นกัน ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะทีมกระทิงดุได้เรียนรู้จากการที่ต้องเจอทีมรับลึกมาก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขายังคงมีโอกาสที่ดีกว่าพอสมควรเลย ซึ่งสามารถดูได้จากฟอร์มการตั้งรับที่หน้าปากประตู เกมรับของพวกเขานั้นถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าจับตามองมาก ๆ โดยมีโรแมง ซาอิสที่คอยคุมแผงหลังได้อย่างไร้ที่ติ ฟอร์ม: โปรตุเกส โปรตุเกสถือเป็นหนึ่งในทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ พวกเขาถล่มสวิตเซอร์แลนด์ไปถึง 6-1 ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย บวกกับอีก 6 ประตูที่พวกเขาทำได้ในเกมรอบแบ่งกลุ่มทำให้พวกเขาจัดไปแล้วถึง 12 ประตู แต่น่าเสียดายที่จากในทั้งหมด 12 ประตูนั้น มีเพียงแค่ประตูเดียวที่มาจากคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่นี่ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนคู่แข่งของพวกเขาว่าไม่ว่าจะเป็นใครในทีมก็สามารถพังประตูตัดสินเกมได้ทั้งนั้น โมร็อกโกจะแพ็คเกมรับที่หน้าปากประตูของพวกเขาเอาไว้เป็นอย่างดีเพื่อป้องกันไม่ให้โปรตุเกสพังประตูได้ ซึ่งพวกเขาหวังไปถึงแชมป์โลกสมัยแรกของทีมชาติเลยล่ะ ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร เกมนี้จะเป็นเกมที่โมร็อกโกจะลงเล่นด้วยการแบกความหวังมากมาย จากการเป็นทั้งตัวแทนของคนในชาติและตัวแทนของทวีปแอฟริกาทีมสุดท้าย โปรตุเกสจะต้องเจอกับเกมที่ยากลำบากแน่นอนในการเจาะแนวรับของโมร็อกโก แต่พวกเขาจะครองบอลได้เยอะเลยล่ะในเกมนัดนี้ ผู้รักษาประตูของทั้งสองทีมจะต้องเจอกับงานหนักอย่างแน่นอนและอาจจะยืดเยื้อไปจนถึงการยิงจุดโทษก็เป็นได้ ซึ่ง ยาสซีน โบโน่ มือกาวของโมร็อกโกดูจะเป็นฝ่ายได้เปรียบหากเกมจะต้องยืดเยื้อไปถึงช่วงยิงจุดโทษ ซึ่งดูทรงแล้วก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจริงได้ไม่น้อย

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด ฝรั่งเศส 2 – 1 อังกฤษ สนาม: อัล บายท์ สเตเดี้ยม นี่ถือเป็นการเจอกันในรอบน็อคเอาต์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทั้งสองทีมเลยทีเดียว และนี่ยังจะเป็นเกมนัดที่ 3 ที่ทั้งสองทีมเจอกันในประวัติศาสตร์ของทัวร์นาเมนต์นี้อีกด้วย มันจะเป็นเกมสุดมันที่แฟนบอลทั้งโลกรอดูอย่างแน่นอน เพราะทั้งสองทีมเป็นทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฉะนั้น แฟน ๆ ต่างก็คาดหวังว่าจะได้เห็นโอกาสยิงมากมายพร้อมกับประตูจากทั้งสองฝั่งอีกด้วย แต่ไม่ว่าผลของเกมนี้จะจบลงอย่างไร ดูแล้ววีเออาร์จะต้องทำงานหนักอย่างแน่นอนและเกมนี้จะกลายมาเป็นเกมที่หลายคนพูดถึงไปอีกนานเลยล่ะ ฟอร์ม: ฝรั่งเศส ทีมตราไก่ยิงไปแล้ว 10 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยเป็นคีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ที่นำตำแหน่งดาวซัลโวของทีม ด้วยการยิงไปถึง 5 ประตู รองลงมาเป็นโอลิวิเยร์ ชิรูด์ที่ 3 ประตู ทำให้เขากลายมาเป็นผู้นำดาวซัลโวเดี่ยวของฝรั่งเศสที่ยิงประตูมากที่สุดตลอดกาลอีกด้วย ส่วนในทางกลับกัน พวกเขาเสียไปเพียง 4 ประตูเท่านั้น นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีสมดุลในทีมที่ยอดเยี่ยมและยังมีความเฉียบขาดในการปิดเกมอีกด้วย ทีมแชมป์เก่าปี 2018 นั้นดีพอที่จะคว่ำทีมสิงโตคำรามอังกฤษ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว มันจะขึ้นอยู่กับว่าทีมไหนมีความกระหายอยากที่จะเอาชนะให้ได้มากกว่ากัน ฟอร์ม: อังกฤษ ทีมสิงโตคำรามยิงไปแล้วถึง 12 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ และในทางกลับกัน พวกเขาก็เสียไปเพียง 2 ประตูเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขายังมีปัญหาในเรื่องของเกมรับซ่อนอยู่ เนื่องจากแต่ละทีมที่พวกเขาเจอมานั้นได้มีเกมรุกที่ดีมากมายอะไรจะสามารถกดดันใส่พวกเขาได้มากพอเลย ฝรั่งเศสจะเป็นทีมที่ต่างจากทีมที่พวกเขาเคยเจอและแกเร็ธ เซาธ์เกตก็คอยเตือนลูกทีมของเขาอยู่เสมอจนถึงวันแข่งจริง สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลทีมชาติอังกฤษหวังก็คือความสามารถในการสร้างโอกาสและทำประตูให้ได้มากกว่าคู่แข่งนั่นเอง ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ตราบใดที่ทุกทีมยังคงเล่นในฟอร์มเดิมประจำทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ อังกฤษยังคงถือไพ่เหนือกว่าอยู่เล็กน้อย เนื่องจากพวกเขานั้นสร้างโอกาสในการทำประตูมากกว่าทุกทีมในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสจะเป็นบททดสอบที่หนักที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอและมันจะแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าฝรั่งเศสนั้นเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า เกมนี้จะเป็นเกมที่สูสีอย่างแน่นอนและฝรั่งเศสก็น่าจะเบียดเอาชนะทีมสิงโตคำรามไปได้แบบสุดมัน

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด: เนเธอร์แลนด์ 1-1 อาร์เจนติน่า (หลังจากจบช่วงต่อเวลาพิเศษ) | อาร์เจนติน่าชนะจุดโทษ 5 -4 สนาม: ลูเซล สเตเดี้ยม เกมที่เนเธอร์แลนด์จะเจอกับอาร์เจนติน่าในฟุตบอลโลกนั้นจะเป็นเกมที่ได้รับความนิยมแทบจะไม่ต่างจากเกมที่ไนจีเรียเจอกับอาร์เจนติน่าเลย เพราะทั้งสองทีมนั้นคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีและเคยหักอกของแต่ละฝ่ายมาแล้วทั้งคู่ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลัง อาร์เจนติน่ากลายมาเป็นทีมแพ้ทางของทีมอัศวินสีส้มมากกว่าที่พวกเขาจะเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ ไม่เพียงแค่ในรายการฟุตบอลโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นในเรื่องของประวัติศาสตร์ของการต่อสู้กันอีกด้วย เกมล่าสุดที่ทั้งสองทีมเจอกันนั้นเป็นเกมที่อัศวินสีส้มพลาดโอกาสเข้าชิงชนะเลิศและทำให้เกมนี้จะเป็นโอกาสที่จะแก้แค้นอย่างแน่นอน ฟอร์ม: เนเธอร์แลนด์ หลังจากที่เป็นแชมป์กลุ่มเอมาได้แล้ว จากชัยชนะเหนือเซเนกัลและทีมเจ้าภาพอย่างกาตาร์ พวกเขาเจอกับสหรัฐอเมริกาในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเกมที่จะเบากว่ามาก เมื่อเทียบกับหลังจากที่กรำศึกหนักมาจากเกมในกลุ่มเอ  พวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แต่พวกเขากลับชอบละเลยในเรื่องเกมรับของพวกเขา ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีกองหลังที่ดีที่สุดในโลกก็ตาม การที่จะต้องเจอกับทีมอย่างอาร์เจนติน่าที่สามารถฉวยโอกาสได้ตลอดเวลานั้น พวกเขาจำเป็นจะต้องระวังทีมฟ้าขาวให้ดีเลยล่ะ ไม่งั้นแล้วพวกเขาอาจจะต้องอกหักกลับบ้านไปเลยก็เป็นได้ ฟอร์ม: อาร์เจนติน่า อาร์เจนติน่าต้องมาเจอกับออสเตรเลียที่โชว์ฟอร์มได้ดีเกินคาดในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้เลยล่ะ เกมรับที่หละหลวมทำให้พวกเขาเกือบเสียประตูไปแล้ว หากพวกเขาไม่ได้ผู้รักษาประตูที่โชว์ฟอร์มเซฟแจ่ม ๆ ช่วยไว้ และได้แนวรับหลายคนที่ช่วยเคลียร์บอลทิ้งในจังหวะสำคัญไว้ได้  แต่ความเฉียบคมในแนวรุกของพวกเขาก็ยังเป็นเรื่องที่น่ากังขาและการที่จะต้องเจอเกมรับของทีมอย่างเนเธอร์แลนด์ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ตัดสินชะตาของพวกเขา ระหว่างการผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปแบบง่ายดายกับต้องตกรอบแบบช้ำใจอีกครั้ง ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งสองทีมรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี พวกเขายังมีเพื่อนร่วมทีมในสโมสรที่ลงเล่นอยู่ทั้งสองทีมชาติอีกด้วย แน่นอนว่ามันจะเป็นเกมที่สูสีด้วยการผลัดกันครองเกมในแดนมิดฟิลด์ ซึ่งจะเป็นพื้นที่หลักที่จะต้องดวลกันในเกมนัดนี้ อาร์เจนติน่าจะมีจังหวะมหัศจรรย์ในเกมมากกว่าแน่นอน และทีมอัศวินสีส้มจะมาสู้โดยการซื้อเกมรับอย่างเดียวไม่ได้ แต่เรายังเชื่อว่าเกมนี้จะไปถึงการต่อเวลาพิเศษ และมีโอกาสสูงด้วย ที่จะต้องดวลกันถึงจุดโทษอีกด้วย

Read More

อาร์เจนติน่าผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศของศึกฟุตบอลโลกได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการเอาชนะออสเตรเลียไปได้ 2-1 ที่สนามอาห์เหม็ด บิน อาลี เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ทีมจิงโจ้ก็ไม่ได้ยอมแพ้ง่าย ๆ และมีลูกฮึดกลับมาในช่วงท้ายเกมจนเกือบจะตีเสมอได้เหมือนกัน จากลูกยิงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บแต่ก็ถูกเอมิ มาร์ติเนซ เซฟไว้ได้ และอาร์เจนติน่าก็ยันอยู่ได้จนจบเกม ผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ ทีมฟ้าขาวจะต้องกับเนเธอร์แลนด์ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศต่อไป หลังจากทีมอัศวินสีส้มดับฝันเอาชนะทีมมะกันมาได้เมื่อวันก่อน ทีมฟ้าขาวจะไปถึงแชมป์ได้เลยมั้ย? – ได้สิ แน่นอน มันจะเป็นงานหนักแน่นอนในการเจอกับทีมกังหันลมที่ยังแพ้ใครไม่เป็นในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ทัพฟ้าขาวก็น่าจะผ่านเนเธอร์แลนด์เข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปได้ และเข้าใกล้ความฝันสูงสุดอย่างแชมป์โลกสมัยที่สามเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง ครั้งสุดท้ายที่ทีมฟ้าขาวคว้าแชมป์โลกได้ก็ต้องย้อนไปถึงปี 1986 เลยทีเดียว จากผลงานของดิเอโก้ มาราโดน่า ผู้ยิ่งใหญ่ มาราโดน่าลงเล่นเป็นตัวจริงทุกเกมในฟุตบอลโลกครั้งนั้น และทำคนเดียวห้าประตูกับอีกห้าแอสซิสต์ ช่วยให้ทีมฟ้าขาวคว้าถ้วยจูลส์ ริเมต์ มานอนกอดได้สำเร็จ และในวันนี้ 36 ปีให้หลัง อาร์เจนติน่ามีขุมกำลังระดับประวัติการณ์ และน่าจะหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้ยุคทองของพวกเขาให้เป็นประโยชน์ ด้วยการคว้าแชมป์โลกให้ได้อีกสักครั้ง เมสซี่กับการปล่อยของทิ้งทวนฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขา ลิโอเนล เมสซี่ถือเป็นตัวแปรสำคัญของอาร์เจนติน่ามาตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ แต่นี่จะเป็นครั้งแรกของเขาในฟุตบอลโลก ที่มีเพื่อนร่วมทีมที่ทั้งฝีเท้าดีและเข้ากับการเล่นของเขาเหลือเกิน ในปีนี้เขาดูพึ่งพาและเล่นกับเพื่อนร่วมทีมมากขึ้นเทียบกับปีก่อน ๆ ส่วนสถิติของเขาในสี่นัดที่ผ่านมาในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เขาไม่ยิงก็จ่ายในทุกเกม พลาดไปเพียงเกมเดียวเท่านั้น ประตูที่เมสซี่ยิงใส่ออสเตรเลียได้นั้นคือประตูที่ 789 ของเขาในการลงสนามเกมที่ 1000 ของการค้าแข้ง และถือเป็นประตูที่ 9 ในฟุตบอลโลกของเขา แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่หยุดอยู่แค่เก้าลูกแน่ ดาวเตะดีกรีรางวัลบัลลงดอร์เจ็ดสมัยนั้นเคยเข้ารอบลึกกว่านี้มาแล้วมาก เช่นในปี 2014 ที่เขาอกหักพ่ายให้กับทีมอินทรีเหล็กไปในรอบชิงชนะเลิศ จากประตูชัยในช่วงต่อเวลาของมาริโอ เกิตเซ่   ในวัย 35 ปี นี่จะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว เมสซี่จะมุ่งมั่นกว่าทุกครั้งแน่นอน เพื่อคว้าถ้วยอันทรงเกียรติเพียงถ้วยเดียวที่เขาไม่เคยได้มาก่อนในชีวิตนักฟุตบอล