- Tottenham vs Nottingham Forest Preview: ผู้เข้าชมหวังว่าจะได้รับไอน้ำในการแข่งขัน 5 อันดับแรก
- อันดับ 15 Wonderkids ที่ดีที่สุดในการแข่งขันชิงแชมป์และลีกวัน
- Crystal Palace vs Bournemouth 0-0 รายงาน: Cherries Drop Points อีกครั้ง
- Everton vs Manchester City 0-2 รายงาน: Cityzens March on on Quest for UCL Spot
- Aston Villa vs Newcastle 4-1 รายงาน: Emery’s Side Secure Secure Vital ชนะในการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นขอบคุณเป้าหมายต้นและครึ่งหลัง Blitz
- Fulham vs Chelsea Preview: West London Derby ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายผลักดันให้ยุโรป
- Manchester United vs Wolves Preview: Amorim’s Men to มุ่งเน้นไปที่ UEL ในขณะที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพการฟื้นคืนชีพของหมาป่า
- เวสต์แฮมกับเซาแธมป์ตัน 1-1 รายงาน: เซนต์สคว้าออกมาสายดึก
Author: admin
ผลการแข่งขันที่คาด ญี่ปุ่น 2-2 โครเอเชีย (จบ 120 นาที) | โครเอเชียชนะจุดโทษ 4-3 สนาม : อัล จานูบ สเตเดี้ยม ทีมญี่ปุ่นกลายเป็นขาประจำของรอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลกไปซะแล้ว หลังจากที่ในฟุตบอลโลกหกครั้งหลังสุด พวกเขาผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์ได้ถึงสามครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้เลย และโอกาสทองที่พวกเขาจะปลดล็อครอบแปดทีมหนแรกนั้นก็มาถึงแล้ว เพราะโครเอเชียเป็นคู่แข่งในรอบ 16 ทีมที่น่าจะเบาที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับสามครั้งก่อนของพวกเขา ฟอร์มอันร้อนแรงของพวกเขานั้นทำให้สื่อหลายสำนักยกให้พวกเขาเป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ ส่วนคู่แข่งที่ขวางเส้นทางสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของพวกเขาอยู่นั่นก็คือโครเอเชีย ที่ผ่านเข้ารอบมาเป็นอันดับสองของกลุ่มตามหลังแชมป์กลุ่มฝรั่งเศส ฟอร์ม : ญี่ปุ่น ผลจากการกลับมาชนะได้ 2-1 แม้จะโดนสเปนและเยอรมัน สองทีมที่มีดีกรีระดับแชมป์โลกนำไปก่อนทั้งสองนัดส่งผลให้ทีมชาติญี่ปุ่นเข้ารอบไปได้ในฐานะแชมป์กลุ่ม สไตล์การเล่นของพวกเขาคือการใช้โอกาสที่มีให้ได้ผลสูงสุด ดูตัวอย่างได้จากนัดที่พวกเขาเจอกับทีมกระทิงดุได้ พวกเขามีโอกาสครองบอลเพียง 18% เท่านั้น แต่ก็ยังเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ และในวันนี้ ทีมซามูไรบลูน่าจะหวังที่จะใช้สไตล์เดิมในการปราบทีมหมากรุก ที่มีจุดเด่นในแผงกองกลางและความสามารถเฉพาะตัว ฟอร์ม : โครเอเชีย โครเอเชียลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มด้วยฟอร์มที่น่าพอใจและผ่านเข้ารอบไปได้ตามคาด ถึงจะยังมีข้อติเรื่องการจบสกอร์ที่ยังไม่ค่อยคมอยู่บ้าง แต่ด้วยการที่พวกเขามีนักเตะที่สามารถจ่ายบอลสวย ๆ และสร้างโอกาสยิงได้บ่อยครั้งอย่าง อิวาน เปริซิช ที่ทำผลงานได้ดีเสมอในฟุตบอลโลกอยู่ในทีม ฟอร์มของเขาดูไม่ดร็อปลงเลยไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลกปี 2014, 2018 หรือ 2022 แต่จุดเด่นของพวกเขาอีกเรื่องคือความคงเส้นคงวา พวกเขาเสียประตูง่าย ๆ น้อยมาก โดยเฉพาะจากการโดนโต้กลับเร็ว ซึ่งอาจเป็นอาวุธสุดสำคัญในการเขี่ยญี่ปุ่นให้ตกรอบได้เลย เพราะทีมญึ่ปุ่นนั้นมีการโต้กลับเร็วที่อันตรายเอามาก ๆ และมีตัวรุกความเร็วสูงที่แผลงฤทธิ์จนเอาชนะแชมป์เก่าไปได้แล้วถึงสองทีม ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งสองทีมจะขับเคี่ยวกันอย่างสูสี แต่จะเป็นทีมตราหมากรุกที่จะเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่าตลอดทั้งเกม ส่วนญี่ปุ่นจะใช้การโต้กลับเร็วสวนคืนเมื่อมีโอกาส และเราก็เชื่อว่าพวกเขาจะทำประตูได้ด้วย อย่างน้อยก็ 1 ประตู สุดท้ายแล้ว เกมนี้จะถูกตัดสินจากเรื่องสมาธิเป็นหลัก ว่าใครจะพลาดท่าให้คู่แข่งก่อน ซึ่งมันก็เดาได้ยากเหลือเกิน แต่เรายังเชื่อว่าโครเอเชียยังมีดีในตัว และจะเฉือนเอาชนะไปได้แบบสุดระทึก
ผลการแข่งขันที่คาด ฝรั่งเศส 2-0 โปแลนด์ สนาม : อัล ธุมาม่า สเตเดี้ยม ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองทีมเจอกันคือเมื่อปี 2011 แต่ถ้าหากเรานับแค่ที่ทั้งสองเจอกันในศึกฟุตบอลโลกล่ะก็ เราต้องย้อนกลับไปถึงฟุตบอลโลกปี 1982 เลยทีเดียว มันก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจเหมือนกัน เพราะปกติแล้วทีมที่อยู่ในทวีปเดียวกัน อันดับโลกห่างกันไม่มากแบบนี้จะเจอกันบ่อยจนแทบจะเบื่อขึ้หน้ากัน แต่ไม่ใช่กับคู่นี้เสียอย่างนั้น อย่างไรก็ดีโปแลนด์น่าจะหวังจะย้ำแค้นฝรั่งเศสให้ได้ หลังจากพวกเขาเป็นฝ่ายเอาชนะฝรั่งเศสไปได้ ในการพบกันในฟุตบอลโลกครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของทั้งคู่ ส่วนฝรั่งเศสก็คงจะมีแรงฮึดเต็มที่เช่นกัน ทั้งเพื่อสะสางบัญชีแค้นกับโปแลนด์ และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ได้ ด้วยการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกและครองตำแหน่งแชมป์โลกยาว ๆ 8 ปี ฟอร์ม : ฝรั่งเศส แชมป์เก่าจากปี 2018 น่าจะเป็นทีมเดียวในตอนนี้ที่เล่นได้อย่างสมฐานะทีมเต็งแชมป์ พวกเขาลงเล่นกับออสเตรเลียด้วยราศีแชมป์และจัดการสอนบอลทีมจิงโจ้ไปแบบสบาย ๆ 4-1 ถึงแม้ว่าออสเตรเลียจะเป็นฝ่ายนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 13 ก็ตาม ส่วนในเกมกับเดนมาร์ก เคราะห์ดีที่ทีมโคนมมีเกมรับที่ยอดเยี่ยม มิเช่นนั้นพวกเขาน่าจะแพ้ด้วยสกอร์ที่ขาดกว่านี้มาก แถมถึงเดนมาร์กจะสู้ได้ดี แต่ทีมตราไก่ก็เบียดเอาชนะได้ และ คว้าสามคะแนนสำคัญไปได้อยู่ดี ดิดิเยร์ เดอชองส์ ไม่น่าจะต้องเป็นห่วงเรื่องการสร้างโอกาสและการจบสกอร์ของลูกทีมอย่างแน่นอน แต่ในเรื่องเกมรับพวกเขายังมีแผลอยู่บ้าง เพราะเกมรับของพวกเขานั้นยังเสียประตูง่าย ๆ อยู่ และในเกมรอบน็อคเอาต์ การเสียประตูง่าย ๆ เพียงประตูเดียวอาจส่งพวกเขาตกรอบและกลับบ้านไปแบบมือเปล่าได้เลย ฟอร์ม : โปแลนด์ โปแลนด์เข้ารอบมาได้แบบฉิวเฉียด พวกเขาเข้ารอบมาได้ก็เพราะประตูได้เสียที่ดีกว่าเม็กซิโกเพียงประตูเดียวเท่านั้น และจากฟอร์มและผลงานของในรอบแบ่งกลุ่มของพวกเขานั้น เราก็ไม่เห็นแววที่พวกเขาจะพลิกล็อกและเอาชนะฝรั่งเศสได้เลย เชสลาฟ มิคเนียวิช กุนซือของทีมโปแลนด์น่าจะหวังใช้แผนการเล่นที่ชูสองจุดเด่นของทีมอย่างความแข็งแกร่งของร่างกายและลูกกลางอากาศเพื่อเจอกับฝรั่งเศส ทีมที่น่าจะแข็งแกร่งกว่าทุกทีมที่พวกเขาเจอมาในรอบแบ่งกลุ่ม ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ฝรั่งเศสน่าจะเล่นเกมนี้อย่างรัดกุม และพยายามไม่เสียประตูก่อนเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ดี หากว่ากันตามตรงพวกเขาก็ยังเป็นต่ออยู่มากในเกมนี้ และน่าจะเป็นฝ่ายครองเกมได้เกือบทั้งหมด และน่าจะสร้างโอกาสยิงประตูได้มากมายในเกมนี้ ขณะที่โปแลนด์ก็ต้องเล่นอย่างบอลรองด้วยการเน้นตั้งรับเป็นหลัก
ผลการแข่งขันที่คาด: อาร์เจนติน่า 2-0 ออสเตรเลีย สนาม : อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองทีมลงฟาดแข้งกันนั้นก็ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2007 นู่นเลย เพราะฉะนั้นแล้วกุนซือของทั้งสองฝ่าย ทั้งลิโอเนล สกาโลนี่ของอาร์เจนติน่า และ เกรแฮม อาร์โนลด์ ของออสเตรเลีย จะต้องทำการบ้านและหาข้อมูลกันใหม่เยอะพอสมควรเลยทีเดียว ก่อนที่พวกเขาจะลงฟาดแข้งกันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ อย่างไรก็ดี ทีมจิงโจ้ดูจะเป็นรองทีมฟ้าขาวอยู่หลายขุมเลยทีเดียว เมื่อดูจากประวัติการพบกัน, ฝีเท้า, ประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ และนี่ยังไม่รวมถึงการที่อาร์เจนติน่ายังมีเมสซี่อีกนะ ฟอร์ม : อาร์เจนติน่า หลังจากที่พวกเขาพลิกล็อกแพ้ซาอุดิอาระเบียไปแบบสุดช็อกในเกมนัดเปิดสนามของพวกเขาจนเป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเขาก็แพ้เป็นเหมือนกันนั้น ลูกทีมของลิโอเนล สกาโลนี่นั้นก็กลับมาตั้งหลักและคืนฟอร์มเก่งจนผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มตามคาดจนได้ แต่ถึงพวกเขาจะชนะได้สองนัดรวด ฟอร์มของพวกเขาในตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุดของพวกเขา ดูได้จากกว่าที่พวกเขาจะเบียดเอาชนะเม็กซิโกและโปแลนด์ไปได้ ชัยชนะทั้งสองนัดเป็นผลพวงมาจากการได้ประตูการโต้กลับเร็วในช่วงครึ่งหลังทั้งสองนัด ซึ่งไม่ใช่อะไรที่จะทำได้บ่อย ๆ หรือทำได้ทุกนัด เพราะทางออสเตรเลียน่าจะเตรียมการรับมือการโต้กลับมาอย่างดี และน่าจะสร้างความปวดหัวให้สกาโลนี่ได้ไม่น้อยเลย ในการวางแผนใหม่ ๆ เพื่อเจาะเกมรับของทีมจิงโจ้ ฟอร์ม : ออสเตรเลีย ออสเตรเลียไม่ได้สัมผัสรอบน็อคเอาต์ของฟุตบอลโลกมาร่วม 16 ปี เพราะครั้งสุดท้ายที่ออสเตรเลียสามารถเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ก็คือในฟุตบอลโลกปี 2006 แถมในปีนี้ พวกเขายังอยู่ในกลุ่มสุดหินที่มีทั้งฝรั่งเศส เดนมาร์ก และ ตูนีเซีย อีก แต่พวกเขาก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์และหักปากกาเซียนเข้ารอบไปได้ พวกเขาเด่นมากในเรื่องของการใช้โอกาสยิงได้อย่างคุ้มค่า และจบสกอร์ให้ได้มากที่สุดแม้จะมีโอกาสยิงเพียงน้อยนิด การจบสกอร์ได้ดีนี้ส่งผลให้พวกเขาคว้าชัยชนะได้ถึงสองนัดด้วยสกอร์ 1-0 กับทั้งเดนมาร์กและตูนีเซีย โดยคาดว่ากุนซืออย่างเกรแฮม อาร์โนลด์ ก็น่าจะลงเล่นด้วยแผนและสไตล์เกมแบบเดิมในเกมกับอาร์เจนติน่า แต่ในครั้งนี้มันจะไม่ง่ายเหมือนเดนมาร์กและตูนีเซียแล้ว เพราะอาร์เจนติน่าในตอนนี้น่าจะแข็งแกร่งพอ ๆ กับฝรั่งเศสที่ถล่มพวกเขาไปถึง 4-1 ได้เลย ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อดูจากรายชื่อนักเตะของทั้งสองทีมและประวัติการเจอกันแล้ว ถือว่าทั้งสองทีมยังห่างชั้นกันมาก อาร์เจนติน่ายังดูดีกว่าในเรื่องร่างกายและทักษะส่วนตัวอีกด้วย ออสเตรเลียอาจจะเลือกรับมือกับอาร์เจนติน่าด้วยการเล่นแบบดันไลน์สูง เหมือนกับที่ซาอุดิอาระเบียใช้จนปราบซ่าทีมฟ้าขาวได้ แต่สกาโลนี่และลูกทีมน่าจะมีบทเรียน และกลับไปแก้ทางแผนนี้มาแล้ว เกมนี้ทีมฟ้าขาวน่าจะเอาชนะไปแบบสบาย ๆ นำม้วนเดียวจบ ชนิดที่ว่าทีมจิงโจ้แทบจะมีไม่มีโอกาสแตะบอลเลยล่ะ
