- EPL Transfer News: Elliott, Antony, Tottenham และอีกมากมาย
- ออกแบบกระเป๋าหนักที่กำหนดเองของคุณด้วยแอพ 3D ของ Yokkao – ตอนนี้มีให้บริการผ่าน Yokkao Custom Lab
- 9 ประเด็นสำคัญจากเกมพรีซีซั่นล่าสุด
- EPL Transfer News: Palhinha, Garnacho, Aston Villa และอีกมากมาย
- EPL Transfer News: Rodrygo, Spurs, Paqueta และอีกมากมาย
- EPL Transfer News: Dibling, Liverpool, Bellingham และอีกมากมาย
- EPL Transfer News: Liverpool, Mainoo, Villa และอีกมากมาย
- EPL Player of the Season: ผู้แข่งขัน 5 อันดับแรกสำหรับ 2025/26
Author: admin
ผลการแข่งขันที่คาด อาร์เซนอล 2-1 นิวคาสเซิล ถ้าเทียบกับปีที่แล้วหรือปีอื่น ๆ การเจอกันของสองทีมนี้มันคนละเรื่องกันเลย ในปีที่แล้ว นี่ก็คงจะเป็นอีกเกมทั่ว ๆ ไป ที่อาร์เซนอลน่าจะเอาชนะไปได้สบาย ๆ แต่ในปีนี้ ทุกอย่างมันต่างออกไป ในทางกลับกัน นี่จะเป็นบททดสอบที่ใหญ่ที่สุดของทัพปืนใหญ่ในลีกฤดูกาลนี้เลย อย่างน้อยก็ใหญ่ที่สุดเท่าที่ผ่านมา 16-17 นัดแน่ ๆ ในเกมที่พวกเขาจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมสาลิกาดงในวันอังคารนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะทีมปืนใหญ่ของมิเกล อาร์เตต้านั่นยังไม่ได้ลงเล่นเจอกับทีมอันดับสองอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้น ตามหลักแล้วเกมกับทีมอันดับสามอย่างนิวคาสเซิลก็น่าจะเป็นเกมที่หนักที่สุดเท่าที่เป็นไปได้แล้ว แม้ว่าทัพปืนใหญ่จะนำห่างอันดับสองอยู่ถึงเจ็ดคะแนนก็ตาม ทั้งสองทีมแพ้ไปแค่ทีมละครั้งเท่านั้นในลีกฤดูกาลนี้ และนิวคาสเซิลน่าจะแอบคิดอยู่ว่าถ้าพวกเขาบุกไปเอาชนะอาร์เซนอลได้ถึงเมืองหลวงล่ะก็ พวกเขาจะกลายมาเป็นอีกทีมที่ลีกจะต้องเกรงกลัวพวกเขา และน่าจะหวังถึงการลุ้นแชมป์ลีกในปีนี้ได้เลย และอย่าลืมว่า เมื่อฤดูกาลก่อนที่อาร์เซนอลไม่ติดท็อปโฟร์ก็เพราะแพ้ให้กับนิวคาสเซิลในช่วงสำคัญนี่แหละ ครั้งนี้พวกเขาจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างแน่นอน เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญ อาร์เซนอลเก็บชัยชนะในลีกได้ถึง 71% ในปี 2022 (ชนะ 25 ครั้งจาก 35 เกม) มากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์สโมสร รองจากปี 2002 ที่พวกเขาทำได้ 72% (ชนะ 28 ครั้งจาก 39 เกม) ในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก มีแค่สองทีมเท่านั้นที่ทำผลงานได้ดีกว่าอาร์เซนอลของมิเกล อาร์เตต้าปีนี้ หลังผ่านไป 16 เกมในลีก นั่นก็คือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2017/18 และ ลิเวอร์พูล ในปี 2019/20 ปัจจุบันหลังผ่านไป 16 นัด นิวคาสเซิลมีเกมรับที่ดีที่สุดในลีก เสียไปเพียง 11 ประตูเท่านั้น และน่าจะหวังว่าจะไม่เสียประตูหรือเสียประตูให้น้อยที่สุดในเกมนี้กับอาร์เซนอล เช่นเดียวกับทีมปืนใหญ่ นิวคาสเซิลก็พลาดท่าแพ้ในลีกไปเพียงครั้งเดียวเท่ากัน และมันก็น่าแปลกใจว่าด้วยผลงานระดับนี้ ทำไมผู้คนถึงไม่ยกให้นิวคาสเซิลเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงแชมป์ลีกสักที ฟอร์ม: อาร์เซนอล ถ้าใครบอกว่าผลงานในช่วงต้นฤดูกาลของอาร์เซนอลคือการฟลุคล่ะก็ ทีมเดอะ กันเนอร์ส ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาคือของจริง ตอนนี้พวกเขานำโด่งอยู่ถึงเจ็ดคะแนน และตารางคะแนนก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขานั้นเหมาะสมกับตำแหน่งจ่าฝูงอย่างแท้จริง ในบทความทำนายฤดูกาลนี้ของเรา เราเคยบอกไว้อาร์เซนอลมีสิทธิลุ้นแชมป์ได้เลยในปีนี้ ถึงแม้ว่ามันจะดูเวอร์ไปหน่อยในตอนแรก แต่ในตอนนี้ทุกอย่างมันดูมีภาพและเป็นไปได้ขึ้นมาแล้ว เดอะ กันเนอร์ส เป็นทีมที่กำลังฟอร์มแรง และเป้าหมายที่หลาย ๆ ทีมเล็งจะหยุดให้ได้ในตอนนี้ เพราะตอนนี้…
สารบัญ โมเมนต์สุดท้ายของเปเล่ รำลึกความยิ่งใหญ่ของเปเล่ ย้อนรอยสถิติและรางวัลต่าง ๆ ของเปเล่ เปเล่เปลี่ยนแปลงฟุตบอลไปอย่างไรบ้าง คำพูดต่าง ๆ เกี่ยวกับความสำเร็จของเปเล่ บทส่งท้าย โลกฟุตบอลต้องตกอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจ เพียงไม่กี่อาทิตย์เท่านั้นหลังจากเพื่งฉลองแชมป์ฟุตบอลโลกกันไป เอ็ดสัน อรานเตส โด นาสซิเมนโต้ หรือในชื่อที่รู้จักและมีแฟนคลับกันทั้งโลกอย่าง “เปเล่” ได้จากโลกนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย แล้ว หลังจากสู้กับอาการมะเร็งลำไส้ใหญ่มาสักพัก เขาตายเมื่อมีอายุได้ 82 ปี แต่จะอยู่ในหัวใจของครอบครัว, แฟนบอลบราซิล และ โลกฟุตบอลตลอดไปอย่างแน่นอน จริง ๆ มันก็มีข่าวลือออกมาว่าเขาอาการไม่ค่อยดีนัก ในช่วงวิกฤตโคโรนาไวรัสในปี 2020 บางสื่อถึงขนาดพาดหัวว่าเปเล่ใกล้เสียชีวิตแล้ว และจะอยู่กับเราไปได้อีกไม่นาน มองย้อนกลับไป ดูเหมือนว่าข่าวลือเหล่านั้นจะออกมาเร็วไปสักสองปี เพราะในวันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา เปเล่ก็ได้จากโลกนี้ไปอย่างตลอดกาล ชายผู้ทำให้ฟุตบอลกลายมาเป็นกีฬาระดับโลกขวัญใจมหาชนด้วยลีลาท่าทางของเขานั้นได้จากไปแล้ว และสิ่งที่เราทำได้ทั้งหมดในตอนนี้ก็คือย้อนไปดูว่าเปเล่นั้นทำอะไรไว้บ้างเพื่อโลกฟุตบอล วันนี้เราจะมาลองดูในเรื่องของชีวิตส่วนตัวและความยิ่งใหญ่ของเปเล่ นักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลกฟุตบอลอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะดูสถิติประกอบหรือไม่ก็ตาม ความยิ่งใหญ่ของเปเล่มีอะไรบ้าง เอ็ดสัน อรานเตส โด นาสซิเมนโต้ เกิดในประเทศที่คลั่งใคล้ฟุตบอลอย่างบราซิล และในเวลาที่ทุกอย่างมันเริ่มชัดเจนขึ้นแล้วว่าฟุตบอลสามารถเป็นกีฬาที่มีอะไรมากกว่าความบันเทิงเพียงอย่างเดียว เขาค่อย ๆ ขยับจากคนดูไปเป็นผู้เล่น จากนั้นเขาก็ถูกยกให้เป็นเพชรเม็ดใหม่ของวงการฟุตบอลที่สามารถทำอะไรได้มากกว่าแค่เล่นสนุก ๆ มาก ไม่นาน โอกาสของเขาก็มาถึง เมื่อเขาก็ถูกเรียกติดทีมชาติบราซิล และไปลุยฟุตบอลโลกในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ฟุตบอลโลกครั้งนั้นเป็นครั้งที่เขาจารึกตำนานของเขาเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยล่ะ โลกฟุตบอลก็มีดาวเตะระดับอัจฉริยะอยู่ทุกยุคทุกสมัย ทั้งก่อนหน้าและหลังยุคของเปเล่ หนึ่งในนั้นก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ ที่เพิ่งฉลองแชมป์ฟุตบอลโลกไปได้ไม่นาน แต่เปเล่นั้นถือเป็นราชาของโลกฟุตบอลอย่างแท้จริง และน่าจะเป็นคนแรกด้วยที่ได้รับการยกย่องด้วยตำแหน่งนี้ ไม่แปลกที่เขาได้รับการยกย่องให้เป็น “เดอะ คิง” หรือราชาลูกหนังจากผลงานในสนามของเขา