แม้จะลงเล่นในถ้วยดังกล่าวมาครั้งนี้ก็ครั้งที่ห้าแล้ว การพ่ายแพ้ต่อซาอุดิอาระเบียไปแบบช็อคโลกในเกมเปิดสนามนั้นทำให้ทั้งโลกเริ่มหวั่น ๆ กับชะตาของอาร์เจนติน่าอยู่เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ พวกเขารักษาสถิติไม่แพ้ใครมาได้ร่วมสามปี แต่ก็ต้องหยุดสถิติไว้ที่ 35 เกม ข่าวที่ว่าทัพฟ้าขาวนั้นใจเสียไปเลยนั้นก็เล็ดลอดออกมาสู่สาธารณะเช่นกัน และบางสื่อก็รายงานว่าผู้เล่นรู้สึกหมดอาลัยตายอยากไปเสียแล้ว มันทำให้เห็นเลยว่าเกมกับเม็กซิโกนั้นจะเป็นเกมที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่าเกมไหน ๆ อย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ทำได้ในการลงเล่นนัดนั้น เอาชนะทีมจังโก้ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 ด้วยการมีเมสซี่เป็นศูนย์กลางในการบัญชาการทุกอย่างของทีม หลังจากนั้นก็เก็บชัยชนะเหนือโปแลนด์ไปแบบสบาย ๆ ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เป็นสัญญาณว่า “อาร์เจนติน่า” ตัวจริงกลับมาแล้ว จริง ๆ มันก็มีหลายเหตุผลที่ทำให้เราคิดว่าอาร์เจนติน่าจะคว้าแชมป์โลกได้ นอกจากเหตุผลที่รู้กันดีอย่างการมีเมสซี่แล้ว…

Read More

คริสเตียโน่ โรนัลโด้และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ตกลงยกเลิกสัญญารว่มกันหลังจากที่เขาให้สัมภาษณ์ทิ้งบอมบ์สโมสรเอาไว้ ในขณะเดียวกัน เจ้าของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างตระกูลเกลเซอร์ก็ประกาศขายสโมสร นั่นเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่? อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่แน่นอน นั่นก็คือคริสเตียโน่ โรนัลโด้พาสโมสรก้าวมาสู่ยุคใหม่ แม้อาจจะไม่ใช่ในแบบที่เขาต้องการเท่าไรนัก แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว งั้นเรามาดูภาพรวมของเรื่องนี้กันเลยดีกว่า สิ่งที่พวกเรารู้ สิ่งเหล่านี้คือข้อเท็จจริง: ตระกูลเกลเซอร์เป็นเจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาตั้งแต่ปี 2005 ในช่วงเวลานั้น พวกเขาได้กลายมาเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในแง่ของการตลาด แต่ในเรื่องของฟุตบอลแล้ว สโมสรเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อย ในความเป็นจริงแล้ว สโมสรต้องทนอยู่กับช่วงเวลาที่สโมสรนั้นล้มเหลวทางฟุตบอลมากที่สุดภายใต้การเข้ามาเทคโอเวอร์ของครอบครัวมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้ลาบังเหียนไปหลังจากคุมทีมมากว่า 2 ทศวรรษ ซึ่งเขาได้สร้างปิศาจแดงให้กลายมาเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ แต่นับตั้งแต่ที่เขาลาทีมไป สโมสรก็ค่อย ๆ ตกต่ำลงเรื่อย ๆ และตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็กลายเป็นทีมที่จมอยู่กับอดีตไปซะแล้ว ไม่มีผู้จัดการทีมคนไหนเลย แม้กระทั่งโชเซ่ มูรินโญ่ที่จะสามารถพาพวกเขากลับมาคว้าแชมป์ได้อีกเลยนับตั้งแต่ที่กุนซือชาวสก็อตต์ลาทีมไป ในช่วงเวลานั้น สโมสรที่อยู่ภายใต้การเป็นเจ้าของของตระกูลเกลเซอร์นั้นใช้เงินไปแล้วกว่าพันล้านปอนด์ในการเสริมทัพ แต่ไม่มีการเซ็นสัญญาซื้อตัวครั้งไหนเลยที่สามารถสร้างอิมแพ็คได้มากพอ ในด้านอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับนักเตะของพวกเขานั้นก็ย่ำแย่ลงไปอีกเรื่อย ๆ เช่นกัน แถมยังมีการประท้วงไล่เจ้าของทีมจากเหล่าแฟนบอล, อดีตนักเตะของทีมและเหล่าแฟนบอลชื่อดังของสโมสรอีกด้วย การออกมาเคลื่อนไหวด้วยแฮชแท็ก #GlazersOut นั้นค่อย ๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาและเลยเถิดไปจนถึงการเลื่อนเกมการแข่งขันในระหว่างที่มีการประท้วงขึ้นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดอีกด้วย