Author: admin

ผลการแข่งขันที่คาด เวสต์แฮม 2-1 เอฟเวอร์ตัน เกร็ดน่ารู้ เวสต์แฮมพลาดท่าแพ้ให้กับวูล์ฟไปด้วยระยะห่างเพียงประตูเดียวเท่านั้น แต่สถานการณ์ของพวกเขาที่โอลิมปิก สเตเดี้ยมเริ่มจะแย่ลงไปทุกวัน ๆ แล้ว ส่วนเอฟเวอร์ตันก็แพ้ให้กับเซาแธมป์ตันที่กำลังย่ำแย่มาเหมือนกัน แถมเป็นการพ่ายแพ้แบบคากูดิสัน พาร์ค สนามเหย้าของพวกเขาเสียด้วย นี่เป็นการทำให้ความน่าอดสูของทีมเพิ่มขึ้นไปอีก และเพิ่มความกดดันให้กับกุนซืออย่างแฟรงค์ แลมพาร์ดเป็นอย่างมาก ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด เวสต์แฮม – แพ้,เสมอ,แพ้,แพ้,แพ้ เอฟเวอร์ตัน – แพ้,แพ้,เสมอ,แพ้,แพ้ สถิติระหว่างทั้งสองทีม ทั้งสองฝ่ายมีฟอร์มที่แย่พอกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างเก็บได้เพียงคะแนนเดียวถ้วนจากห้านัดหลังสุด ในห้าครั้งหลังสุดที่ทั้งสองทีมลงดวลแข้งกัน ไม่มีเกมไหนเลยที่ผู้ชนะสามารถเอาชนะได้ด้วยสกอร์ห่างเกินหนึ่งประตู นักเตะที่น่าจับตามอง ซาอิด เบนราห์มา ความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยมของปีกชาวแอลจีเรียนนั้นก็ยังไม่มากพอที่จะพาทีมชองเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ในฤดูกาลนี้ แต่แน่นอนว่าทีมขุนค้อนก็ยังต้องการฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาในนัดนี้ เพื่อที่จะคว้าสามคะแนนเต็มให้ได้ เดมาราย เกรย์ ริมเว้นของทีมอย่างเดมาราย เกรย์ น่าจะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของทีมท๊อฟฟี่สีน้ำเงินแล้วในฤดูกาลนี้ และเขาจะต้องเป็นคนมีส่วนร่วมแน่นอนถ้าเอฟเวอร์ตันได้ผลสกอร์ที่น่าพอใจกลับบ้านไป

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด เซาแธมป์ตัน 1-2 แอสตัน วิลล่า เกร็ดน่ารู้ เซาแธมป์ตันเพิ่งหยุดสถิติแพ้รวดของพวกเขาได้ในเกมก่อนที่พวกเขาบุกไปเอาชนะเอฟเวอร์ตันได้ 2-1 นี่ถือเป็นชัยชนะนัดแรกของนาธาน โจนส์ กุนซือใหม่ของทีมด้วย แอสตัน วิลล่ายังรักษาฟอร์มเก่งภายใต้การคุมทีมของอูไน เอเมอรี่ กุนซือใหม่ของพวกเขาได้ เมื่อในเกมก่อนพวกเขาเปิดสนาม วิลล่า พาร์ค เก็บสามคะแนนจากลีดส์ ยูไนเต็ดได้สำเร็จ ด้วยสกอร์ 2-1 ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด เซาแธมป์ตัน – ชนะ,แพ้,แพ้,แพ้,แพ้ แอสตัน วิลล่า – ชนะ,เสมอ,ชนะ,แพ้,ชนะ สถิติระหว่างทั้งสองทีม สองครั้งล่าสุดที่เซาแธมป์ตันเปิดสนามเซนต์ แมรี่ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของทัพสิงห์ผงาด ทั้งสองเกมจบด้วยสกอร์ 1-0 ทั้งคู่ โดยสลับกันคว้าสามคะแนนไปทีมละเกม ผลเฮดทูเฮดของเกมคู่นี้น่าสนใจมาก เพราะทั้งสองทีมมีสถิติเท่ากันเป๊ะ ใน 41 เกมที่เจอกันมาในประวัติศาสตร์ ต่างฝ่ายต่างเก็บชัยชนะได้ 16 ครั้งทั้งคู่ และเสมอกันไปในอีกเก้าเกมที่เหลือ นักเตะที่น่าจับตามอง เจมส์ วอร์ด-เพราส์ กัปตันจอมชัวร์ของทีมนักบุญยังคงเป็นนักเตะที่พึ่งพาได้มาตลอด แต่อย่างไรก็ดีเขาก็คงไม่สามารถทำทุกอย่างคนเดียวได้ และเพื่อน ๆ ของเขาจำเป็นที่จะต้องเร่งฟอร์มขึ้นได้แล้ว หากทีมอยากจะไต่อันดับหนีโซนตกชั้น ดั๊กลาส หลุยซ์ กองกลางชาวแซมบ้าเล่นได้เหนือกว่าฝีเท้าของตัวเองไปมากในฤดูกาลนี้ การตัดบอลและการมีส่วนร่วมในเกมรุกของเขานั้นทำให้ทีมได้เปรียบอยู่บ่อยครั้งเลยล่ะ

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด ลิเวอร์พูล 2-2 เชลซี ทีมอันดับสองและอันดับสามในฤดูกาลก่อนต่างก็หวังจะทำผลงานให้ดีขึ้นในฤดูกาลนี้ แต่ความเป็นจริงก็คือ ทั้งสองทีมต่างก็ผลงานตกลงไป และจมอยู่ในอันดับที่แปดและเก้าของตารางตามลำดับในขณะนี้ พวกเขาตามหลังทีมอันดับที่สี่อยู่ถึงสิบคะแนนทั้งคู่ และเป็นงานยากทีเดียวที่พวกเขาจะกลับมาทวงตำแหน่งท็อปโฟร์ได้ในฤดูกาลนี้ แต่สามคะแนนในนัดนี้น่าจะเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ชนะได้พอสมควรเลยทีเดียว และอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้พวกเขากลับมาคืนฟอร์มเก่งก็ได้ เกร็ดน่ารู้ ฟอร์มในบ้านของลิเวอร์พูลในปีนี้ถือว่าดีใช้ได้ เพราะมีแค่สี่ทีมในท็อปโฟร์เท่านั้นที่เก็บแต้มจากเกมในบ้านได้มากกว่าทีมหงส์แดง และสถิติยิงได้ 23 ประตูในเกมเหย้าของพวกเขาก็มากที่สุดเป็นอันดับที่สามของลีกด้วย ด้านทีมสิงห์บลูมีผลงานไม่ค่อยดีนักเมื่อลงเล่นเกมเยือน ในเกมเยือนห้านัดหลังสุดพวกเขาแพ้ไปถึงสามครั้ง และเสียไปถึงแปดประตู ฟอร์ม: ลิเวอร์พูล ผลสกอร์ในเกมที่ลิเวอร์พูลบุกไปเยือนไบรท์ตันในเกมก่อนนั้นไม่เป็นอย่างที่แฟน ๆ และพลพรรคหงส์แดงคาดหวังเท่าไรนัก เพราะพวกเขาเป็นฝ่ายโดนทัพนกนางนวลของโรเบร์โต้ เด เซอร์บี้ไล่ต้อนไปแบบเละเทะ 3-0 และจากการที่ทีมจะมีคิวลงเตะเกมใหญ่กับเชลซีต่อในวันเสาร์นี้ ลิเวอร์พูลน่าจะหวังหยุดสถิติแพ้รวดสองเกมของพวกเขาให้ได้เสียที สภาพโดยรวมของทีมยังดูร่อยหรอหมือนเดิม โดยเฉพาะการขาดแคลนตัวเลือกในแนวรุกอย่างหนัก แต่พวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำประตู และขยับเข้าใกล้ตำแหน่งท็อปโฟร์ให้ได้มากที่สุด ก่อนที่ตัวจริงของพวกเขาจะกลับมาฟิตพร้อมลงช่วยทีมอีกครั้ง ฟอร์ม: เชลซี สิงโตน้ำเงินครามของเกรแฮม พ็อตเตอร์ หยุดสถิติแพ้รวดสามนัดได้สำเร็จในเกมก่อน หลังพวกเขาเอาชนะคริสตัล พาเลซ ไปได้ และนอกจากแฟน ๆ ของเชลซีจะได้เฮจากสามคะแนนเต็มของทีมแล้ว การที่ทีมคว้าตัวมิคาอิโล มูดริค มาได้น่าจะทำให้แฟนบอลดีใจยิ่งกว่าเสียอีก เพราะพวกเขาปาดหน้าอาร์เซนอล คู่ปรับร่วมเมืองลอนดอนในศึกแย่งลายเซ้นได้สำเร็จ เชลซีน่าจะหวังเป็นอย่างยิ่งให้ดาวเตะหนุ่มวัย 22 ปีของพวกเขาไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวเยอะและโชว์ฟอร์มสดในเกมวันเสาร์นี้กับลิเวอร์พูลได้ทันที สถิติระหว่างลิเวอร์พูล VS เชลซี ครั้งล่าสุดที่ท้ังสองทีมลงฟาดแข้งกันจบลงด้วยการเสมอกันไป 1-1 โดยไค ฮาแวตซ์ ยิงประตูให้เชลซีขึ้นนำไปก่อน แต่ช่วงท้ายครึ่งแรก รีซ เจมส์ ก็มาทำเสียจุดโทษและโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป และเป็นโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่สังหารจุดโทษไม่พลาด ตีเสมอให้กับทีมได้สำเร็จ ส่วนในสองเกมก่อนหน้าเกมที่เสมอกัน ต่างฝ่ายต่างเอาชนะกันไปได้ทีมละครั้ง นักเตะที่น่าจับตามอง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หน้าที่การแบกเกมรุกของทีมจะตกอยู่ที่ซาลาห์เป็นส่วนใหญ่ เพราะในตอนนี้เขาเป็นนักเตะที่ฟิตพร้อมลงสนามคนเดียวในทีมที่ยิงได้มากกว่าสองประตูในฤดูกาลนี้ โดยฤดูกาลนี้แนวรุกจากอียิปต์ทำไปแล้วเจ็ดประตูด้วยกัน อย่างไรก็ดีเจ้าตัวก็เป้าสะอาดยิงไม่ได้ในเกมลีกมาสามนัดแล้ว หากพวกเขาหวังจะเอาชนะเชลซีให้ได้ ซาลาห์จะต้องมีส่วนร่วมกับการทำประตูให้กับทีมให้ได้อย่างเร็วที่สุด ไค ฮาแวตซ์ ดาวเตะเลือดอินทรีเหล็กเป็นแสงแห่งความหวังเล็ก ๆ ของทีมเชลซีในฤดูกาลนี้อยู่บ้าง ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ตำแหน่งอื่นในทีมนั้นอาการหนักกว่านั้นมาก เขาทำประตูชัยให้กับทีมในเกมก่อนกับคริสตัล พาเลซได้ และเพิ่มสถิติการยิงในลีกของเขาเป็นห้าประตู ครั้งล่าสุดที่เชลซีเจอกับลิเวอร์พูลในฤดูกาลก่อนเขาก็ทำประตูได้ด้วย และน่าจะหวังที่จะเป็นจุดเปลี่ยนและทำผลงานให้ได้โดดเด่นเหมือนเคย ผลการแข่งขันที่คาดระหว่างลิเวอร์พูล VS เชลซี เราคิดว่าทั้งสองทีมจะเสมอกันไป 2-2 ในเกมนี้…

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด เลสเตอร์ 0-2 ไบรท์ตัน เกร็ดน่ารู้ เลสเตอร์แพ้ให้กับคู่แข่งที่เบาและควรจะชนะได้อีกครั้ง ในเกมที่พวกเขาบุกไปแพ้น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0 ในเกมก่อน ส่วนไบรท์ตันยังคงทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจต่อเนื่องในช่วงหลัง โดยเฉพาะในเกมล่าสุดที่พวกเขาสอนเชิงลิเวอร์พูลของเจอร์เก้น คล็อปป์ไปได้อย่างน่าทึ่ง ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด ไบรท์ตัน – ชนะ,ชนะ,แพ้,ชนะ,แพ้ เลสเตอร์ – แพ้,แพ้,แพ้,แพ้,ชนะ สถิติระหว่างทั้งสองทีม