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2022-23 ต้องหยุดชะงักไปเนื่องจากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 นี่ทำให้เหล่าผู้จัดการทีมเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกนั้นต้องรอช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลกว่า 43 วัน อย่างใจจดใจจ่อ ตลอดช่วงที่พักเบรคหลังจบเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 16 จนถึงเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 17 แน่นอนว่าจะต้องมีปรับทีมชุดใหม่กันยกใหญ่อย่างแน่นอน เนื่องจากในระหว่างช่วงพักเบรคทีมชาตินี้นั้นผู้เล่นสามารถทำการเปลี่ยนตัวนักเตะได้แบบไม่จำกัด ตอนนี้ ผู้จัดการทีมเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกจะมีเวลาเหลือเฟือในการที่จะจัดทีมสำหรับเกมนัดที่ 17 ของฤดูกาลและนัดต่อ ๆ ไป หลังจากพรีเมียร์ลีกจะกลับมาเตะกันในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ ประเด็นหลักที่พวกเรากำลังโฟกัสกันนั้นคือเหล่านักเตะที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับฟุตบอลโลกในครั้งนี้และจะได้พักยาวเต็มอิ่ม เช่นเดียวกับเหล่านักเตะของเซาแธมป์ตันที่จะมีเวลามากพอในการที่จะปรับตัวให้เข้ากับผู้จัดการทีมคนใหม่ในช่วงโปรแกรมที่เหลือไปจนถึงนัดที่ 23 ของฤดูกาล ผู้รักษาประตู นิก โป๊ป – นิวคาสเซิล (5.3 ล้านปอนด์) มือกาวที่อยู่เบื้องหลังแนวรับที่เสียประตูน้อยที่สุดร่วมในลีกในฤดูกาลนี้ (11 ประตู) แถมยังเก็บคลีนชีทได้มากที่สุดในลีกอีกด้วยที่ 7 เกมและคว้าแต้มโบนัสได้ถึง 6 คะแนน โป๊ปถือเป็นผู้รักษาประตูที่เก็บคะแนนแฟนตาซีได้มากที่สุดในฤดูกาลนี้และเขาจะยังคงสามารถรักษาฟอร์มที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ได้หลังจากจบฟุตบอลโลกครั้งนี้อย่างแน่นอน กองหลัง กาเบรียล มากัลเญส – อาร์เซน่อล (5.2 ล้านปอนด์) กองหลังของอาร์เซน่อลจะฟิตสมบูรณ์อย่างแน่นอนหลังจากฟุตบอลโลก ซึ่งมันจะทำให้เขาเป็นนักเตะที่ยิ่งน่าซื้อเข้าทีมมากขึ้นไปอีก เพราะเขาจะได้ลงสนามแน่นอนในเกมลีกนัดที่ 17 ในช่วงที่อาร์เซน่อลมีโปรแกรมที่ไม่หนักมากนัก ซึ่งพวกเขาก็น่าจะหวังที่จะครองจ่าฝูงต่อไปให้ได้ จากการที่เขาเก็บคะแนนไปแล้วกว่า 72 คะแนน กาเบรียลถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลย และสถิติ 36 คะแนนตลอด 5 เกมหลังสุดของเขานั้นทำให้เขากลายมาเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ต้องมีไว้ใน 11 ตัวจริงของทีมแฟนตาซีอีกคนหนึ่ง ในฐานะกองหลังตัวหลักของทีมที่ที่มีสถิติที่เกมรับดีที่สุด (ร่วม) ในฤดูกาลนี้ ฟาเบี้ยน ชาร์ – นิวคาสเซิล (4.9 ล้านปอนด์) หนึ่งในนักเตะที่มีคนมองข้ามไปมากที่สุดในเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้คือกองหลังวัย 30 ปีที่โชว์ฟอร์มได้คงเส้นคงวาที่สุดคนหนึ่ง นิวคาสเซิลเก็บคลีนชีทไปได้ 4 จาก 6 นัดหลังสุดก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงพักเบรคฟุตบอลโลกและพวกเขาก็น่าจะยังคงรักษาฟอร์มที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ได้เนื่องจากโปรแกรมที่ไม่หนักมากหลังจากฟุตบอลโลก ชาร์จะเป็นนักเตะที่น่าจะฟิตพร้อมสำหรับพรีเมียร์ลีกเนื่องจากสวิตเซอร์แลนด์ไม่น่าจะเข้ารอบลึก หรือลำพังผ่านรอบแบ่งกลุ่มของฟุตบอลโลกหนนี้ไปได้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน – ลิเวอร์พูล (6.8 ล้านปอนด์) กัปตันทีมชาติสก็อตแลนด์จะคงความสดของร่างกายไว้ได้อย่างแน่นอน จากการได้พักเต็มอิ่มกว่าสามอาทิตย์ และในเกมลีกนัดที่ 16 เกมทิ้งท้ายก่อนพักเบรกเขาก็จัดไปถึง 2 แอสซิสต์ ทำให้เขาทำคะแนนสะสมไปแล้ว…
สารบัญ บทนำ ฟุตบอลโลกปีนี้(เท่าที่ผ่านมา)…สิ่งที่คุณอาจจะพลาดไป เบนเซม่าจะพลาดฟุตบอลโลกครั้งนี้ การตัดสินใจสุดแหวกแนวของอาร์เจนติน่า เมสซี่และโรนัลโด้เขย่าโลกอินเตอร์เน็ต ปลอมแขน “วันเลิฟ” โดนแบน ฟุตบอลโลกได้เปิดฉากขึ้นมาสักพักแล้วและเทศกาลฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่นี้นั้นก็ได้นำพามาซึ่งหลาย ๆ อย่าง ๆ รวมไปถึงในแง่สถิติ, รายละเอียดและข้อมูลต่าง ๆ มากมาย การสร้างกระแสก่อนหน้าฟุตบอลโลกจะลงเตะนั้นยอดเยี่ยมมากและข้อมูลต่าง ๆ ก็มีเยอะเช่นกัน แต่พวกเราอยากจะนำเสนอบทความนี้เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงหลาย ๆ อย่าง ที่คุณอาจจะพลาดไปในช่วงก่อนเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่อย่างฟุตบอลโลกในครั้งนี้ คาริม เบนเซม่าจะพลาดการลงเล่นในฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน คาริม เบนเซม่า ซูเปอร์สตาร์เลือดน้ำหอมต้องพลาดการลงสนามในฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 เสียแล้ว เนื่องจากเขาไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บซึ่งเป็นผลจากการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบครั้งแรกกับทีมชาติของเขาได้ทันเวลา ผลการทดสอบออกมาว่าจากเบนเซม่าได้รับบาดเจ็บทำให้เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์จะพลาดการแข่งขันในฟุตบอลโลกทั้งหมดจากอาการบาดเจ็บบริเวณต้นขา “ในชีวิตของผม ผมไม่เคยยอมแพ้เลย…แต่คืนนี้ ผมต้องคิดถึงภาพรวมของทีมมาก่อน อย่างที่เคยทำมาตลอด ดังนั้นตามหลักเหตุผลแล้ว ทุกอย่างมันบอกให้ผมออกจากทีมเพื่อให้คนที่สามารถช่วยทีมของเราให้คว้าแชมป์โลกได้อย่างยิ่งใหญ่เข้ามาแทน ขอบคุณสำหรับข้อความสนับสนุนทั้งหมดของพวกคุณ” นี่คือคำแถลงของเบนเซม่าเพื่อยืนยันการออกจากทีมของเขาในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ อาการบาดเจ็บของเขาส่งผลกระทบต่อทีมมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อลองพิจารณาถึงความเป็นจริงที่ว่าฝรั่งเศสได้สูญเสียกองกลางคนสำคัญอย่างปอล ป็อกบาและเอ็นโกโล่ ก็องเต้ไปแล้ว เช่นเดียวกับกองหน้าของแอร์แบ ไลป์ซิกที่กำลังฟอร์มดี อย่างคริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ดิดิเยร์ อย่างไรก็ดี เดสชองส์ยืนยันว่าจะไม่เลือกใครมาแทนที่ของเบนเซม่า “แน่นอนว่ามันเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่” เดส์ชองส์กล่าวกับสำนักข่าว TF1 “คาริมลองทำทุกอย่างแล้ว แต่มันเกิดขึ้นในช่วงของการฝึกซ้อมและมันดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมาก น่าเศร้าที่ผลการตรวจสอบยืนยันว่ามันเกินกว่าที่เราคิดเอาไว้ น่าเสียดายที่เรื่องเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงของการฝึกซ้อม มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเอาเสียเลย “มันไม่ใช่เรื่องของอาการกำเริบ มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้คุณยิ้มได้เลย เราสูญเสียคริสโตเฟอร์ไปแล้วและทุกคนเสียใจมากกับเรื่องนั้น แล้วตอนนี้ก็เรื่องก็มาเกิดขึ้นกับคาริมอีก แต่เรามีเป้าหมายและทีมรู้ว่าต้องเจอกับอะไรตั้งแต่วันอังคาร นี่คือทีมที่มีคุณภาพและผมเชื่อมั่นในตัวพวกเขา” อาร์เจนติน่าเลือกที่จะอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัยแทนที่จะอยู่ในโรงแรม 5 ดาว อาร์เจนติน่าตัดสินใจที่จะพักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัยกาตาร์ แทนที่จะพักในโรงแรม 5 ดาวเหมือนทีมอื่น ๆ ในฟุตบอลโลก การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นโดยตัวแทนของเจ้าหน้าที่อาร์เจนติน่า เนื่องจากขนาดของมหาวิทยาลัยทำให้พวกเขาสามารถจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวเพื่อทำอาหารแบบดั้งเดิมที่เรียกว่าอซาดอสได้ อซาดอสมักจะประกอบด้วยเนื้อวัว, หมู, ไก่, โชริโซ่และมอร์ซิลล่า แล้วนำไปย่างบนตะแกรงหรือบนไฟ โดยพื้นที่ในการจัดทำอซาดอสนั้นถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วและเซฟที่จะมาทำอซาดอสนั้นก็ถูกคัดเลือกมาเป็นพิเศษเพื่อทีมชาติในการทำอาหารแบบดั้งเดิมนี้ด้วยวิธีที่ดีที่สุด เนื้อวัวที่จะใช้ทำอซาดอสนั้นก็ส่งตรงมาจากอาร์เจนติน่าเช่นกัน เพราะเนื้อวัวที่นี่นั้นได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในเนื้อที่ดีที่สุดในโลก มหาวิทยาลัยกาตาร์ก่อตั้งขึ้นในปี 1973 และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำในทวีปที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มหาวิทยาลัยนั้นมีห้องพักกว่า 90 ห้องพร้อมสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิกและยังมีสนามฟุตบอลที่มีความจุกว่า 10,000 ที่นั่งอีกด้วย โฆษณาของหลุยส์ วิตตองตกเป็นข่าวทั่วโลกของอินเตอร์เน็ต โดยเป็นรูปที่โรนัลโด้และเมสซี่เล่นหมากรุกกัน หลุยส์ วิตตองลงภาพถ่ายฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแห่งโฆษณาของพวกเขาก่อนเกมการแข่งขันฟุตบอลโลก…
สารบัญ บทนำ สรุป – การคาดการณ์ช่วงต้นฤดูกาลของเรา สิ่งที่เกิดขึ้นจริง บทนำ หลังจากที่ผ่านไปเพียงเกมแรกของฤดูกาล ทางเราก็ได้ทำการคาดการณ์ผลงานของทีมต่าง ๆ ล่วงหน้าในฤดูกาลนี้ตามแบบที่เราคิด ว่าแต่ละทีมจะมีผลงานอย่างไรกันบ้าง แต่เนื่องจากฤดูกาลนี้ต้องพักเบรคไปเพื่อหลีกทางให้กับฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จัดขึ้นในฤดูหนาว ทางเราก็อยากจะกลับมาย้อนดูสักหน่อยว่าการคาดการณ์ของเรานั้นใกล้เคียงใช้ได้หรือไม่ หรือจะห่างไกลจากความเป็นจริงแบบคนละเรื่องละราว สรุป – การคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูกาล เลสเตอร์ ซิตี้เสี่ยงที่จะตกชั้น ฟอร์มการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ของฤดูกาลนั้นทำให้เราได้เห็นทีมจิ้งจอกสยามเก็บได้เพียงแต้มเดียวจาก 