แน่นอนเลยว่าตระกูลเกลเซอร์นั้นกำลังถูกกดดันให้ขายทีมออกไปซะ แต่โรนัลโด้เป็นคนบีบให้พวกเขาต้องขายสโมสรไปหลังจากที่ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่มาอย่างยาวนานหรือไม่? ช่วงเวลาการปล่อยบทสัมภาษณ์ที่พอเหมาะพอเจาะเหลือเกิน เรื่องราวของบทสัมภาษณ์นั้นถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่หลายคนตีความออกไปหลายรูปแบบ เชื่อกันว่านักเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยนั้นตั้งเป้าเอาไว้แล้วว่าจะปล่อยบทความในช่วงนี้ เนื่องจากสโมสรนั้นกำลังจะคืนฟอร์มในฤดูกาลนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคนที่เชื่อว่าโรนัลโด้นั้นคิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะโยงไปที่เหตุการณ์อื่น ๆ ในฤดูกาลนี้เป็นต้นเหตุ อดีตดาวยิงของเรอัล มาดริดนั้นพลาดการลงสนามในช่วงพรีซีซั่นด้วยเหตุผลส่วนตัว ซึ่งเขาเปิดเผยในภายหลังว่าเป็นเพราะลูกสาวของเขามีอาการป่วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ดันมาเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่เอเยนต์ของเขาอย่างจอร์จ เมนเดสกำลังพูดคุยอยู่กับหลายสโมสรและมีข่าวลือออกมามากมายว่าเขากำลังเตรียมปิดดีลในการพาโรนัลโด้ออกจากสโมสร โรนัลโด้ยังขโมยซีนทั้งหมดจากนัดที่ทีมปีศาจแดงเอาชนะเหนือท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สไปแบบหืดจับด้วยการเดินออกจากสนามไปด้วยความโกรธที่เขาถูกขอให้ลงสนามเป็นตัวสำรองโดยผู้จัดการทีมปิศาจแดงอย่างเอริค เทน ฮาก เหล่าสื่อต่าง ๆ ก็พากันโฟกัสไปที่ท่าทีของดาวยิงวัย 37 ปี แทนที่จะสนใจในฟอร์มของเล่นของลูกทีมเอริค เทน ฮากในเกมเสียอย่างนั้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฟอร์มที่ดีที่สุดของทีมปีศาจแดงในฤดูกาลนี้เลยล่ะ และตอนที่ดูเหมือนว่าสโมสรเริ่มกลับมาคืนฟอร์มแล้ว บทสัมภาษณ์นั้นก็ดึงดูดความสนใจทั้งหมดไปที่ตัวเขาอีกครั้ง “ในชีวิตของผมแล้ว จังหวะที่ดีที่สุดคือจังหวะที่ผมกำหนดเองเสมอ” โรนัลโด้พูดในการปรากฏตัวกับสื่อครั้งแรกนับตั้งแต่ให้สัมภาษณ์ “ผมไม่จำเป็นจะต้องแคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไง ผมจะพูดก็ต่อเมื่อผมต้องการ เหล่านักเตะที่เคยลงเล่นกับผมต่างรู้จักผมมาหลายปีและรู้ว่าผมเป็นคนยังไง”…

Read More

ตอนนี้ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์เดินทางมาร่วมครึ่งทางแล้วและพวกเราก็ได้เห็นประตูสวย ๆ มากมาย และรูปแบบการเล่นที่ยอดเยี่ยมหลายจังหวะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นลิโอเนล เมสซี่ไปจนถึงคริสเตียโน่ โรนัลโด้ รองเท้าสตั๊ดที่ดีที่สุดในโลกหลาย ๆ คู่ช่วยให้พวกเขาทำประตูเจ๋ง ๆ จ่ายบอลแบบสวย ๆ และยิงประตูผ่านมือผู้รักษาประตูไปมากมายในทัวร์นาเมนต์ มีประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ไปแล้ว 99 ประตูและก็เป็นรองเท้าสตั๊ดเหล่านี่แหละที่มีส่วนช่วยสร้างประตูมากมายให้เกิดขึ้นได้ ลิโอเนล เมสซี่ ไนกี้พลาดโอกาสในการคว้าตัวเมสซี่ไป เพราะว่าชายที่ได้ชื่อว่าเป็น “เมอร์คิวเรียลอาร์เจนไตน์” นั้นไปเซ็นสัญญากับคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาอย่างอาดิดาสจากเยอรมัน ความร่วมมือระหว่างเมสซี่และอดิดาสในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้พวกเขามีคอลเลคชั่นรองเท้าสตั๊ดที่น่าทึ่ง ในครั้งนี้ เมสซี่จะใส่รองเท้ารุ่นเลเยนด้า ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษของคอลเลคชั่นเอ็กซ์ สปีดพอร์ทัล รองเท้าสตั๊ดรุ่นเลเยนด้า (ซึ่งแปลว่าตำนานในภาษาสเปน) ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้าสตั๊ดที่เมสซี่ใส่ในฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่อปี 2006 รุ่น +F50.6 ทูนิต รองเท้าสตั๊ดคู่นี้ช่วยให้เขาทำไปแล้ว 2 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์และแฟน ๆ ก็น่าอยากเห็นเขาทำได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวดังแห่งไนกี้นั้นทำไปแล้ว 1 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ จนทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกและคนเดียวที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลก 5 ครั้ง นั่นเป็นสถิติที่น้อยคนนักจะทำได้ในชั่วชีวิตหนึ่ง และรองเท้าสตั๊ดที่ช่วยให้เขาทำลายสถิติที่ยอดเยี่ยมนี้ก็คือเมอร์คิวเรียล แอร์ ซูม ซูเปอร์ฟลาย 9 เอส รองเท้ารุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นมาเพื่อโรนัลโด้โดยเฉพาะ นี่คือเมอร์คิวเรียลรุ่นที่ 31 ที่ผลิตขึ้นเพื่อโรนัลโด้ เป็นผลมาจากการที่ตัดสินใจเซ็นสัญญาตลอดชีพกับแบรนด์กีฬาชื่อดังจากอเมริกา แต่รองเท้าสตั๊ดคู่นี้จะอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน เพราะเป็นรองเท้าสตั๊ดที่เขาใส่เพื่อทำสถิติและสร้างประวัติศาสตร์ บูกาโย ซาก้า แบรนด์แอมบาสเดอร์ของนิว บาลานซ์อย่างบูกาโย ซาก้าจะใส่รองเท้าสตั๊ดคู่พิเศษนี้จากนิว บาลานซ์และแบรนด์แฟชั่นจากอิตาลีอย่างสโตน ไอแลนด์ทุกเกมที่เขาลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลกครั้งนี้ สโตน ไอแลนด์หวังที่จะตีตลาดชุดกีฬาและจะมีอะไรที่ดีไปกว่าการออกแบบผ่านรองเท้าสตั๊ดของบูกาโย ซาก้า นักเตะที่กำลังมีฟอร์มสดใสที่สุดของทีมชาติอังกฤษกันล่ะ เขาจัดไปแล้ว 2 ประตูด้วยรองเท้าสตั๊ดสโตน ไอแลนด์ x นิว บาลานซ์ นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของแบรนด์แฟชั่นจากอิตาลีก็เป็นได้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ราฮีม สเตอร์ลิ่งเป็นอีกหนึ่งนักเตะจากแคมป์สิงโตคำรามที่จะสวมใส่รองเท้าสตั๊ดของสโตน ไอแลนด์ x นิว บาลานซ์ในทัวร์นาเมนต์นี้ เขายังถือเป็นนักเตะตัวชูโรงของการร่วมมือกันของสองแบรนด์นี้อีกด้วย สีของรองเท้าเป็นสีเขียวกากีที่ให้ความรู้สึกแบบทหาร ซึ่งเข้ากับแนวคิดที่ทีมชาติอังกฤษจะใช้ในการลงเล่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้อย่างยิ่ง ชื่อแบรนด์สโตน ไอแลนด์อยู่ด้านข้างและโลโก้สีส้มสดใสของพวกเขาก็แปะอยู่ที่ด้านหลัง สเตอร์ลิ่งทำไปแล้ว 1…

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด โปรตุเกส 2 – 2 สวิตเซอร์แลนด์ (จบ 120 นาที) | โปรตุเกสชนะจุดโทษ 6-5 สนาม : ลูเซล สเตเดี้ยม โปรตุเกสอาจจะผ่านบททดสอบแรกอย่างอุรุกวัย และบททดสอบต่อมาที่ยากกว่าที่คาดอย่างกาน่ากับเกาหลีใต้มาได้ แต่ในเกมนี้พวกเขาจะต้องเจอกับบททดสอบที่ยากที่สุด (อย่างน้อยก็ยากกว่าที่ผ่านมา) ในการลงฟาดแข้งกับสวิตเซอร์แลนด์ที่ปัจจุบันได้สร้างชื่อให้กับพวกเขาเองจากผลงานในทัวร์นาเมนต์ใหญ๋ ๆ ที่ผ่าน ๆ มา ว่าพวกเขาคือคู่แข่งที่ไม่หมู และเอาชนะได้ยากมาก โดยเฉพาะกับทีมใหญ่นี่เองที่ทีมสวิสสร้างปัญหาให้ได้ปวดหัวตลอด โปรตุเกสอาจจะไม่ใช่ตัวเต็งอะไรในฟุตบอลโลกหนนี้ ออกจะเป็นม้านอกสายตาได้เลยด้วยซ้ำ แต่หากว่าพวกเขาโชว์ฟอร์มหรูในเกมนี้และปราบสวิตเซอร์แลนด์ได้แล้วล่ะก็ พวกเขาน่าจะได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงได้บ้าง อาจจะไม่ถึงขั้นตัวเต็ง แต่ก็ไม่ใช่ม้านอกสายตาแน่นอน ฟอร์ม : โปรตุเกส ทีมอดีตแชมป์ยูโร 2016 นั้นกระหายอยากได้ถ้วยระดับโลกอย่างเต็มแก่ และเช่นเดียวกับเบลเยียม ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะมีทีมที่ดีพร้อมและพอจะลุ้นแชมป์กับเขาได้บ้าง