เลสเตอร์แพ้ไปแล้วถึง 12 เกมในฤดูกาลนี้ เมื่อเทียบกับคุณภาพของนักเตะและทีมงานโค้ชของพวกเขาแล้ว นี่ถือเป็นสถิติที่ย่ำแย่เอามาก ๆ พลพรรคนกนางนวลถล่มทีมจิ้งจอกสยามมาถึง 5-2 ในเกมที่เจอกันในเลกแรกที่เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม ของไบรท์ตัน ในเกมนั้นอเล็กซิส แม็คอลิสเตอร์ ฮีโร่แชมป์ฟุตบอลโลกของทีมทำประตูได้จากลูกฟรีคิกสุดสวยด้วย นักเตะที่น่าจับตามอง อเล็กซิส แม็คอลิสเตอร์ กองกลางชาวอาร์เจนไตน์กลับมาลงเล่นกับสโมสรด้วยฟอร์มเดิมได้อย่างไร้รอยต่อ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ไปเตะฟุตบอลโลกอย่างไรอย่างนั้น ในเกมนี้เขาจะเป็นคีย์แมนของทีมนกนางนวลอย่างแน่นอน เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ เป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียวว่าเบรนแดน รอดเจอร์ส กุนซือของทีมจิ้งจอกสยามจะดร็อปกองหน้าชาวไนจีเรียนรายนี้อีกหรือไม่ เพราะเจ้าตัวทำผลงานได้ดีในถ้วยเอฟเอ คัพ และทีมก็กำลังประสบปัญหาปืนฝืดอยู่ในขณะนี้

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด บอร์นมัธ 0-1 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เกร็ดน่ารู้ บอร์นมัธยังหาฟอร์มเก่งของพวกเขาไม่เจอ และยังอยู่ในช่วงแพ้ยาว ๆ อยู่ หลังจากเกมล่าสุดพวกเขาแพ้ให้กับเบรนต์ฟอร์ดที่กำลังร้อนแรงไปแบบคาบ้าน 2-0 จากผลงานของไอแวน โทนี่ย์ และ แมทธิอัส เจนเซ่น คนละหนึ่งประตู ส่วนทีมเจ้าป่าก็ทำให้แฟน ๆ เชื่อว่าฟอร์มช่วงหลังของพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องฟลุค และเอาชนะเลสเตอร์ในบ้านไปได้ 2-0 ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด บอร์นมัธ – แพ้,แพ้,แพ้,แพ้,ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ – ชนะ,ชนะ,เสมอ,แพ้,ชนะ สถิติระหว่างทั้งสองทีม ทั้งสองทีมไม่เคยเจอกันเลยในลีกสูงสุดมาก่อนหน้าฤดูกาลนี้เลย นี่จะเป็นการเจอกันในลีกสูงสุดครั้งที่สองเท่านั้น โดยครั้งแรกเมื่อเลกแรกที่ผ่านมา เป็นบอร์นมัธที่บุกไปเอาชนะฟอเรสต์ถึงซิตี้ กราวนด์ได้ 3-2 ทีมเดอะ เชอร์รีส์แพ้มาสี่นัดติดกันแล้ว และนัดนี้ก็จ่อที่จะเป็นนัดที่ห้าของพวกเขา นี่จะส่งพวกเขากลับไปยังโซนตกชั้น และสุ่มเสี่ยงอย่างมากที่จะกลับลงไปเล่นในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิป อีกครั้ง นักเตะที่น่าจับตามอง ฟิลลิป บิลลิ่ง มิดฟิลด์สูงยาวเข่าดีของทีมเดอะ เชอร์รี่ส์ รายนี้เป็นนักเตะที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในทีมแล้ว และเป็นไม่กี่จุดของทีมที่ดูไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร เทียบกับผลงานของทีมที่ค่อนข้างแย่ ถ้าฟอเรสต์พลาดเปิดช่องให้เขาในเกมนี้ล่ะก็ พวกเขาจะโดนเขาลงโทษอย่างเฉียบขาดแน่นอน ไตโว อโวนิยี่ ศูนย์หน้าจากแดนอินทรีมรกตยังคงแสดงให้เห็นว่าเขานั้นยังคงเป็นตัวอันตรายที่ประมาทไม่ได้มาตลอดในฤดูกาลนี้ และเราก็เชื่อว่าเขาจะทำประตูได้ในเกมนี้ด้วย

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ต่างก็ตกอยู่สถานการณ์ที่มองบางมุมก็คล้าย ๆ กัน แต่มองอีกมุมก็ต่างกันซะเหลือเกิน ก่อนที่จะลงฟาดแข้งเจอกันเองในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ความพ่ายแพ้ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองนั้นนับเป็นครั้งแรกในรอบ 42 เกมทัพเรือใบสีฟ้าออกนำคู่แข่งไปก่อน แต่กลับไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียวหลังจบเกม นี่เป็นสถิติที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาพของทีมในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี พวกเขายังคงครองบอลเหนือคู่แข่งได้เป็นส่วนใหญ่เหมือนเคย แต่มีปัญหาอย่างหนักในเรื่องการเปลี่ยนการครองบอลของพวกเขาเป็นโอกาสการจบสกอร์ไม่ได้ หรือได้ก้ได้น้อย จนส่งผลต่อเรื่องจำนวนประตูของทีมในช่วงหลัง ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ยังส่งผลให้ในตอนนี้พวกเขาตามหลังจ่าฝูงอาร์เซนอลมากถึงแปดคะแนนแล้ว