ซึ่งลำพังแค่นี้ก็เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากแล้ว แต่เรื่องนอกสนามของเปเล่ เช่นเรื่องต่าง ๆ ที่เขาช่วยเหลือองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็นนั้นก็เป็นเรื่องที่มีผลต่อตำนานของเขาไม่แพ้กันเลย ตำนานและความสำเร็จของเขามันยิ่งใหญ่เสียจนนักเตะคนไหนที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่แล้วก็ต้องเอาดีกรีของตัวเองมาเทียบกับเปเล่นี่แหละ หากอยากจะพิสูจน์ว่าตัวเขาคือของจริงเหมือนกัน สถิติและความสำเร็จต่าง ๆ ของเปเล่ ผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้สามสมัย วัยรุ่น (อายุ 19 ปีหรือน้อยกว่า) คนแรกจากสองคนในประวัติศาสตร์ที่ยิงประตูได้ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์กิตติมศักดิ์ เจ้าของสถิติแอสซิสต์มากที่สุดในฟุตบอลโลกหนึ่งครั้ง (เจ็ดครั้งในฟุตบอลโลกปี 1970) ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำแฮตทริกได้ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก (ฟุตบอลโลกปี 1958)…
เมื่อข่าวหลุดออกมาว่าฮาลันด์เตรียมจะเซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันทำให้ทุกทีมสั่นกลัวตาม ๆ กันไปหมด ดาวเตะวัย 22 ปี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์หน้าที่มากความอันตรายมาหลายปีแล้ว ทั้งกับทีมชาติและสโมสร ถึงแม้สโมสรของเขาจะอยู่ในลีกเล็ก ๆ จนบางครั้งมันไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไรนักก็เถอะ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านักเตะคนนี้มีของจริง ๆ อย่างไม่น่าจะมีใครกล้าคัดค้าน หลังจากนั้น เขาก็ย้ายมาร่วมทีมเรือใบสีฟ้าของเป็ป กวาดิโอล่า ผู้จัดการทีมที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ การผสมผสานกันระหว่างกุนซือที่เปลี่ยนแปลงฟุตบอลไปตลอดกาลกับศูนย์หน้าที่โดดเด่นเรื่องการทำประตูในระดับปรากฏการณ์นั้นเป็นอะไรที่กุนซือทีมอื่น ๆ น่าจะปวดหัวในการรับมือไม่น้อย รวมถึงแฟน ๆ ทีมอื่นก็ต้องมีนั่งไม่ติดพนักกันบ้างล่ะ และหลังจากผ่านไป 20 เกมรวมทุกรายการ ฮาลันด์ก็ยิงไปถึง 26 ประตูเข้าให้แล้ว ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทีมอื่นกลัวกันจะเกิดขึ้นจริงนะ ถือว่าลูกชายของมิดฟิลด์ระดับตำนานทีมชาตินอร์เวย์มาไกลมากแล้ว ณ จุดนี้ เรามาลองดูและวิเคราะห์ถึงความสามารถในการทำประตูของเขากันหน่อยดีกว่า ไฮไลต์: ฮาลันด์ยิงไปกี่ประตูแล้วในฤดูกาลนี้ (2022/2023) สถิติรางวัลดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกจนถึงปัจจุบัน (2022/2023) รวมตลอดการค้าแข้ง ฮาลันด์ยิงไปแล้วกี่ประตู ฮาลันด์ยิงได้กี่ประตูในฤดูกาลก่อน (2021/2022) ฮาลันด์ยิงไปกี่ประตูแล้วในฤดูกาลนี้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ตอนนี้ฮาลันด์ทำได้ทั้งสิ้น 26 ประตู จาก 20 เกมรวมทุกรายการในสีเสื้อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างไรก็ดี ณ ตอนที่เขียนบทความนี้ ทีมเรือใบสีฟ้าลงเล่นไปแล้ว 24 นัด หมายความว่าหัวหอกวัย 22 ปี ก็ไม่ได้ลงสนามช่วยทีมทุกนัด และพลาดการลงสนามไปแล้วอย่างน้อยสี่นัดด้วยกัน ไม่ว่าจะจากอาการบาดเจ็บต่าง ๆ หรือการโรเตชั่นนักเตะของเป็ป กวาดิโอล่า