- EPL Transfer News: Elliott, Antony, Tottenham และอีกมากมาย
- ออกแบบกระเป๋าหนักที่กำหนดเองของคุณด้วยแอพ 3D ของ Yokkao – ตอนนี้มีให้บริการผ่าน Yokkao Custom Lab
- 9 ประเด็นสำคัญจากเกมพรีซีซั่นล่าสุด
- EPL Transfer News: Palhinha, Garnacho, Aston Villa และอีกมากมาย
- EPL Transfer News: Rodrygo, Spurs, Paqueta และอีกมากมาย
- EPL Transfer News: Dibling, Liverpool, Bellingham และอีกมากมาย
- EPL Transfer News: Liverpool, Mainoo, Villa และอีกมากมาย
- EPL Player of the Season: ผู้แข่งขัน 5 อันดับแรกสำหรับ 2025/26
Author: admin
สารบัญ บทนำ ตำนานชีวิตลูกหนังของเปเล่ ชีวิตในช่วงแรก/เส้นทางการค้าแข้งในสโมสร ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ระดับโลก นักเตะที่สามารถทัดเทียมกับเปเล่ได้ โลกฟุตบอลต้องสั่นสะเทือนเมื่อมีข่าวว่าเปเล่ ตำนานลูกหนังทีมชาติบราซิลถูกหามส่งโรงพยาบาล จากนั้นมีรายงานเพิ่มเติมว่านักเตะระดับตำนานวัย 82 ปีถูกย้ายไปยังการดูแลในช่วงระยะสุดท้ายเนื่องจากการรักษามะเร็งของเขานั้นไม่ได้ผล แต่เปเล่เองก็ได้ให้ความมั่นใจกับแฟน ๆ ด้วยการออกมาบอกว่าเขานั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก และ ไม่ต้องเป็นห่วงเขา เขาออกมาแถลงการณ์ผ่านทางอินสตาแกรมด้วยการขอบคุณแฟนบอลทั่วโลกสำหรับความห่วงใยและให้คำมั่นสัญญากับทุก ๆ คนว่าเขากำลังเข้ารับการรักษาอย่างเคร่งครัด “แด่สหายทั้งหลาย ผมอยากจะฝากบอกให้ทุก ๆ คนใจเย็น ๆ และมองโลกในแง่บวกเอาไว้ ผมยังแข็งแรงดี แถมยังมีความหวังและผมยังทำตามการรักษาอยู่เป็นประจำ ผมอยากจะขอขอบคุณทีมแพทย์และพยาบาลทุก ๆ คนที่ช่วยกันดูแลผมเป็นอย่างดี “ผมมีความเชื่อมั่นใจพระเจ้าและทุก ๆ ข้อความที่มาพร้อมกับความรักที่ผมได้รับจากทั่วโลกนั้นทำให้ผมมีพลังงานอย่างเต็มเปี่ยมพร้อมกับดูบราซิลในฟุตบอลโลกครั้งนี้อีกด้วย! “ขอบคุณสำหรับทุก ๆ สิ่ง” ตำนานชีวิตลูกหนังของเปเล่ เอ็ดสัน อรานเตส โด นาสซิเมนโต้ หรือในชื่อที่รู้จักกันทั้งโลกอย่าง “เปเล่” ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาล โดยเฉพาะในยุคเก่า สำหรับคนที่เคยดูเขาลงเล่นนั้นมักจะพูดถึงพรสวรรค์และความยอดเยี่ยมของเขาพร้อมกับถ้วยรางวัลและสถิติประตูมากมายก็บ่งบอกถึงความสุดยอดของเขาอยู่แล้ว เส้นทางการค้าแข้งกับสโมสร หลังจากที่สร้างชื่อในช่วงแรกของการค้าแข้งในการลงเล่นฟุตซอล (ฟุตบอลในร่ม) เปเล่ก็ได้ไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรซานโตส เอฟซีในวัย 15 ปีและไม่เพียงแค่เขาจะผ่านการคัดตัวเท่านั้น มันเห็นได้ชัดว่าเขานั้นมีศักยภาพพอที่จะกลายมาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกด้วยซ้ำ เปเล่เซ็นสัญญานักเตะอาชีพแรกในวัย 15 ปีและสร้างอิมแพคให้กับสโมสรแรกของเขาได้ทันที ในเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการเกมแรกที่เจอกับโครินเธี่ยนส์ เดอ ซานโต้ เปเล่ยิงประตูแรกให้กับซานโตสพร้อมกับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม ซึ่งนั่นถือเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ในวัย 16 ปี เปเล่ก็ได้กลายมาเป็นนักเตะคนสำคัญของซานโตส เอฟซีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและกลายมาเป็นดาวซัลโวในฤดูกาลปี 1957 ด้วยสถิติการยิง 41 ประตูจากการลงเล่น 38 เกม ถ้วยแชมป์รายการแรกกับซานโตสของเปเล่นั้นมาในปี 1958 ซึ่งพวกเขาคว้าแชมป์แคมเปโอนาโต้ เปาลิสต้า เขาจบทัวร์นาเมนต์นั้นด้วยตำแหน่งดาวซัลโวด้วยสถิติ 58 ประตูตลอด 38 เกมที่ลงสนามและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครสามารถทำลายสถิติของเขาได้อีกเลย ในช่วงเวลาไม่ถึงปีหลังจากที่เขาลงเล่นในเกมระดับอาชีพ เปเล่ถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลเป็นครั้งแรกในอาชีพการค้าแข้งของเขา เกมแรกของเขาที่ลงเล่นให้กับบราซิลนั้นเป็นเกมที่บราซิลเจอกับอาร์เจนติน่าซึ่งเขาทำประตูแรกในเกมเปิดตัวให้กับทีมชาติได้อีกด้วย จนถึงวันนี้ เขายังคงเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้กับทีมชาติบราซิลในวัยเพียง 16 ทั้งโลกได้รู้จักกับเปเล่ในฟุตบอลโลก 1958 ซึ่งเขาได้ประกาศศักดามาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในวงการลูกหนัง เขาไม่สามารถลงเล่นสองเกมแรกในฟุตบอลโลกได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่เขาเจอก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่ม แต่เขาลงเล่นได้ในเกมนัดที่สามของทัวร์นาเมนต์ เขากลายมาเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่เคยลงเล่นในฟุตบอลโลกในเวลานั้นในเกมที่เขาลงสนามเจอกับสหภาพโซเวียต หนึ่งในไฮไลท์ของทัวร์นาเมนต์นี้เกิดขึ้นในเกมรอบรองชนะเลิศที่พวกเขาเจอกับฝรั่งเศส เขายิงแฮตทริคใส่ฝรั่งเศสและกลายมาเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงแฮตทริคได้ในฟุตบอลโลก แต่เปเล่ยังไม่หยุดแค่นั้น เขายังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศอีกด้วย แต่พวกคุณคงจะไม่รู้อะไรหรอกเพราะว่าเขานั้นโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นอีกครั้งด้วยการเหมา 2…
สารบัญ เชซุสได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า รายละเอียดเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเขา อาการบาดเจ็บนี้จะส่งผลต่อตลาดซื้อขายช่วงเดือนมกราคมของอาร์เซน่อลอย่างไร นักเตะของอาร์เซน่อลที่จะได้ประโยชน์จากอาการบาดเจ็บของเชซุส กาเบรียล เชซุสย้ายมาร่วมทีมอาร์เซน่อลด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาหลังจากที่เชซุสนั้นประสบความสำเร็จและคว้าแชมป์มากมายกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาร่วม 