และยังเป็นสัญญาณเตือนพวกเขาว่าทีมคู่ปรับบ้านใกล้เรือนเคียงของพวกเขาอย่างทีมปีศาจแดงกำลังจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ และจะกลับมาเทียบรัศมีกับพวกเขาได้เร็วกว่าที่พวกเขาคิดมาก ส่วนอีกด้านหนึ่ง ทัพไก่เดือยทองแพ้อริตลอดกาลร่วมนอร์ธ ลอนดอนอย่างอาร์เซนอลไปแบบไร้ทางสู้ หลังจากโดนทัพปืนใหญ่ไล่ต้อนคาบ้านไปแบบสบาย ๆ 2-0 แม้ว่าสเปอร์จะเป็นฝ่ายเบียดแย่งตำแหน่งอันดับสี่จากอาร์เซนอลมาได้ในปีก่อน ในตอนนี้พวกเขารั้งอันดับห้าของลีก และตามหลังจ่าฝูงอย่างอาร์เซนอล ทีมที่พวกเขาเคยแย่งท็อปโฟร์มาได้อยู่ถึง 14 คะแนน เกร็ดน่ารู้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้มีสถิติเกมในบ้านดีที่สุดในลีก ณ ตอนนี้ พวกเขาเก็บชัยชนะในบ้านได้เจ็ดครั้ง และยิงประตูเมื่อลงเล่นในบ้านได้ถึง 31 ลูก แต่ทัพไก่เดือยทองก็ไม่แพ้ใครในเกมเยือนมาสามเกมติดแล้ว และในสามเกมที่ว่า พวกเขาบุกไปเอาชนะได้ถึงสองครั้ง และทำได้ถึงเก้าประตู ฟอร์ม: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์น่าจะอยากกลับไปคืนฟอร์มเก่งและเก็บชัยชนะให้ได้อีกครั้งในเกมนี้ที่พวกเขาจะได้เล่นในบ้าน หลังจากสองอาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเขาต้องลงเล่นเกมเยือนทั้งสองอาทิตย์ และผลงานก็ออกมาไม่ค่อยน่าพอใจนัก เกมในวันพุธนี้จะเป็นโอกาสกู้หน้าของพวกเขาอย่างแน่นอน พลพรรคเรือใบสีฟ้าไม่ชนะเกมเหย้ามาสองเกมติดแล้ว และจำเป็นจะต้องล้างสถิติดังกล่าวให้ได้ ถึงจะต้องเจอกับทีมที่เอาชนะพวกเขาได้ทั้งเหย้าและเยือนในปีก่อนมาก็ตาม ฟอร์ม: ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ แฟน ๆ สเปอร์ต้องหวังให้ทีมขวัญใจของพวกเขาเล่นให้ได้เหมือนกับฤดูกาลก่อน หากพวกเขาอยากจะมีแต้มออกจากเอติฮัด สเตเดี้ยมมาได้เหมือนในฤดูกาลที่ผ่านมา และเหมือนกับคู่แข่งของพวกเขา ทัพไก่เดือยทองก็จะลงเล่นนัดนี้ด้วยสภาพจิตใจของทีมที่ไม่ค่อยดีนักเช่นกัน แต่พวกเขาจะต้องสลัดมันทิ้งไปให้ได้ และเล่นให้เต็มที่เพื่อผลการแข่งขันที่ดีที่สุดในนัดนี้ สามคะแนนเต็มในเกมนี้จะช่วยให้พวกเขายังมีลุ้นตำแหน่งท็อปโฟร์อยู่ เพราะพวกเขาจะตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหลือเพียงสองคะแนนเท่านั้น สถิติระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ถึงแม้ว่าสเปอร์จะเป็นฝ่ายบุกมาเอาชนะทัพเรือใบสีฟ้าได้ถึงถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยมของพวกเขา 3-2 เมื่อฤดูกาลก่อน แต่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ยังมีสถิติโดยรวมที่ดีกว่า เพราะจากการเปิดบ้านรับทีมไก่เดือยทองห้าครั้งหลังสุด พวกเขาเก็บชัยชนะได้ถึงสามครั้ง และถึงแม้ว่าทีมไก่เดือยทองจะไม่แพ้ในเกมเยือนมาสามเกมติดแล้ว แต่พวกเขาก็เสียไปถึงห้าประตู และเก็บคลีนชีตได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น นักเตะที่น่าจับตามอง เควิน เดอ…

Read More

พรีเมียร์ลีกก็ลงฟาดแข้งกันมาเกือบจะถึงครึ่งทางของฤดูกาลแล้ว และสัปดาห์ล่าสุดก็เต็มไปด้วยเหตุการณ์และการแข่งขันสุดเร้าใจมากมายไม่ว่าจะเป็นคู่ไหนก็ตาม ความสำคัญของแต่ละเกมมันค่อย ๆ มากขึ้นและจะเห็นผลมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลที่หลาย ๆ ทีมจะต้องรู้สึกกดดันไม่น้อย แมตช์การแข่งขันมากมายทั้งบอลลีกและบอลถ้วยจะเข้ามาหานักเตะอย่างไม่ขาดสายชนิดแทบไม่ได้พักกันอย่างแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะยังเปลี่ยนแปลงกันได้ ตอนนี้เราก็พอจะเห็นภาพกันแล้วว่าใครจะเป็นตัวเต็งที่จะลุ้นแชมป์ ไปบอลยุโรป หรือตกชั้นไป เพราะการต่อสู้ในทั้งสามโซน การลุ้นแชมป์ในโซนหัวตาราง การแย่งโควต้าบอลยุโรปในโซนกลางตาราง และการหนีตกชั้นในโซนท้ายตารางนั้นต่างก็ดุเดือดไม่แพ้กันเลย เพราะทุกทีมต่างก็พยายามจะคว้าทุกแต้มที่เป็นไปได้เพื่อบรรลุเป้าหมายในฤดูกาลนี้ของพวกเขาให้จงได้ อย่างไรก็ดี