7 เกมแรกของฤดูกาล ในช่วงเวลานั้น พวกเขาเสียประตูสูงสุดในลีกถึง 22 ประตูและยังจมบ๊วยของตารางในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย ทุกอย่างดูเหมือนจะผิดที่ผิดทางไปหมดสำหรับทีมจิ้งจอกสยามและก็ดูเหมือนว่าการคาดการณ์ของเราที่ว่าพวกเขาจะจมอยู่ในโซนตกชั้นนั้นจะกลายมาเป็นเรื่องจริง แต่ในที่สุด พวกเขาก็คืนฟอร์มเก่งและกลับมาลงเล่นอย่างมั่นใจได้อีกครั้ง ด้วยชัยชนะ 5 จาก 8 เกมหลังสุด พร้อมกับชัยชนะ 2 เกมติดต่อกันก่อนเข้าสู่ช่วงพักเบรคฟุตบอลโลก เลสเตอร์ไต่ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 13 ของตารางโดยอยู่เหนือโซนตกชั้นถึง 4 แต้ม พร้อมกับสถิติเก็บคลีนชีทมากที่สุดในลีกอีกด้วย เหล่าแฟนบอลที่เรียกร้องให้เบรนแดน ร็อดเจอร์สโดนไล่ออกนั้นกลับลำมาส่งเสียงเชียร์ให้กับเขาแล้ว แถมแต่งเพลงเชียร์ให้ด้วย เพลงใหม่ที่พูดราว ๆ ว่า ‘มีเบรนแดน ร็อดเจอร์สเพียงคนเดียวเท่านั้น’ ฟอร์มอันย่ำแย่ของพวกเขาที่เคยทำให้พวกเขานั้นสุ่มเสี่ยงที่จะตกลงไปอยู่ในโซนตกชั้นได้หายไปแล้ว เพราะเมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขากลับคืนฟอร์มที่ยอดเยี่ยมได้แล้ว ในขณะที่ทีมที่อยู่อันดับต่ำกว่าพวกเขานั้นก็ค่อย ๆ มีฟอร์มที่ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ การคาดการณ์ที่ดูใกล้เคียงและมีสิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจริง นิวคาสเซิลจะรักษาพื้นที่ฟุตบอลยุโรปได้ ในตอนที่พวกเราทำนายแบบนี้ในช่วงต้นฤดูกาล พวกเราคิดว่านิวคาสเซิลจะโชว์ฟอร์มได้ดีในฤดูกาลนี้ แต่ยอมรับว่าพวกเราก็ไม่ได้คิดว่าพวกเขาจะโชว์ฟอร์มได้เด็ดดวงขนาดนี้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดยังไม่แพ้ใครในเกมลีกเลยนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม นี่ถือเป็นสถิติไม่แพ้ใครในลีกมา 10 เกมติดต่อกันเข้าให้แล้ว ซึ่งใน 10 นัดนั้นพวกเขาเก็บชัยชนะไปได้ถึง 7 เกมและเสมอเพียงแค่ 3 เกมเท่านั้น พวกเขาเสียประตูน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ โดยเสียไปเพียง 11 ประตู แถมยังยิงประตูในลีกได้มากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 โดยซัดไป 29 ประตู แพ้ไปเพียงแค่เกมเดียวในฤดูกาลนี้และมีแต้มตามหลังจ่าฝูงอย่างอาร์เซน่อลเพียง 7 แต้มเท่านั้น การที่นิวคาสเซิลขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกได้ในช่วงคริสต์มาสนั้นไม่ได้เป็นเรื่องฟลุ๊คอย่างแน่นอน มันอาจจะพอพูดได้ว่าฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงไปของทีมลุ้นแชมป์อย่างลิเวอร์พูลและเชลซีของเกรแฮม พ็อตเตอร์ในฤดูกาลนี้นั้นช่วยเปิดโอกาสให้นิวคาสเซิลได้ลุ้นท็อป 4 มากขึ้น แต่เครดิตส่วนใหญ่ก็ควรเป็นของลูกทีมของเอ็ดดี้ ฮาวและวิธีการที่พวกเขาฉวยโอกาสที่เหมาะเจาะนี้เอาไว้ได้ แต่ถึงกระนั้น ในฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกลและลิเวอร์พูลก็ดูจะกลับมาลงเล่นในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลด้วยฟอร์มที่แข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน ทีมสาลิกาดงจำเป็นที่จะต้องรักษาฟอร์มที่ยอดเยี่ยมนี้เอาไว้ให้ได้หากพวกเขาต้องการที่จะอยู่ในพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก…
ผลการแข่งขันที่คาด อังกฤษ 2-1 เซเนกัล สนาม: อัล บายท์ สเตเดี้ยม อังกฤษและเซเนกัลจะพบกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทั้งสองทีม แต่ถึงมันจะเป็นการเจอกันครั้งแรก เกมนี้จะเป็นเกมสุดดุเดือดที่จะบุกใส่กันอย่างไม่หยุดยั้งอย่างแน่นอน โดยเซเนกัลจะต้องตั้งสติให้ดีในเกมนี้ หากอยากจะเอาชนะทีมสิงโตน้ำเงินครามจอมอหังการได้ ถึงแม้พวกเขาจะดูเป็นรองอังกฤษอยู่ไม่มาก และเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้แล้วหลังจากกออกสตาร์ตฟุตบอลโลกได้ไม่ค่อยดีนัก แต่การขาดความคมในจังหวะสุดท้ายของเซเนกัลอาจส่งผลให้พวกเขาถึงแพ้ในเกมนี้ไปได้เลย เพราะอังกฤษนั้นมีแนวรุกที่มีสัญชาตญาณกองหน้าสูงและจบสกอร์ได้เฉียบคมมากมาย ฟอร์ม: อังกฤษ อังกฤษได้สลัดฟอร์มบู่ในปีที่แล้วออกไปอย่างหมดสิ้น หลังจากที่พวกเขาประกาศศักดาด้วยการถล่มอิหร่านในนัดแรกของพวกเขาไปถึง 6-2 โดยหากนับในรอบแบ่งกลุ่มสามนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ พวกเขายิงได้ถึงเก้าประตู มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขา นับรวมทุกทัวร์นาเมนต์ (นับเฉพาะรอบแบ่งกลุ่ม) และมากที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้เช่นเดียวกัน พวกเขายิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำและกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มแรง และมันก็เป็นงานของกุนซืออย่างแกเร็ธ เซาท์เกต ที่จะต้องวางแผนเพื่อนำศักยภาพที่ดีที่สุดในทีมออกมา และวางแผนให้ทีมสมดุลที่สุดเพื่อรับมือกับเซเนกัลที่มีจุดเด่นเรื่องสมรรถภาพทางกายที่แข็งแกร่ง