แต่ถึงขนาดเขาลงเล่นไม่ครบทุกนัด สถิติการทำประตูของเขาก็ยังเป็นระดับท็อปของยุโรปอยู่ดี หากนับแค่พรีเมียร์ลีกอย่างเดียว ณ ตอนที่เขียนบทความนี้ ฮาลันด์ซัลโวไปทั้งสิ้น 20 ประตูจาก 14 เกม และยังเหลืออีก 23 เกมให้เขาลงเล่นและทำประตูเพิ่ม เอาแบบไม่ต้องย้อนไปดูสถิติให้มากมาย เราคิดว่าใคร ๆ ก็น่าจะพอดูออกว่าการยิงประตูได้มากขนาดนี้ในแค่ 14 เกมพรีเมียร์ลีกนั้นมันน่ามหัศจรรย์มาก แต่ถ้าอยากเปรียบเทียบกันอย่างละเอียดหน่อย เราลองมาดูจำนวนประตูของเหล่าเจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำในพรีเมียร์ลีกและรองเท้าทองคำของยุโรปในฤดูกาลที่ผ่าน ๆ มากันหน่อยดีกว่า ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง รองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก (2018-2022) 2018 – โมฮาเหม็ด ซาลาห์…
ผลการแข่งขันที่คาด เบรนต์ฟอร์ด 1-2 ลิเวอร์พูล เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญ ลิเวอร์พูลได้สามคะแนนกลับมาจากการไปเยือนเลสเตอร์ ถึงแม้ว่าสองประตูที่พวกเขาได้นั้นจะมาจากการทำเข้าประตูของเวาต์ ฟาส เซนเตอร์แบ็คของเลสเตอร์ทั้งสองประตูก็ตาม เพราะอันที่จริงพวกเขาโดนคีย์แนน ดิวส์เบอรี่-ฮอลล์ยิงนำไปก่อนด้วย และคงจะลำบากแน่หากไม่ได้สองประตูสุดพิลึกนี้มา เบรนต์ฟอร์ดโชว์ให้เห็นถึงคลาสบอลและความนิ่งในเกมที่พวกเขาบุกไปเอาชนะเวสต์แฮมได้ถึงโอลิมปิก สเตเดี้ยม และยิงได้ถึงสองประตู อย่างไรก็ดีพวกเขาก็เฮไม่สุดเนื่องจากดาวยิงตัวแบกของทีมอย่างไอแวน โทนี่ย์ คนทำประตูแรกของทีมได้รับอาการบาดเจ็บในเกมนี้ ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด เบรนต์ฟอร์ด – ชนะ,เสมอ,ชนะ,เสมอ,เสมอ ลิเวอร์พูล – ชนะ,ชนะ,ชนะ,ชนะ,แพ้ สถิติระหว่างทั้งสองทีม ทีมผึ้งพิฆาตน่าจะหมดสิทธิใช้งานหัวหอกตัวหลักของทีมอย่าง ไอแวน โทนี่ย์ ที่ยิงไปถึง 12 ประตูแล้วในฤดูกาลนี้ ทั้งสองฝ่ายเจอกันในพรีเมียร์ลีกมาสองครั้ง โดยเป็นลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้หนึ่งครั้ง และเสมอกันไปอีกหนึ่งครั้ง นักเตะที่น่าจับตามอง ดาบิด ราย่า ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของเบรนต์ฟอร์ดในปีนี้โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว แต่เขาอาจจะต้องเรียกฟอร์มเก่งออกมาให้ได้ หากหวังที่จะหยุดเกมรุกของลิเวอร์พูลที่เต็มไปด้วยกองหน้าความเร็วสูง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายของทีมหงส์แดงเพิ่งทำลายสถิติแอสซิสต์มากที่สุดตลอดกาลของตำแหน่งกองหลังไป และเขาก็น่าจะหวังคืนฟอร์มอีกครั้งในเกมนี้ หลังจากช่วงออกสตาร์ตฤดูกาลทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนัก
สารบัญ เส้นทางการค้าแข้งของเมสซี่ เมสซี่ช่วยสโมสรคว้าแชมป์อะไรได้บ้าง เมสซี่ช่วยทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์อะไรได้บ้าง สถิติโลกในกินเนสส์บุ๊กของเมสซี่ การโต้เถียงกันในเรื่องของนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลระหว่างเมสซี่กับโรนัลโด้ เส้นทางการค้าแข้งของเมสซี่ หลังจากอาชีพการค้าแข้งที่เขาท้าทายมาแล้วทุกโอกาส, ทำลายสถิติมาแล้วนับไม่ถ้วน, คว้าถ้วยแชมป์มาแล้วมากมายและได้รับความเคารพจากคู่แข่ง ลิโอเนล