ในบทความนี้เราจะเน้นไปที่การต่อสู้บริเวณหัวตารางมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องการแย่งแชมป์ในฤดูกาลนี้ ในฤดูกาลที่มีเรื่องช็อคแฟนบอลมากมายฤดูกาลนี้ สามทีมในตำแหน่งท็อปโฟร์ของลีกตอนนี้ไม่ได้จบในอันดับโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลก่อนด้วยซ้ำ และเช่นเดียวกัน สามทีมเจ้าของท็อปโฟร์ในฤดูกาลก่อนก็กำลังมีปัญหาอย่างหนักเลยล่ะ และหลังจากที่ทุกเกมในคิวเตะสัปดาห์ก่อนจบลง วันนี้เราจะมาดูและลองวิเคราะห์ผลคู่ต่าง ๆ (ที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว) ว่าผลการแข่งขันในสัปดาห์นี้จะส่งผลต่อการลุ้นแชมป์อย่างไรบ้าง และอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ อาร์เซนอลเปิดหัวเลกสองได้อย่างยอดเยี่ยม หยุดสถิติไร้ชัยเหนือไก่เดือยทองได้สำเร็จ อาร์เซนอลในตอนนี้เหมือนกับทีมต่างดาวไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครหยุดพวกเขาได้เลยในตอนนี้ ในเกมที่ผ่านมา พวกเขาบุกไปเยือนเพื่อนบ้านคู่ปรับตลอดกาลทื่อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรอย่างท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ทีมที่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะหรือเก็บคลีนชีตได้เลยในเจ็ดครั้งล่าสุดที่เจอกัน แต่ในครั้งนี้พวกเขากลับทำได้ทั้งสองอย่าง ทั้งกลับบ้านพร้อมสามคะแนนเต็มแถมเก็บคลีนชีตได้ด้วย ถ้านี่ยังไม่ใช่คุณสมบัติและฟอร์มของทีมที่เป็นเต็งแชมป์ล่ะก็ เราก็ไม่รู้แล้วล่ะว่าฟอร์มระดับแชมป์มันจะขนาดไหน ความผิดพลาดของฮูโก้ โยริสในนาทีที่ 14 ทำให้อาร์เซนอลออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว แต่ถึงจะนำไปแล้วทัพปืนใหญ่ก็ยังโหมบุกใส่และกดดันแนวรับของเจ้าบ้านอย่างต่อเนื่อง จนเอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ โธมัส ปาร์เตย์ เกือบจะยิงได้ โดยรายหลังวอลเลย์นอกกรอบแบบสุดสวย น่าเสียดายที่ลูกดันไปชนเสา แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็มาได้มาร์ติน โอเดการ์ดที่ทำประตูให้ทีมนำห่างออกไปอยู่ดี ทีมไก่เดือยทองกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้นในครึ่งหลัง และเจาะเกมรับอาร์เซนอลได้บ่อยครั้ง แต่อารอน แรมส์เดล ก็ยังเอาอยู่ โชว์ผลงานเซฟสวย ๆ ได้ทุกครั้งที่เพื่อนร่วมทีมของเขาพลาดท่า ลูกทีมของมิเกล อาร์เตต้าแสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจของผู้ชนะออกมาให้เห็นตลอด และไม่เคยตื่นตระหนกเลยแม้ว่าสนามจะเต็มไปด้วยกองเชียร์ทีมคู่แข่ง ผลการแข่งขันในเกมนี้มันได้แสดงออกมาแล้วว่าอาร์เซนอลเป็นทีมที่ทนต่อแรงกดดันได้แบบสบาย ๆ ผลจากสามคะแนนเต็มในนัดนี้ยังทำให้พวกเขาเพิ่มระยะห่างเหนืออันดับสองเป็นแปดคะแนนด้วย และการันตีว่าจะได้เป็นผู้กุมชะตาของตัวเองอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็จนถึงนัดที่ต้องตัดแต้มกับทีมเรือใบสีฟ้าแบบทางตรง ความพ่ายแพ้ในเกมนี้คือการปิดประตูแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลยหรือเปล่า แน่นอนว่าไม่ แต่ความเป็นจริงก็คืออาจจะใช่ก็ได้ ความพ่ายแพ้ต่ออริร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นช่างเป็นความพ่ายแพ้ที่ทำลายความมั่นใจของทีมเรือใบสีฟ้าเหลือเกิน ไม่ใช่เพียงเพราะว่าพวกเขาแพ้หรือเพราะมีจังหวะปัญหาในลูกตีเสมอของทีมปีศาจแดงเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของฟอร์มการเล่นโดยรวมของทีมมากกว่า พลพรรคเรือใบสีฟ้าครองบอลได้ถึง 71% ในเกมนี้ แต่แทบจะไม่มีจังหวะไหนเลยในเกมนี้ที่พวกเขาได้ครองเกม ช่วงที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นช่วงต้นครึ่งหลัง ที่พวกเขาหาจังหวะขึงบุกใส่ทีมปีศาจแดงได้ และเป็นแจ็ค กรีลิช ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาใช้จังหวะนี้ทำประตูขึ้นนำให้ทีมได้สำเร็จ หลังเกมผ่านไปราว 60 นาที ฟิล โฟเด้น ยังคงหาฟอร์มเก่งของตัวเองไม่เจอจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาทีที่ 57…