5 ปี เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและช่วยให้อาร์เซน่อลครองจ่าฝูงนำหน้าสโมสรเก่าของเขาอยู่ในขณะนี้พร้อมกับสถาปนาตัวเองเป็นไอดอลของแฟนบอลอาร์เซน่อลทั่วโลกอยู่ในตอนนี้ แต่อาการบาดเจ็บของเขาทำให้เขาน่าจะพลาดโอกาสในการลงเล่นในช่วงที่สำคัญที่สุดของฤดูกาล สร้างความตื่นตระหนกให้กับอาร์เซน่อลเป็นอย่างมาก อาการบาดเจ็บของกาเบรียล เชซุสจะส่งผลกระทบต่อสโมสรในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลอย่างไร เนื่องจากพวกเขากำลังพยายามที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้อีกครั้งนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003/04 สิ่งที่เรารู้: อัพเดทอาการบาดเจ็บของกาเบรียล เชซุส กาเบรียล เชซุสเพิ่งเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดไปได้แบบสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและหากนับจากการช่วงเวลาที่เขาจะต้องเข้ารับการกายภาพบำบัดแล้ว เราอาจจะได้เห็นเขากลับมาลงสนามได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2023 นั่นหมายความว่าเขาอาจจะหายหน้าหายตาไปนานกว่านั้นก็เป็นได้และรายงานก็ออกมาบอกว่ามันอาจจะยาวนานกว่า 4 เดือนเลยด้วยซ้ำ ในปัจจุบัน ขณะนี้ก็ช่วงปลายเดือนธันวาคมแล้ว สถานะอาการบาดเจ็บของกาเบรียล เชซุสนั้นมีรายงานออกมาว่าเขาจะกลับมาได้เร็วที่สุดในช่วงเดือนเมษายน หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ นั่นหมายความว่าเชซุสจะมีโอกาสลงเล่นให้กับอาร์เซน่อลเพียงไม่กี่เกม ซึ่งนั่นทำให้เขาอาจจะแทบไม่ได้ช่วยอะไรกับทีมเลยหรือตำแหน่งในลีกอาจจะถูกตัดสินไปแล้วก็เป็นได้ในช่วงเวลานั้น การพังประตูของเขานั้นถือว่าดร็อปลงมาซักพักหนึ่งแล้วและเขาก็ทำได้เพียง 5 ประตูและอีก 5 แอสซิสต์จาก 14 เกมหลังสุด แต่อย่างไรก็ตาม นั่นถือเป็นสถิติการมีส่วนร่วมในการทำประตูที่มากที่สุดของสโมสรในฤดูกาลนี้ ซึ่งถือเป็นอะไรที่สำคัญกับสโมสรเอามาก ๆ อย่างแน่นอน มิเกล อาร์เตต้ายังคงต้องภาวนาต่อไปว่าอาการบาดเจ็บนั้นจะไม่รุนแรงมากตามที่คาด แต่กุนซือชาวสเปนก็รู้ดีว่าเขานั้นจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวในช่วงเวลาที่ยากลำบากโดยที่ไม่มีนักเตะที่ถือว่าเป็นนักเตะคนสำคัญที่สุดของทีมในฤดูกาลนี้ บททดสอบที่แท้จริงในทักษะการจัดการทีมฟุตบอลของมิเกล อาร์เตต้านั้นกำลังจะเดินทางมาถึงและมันจะเป็นการที่เขาจะต้องจัดทีมโดยไม่มีนักเตะที่มากไปด้วยพลังงานอย่างกาเบรียล เชซุส ซึ่งเขามีความสามารถในการวิ่งพล่านไปทั่วในแนวรุกซึ่งนำมาด้วยโอกาสและประตูมากมายให้กับเหล่าเดอะกันเนอร์ส บอกได้เลยว่าอาการบาดเจ็บของเขานั้นจะต้องทำให้ทีมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ตอนนี้ เชซุสก็กำลังโฟกัสไปที่การรักษาอาการบาดเจ็บของเขาอยู่และเขาก็หวังที่จะกลับมาลงสนามให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กาเบรียล เชซุสเป็นนักเตะกระดูกยุงจอมมีบาดเจ็บหรือไม่? ถึงจะไม่น่ามีกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าเชซุสนักเตะกระดูกยุงจอมบาดเจ็บ แต่สถิติอาการบาดเจ็บของเขานั้นก็แสดงให้เห็นว่าเขาพลาดโอกาสในการลงสนามไปเกือบ 4 สัปดาห์ในทุก ๆ ฤดูกาลนับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาร่วมทีมเรือใบสีฟ้าในปี 2016 โดยมีเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้นที่เขาไม่มีอาการบาดเจ็บเลย นั่นถือฤดูกาล 2021/22 ในฤดูกาลเหล่านั้นที่เขาได้รับอาการบาดเจ็บ เขาพลาดการลงสนามอย่างน้อย 3 สัปดาห์ แต่อาการบาดเจ็บล่าสุดของเขานั้นถือเป็นอาการบาดเจ็บที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขา ซึ่งยาวนานกว่าการพลาดการลงสนามถึง 67 วันหลังจากที่เขาต้องเจอกับอาการบาดเจ็บที่กระดูกฝ่าเท้าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2017 การซื้อตัวต่าง ๆ อาร์เซน่อลยังขาดนักเตะตัวรุกและมิดฟิลด์อีกราวตำแหน่งละ 1 คนในการที่จะสร้างทีมระดับแชมป์ลีก แมวมองของทีมปืนใหญ่มองไปที่มิคคายโล มูดริคของชัคตาร์ โดเน็ตส์และดานิโล่ โอลิเวร่าจากสโมสรจากบราซิลอย่างพัลไมรัสเป็นตัวเลือกที่จะเข้ามาแทนที่ในตำแหน่งที่หายไปจากอาการบาดเจ็บ มีรายงานออกมาว่านักเตะทั้งสองคนนั้นถือเป็นเป้าหมายหลักของสโมสรจากลอนดอนเหนือ อีกเป้าหมายหนึ่งที่มีสื่อออกมารายงานก็คือดาวยิงของแอตเลติโก้ มาดริดอย่างเจา เฟลิกซ์, มิดฟิลด์จากลาซิโอ้อย่างเซอร์เกจ์ มิลินโควิช-ซาวิช, ปีกของปอร์โต้อย่างเปเป้และยูริ ทีเลอมองส์ กองกลางของเลสเตอร์ ซิตี้ ไม่เพียงแค่ตัวเลือกเหล่านั้นจะต้องทำให้อาร์เซน่อลต้องใช้เงินเยอะมากพอสมควรแล้ว…
คำถามนี้จะเป็นคำถามที่ตอบง่ายมาก ๆ หากทั้งสองทีมเจอกันในรอบแบ่งกลุ่ม เหมือนกับที่พวกเขาเจอกันในปี 2018 แต่หลังจากที่เราได้เห็นความโกลาหลพลิกล็อกกันแบบถล่มทลายในฟุตบอลโลกครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ที่กาตาร์แล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะฟันธงให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะไปแบบง่าย ๆ ในตอนนี้ เรารู้อะไรบ้าง ตอนนี้เรารู้แล้วแน่ ๆ ว่าเมสซี่กำลังอยู่ในฟอร์มเทพ ระดับลุ้นรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ได้เลย และถ้าดูจากประวัติการแจกรางวัลนี้ของฟีฟ่าแล้ว เมสซี่ก็น่าจะคว้ารางวัลนี้ได้ไม่ยาก หากทีมฟ้าขาวสามารถเอาชนะโครเอเชียได้ในเกมรอบรองชนะเลิศ เรายังรู้อีกเช่นกันว่า ลูก้า โมดริช เจ้าของรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ปี 2018 ก็เป็นตัวแบกและทำทุกอย่างเพื่อขับเคลื่อนทีมตราหมากรุกมาตลอดเช่นกัน เช่นเดียวกับเมสซี่ ทั้งฝีเท้าและความเป็นผู้นำของโมดริชนั้นสำคัญต่อโครเอเชียมาก และอีกเรื่องก็คือ เมสซี่มีส่วนร่วมกับเกินครึ่งของประตูทั้งหมดที่อาร์เจนติน่าทำได้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้เสียอีก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่หลายสำนักคาดไว้อยู่แล้ว ส่วนด้านทีมโครแอตก็มีลูก้า โมดริช ที่สร้างช็อตมหัศจรรย์ช่วยโครเอเชียจากการตกรอบมาแล้วหลายครั้งเช่นกัน ที่สนามลูเซลสเตเดี้ยม ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 80,000 ชีวิต มันจะเป็นศึกระหว่างดาวเตะสองคน ที่มีชื่อย่อ LM และเบอร์เสื้อเดียวกันคือเบอร์ 10 (LM10 – Lionel Messi / Luka Modric) และไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะและเข้ารอบไปได้ กำไรจะตกอยู่ที่ผู้ชมไม่ว่าจะในสนามหรือทางบ้านแน่นอน เพราะเกมนี้จะเป็นเกมระดับห้าดาวอีกเกม และเป็นบุญตาแฟนบอลอย่างยิ่ง ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร อาร์เจนติน่าพลาดท่าแพ้เกมแรกของทัวร์นาเมนต์ในทันที แต่หลังจากนั้นก็ชนะรวดเรื่อยมา เช่นเดียวกับที่สเปนทำได้ในปี 2010 ไม่มีผิด ซึ่งในครั้งนั้นทีมกระทิงดุสามารถคว้าแชมป์ได้ด้วย ในฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ที่ในขณะนั้นเป็นเจ้าภาพหน้าใหม่ เช่นเดียวกับกาตาร์ในครั้งนี้ หลังจากความพ่ายแพ้นัดนั้น อาร์เจนติน่าก็กลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง และลงเล่นในนัดต่อ ๆ มาด้วยสปิริตทีมที่ดีกว่าเดิมมาก ในเกมกับเม็กซิโก, โปแลนด์ และ ออสเตรเลีย พวกเขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมชนิดแทบไร้ที่ติ แต่ในเกมกับทีมอัศวินสีส้ม สปิริตทีมทั้งหมดก็เกือบจะสูญเปล่าซะแล้ว เพราะกว่าทีมฟ้าขาวจะเอาชนะไปได้ก็ต้องดวลกับทีมกังหันลมถึงลูกจุดโทษเลยทีเดียว เหมือนในปี 2014 ที่อาร์เจนติน่าดวลจุดโทษชนะเนเธอร์แลนด์เข้าไปชิงชนะเลิศได้ไม่มีผิด ด้านโครเอเชีย เส้นทางของพวกเขาลำบากลำบนกว่าอาร์เจนติน่ามาก และผ่านอะไรมาเยอะกว่าจะมาถึงจุดนี้ ลำพังแค่ในรอบน็อคเอาต์ของฟุตบอลโลกครั้งนี้ พวกเขาก็เข้ารอบมาได้ด้วยการชนะจุดโทษทั้งสองครั้ง และมาจากการไล่ตามตีเสมอจนได้ดวลจุดโทษทั้งคู่ด้วย เกมนี้จะเป็นเกมที่ทดสอบสติและสมาธิของทั้งสองทีมอย่างแน่นอน ว่าใครจะผิดพลาดก่อนกัน และก็น่าจะมีการชิงเหลี่ยมและปะทะกันเยอะกว่าปกติบ้าง เพราะฉะนั้นเตรียมเห็นเมสซี่และโมดริชโชว์ลีลาล็อคหลบกองหลังกันได้เลย เมสซี่จะเอาชนะและเข้ารอบไปได้มั้ย คำตอบของเราในตอนนี้ คือ ใช่ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม เมสซี่มีทีมที่พร้อมจะเล่นเพื่อเขา – ในปี 2014 และ 2018 อาร์เจนติน่าเป็นทีมที่ดูจะพึ่งพาความสามารถของเมสซี่เป็นหลัก แต่ในปีนี้มันแตกต่างออกไป อาร์เจนติน่าในปีนี้ไม่ใช่ทีมที่สร้างมาเพื่อพึ่งพาความสามารถของเมสซี่…