แถมยังวิ่งไม่รู้เหนื่อยอีกด้วย ฟอร์ม: เซเนกัล ถึงแม้ว่าทีมเจ้าของแชมป์ทวีปแอฟริกาจะยิงไปแล้วถึงห้าประตูในฟุตบอลโลกหนนี้ แต่พวกเขายังมีปัญหาในเรื่องเกมรุกอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องการความคมในพื้นที่สุดท้าย โดยอลิอู ซิสเซ่ กุนซือของทีม น่าจะต้องกลับไปหาวิธีแก้ปัญหานี้ให้จงได้ เพราะในเกมที่สูสีกันแบบนี้ ความต่างในเรื่องการการยิงประตูจะเป็นการชี้ขาดเกมนี้ได้เลย ยิ่งเมื่อพิจารณาว่าอังกฤษเป็นทีมที่จบสกอร์ได้คมเอามาก ๆ ส่วนเรื่องเกมรับก็ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะพวกเขาก็ยังมีเกมรับที่ไม่เหนียวแน่นเอาซะเลย เรื่องการเอาบอลกลับมาครองนั้นยังไม่ดีพอ และอังกฤษก็อาจจะใช้จุดอ่อนนี้ส่งเซเนกัลกลับบ้านไปได้ ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร จากการที่เราไม่มีสถิติการพบกันเก่า ๆ ของคู่นี้เลย เราก็คงต้องวิเคราะห์เกมนี้ด้วยฟอร์มของทั้งสองทีมแทน โดยเมื่อดูจากสถิติแล้ว อังกฤษดูจะเป็นต่อกว่ามาก แต่ในเรื่องของการจบสกอร์กลับเป็นเซเนกัลที่ทำได้ดีกว่า เกมนี้จะเป็นเกมที่ถูกตัดสินด้วยเรื่องการสร้างโอกาสและการจบสกอร์ ซึ่งถ้ามองรวม ๆ แล้ว อังกฤษก็ยังเป็นฝ่ายที่น่าจะผ่านเข้ารอบไปได้อยู่ดี
ผลการแข่งขันที่คาด เนเธอร์แลนด์ 2-0 สหรัฐอเมริกา สนาม: คาห์ลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม รอบน็อคเอาต์ของฟุตบอลโลก 2022 จะเปิดฉากขึ้นด้วยคู่ที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว นั่นก็คือคู่ระหว่างเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา โดยทั้งสองทีมจะลงเล่นพบกันในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก แต่เคยลงเล่นพบกันมาก่อนหน้านี้ห้าครั้งแล้ว เมื่อดูจากประวัติแล้ว ทีมมะกันดูจะเป็นรองเยอะพอสมควรเลย อย่างไรก็ดี เมื่อลองพิจารณาว่าทีมสหรัฐมีผลงานที่ดีมากในฟุตบอลโลกครั้งนี้ อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนเล่นกับทีมอัศวินสีส้มในเกมอุ่นเครื่องแน่นอน เพราะฉะนั้น เกมนี้ก็ยังออกได้ทุกหน้า และจะเป็นอีกหนึ่งเกมที่สนุกสุดมันแน่นอน ฟอร์ม: เนเธอร์แลนด์ การที่ทีมใดทีมหนึ่งลงเล่นในฟุตบอลโลกสามนัดแบบยังไม่แพ้ใคร เก็บชนะได้ถึงสองนัด เสมออีกนัด นั้นก็น่าจะเป็นทีมที่แข็งแกร่งไม่น้อย อย่างไรกีดี เมื่อเรามองไปที่กลุ่มของเนเธอร์แลนด์ การเก็บได้เจ็ดคะแนนของพวกเขานั้นดูจะไม่ค่อยน่าเกรงขามเท่าไรเลย เพราะพวกเขาเกือบจะแพ้เอกวาดอร์ไปแล้ว รวมถึงต้องรอถึงนาทีที่ 80 กว่าจะเจาะเกมรับของเซเนกัลเข้า อย่างไรก็ดี กุนซือของทีมอย่างหลุยส์ ฟาน กัลป์ ก็น่าจะสามารถวางใจได้เลยว่าลูกทีมของเขาจะทุ่มเทเต็มร้อยอย่างแน่นอนในเกมที่ต้องวัดคมกับทีมจากแดนลุงแซม เพื่อที่จะลุ้นเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ถึงสามครั้งจากฟุตบอลโลกสี่ครั้งหลังสุด ฟอร์ม: สหรัฐอเมริกา ทีมมะกันเฉือนเอาชนะอิหร่านไปได้อย่างหวุดหวิด 1-0 ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเพื่อเบียดคว้าตั๋วในรอบน็อคเอาต์ในฐานะรองแชมป์กลุ่มบี ตามอังกฤษเข้ารอบไปได้ โดยคนส่วนใหญ่ก็น่าจะคาดหวังให้ทีมจากคอนคาเคฟเข้ารอบไปได้ แต่เชื่อว่าไม่น่ามีใครคิดว่าพวกเขาจะเข้ารอบด้วยสภาพทุลักทุเลแบบนี้อย่างแน่นอน การทำได้เพียงแค่เสมอกับอังกฤษและเวลส์นั้นก็ทำพวกเขาตกที่นั่งลำบากอยู่เหมือนกัน เพราะในเกมสุดท้ายพวกเขาจำเป็นจะต้องชนะอิหร่านสถานเดียวเท่านั้น แต่พวกเขาก็ทำได้ เรื่องนี้อาจจะพิสูจน์ให้เห็นเหมือนกัน ว่าบทจะเอา ลูกทีมของเกร็ก เบอร์ฮัลเตอร์ ก็สามารถชนะใครก็ได้เหมือนกัน หากจำเป็นจะต้องเอาจริง ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร จากประวัติการพบกัน ทั้งสองทีมดูจะห่างชั้นกันเหลือเกิน เพราะเป็นทีมอัศวินสีส้มที่คุมเกมได้อยู่หมัดในทุกครั้งทีเจอกัน ในเกมนี้ พวกเขาก็คงจะหวังที่จะเล่นในแบบเดิม คือการครองบอลให้มากกว่าทีมลุงแซม และสร้างโอกาสให้ได้มาก ๆ ส่วนสำหรับฝ่ายสหรัฐอเมริกา หากพวกเขาไม่อยากที่จะแพ้ไปแบบง่าย ๆ พวกเขาคงต้องเล่นบอลให้ดุดันในเกมนี้ เข้าบอลให้หนักหน่วง และอาจจะรวมไปถึงการพยายามตัดกำลังนักเตะด้วยการชนและปะทะในเกมด้วย อย่างไรกีดี ด้วยวิธีนี้ อย่างมากพวกเขาก็คงทำได้แค่เสมอและไปลุ้นเอาในลูกจุดโทษเท่านั้น