Read More

แมนเชสเตอร์ ซิตี้พบว่าพวกเขาเองนั้นกำลังอยู่ในสถานการณ์แปลก ๆ ฟอร์มสุดห่วยในช่วงที่ผ่านมาของพวกเขาและเกมที่พวกเขาออกไปเยือนและพ่ายให้กับเซาแธมป์ตันในเกมคาราบาวคัพสร้างความกังวลใจให้กับเหล่าแฟนบอลของพวกเขา ถึงแม้ว่าทีมเรือใบสีฟ้าจะใช้ทีมชุดผสมลงเล่นในเกมนั้น แต่หลายฝ่ายก็พอจะจินตนาการได้ว่าพวกเขานั้นมีคุณภาพเพียงพอที่จะจัดการคู่แข่งได้ แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ก่อนจบเกมการแข่งขัน ทีมเรือใบสีฟ้าจัดการส่งนักเตะตัวจริงอย่างเควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกันและเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ลงสนาม แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างโอกาสยิงตรงกรอบใส่เซาแธมป์ตันได้เลย ในการที่จะหาเหตุผลถึงฟอร์มอันย่ำแย่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในช่วงหลัง ๆ นั้น แฟนบอลบางส่วนกับเหล่าคนที่ไม่ได้แฟนของทีมเรือใบสีฟ้านั้นเชื่อว่าการมาของเออร์ลิ่ง ฮาลันด์อาจจะเป็นหนึ่งในตัวแปรของฟอร์มที่ย่ำแย่นี้อยู่ก็เป็นได้ ก่อนอื่นเลย มันอาจจะฟังดูไม่สมเหตุผลสมผลซักเท่าไหร่ที่จะบอกว่านักเตะที่พึ่งยิงประตูในลีกไปแล้ว 21 ประตูจาก 16 เกมนั้นจะกลายมาเป็นตัวปัญหาของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ในขณะเดียวกัน คู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นก็ออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างสุดห่วยที่สุดในยุคของพรีเมียร์ลีกโดยการมีคริสเตียโน่ โรนัลโด้เป็นดาวซัลโวของพวกเขา ฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นไม่ได้ย่ำแย่เท่ากับฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลที่แล้วเลย แต่คำถามในตอนนี้ก็คือว่าฮาลันด์ได้เข้ามายกระดับทีมเรือใบสีฟ้าหรือไม่ มันอาจเป็นคำถามง่าย ๆ แต่คำตอบนั้นไม่ได้ง่ายแบบนั้นเลย ฮาลันด์ส่งผลกระทบต่อการพังประตูและการสร้างโอกาสในการทำประตูอย่างไรบ้าง? ฟอร์มการพังประตูที่ยอดเยี่ยมของฮาลันด์ในฤดูกาลนี้ เช่นเดียวกับการพังสถิติการทำประตูมากมายของเขานั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับแฟนบอลในพรีเมียร์ลีกอีกต่อไปแล้ว สถิติการพังประตูของเขานั้นยอดเยี่ยมและดูเป็นธรรมชาติเอามาก ๆ ทีมถูกสร้างขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้รับการป้อนบอลและพังประตูมากมายเท่าที่เขาจะทำได้ ด้วยการที่มันเป็นเช่นนี้ มันก็เป็นปกติที่อัตราการพังประตูของนักเตะบางคนจะลดลงไปเช่นกัน ตามสถิติดังกล่าว พวกเราเปรียบเทียบกับจำนวนประตูเช่นเดียวกับประตูที่คาด (x ต่อประตู) ระหว่างฤดูกาลนี้กับฤดูกาลที่แล้วหลังจากที่ผ่านไปแล้ว 17 เกมเพื่อดูว่าการมาของฮาลันด์นั้นสร้างอิมแพคที่ดีหรือแย่ให้กับทีมกันแน่ สถิติการพังประตูของแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อเปรียบเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว หลังจากที่ผ่านไป 17 เกมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้พังประตูไปแล้ว 40 ประตูจากอัตราประตูที่คาดที่ 40.86 ประตู ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานไปน้อยกว่า 1 ประตูด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลนี้ พวกเขาทำไปแล้ว 45 ประตูพร้อมกับอัตราประตูที่คาดที่ 38.99 ประตู ซึ่งถือว่ามากกว่าอัตราประตูที่คาดของพวกเขา 6 ประตู เมื่อพูดถึงแค่เรื่องของการทำประตู คุณอาจจะบอกได้ว่าฮาลันด์เข้ามาเพิ่มจำนวนประตูได้มากขึ้นถึง 5 ประตู ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น จากนั้น เมื่อคุณลองดูไปที่อัตราของประตูที่คาดเมื่อผ่านไป 17 เกมแล้วนั้นแสดงให้เห็นว่าจำนวนการพังประตูของแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นมีความสม่ำเสมอ แต่อย่างไรก็ตาม ฟอร์มในฤดูกาลนี้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีโอกาสที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นจะขาดการทำประตูอย่างสม่ำเสมอลงในไม่ช้าก็เร็ว โดยส่วนตัวแล้ว ฮาลันด์พังประตูไปแล้ว 21 ประตูจาก 16 เกมที่ลงสนามด้วยอัตราประตูที่คาดที่ 15.81 นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาพังประตูไปเกินจำนวนประตูที่คาดถึง 5…