เมสซีได้คว้าแชมป์ที่น่าหลงใหลที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลจากทั้งหมดทั้งมวล นั่นก็คือแชมป์ฟุตบอลโลก และเขาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้แบบชนิดที่ยังฝีเท้าเหนือกว่าคู่แข่งแบบเหลือ แม้จะอายุ 35 ปีแล้วก็ตาม การโต้เถียงกันว่าใครเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการกีฬานั้นได้รับการตัดสินโดยคนที่ใช้ตรรกะในการตัดสิน สำหรับคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ต่างยังคงเดือดกันอยู่ แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร เมสซีได้พาตัวเองไปอยู่ในระดับต้น ๆ ของเทพเจ้าแห่งวงการฟุตบอลเพื่อเป็นแรงบันดาลใจไปเป็นทีเรียบร้อยแล้ว และถ้าการโต้เถียงเหล่านั้นยุติลงในที่สุด คงไม่มีคำตอบอื่นใดสำหรับคำถามที่ว่า “นักเตะคนไหนคือนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” นอกเสียจากจะเป็นลิโอเนล เมสซี่ เด็กน้อยจากเมืองโรซาริโอ้ในประเทศอาร์เจนติน่านั้นถือว่ามาได้ไกลเอามาก ๆ เรามาดูเส้นทางการค้าแข้งของเขากันเลยดีกว่า เมสซี่ช่วยสโมสรคว้าแชมป์ได้ในระดับไหน เมสซี่ในวัย 35 ปีนั้นเกิดในวันที่ 24 มิถุนายน 1987 เขาเริ่มต้นด้วยการขีดเขียนตำนานที่บาร์เซโลน่า ที่นั่น เขาคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้ไปถึง 6 สมัยในสมัยที่ยังเป็นนักเตะของบาร์เซโลน่า รางวัลบัลลงดอร์สมัยที่ 7 ของเขานั้นได้จากฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกับบาร์เซโลน่า แต่เขาย้ายมาที่เปแอสเชก่อนที่รางวัลจะประกาศผลนั่นเอง แน่นอนว่ารางวัลบัลลงดอร์ 7 สมัยของเขานั้นถือเป็นสถิติที่เป็นนักเตะที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์มากที่สุดนับตั้งแต่สมาคมฟุตบอลฝรั่งเศสก่อตั้งขึ้นในปี 1956 เนื่องจากรางวัลนี้ขึ้นอยู่กับผลงานส่วนตัวและการมีส่วนร่วมกับประตูของทีม นอกจากนี้มันยังหมายความว่ารางวัลบัลลงดอร์ 7 สมัยของเมสซี่นั้นแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักเตะที่มีอิมแพ็คให้กับทีมได้มากที่สุดโดยไม่มีใครเทียบได้กับรางวัลต่าง ๆ ในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยแชมป์กว่า 42 รายการของเขา (35 แชมป์กับบาร์เซโลน่า, 5 แชมป์กับอาร์เจนติน่าและทีมชุดใหญ่และอีก 2 แชมป์กับเปแอสเช) เขาเป็นนักฟุตบอลที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล สถิติของเขาที่บาร์เซโลน่านั้นไม่ใช่แค่ดีที่สุดเท่าที่สโมสรเคยมีมาเท่านั้น แต่ยังสร้างอิมแพ็คมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขาอีกด้วย ก่อนหน้าที่เขาจะลงเล่นให้กับบาร์เซโลน่า บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลาลีกาได้เพียง 16 สมัย ซึ่งมากกว่าจำนวนแชมป์ที่ทีมได้ตามมาหลังจากนั้นเกือบสองเท่า เมสซี่เข้ามาและกลายเป็นไอค่อนของนักฟุตบอลรุ่นหลังที่ยกระดับบาร์เซโลน่าขึ้นมาอยู่ในจุดที่พวกเขากำลังยืนอยู่และได้แฟนบอลเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งแฟนบอลที่ชื่นชอบและไม่ชอบ เขาคว้าแชมป์ลาลีกา 10 สมัย รวมเป็น 26 สมัย ในเวลานั้น เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในลาลีก้าสเปน คว้าแชมป์ได้เพียง 4 สมัยเท่านั้น เมสซี่เป็นผู้นำในการช่วยให้บาร์เซโลน่าลดช่องว่างให้เหลือน้อยกว่า 10 สมัยหลังจากเล่นลงเล่นในลีกสูงสุดของสเปนมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ เขาช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยการทำลายสถิติการทำประตูและแอสซิสต์มากมายในสเปน หลังจากที่เขสลงสนามไป 520 เกมในลีก เขายิงไปได้ 474 ประตู จนกลายมาเป็นดาวซัลโวในลีก…