สารบัญ บทนำ รายชื่อนักเตะที่มีสิทธิ์ที่จะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ได้ MVP ตัวจริงของเรา บทนำ เกมลีกที่ปกติไม่เคยหยุดพักนั้นต้องถูกบีบให้หยุดลงเพื่อเปิดทางให้กับฟุตบอลโลกที่เตะในฤดูหนาวเป็นครั้งแรก ซึ่งจัดขึ้นที่กาตาร์ ในช่วงเวลาที่ไม่มีพรีเมียร์ลีกให้ได้ชมนี้ทำให้ผมได้มีเวลาได้คิดถึงเรื่องที่ว่าใครกันที่เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ วัดจากฟอร์มในเกมลีกราว 14-15 นัดที่ผ่านมา มีนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นมากมายในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้และการเลือกนักเตะที่ดีที่สุดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่พวกเราจะลองสโคปให้แคบลงหน่อย และตัดให้เหลือเพียง 7 นักเตะที่โชว์ฟอร์มในลีกได้ดีที่สุดจนถึงเวลานี้ เพราะฉะนั้นแล้ว เรามาดูเหล่านักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอดในฤดูกาลนี้กันเลยดีกว่า รายชื่อนักเตะที่มีสิทธิ์ที่จะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ หลังจากที่ต้องเปิดศึกแย่งลายเซ็นนักเตะกับจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกทีมปัจจุบันอย่างอาร์เซน่อล ในที่สุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็สามารถปาดหน้าคว้าตัวกองหลังของอาแจ็กซ์มาได้ด้วยค่าตัว 56.7 ล้านปอนด์และฟอร์มของเขานั้นก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามันคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ หลังจากที่เขาและทีมปีศาจแดงออกสตาร์ตฤดูกาลได้ไม่ค่อยดีนัก ในช่วงปรับตัวและควานหาฟอร์มเก่งในช่วงเปิดฤดูกาลใหม่ รวมไปถึงการตั้งคำถามมากมาในเรื่องของส่วนสูงที่ดูจะเตี้ยเกินไปหน่อยสำหรับตำแหน่งกองหลังของเขาอีกด้วย แต่ลิซานโดรก็สามารถจัดการโชว์ฟอร์มอุดปากเหล่าคำวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ ด้วยฟอร์มที่แข็งแกร่งในการจับคู่กับราฟาเอล วาราน จนกลายเป็นหัวใจหลักในเกมรับของทีมปิศาจแดงและยังช่วยให้คู่หูของเขาโชว์ฟอร์มได้ดีขึ้นเมื่อจับคู่กับเขาอีกด้วย ไม่มีเซ็นเตอร์แบ็คของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคนไหนที่เข้าสกัดบอลต่อ 90 นาที มากเท่ากับลิซานโดร มาร์ติเนซอีกแล้วที่อัตรา 0.97 ต่อเกมทั้งฤดูกาล อ้างอิงจาก FBRef มีเพียงแฮร์รี่ แม็คไกวร์เท่านั้น ซึ่งตัวเขานั้นลงเล่นน้อยกว่ามาร์ติเนซเอามาก ๆ ที่อัตรา 1.42 ครั้งต่อเกม ความสามารถในการจ่ายบอลที่โดดเด่นของมาร์ติเนซนั้นยังเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญของสไตล์การครองบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเขามีส่วนเป็นอย่างมากในการพาบอลจากหลังขึ้นหน้า อัตราการจ่ายบอลขึ้นหน้าที่ 1.87 ครั้งต่อเกมนั้นมีเพียงวิคตอร์ ลินเดอเลิฟเท่านั้นที่ทำได้มากกว่าเขา ซึ่งลินเดอเลิฟก็ลงเล่นน้อยกว่ามาร์ติเนซในฤดูกาลนี้เป็นอย่างมากอีกเช่นกัน กาเบรียล เชซุส อาร์เซน่อล – เป็นทีมที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้อย่างเห็นได้ชัด – พวกเขามีแต้มทิ้งห่างแชมป์เก่าอย่างเรือใบสีฟ้าอย่าง 5 แต้มไปแล้วก่อนเข้าช่วงพักเบรคและพวกเขาก็จะยังคงเป็นจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาสที่จะถึงนี้ หนึ่งในเหตุผลหลักที่เหล่าเดอะ กันเนอร์สเป็นจ่าฝูงอยู่ได้นั้นก็คือกาเบรียล เชซุส อาร์เซน่อลจ่ายเงินค่าตัว 45 ล้านปอนด์ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้เพื่อคว้าตัวเขามาร่วมทีมและเขาก็เป็นนักเตะที่เหมาะเจาะกับทีมของมิเกล อาร์เตต้าเป็นอย่างมาก โดยศูนย์หน้าหนุ่มอดีต “นักเตะส่วนเกินของเรือใบสีฟ้า” จัดไปแล้ว 5 ประตูและแอสซิสต์ไปอีก 5 ครั้งตลอด 14 เกมที่เขาลงเล่นในฤดูกาลนี้ แต่การคิดว่าเขามีค่าต่อทีมเฉพาะในเรื่องของการมีส่วนร่วมในการทำประตูนั้นจะทำให้คุณมองไม่เห็นภาพรวมของเขากับทีม เชซุสวิ่งพล่านไปทั่วสนามในฤดูกาลนี้และก็ยังโชว์ฟอร์มให้กับทีมได้โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การลงต่ำไปรับบอลและช่วยการสร้างจังหวะของเกมไปจนถึงการไล่เพรสบอลจากแดนบน เชซุสทำทุกอย่างเพื่อทีมและเป็นนักเตะที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยล่ะ เขาอาจจะไม่ได้มีคุณภาพดีเทียบเท่ากับกองหน้าคนอื่น ๆ ในลีก แต่เขาถือเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของอาร์เซน่อลอย่างแน่นอน วิลเลี่ยม ซาลิบา นักเตะของอาร์เซน่อลอีกคนที่จะต้องอยู่ในลิสต์นี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยนั่นก็คือวิลเลี่ยม ซาลิบา มิเกล…
สารบัญ บทนำ – ตลาดซื้อขายช่วงเดือนมกราคม สโมสรในพรีเมียร์ลีกที่จ้องจะซื้อนักเตะเพิ่ม สโมสรในพรีเมียร์ลีกที่เล็งจะขายนักเตะออก นักเตะเป้าหมายในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ นักเตะ เป้าหมายที่มีสิทธิ์โดนซื้อตัวในช่วงตลาดซื้อขายนี้ บทนำ เหล่าสโมสรฟุตบอลจะได้พักหายใจในช่วงนี้และรับชมฟุตบอลโลก เป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกนั้นจัดขึ้นในช่วงฤดูหนาว และนี่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของตารางการแข่งขันในช่วงกลางฤดูกาลและยังมีส่วนที่อาจจะทำให้แผนการของแต่ละสโมสรในพรีเมียร์ลีกนั้นเปลี่ยนแปลงไปอีกเช่นกัน จากการที่ฟุตบอลโลกเตะกันในช่วงเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงธันวาคม ตลาดซื้อขายในช่วงเดือนมกราคม 2023 นั้นมีสิทธิ์ที่จะเป็นตลาดซื้อขายในช่วงฤดูหนาวที่ยุ่งวุ่นวายมากที่สุดตลอดกาลเลยล่ะ พวกเขาจะมาดูกันว่าแต่ละทีมในพรีเมียร์ลีกจะทำอะไรกันบ้างหลังจากจบทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ สโมสรในพรีเมียร์ลีกที่จ้องจะซื้อนักเตะเพิ่ม ช่องว่างทางด้านการเงินระหว่างสโมสรในพรีเมียร์ลีกและสโมสรอื่น ๆ ใน 5 ลีกใหญ่นั้นยังคงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและในช่วงตลาดซื้อขายฤดูร้อนที่ผ่านมานั้นก็เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นถึงช่องว่างนั้น สถิติการซื้อตัวรวมกันของพรีเมียร์ลีกในช่วงซัมเมอร์นั้นอยู่ที่ 2.237 พันล้านยูโร ในขณะที่อันดับที่สองคือเซเรีย อาจากอิตาลีซึ่งใช้เงินไปเพียง 749.2 ล้านยูโรเท่านั้น คิดเป็นส่วนต่างมากถึง 1.5 พันล้านยูโรเลยทีเดียว นั่นถือเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่ไม่มีทีท่าจะขยับเข้าใกล้กันได้เลยในเร็ว ๆ นี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าพรีเมียร์ลีกนั้นดึงดูดเหล่านักเตะที่ดีที่สุดจ่ากทั่วทุกมุมโลก เนื่องจากแต่ละสโมสรนั้นมีเงินมากพอที่จะจ่ายให้เหล่านักเตะได้ ซึ่งมากกว่าทุก ๆ ที่ ๆ พวกเขาจะหาได้แล้วในโลก เมื่อรวมถึงความจริงที่ว่าเหล่าทีมกลางตารางก็ยังมีเงินพอที่จะคว้าตัวผู้จัดการทีมระดับแชมเปี้ยนส์ลีกมาได้นั้น มันก็กลายเป็นเรื่องยากที่จะต้านทานเรื่องเงินได้ แน่นอนว่ามันจะต้องมีปัญหาในช่วงฟุตบอลโลกสำหรับเหล่านักเตะที่ดีที่สุดเนื่องจากแต่ละทีมก็จะพยายามไต่เต้าให้ได้อันดับที่ดีกว่าเดิมในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่หนักหน่วง เหล่านักเตะดาวรุ่งที่อยู่ในเรดาร์ของเหล่าสโมสรยักษ์ใหญ่นั้นก็จะจับตาดูในตอนที่พวกเขาลงเล่นให้กับทีมชาติในเวทีฟุตบอลโลกอีกเช่นกัน ฟุตบอลโลกนั้นอาจจะทำให้ทีมเหล่านี้ได้เจอกับนักเตะใหม่ ๆ ที่น่าสนใจและอยู่นอกเรดาร์ของพวกเขามาตลอด หรือกลับกันอาจจะลดทอนความสนใจของพวกเขาในตัวของนักเตะบางคนลง เพราะโชว์ฟอร์มในฟุตบอลโลกไม่ได้ตามที่สโมสรคาดหวังเอาไว้และเลิกไล่ล่าคว้าตัวพวกเขาไป ส่วนเหล่าตัวนักเตะบางรายเองก็รู้ตัวดีว่ามันไม่ใช่แค่การโชว์ฟอร์มให้ดีเพื่อชาติของพวกเขาเท่านั้น แต่มันคือความหวังในการโชว์ฟอร์ม เพื่อที่จะได้ย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกเพื่อโกยเงินอีกด้วย เหล่าสโมสรบนหัวตารางและกลางตารางของพรีเมียร์ลีกนั้นจะมองหาการซื้อนักเตะด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน โดยหลักแล้ว เป้าหมายคือเพื่อประสบความสำเร็จในสนาม แต่สำหรับสโมสรกลางตารางแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะเป็นฝ่ายที่ต้องขายนักเตะออกไปนั้น พวกเขาจะมองหาโอกาสในการคว้าตัวนักเตะที่ยังไม่โด่งดังมากนักมากกว่า เพื่อที่จะคว้าตัวนักเตะได้ในราคาถูกโดยถือเป็นการลงทุนสำหรับอนาคตไปในตัว สโมสรกลางตารางทีมอื่น ๆ จะมองหาโอกาสในการคว้าตัวนักเตะที่จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพของทีมในระยะยาวและช่วยให้พวกเขาขยับขึ้นไปเป็นทีม “บิ๊กซิกส์” ทีมหัวตารางหรืออีกชื่อที่เรียกว่า “บิ๊กซิกส์” นั้นโดยปกติแล้ว พวกเขาจะจับตาดูเหล่านักเตะมากพรสวรรค์ เหล่านักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในทัวร์นาเมนต์อย่างฟุตบอลโลกนั้นจะดึงดูดเหล่าสโมสรมากมายพร้อมกับค่าตัวอีกมหาศาลเลยล่ะ นักเตะเหล่านี้ถือเป็นนักเตะที่จะย้ายมาสโมสรใหญ่เพื่อก้าวขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ด้วยการที่ฤดูกาลจะกลับมาเตะทันทีหลังจากจบทัวร์นาเมนต์นี้ พวกเขาก็คาดหวังว่าจะสร้างอิมแพ็คให้กับทีมใหม่ได้ทันทีอีกเช่นกัน แต่คงจะไม่ใช่ทุกสโมสรในพรีเมียร์ลีกที่จะมองหาโอกาสในการคว้าตัวนักเตะหลังจากจบฟุตบอลโลก เพราะสุดท้ายแล้วฟุตบอลโลกนั้นก็เป็นเพียงทัวร์นาเมนต์สั้น ๆ และฟอร์มที่ดีในช่วงเพียง 5-6 เกมนั้นก็ไม่ได้การันตีถึงศักยภาพที่แท้จริงของตัวนักเตะเอง แน่นอนว่าบางทีมจะประวิงเวลาและรอจนถึงในช่วงซัมเมอร์ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจ อย่างไรก็ดี พวกเขาจะต้องเดินเกมอย่างระมัดระวัง เพราะมีความเป็นไปได้ที่นักเตะเป้าหมายของพวกเขาที่อาจจะมีสิทธิ์โดนทีมอื่นฉกตัดหน้าไปเช่นกัน สโมสรในพรีเมียร์ลีกที่เล็งจะขายนักเตะออก เหล่าสโมสรที่จะขายนักเตะในลีก (และนอกเหนือจากนั้น) จะหวังให้เหล่านักเตะของพวกเขานั้นโชว์ฟอร์มได้ดีในทัวร์นาเมนต์นี้ ยิ่งนักเตะของพวกเขาโชว์ฟอร์มได้ดีมากเท่าไหร่ พวกเขาจะยิ่งปั่นราคาได้มากขึ้นเท่านั้นและปล่อยในราคาที่สูงที่สุดได้ หากมีบางทีมตัดสินใจที่จะไม่ซื้อตัวในช่วงตลาดซื้อขายช่วงเดือนมกราคมและนักเตะเหล่านั้นกลับโชว์ฟอร์มได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล มูลค่าของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังคำคมที่ว่า “มูลค่าในอดีตไม่ใช่มูลค่าในปัจจุบัน” หากพวกเขาดูไบรท์ตันเป็นตัวอย่าง พวกเขามีมอยเซส ไซเซโด้, คาโอรุ มิโตมะและอเล็กซิส…