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด คริสตัล พาเลซ 0-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในคืนวันพุธที่จะถึงนี้ คริสตัล พาเลซ จะต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในทีมกำลังฟอร์มร้อนแรงที่สุดในลีกในขณะนี้ ทีมปราสาทเรือนแก้วจะกลับมาลงเล่นในรังเหย้าของพวกเขาอีกครั้งในเกมนี้ หลังบุกไปแพ้เชลซีมา 1-0 ในเกมก่อน พวกเขาจะหวังให้โชคเข้าข้างพวกเขาบ้างในเกมนี้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะนี่เป็นการเจอกับทีมบิ๊กซิกซ์ครั้งที่สามแล้วในรอบสี่เกมหลัง อย่างน้อยพวกเขาก็ควรมีลุ้นที่จะทำแต้มจากทีมใหญ่ได้บ้าง อีกด้านหนึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทีมเยือนก็น่าจะหวังพึ่งฟอร์มที่กำลังเข้าฝักของพวกเขาให้เก็บชัยชนะในเกมลีกได้อีกครั้งเหมือนเคย หลังจากโชว์ฟอร์มคัมแบ็คมาปราบคู่ปรับอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้สำเร็จเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกทีมของเอริก เทน ฮากก็น่าจะอยากที่จะลงเล่นนัดต่อไปเต็มแก่แล้ว เกร็ดน่ารู้ ก่อนจะลงเตะเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชนะมาห้านัดรวดในศึกพรีเมียร์ลีก และหากนับแบบรวมทุกรายการ พวกเขาชนะรวดมาเก้านัดแล้ว ทีมปีศาจแดงยังไม่ทำแต้มหลุดมือเลยแม้แต่แต้มเดียว นับตั้งแต่แพ้ให้กับแอสตัน วิลล่าไป 3-1 เมื่อเดือนพฤษจิกายนที่ผ่านมา ส่วนคริสตัล พาเลซ แพ้ทุกนัดที่พวกเขาลงเล่นในสามนัดล่าสุดรวมทุกรายการ หนำซ้ำความพ่ายแพ้สองจากสามนัดนั้นยังเป็นความพ่ายแพ้แบบคาบ้านด้วย ในสองนัดที่ว่า พวกเขาเสียไปถึงเจ็ดประตูและยิงคืนไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว ฟอร์ม: คริสตัล พาเลซ พลพรรคปราสาทเรือนแก้วแพ้มาสามนัดติดแล้ว แต่เอาเข้าจริง ๆ โปรแกรมการลงเตะของพวกเขานั้นมันช่างนักหนาเหลือเกิน และในเกมนี้คู่แข่งก็ไม่ได้เบาไปกว่าเดิมเลย พวกเขาจะต้องเจอกับศึกหนักอีกครั้ง เมื่อทีมปีศาจแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์จะบุกมาเยือนพวกเขาในวันพุธนี้ พวกเขารั้งอันดับที่ 12 ของตารางอยู่ในขณะนี้ ยังทิ้งระยะห่างเหนือโซนตกชั้นอยู่เจ็ดคะแนน ซึ่งทำให้ไม่ว่าผลในเกมวันพุธนี้จะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังถือว่าค่อนข้างปลอดภัยและไกลจากการหนีตกชั้นมาก อย่างไรก็ดี ลูกทีมของปาทริค วิเอร่าน่าจะต้องรีบเรียกฟอร์มเก่งกลับมาให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่ปัญหาทุกอย่างมันจะใหญ่จนสายเกินแก้ ฟอร์ม: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมปีศาจแดงชนะรวดมาทุกนัดที่พวกเขาลงเตะนับตั้งแต่จบช่วงพักเบรกฟุตบอลโลก ซึ่งถ้านับต่อมาจากก่อนช่วงพักเบรกด้วยล่ะก็ พวกเขาไม่แพ้ใครในลีกมาห้าเกมติดกันแล้ว หลังจากกลับมาเอาชนะทัพเรือใบสีฟ้าได้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ปีศาจแดงของเอริก เทน ฮากเก็บชัยชนะในลีกได้ 12 เกมแล้ว และ 20 นัดรวมทุกรายการ ตัวเลขดังกล่าวนั้นมีความสำคัญตรงที่ว่าเมื่อฤดูกาลก่อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเก็บชัยชนะในลีกได้ 16 เกม และ 20 ครั้งรวมทุกรายการ ในตอนนี้ หลังผ่านครึ่งฤดูกาลมาไม่นาน พวกเขาก็ตามหลังสถิติชนะของฤดูกาลก่อนอยู่แค่สี่ครั้งเท่านั้น นี่น่าจะพอแสดงให้เห็นได้ว่าทีมปีศาจแดงพัฒนาขึ้นมามากแค่ไหน และแน่นอนว่าพวกเขาก็มีโอกาสสูงที่จะเพิ่มสถิตินั้นเป็น 21 นัดรวมทุกรายการ ในเกมต่อไปที่พวกเขาจะเดินทางไปเยือนเซลเฮิร์สต์ พาร์ค ของคริสตัล พาเลซ สถิติระหว่าง…