ผลการแข่งขันที่คาด วูล์ฟ 0-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญ ทีมหมาป่าเริ่มต้นเส้นทางกับกุนซือใหม่อย่างจูเลน โลเปเตกี ได้ดี ด้วยการประเดิมสนามนัดแรกเอาชนะเอฟเวอร์ตันได้ถึงถิ่นกูดิสัน พาร์คของพวกเขา โดยวูล์ฟได้รายาน อัต-นูรี่ เป็นฮีโร่ทำประตูชัยในนาทีสุดท้าย ช่วยให้ทีมคว้าสามคะแนนเต็มได้สำเร็จ ด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เอาชนะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่กำลังหนีตกชั้นไปได้แบบสบาย ๆ มาเช่นกัน สามประตูของมาร์คัส แรชฟอร์ด, อองโตนี่ มาร์กซิยัล และ เฟร็ด ก็มากพอแล้วที่จะทำให้ทีมปีศาจแดงเปิดบ้านคว้าสามคะแนนเต็มไปได้ ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด วูล์ฟ – ชนะ,แพ้,แพ้,เสมอ,แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – ชนะ,ชนะ,แพ้,ชนะ,เสมอ สถิติระหว่างทั้งสองทีม วูล์ฟเป็นทีมที่ทีมปีศาจแดงชอบแพ้ทางและพลาดท่าแพ้ให้บ่อย ๆ ในช่วงหลัง ดูจากสถิติการเจอกันได้เลย เพราะครั้งล่าสุดที่เจอกันก็เป็นวูล์ฟที่บุกมาเอาชนะทีมปีศาจแดงได้ถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด 1-0 จากลูกยิงสุดสวยของเจา มูตินโญ่ เมื่อปีก่อนทั้งสองทีมก็มีคิวลงเตะกันช่วงปีใหม่เหมือนกันเปี๊ยบ แต่ครั้งนั้นเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ป้องกันบ้านได้สำเร็จ เอาชนะวูล์ฟไปได้ 1-0 นักเตะที่น่าจับตามอง มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวเตะวัย 25 ปี กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มแรง และเป็นตัวเต็งที่จะทำประตูได้ในเกมนี้ เพราะเช็คจากประวัติแล้วดูเจ้าตัวจะชอบยิงใส่วูล์ฟอยู่ไม่น้อย และยิงใส่ทีมหมาป่าได้บ่อยครั้งในช่วงหลัง รูเบน เนเวส กองกลางชาวโปรตุกีสเป็นผู้บัญชาการแดนกลางของทีมหมาป่ามาตลอดในฤดูกาลนี้ และน่าจะหวังให้เพื่อนร่วมทีมของเขาโชว์ฟอร์มให้ดีขึ้นบ้างเพื่อเบางานในมิดฟิลด์ของเขา ในเกมใหญ่กับทีมปีศาจแดงที่กำลังร้อนแรงในขณะนี้
ผลการแข่งขันที่คาด ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 2-0 แอสตัน วิลล่า เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญ สเปอร์เกือบจะพลาดท่าแพ้เบรนต์ฟอร์ดไปแล้วในเกมก่อน พวกเขาโดนนำไปก่อนถึง 2-0 ก่อนจะตีเสมอได้ 2-2 คว้าหนึ่งแต้มสุดสำคัญต่อการลุ้นท็อปโฟร์ไปได้ ส่วนแอสตัน วิลล่า โดนลิเวอร์พูลบุกมาสอนบอลถึงบ้านไป 3-1 โดยพวกเขาโดนนำไปก่อนถึง 3-0 ก่อนจะมาตีตื้นได้หนึ่งประตูเป็น 3-1 จากประตูของโอลลี่ วัตกิ้นส์ ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ – เสมอ,ชนะ,แพ้,ชนะ,แพ้ แอสตัน วิลล่า – แพ้,ชนะ,ชนะ,แพ้,ชนะ สถิติระหว่างทั้งสองทีม ทีมสิงห์ผงาดเอาชนะสเปอร์ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นจากห้าครั้งหลังสุด