เพราะในฟุตบอลโลกครั้งหน้า ตัวหลักหลายคนของทีมชุดนี้ก็คงไม่ได้มาเล่นด้วยแล้ว หรือต่อให้ติดมาก็อาจจะแก่เกินแกงสู้แรงหนุ่ม ๆ ไม่ได้แล้ว หลังจากที่สู้จนหืดจับกว่าจะเอาชนะกาน่าและอุรุกวัยมาได้ พวกเขาก็มาโดนสกัดดาวรุ่งโดยทีมเกาหลีใต้ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนถ้าจะให้อธิบายฟอร์มของพวกเขาในสามเกมรอบแบ่งกลุ่มนั้น ก็คงพูดได้แค่ว่าพวกเขานั้นไม่มีความคงเส้นคงวาเอาเสียเลย แต่นั่นก็ยังเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ก่อนลงเตะในนัดต่อ ๆ ไป อย่างน้อยก็นัดแรกในการเจอกับทีมสวิสนี่แหละ ฟอร์ม : สวิตเซอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์โชว์ความทนทายาดของพวกเขาด้วยการเอาชนะเซอร์เบียที่ก็ไม่ยอมตกรอบง่าย ๆ เช่นเดียวกัน ในช่วงเวลา 40 นาทีของเกมทั้งสองทีมแลกหมัดกันอย่างสนุก ผลัดกันนำผลัดกันตามตลอดทั้งเกม แต่สุดท้ายก็เป็นเรโม่ ฟรอยเลอร์ ที่เป็นคนทำประตูชัยให้กับทีมสวิส และส่งพวกเขาเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ เกมระหว่างพวกเขากับเซอร์เบียนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงให้เห็นว่าพวกเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เพราะกว่าพวกเขาจะมาถึงจุดนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน และการเจอกับทีมฝอยทองในครั้งนี้ก็เป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้โชว์ช็อกโลกคว่ำทีมเต็งได้อีกครั้ง ทิศทางของเกมจะเป็นอย่างไร เกมนี่จะเป็นเกมที่น่าสนใจอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้โปรตุเกสจะเป็นต่ออยู่เล็ก ๆ แต่โอกาสพลิกล็อกก็เยอะเช่นกัน คุณภาพและชื่อชั้นของนักเตะฝอยทองจะเป็นประโชยน์ในเกมนี้มาก การที่มีผู้เล่นที่สามารถพลิกเกมได้มากกว่าย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว แต่เราก็ยังไม่กล้าฟันธงผู้ชนะแบบ 100% ในเกมนี้ เพราะเกมนี้จะเป็นเกมสุดสูสีและวัดกันที่สมาธิและความผิดพลาดเช่นเดิม แต่ถ้าจะต้องเลือกจริง ๆ เราคิดว่าโปรตุเกสน่าจะเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบไปได้แบบฉิวเฉียด

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด บราซิล 2-1 เกาหลีใต้ สนาม : สเตเดี้ยม 974 นี่จะเป็นครั้งที่สองแล้วที่ทั้งสองทีมจะเจอกันในปีนี้ แต่เกมนั้นอาจจะไม่ใช่เกมที่มีความทรงจำสวยงามเท่าไรนัก ออกแนวเกมที่เกาหลีจะมาถอนแค้นจากการโดยบราซิลถล่มมากกว่า ส่วนทางด้านทีมแซมบ้า ก็ไม่น่าจะไม่พอใจที่จะได้เจอกับทีมโสมขาวในรอบนี้ เพราะดูแล้วเกาหลีใต้คือคู่แข่งที่เบาที่สุดที่เป็นไปได้แล้ว และน่าจะเล็งที่จะย้ำแค้นเกาหลีใต้ให้ได้ เหมือนกับที่พวกเขาถล่มเกาหลีใต้ไปเละเทะในเกมกระชับมิตรเมื่อเดือนมิถุนายน ฟอร์ม : บราซิล การเก็บชัยชนะสองจากสามเกมพร้อมกับการโชว์การเล่นฟุตบอลเกมรุกที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ทีมชาติยราซิลน่าจะภูมิใจพอสมควร แต่พวกเขาก็ต้องกลับสู่โลกความเป็นจริงเมื่อแคเมอรูน ทีมที่พวกเขามีสถิติข่มอยู่ถึง 7-0 (ประตูรวมในฟุตบอลโลก) พลิกล็อกเอาชนะพวกเขาไปได้เสียอย่างนั้น เป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเขาก็ประมาทคู่แข่งเกินไปไม่ได้เหมือนกัน พวกเขาน่าจะรู้แล้วว่ามันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะพลิกล็อกแพ้ทีมรองบ่อนได้เหมือนกัน แม้จะเป็นทีมที่โดยปกติพวกเขาจะเอาชนะไปได้แบบไม่มีปัญหาอะไรก็ตาม ฟอร์ม : เกาหลีใต้ การที่พวกเขาชนะหนึ่ง เสมอหนึ่ง แพ้หนึ่ง ในรอบแบ่งกลุ่มนั้นเพียงพอที่จะส่งพวกเขาเข้ามารอบนี้ได้แบบชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด แต่พวกเขาก็ได้ลงเล่นอย่างกล้าหาญสุด ๆ มาตลอดสามเกม ฉวยโอกาสยิงประตูในจังหวะสำคัญ ๆ ได้ตลอดในช่วงที่คู่แข่งพลาดให้ พวกเขาลงเล่นด้วยจิตใจนักสู้ตลอด และนั่นจะเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องใช้ต่อไปแน่นอน ในเกมที่จะเจอกับบราซิล ทีมระดับตัวเต็ง ที่ในประวัติศาสตร์การพบกันแปดครั้ง พวกเขาเอาชนะทัพเซเลเซาได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทีมโสมขาวจะต้องหวังพึ่งความเร็วของพวกเขาให้มากที่สุด ในการเจอกับบราซิลที่ก็ไม่ได้ช้ากว่ากันเลย ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ทีมแซมบ้ามีนักเตะจอมเทคนิคอยู่ล้นทีม และนั่นจะช่วยให้พวกเขาได้เปรียบในเกมนี้อย่างแน่นอน นี่ยังหมายถึงว่าทีมจากทวีปเอเชียจะเป็นฝ่ายวิ่งไล่และเล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ และหาจังหวะเอาคืนโต้กลับเร็ว เพราะทีมเกาหลีเป็นทีมที่ตื่นตัวเอามาก ๆ ส่วนบราซิลก็มีการเสียประตูแบบง่าย ๆ หรือจากการโดนโต้กลับเร็วให้เห็นเหมือนกัน เรามองว่าเกมนี้จะมีประตูกันทั้งสองฝ่าย แต่น่าจะเป็นบราซิลที่จะเป็นฝ่ายยิงได้มากกว่าและเฉือนเอาชนะไปได้

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด โมร็อกโก 1-2 สเปน สนาม : เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม โมร็อกโกอาจจะไม่ใช่ทีมต่อในเกมนี้ แต่พวกเขาจะลงเล่นในเกมนี้ด้วยความหวังเล็ก ๆ ที่จะหักปากกาเซียนเอาชนะทีมกระทิงดุดีกรีแชมป์โลกปี 2010 ให้จงได้  ส่วนสเปน พวกเขาออกสตาร์ตได้ดีด้วยฟอร์มระดับเต็งแชมป์ แต่แผ่วปลายจนเกือบตกรอบแบ่งกลุ่มไป เหมือนกับที่พวกเขาต้องกลับบ้านไวในปี 2014 และ 2018 เกมนี้จะเป็นหนึ่งในเกมที่สนุกเร้าใจและมีสิทธิพลิกล็อกมากที่สุดในบรรดาแปดคู่อีกด้วย ฟอร์ม : โมร็อกโก ทีมสิงโตบาร์บารีได้แสดงให้เห็นแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงคู่ควรกับคำเปรยของสื่อที่ยกให้พวกเขาเป็นทีมที่ฟอร์มแรงที่สุดในแอฟริกาในตอนนี้ แถมปัจจุบันพวกเขามีอันดับโลกเป็นอันดับสองของทวีปแอฟริกาอีกด้วย เป็นรองแค่เซเนกัลที่เพิ่งคว้าแชมป์แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ เมื่อเดือนมกราคมปี 2021 ไปเท่านั้น พวกเขายังโชว์ฟอร์มเก่งในฟุตบอลโลกได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการมีทีมที่ค่อนข้างสมดุลของพวกเขา เห็นได้จากนัดกับโครเอเชียที่พวกเขาโชว์คุณภาพออกมาทั้งในเกมรุกและเกมรับ แถมยังเล่นได้ดีกว่านั้นอีกในนัดที่พวกเขาชนะเบลเยียมและแคนาดาจนผ่านเข้ารอบมาได้ในฐานะแชมป์กลุ่ม ฟอร์ม : สเปน สเปนออกสตาร์ตได้อย่างร้อนแรงในเกมกับคอสตาริกา ถล่มทีมจากแดนอเมริกากลางไปถึง 7-0 แต่เหมือนเครื่องจะดับไปหลังจากเกมนั้น เหมือนกับนักวิ่งมาราธอนที่ออกตัวแรงแต่หมดแรกตอนท้ายไม่มีผิด เพราะในเกมกับเยอรมันและญี่ปุ่น ฟอร์มเก่งของพวกเขาก็หายไปจนหมดสิ้น สังเกตได้จากการที่ทีมสร้างโอกาสยิงได้น้อยลงไปมาก การยืนกรานอย่างหนักแน่นของหลุยส์ เอนริเก้นั้นก็ได้ผลมาตลอดเช่นกัน แต่ทีมดีกรีแชมป์โลก 1 สมัยจะเอาแต่อาศัยการครองบอลอย่างเดียวไม่ได้แน่นอน พวกเขาจะต้องมีเทคนิคและองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ดีด้วย หากอยากจะเอาชนะโมร็อกโกที่ก็ไม่ได้เป็นรองพวกเขาเยอะเลย ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร สเปนจะมาโชว์การเล่นสไตล์ครองบอลระดับโลกให้เราเห็นกันแน่นอนในเกมนี้ ส่วนโมร็อกโกก็น่าจะใช้ความเร็วของพวกเขาให้เป็นประโยชน์และปิดเกมให้ได้ โดยเฉพาะในช่วงท้ายเกมที่ทุกอย่างจะวัดการด้วยสติและสมาธิของทั้งสองทีม แต่เราเชื่อว่า ถ้าเกมยืดเยื้อจนถึงช่วงต่อเวลาหรือจุดโทษแล้ว ทีมสิงโตบาร์บารีดูจะเป็นต่อเสียด้วยซ้ำ

Read More