Read More

ความพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้นอกบ้านในเกมเอฟเอ คัพนั้นทำให้เชลซีแพ้ให้กับทีมเรือใบสีฟ้าเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกันและแพ้เป็นเกมที่ 7 จาก 9 เกมหลังสุด นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับทีมสิงห์บลูส์อย่างแน่นอน มันเป็นฟอร์มสุดห่วยที่ทำให้แฟนบอลของเชลซีหัวเสียเป็นอย่างมาก กองเชียร์กลุ่มหนึ่งที่เคยชินกับการคว้าชัยชนะนั้นแทบจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสิ่งที่พวกเขาเห็นจากทีมสิงโตน้ำเงินครามอันเป็นที่รักของพวกเขา แฟน ๆ ต่างพากันตื่นตระหนกและเหล่าตัวนักเตะเองก็ต่างกัน ท่ามกลางเรื่องราวทั้งหมดนั่นก็คือเกรแฮม พอตเตอร์ ผู้จัดการทีมที่ผงาดขึ้นมาในวงการฟุตบอลและได้รับคำชื่นชมจากหลาย ๆ ฝ่ายนั้นได้รับรางวัลจากผลงานอันยอดเยี่ยมของเขากับไบรท์ตัน เมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของเชลซีเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว การเข้ามาของเขายังถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์นั้นได้รับการต้อนรับด้วยปฏิกิริยาที่หลากหลายจากแฟนบอลเชลซี บางคนก็ยังชอบโธมัส ทูเคิ่ล ผู้ที่เคยพาสิงห์บลูส์คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีกให้กับพวกเขาเมื่อปีก่อนมากกว่า ในขณะที่อีกด้านก็พร้อมที่จะสนับสนุนผู้จัดการทีมคนใหม่ของพวกเขา เชลซีเก็บชัยชนะได้ 6 จาก 9 นัดแรกภายใต้การคุมทีมของพ็อตเตอร์ แถมชัยชนะ 2 จาก 6 เกมนี้ยังเป็นการเอาชนะทีมอย่างเอซี มิลานได้ในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกด้วย จุดเริ่มต้นของฟอร์มอันย่ำแย่ เส้นทางของพ็อตเตอร์เหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ จนกระทั่งเชลซีได้บุกไปเยือนไบรท์ตัน สโมสรเก่าของเกรแฮม พ็อตเตอร์ ไบรท์ตันเอาชนะเชลซีไปได้ด้วยสกอร์ถึง 4-1 ในเกมที่เชลซีนั้นสู้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อยและต้องกลับบ้านไปอย่างน่าอับอาย และด้วยเหตุนี้จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของฟอร์มอันย่ำแย่พวกเขา เชลซีแพ้ไปอีก 3 เกมก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มต้นขึ้น และพวกเขาคงรู้สึกดีเป็นอย่างมากที่ได้โอกาสในการกลับมาเริ่มต้นใหม่หลังช่วงพักเบรกอีกครั้ง พวกเขากลับมาเจอกับบอร์นมัธที่กำลังดิ้นรนหนีตายและทำผลงานได้ดีโดยการเอาชนะบอร์นมัธไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 แต่บอร์นมัธก็ยังคงมีโอกาสยิงเข้ากรอบถึง 4 ครั้งด้วยกัน พวกเขาไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนได้เลยในการเผชิญหน้ากัน 3 เกมหลังสุดและความพ่ายแพ้อย่างถาโถมในเกมนัดล่าสุดของพวกเขานั้นก็ทำให้มีแฟนบอลออกมาเรียกร้องให้ไล่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ออกได้แล้ว ผู้จัดการทีมเชลซีคนปัจจุบันอย่างพ็อตเตอร์กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะเขาจะต้องคอยโชว์ฟอร์มให้ได้เหมือนหรือใกล้เคียงกับผู้จัดการทีมระดับที่พาทีมเชลซีคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้วอย่างโธมัส ทูเคิ่ล กุนซือที่เป็นที่รักของแฟนบอลเชลซีส่วนใหญ่และการที่เขาถูกไล่ออกนั้นก็สร้างความตกใจให้กับพวกเขาอย่างมากเช่นกัน สถานการณ์ความกดดันในการจะถูกไล่ออกนั้นไม่ใช่ความผิดของพ็อตเตอร์เลยและความจริงก็คือทีมเชลซีนั้นมีแนวโน้มที่จะตกต่ำลงอยู่แล้ว ตั้งแต่ในช่วงท้ายยุคทูเคิ่ล เมื่อคุณลองเทียบ 18 เกมสุดท้ายของโธมัส ทูเคิ่ลในฐานะกุนซือเชลซีกับ 18 เกมแรกของเกรแฮม พ็อตเตอร์ คุณจะเห็นได้ถึงความคล้ายคลึงกันอย่างชัดเจน ผู้จัดการทีมทั้ง 2 คนมีอัตราการคว้าชัยชนะอยู่ที่ 44% โดยทีมของทูเคิ่ลทำประตูได้มากกว่า (24 ประตู) และทีมของพ็อตเตอร์เสียประตูน้อยกว่า (19 ประตู) โดยผู้จัดการทีมทั้ง 2 คนนั้นต่างพาทีมเอาชนะไปได้ 8 เกมเท่ากัน นั่นคือจากสถิติตลอด 36…

Read More