ในครั้งนั้นพวกเขาบุกไปเฉือนชนะทีมไก่เดือยทองได้ถึงถิ่น 2-1 เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา แต่ครั้งล่าสุดที่ทั้งสองทีมเจอกัน เป็นสเปอร์ที่ถล่มแอสตัน วิลล่าไปเละเทะ 4-0 คาวิลล่า พาร์คของพวกเขาในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นักเตะที่น่าจับตามอง แฮร์รี่ เคน ศูนย์หน้าทีมชาติสิงโตคำรามมีฟุตบอลโลกที่ดีใช้ได้ แถมหลังจากกลับมาช่วยสโมสรก็ยังโชว์ฟอร์มได้ดี ทำประตูได้ในเกมแรกที่กลับมาในทันที ด้วยการโหม่งทำประตูสุดสวยช่วยให้ทีมไล่ตีตื้นเบรนต์ฟอร์ดมาเป็น 2-1 โอลลี่ วัตกิ้นส์ หัวหอกหนุ่มจากทีมสิงห์ผงาดส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ถึงสองครั้งในเกมที่ผ่านมากับลิเวอร์พูล น่าเสียดายที่เขาได้เครดิตเพียงแค่หนึ่งประตูเท่านั้น จากการที่หนึ่งลูกในนั้นต้องโดนยึดคืนไปจากการเป็นลูกล้ำหน้าเสียก่อน อย่างไรก็ดี วันไหนที่เขาฟอร์มดีเข้าที่เข้าทางล่ะก็ เขาน่าจะยิงประตูใส่เกมรับสเปอร์ได้สบาย ๆ เลยล่ะ
ผลการแข่งขันที่คาด น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-3 เชลซี เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญ ทีมเจ้าป่าฟอร์มหลุดเข้าป่าสมชื่อ หลังพวกเขาบุกไปแพ้ทีมปีศาจแดงไปแบบทุกกระบวนท่า 3-0 ด้านเชลซีทำผลงานได้อย่างน่าพอใจในเกมก่อน ด้วยการเปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เอาชนะบอร์นมัธไปได้ 2-0 ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ – แพ้,ชนะ,เสมอ,แพ้,ชนะ เชลซี – ชนะ,แพ้,แพ้,แพ้,เสมอ สถิติระหว่างทั้งสองทีม น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ มีประวัติเอาชนะเชลซีได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นจากการพบกันห้าครั้งหลังสุด ซึ่งชัยชนะครั้งนั้นต้องย้อนกลับไปถึงปี 1997 นู่นเลย โดยในเกมนั้นทีมเจ้าป่าเปิดบ้านเอาชนะทีมสิงโตน้ำเงินครามไปได้ 2-0 ส่วนครั้งล่าสุดที่ทั้งสองทีมพบกันในปี 1999 เป็นเชลซีที่บุกไปเอาชนะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ได้ถึงถิ่น 3-1 นักเตะที่น่าจับตามอง ไตโว อโวนิยี่ หัวหอกชาวไนจีเรียนไม่สามารถยิงประตูช่วยทีมได้ในนัดก่อนกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่โดยรวมเขาก็ทำผลงานได้ดีและน่าพอใจ ในเกมนี้เขาอาจจะเป็นนักเตะคนสำคัญช่วยให้ทีมเก็บสามคะแนนเต็มก็ได้ เมสัน เมานท์ เมสัน เมานท์ ดาวเตะลูกหม้อของเชลซี ในตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นนักเตะชุดใหญ่อย่างเต็มตัว และเป็นนักเตะคนสำคัญอย่างมากของทีม เขายิงประตูได้ในเกมก่อนกับบอร์นมัธ และก็น่าจะหวังยิงต่อเนื่องได้อีกในเกมนี้
ผลการแข่งขันที่คาด นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-0 ลีดส์ ยูไนเต็ด เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดเอาชนะเลสเตอร์ไปแบบสบาย ๆ จากการรัวสามประตูรวดตั้งแต่ครึ่งแรกที่คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม โดยมิเกล อัลมิร่อนยังคงฟอร์มแรงต่อเนื่อง ทำประตูได้อีกครั้งในเกมก่อน จนถึงปัจจุบันเขายิงได้ถึงเก้าประตูจาก 16 เกมที่ลงเล่นในฤดูกาลนี้ ด้านทีมยูงทองไม่สามารถต้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่กำลังกระหายแต้มได้ และแพ้ทีมเรือใบสีฟ้าแชมป์เก่าไป 3-1 แบบคาบ้าน ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด – ชนะ,ชนะ,ชนะ,ชนะ,ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด – แพ้,แพ้,แพ้,ชนะ,แพ้ สถิติระหว่างทั้งสองทีม ทั้งสองทีมเจอกันมา 26 ครั้งในพรีเมียร์ลีก เป็นทีมสาลิกาดงที่ถือไพ่เหนือกว่าเล็กน้อย เอาชนะไปได้ 12 ครั้ง เสมอกัน 7 ครั้ง และเป็นลีดส์ที่เอาชนะไปได้ 7 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดที่ทั้งสองทีมพบกัน เป็นนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่บุกไปเฉือนเอาชนะลีดส์ไปได้ 1-0 ที่รังเหย้าของทีมยูงทอง นักเตะที่น่าจับตามอง มิเกล อัลมิร่อน ดาวเตะชาวปารากวัยได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมในฤดูกาลนี้ ด้วยการช่วยทีมทั้งยิงและจ่ายเพื่มขึ้นมาก เทียบกับฤดูกาลก่อน ๆ ที่ผ่านมา เขาจะเป็นตัวอันตรายที่กองหลังของลีดส์ต้องระวังเป็นพิเศษอย่างแน่นอน โรดริโก้ แนวรุกชาวสแปนิชเป็นดาวซัลโวของทีมลีดส์ในขณะนี้ และยังเป็นนักเตะที่ฟอร์มคงเส้นคงวาที่สุดในทีมอีกด้วย
ผลการแข่งขันที่คาด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-0 เอฟเวอร์ตัน เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปถล่มลีดส์ ยูไนเต็ดถึงถิ่นไปแบบราบเป็นหน้ากลอง และคว้าสามคะแนนสำคัญต่อการลุ้นแชมป์มาได้สำเร็จ ส่วนทีมท๊อฟฟี่สีน้ำเงินต้องใจสลายอีกครั้ง หลังจากพวกเขาเกือบจะเสมอทีมหมาป่าได้แล้ว แต่สุดท้ายก็แพ้วูล์ฟแฮมป์ตันของจูเล่น โลเปเตกีไปจากประตูชัยของรายาน อัต-นูรี ในนาทีสุดท้ายของเกม ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – ชนะ,แพ้,ชนะ,ชนะ,ชนะ เอฟเวอร์ตัน – แพ้,แพ้,แพ้,เสมอ,ชนะ สถิติระหว่างทั้งสองทีม ในการพบกันห้าครั้งหลังสุด เป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่เหมาสัมปทานเอาชนะทีมท๊อฟฟี่ไปได้ทั้งห้าครั้ง หนำซ้ำ ในห้าเกมนั้นรวมกันเอฟเวอร์ตันยิงได้เพียงสองประตูเท่านั้น ทั้งสองทีมเจอกันในพรีเมียร์ลีกมา 50 ครั้งด้วยกัน โดยเป็นทีมเรือใบสีฟ้าชนะไป 23 ครั้ง เอฟเวอร์ตันเอาชนะไปได้ 18 ครั้ง และเสมอกัน 9 ครั้ง นักเตะที่น่าจับตามอง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดาวยิงดีกรีผู้นำดาวซัลโวยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าที่จะหยุดทำประตูได้เลย นั่นคงไม่ใช่ข่าวดีเท่าไรนักสำหรับเอฟเวอร์ตัน ถึงตอนนี้การลุ้นว่าเขาจะยิงได้มั้ยเริ่มจะเป็นเรื่องน่าเบื่อไปเสียแล้ว เพราะเขายิงได้แทบจะทุกนัด ในปัจจุบันหากจะลุ้นกันจริง ๆ แฟน ๆ น่าจะลุ้นกันว่าเขาจะยิงได้กี่ลูกมากกว่า ในตอนนี้ฮาลันด์ซัลโวไปแล้ว 20 ประตู หมายความว่าในตอนนี้เขายิงได้น้อยกว่าแฮร์รี่ เคน เจ้าของรองเท้าทองคำฤดูกาลที่แล้วอยู่แค่สามประตูเท่านั้น แต่อย่าลืมว่าฮาลันด์ยังเหลืออีก 23 เกมให้ลงเล่นในฤดูกาลนี้นะ แอนโธนี่ กอร์ดอน แนวรุกหนุ่มดาวรุ่งเป็นนักเตะคนที่พาทีมไปข้างหน้าอย่างแท้จริง น่าเสียดายที่เขาไม่มีเพื่อนร่วมทีมระดับคุณภาพมาช่วยเขาทำเกมรุกเท่าไรเลย อย่างไรก็ดี หากทีมท๊อฟฟี่สีน้ำเงินจะโชว์หักปากกาเซียนเอาชนะซิตี้ได้ล่ะก็ กอร์ดอนก็น่าจะเป็นนักเตะคนสำคัญที่ทำให้การพลิกล็อกเกิดขึ้นอย่างแน่นอน