ผลการแข่งขันที่คาด โมร็อกโก 1 – 2 ฝรั่งเศส (เสมอในเวลา 1-1 / ฝรั่งเศสชนะต่อเวลา 2-1) สนาม: อัล บายท์ สเตเดี้ยม ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้อย่างแน่นอน เมื่อทีมจากแอฟริกาอย่างโมร็อกโกผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกของทวีป ปิดฉากการรอคอยกว่า 92 ปีได้สำเร็จ ส่วนในเกมต่อไป พวกเขาจะต้องเจอกับฝรั่งเศส ในวันพุธที่ 14 ธันวาคม 2022 นี้ ที่สนาม อัล บายท์ สเตเดี้ยม แชมป์เก่าจากปี 2018 จะมีภาษีดีกว่าอย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลหลายประการ อย่างน้อยก็จากประวัติการลงเล่นรอบรองชนะเลิศที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา ประกอบกับการมีราศีแชมป์เก่าอีก ส่วนด้านทีมโมร็อกโกก็มีจุดเด่นในเรื่องของพลังบวก, พลังเชียร์จากแฟน ๆ บอลรองทั่วทุกมุมโลก และ กำลังใจจากกองเชียร์ชาวแอฟริกัน, อาหรับ และ ชาวมุสลิมทั่วโลก ฟอร์ม: โมร็อกโก ทีมสิงโตแอตลาสไม่น่าจะรู้ว่าจะต้องคาดหวังอะไรจากเกมนี้ เพราะนี่คือครั้งแรกในการเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศของพวกเขา อย่างไรก็ดี พวกเขาก็ได้สร้างตำนานในฟุตบอลโลกครั้งนี้ไปแล้ว ด้วยฟอร์มสุดแกร่งตลอดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงรอบแปดทีมสุดท้าย พวกเขาคือทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้ เสียไปเพียงประตูเดียวเท่านั้น จากห้าเกมที่ลงเล่น แถมประตูที่เสียก็มาจากการทำเข้าประตูตัวเองอีกด้วย นี่หมายความว่าจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีผู้เล่นคู่แข่งคนไหนเลยที่สามารถพังประตูของพวกเขาได้ อย่างไรก็ดี วาลิด เรเกรกี กุนซือของทีมก็ยังวางใจไม่ได้ และยังต้องโฟกัสไปที่เกมรับอีกมาก หากหวังจะหยุดเกมรุกที่ร้อนแรงของฝรั่งเศส ฟอร์ม : ฝรั่งเศส ฝรั่งเศสเหมือนเป็นทีมขั้วตรงข้ามของโมร็อกโกอย่างไรอย่างนั้น เพราะพวกเขาเลือกที่จะเน้นไปที่การเล่นด้วยสไตล์ที่พวกเขาถนัด นั่นก็คือการบุกแหลก ซึ่งเกมบุกของพวกเขาในฟุตบอลโลกหนนี้ถือว่าหาทีมหยุดได้ยากมาก อย่างไรก็ดีเกมรับของพวกเขานั้นยังมีช่องโหว่ให้เห็นอยู่ พวกเขาเสียไปถึงห้าประตูจากห้าเกม และถือว่าโชคดีแล้วที่ไม่เสียมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าโมร็อกโกจะไม่ใช่ทีมที่มีเกมบุกที่น่ากลัวมากมาย แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะลงโทษทีมตราไก่ด้วยเกมโต้กลับได้เสมอ นี่จะสร้างความกังวลให้กับกุนซืออย่างดิดิเยร์ เดอชองส์ ไม่น้อย นี่ยังไม่รวมการที่ถึงเขาต้องคิดวิธีเจาะเกมรับสุดแข็งของโมร็อกโกให้ได้อีกด้วย ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ทุกเกมของโมร็อกโกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ล้วนเป็นเกมยาวสุดกดดันที่วัดกันจนถึงนาทีสุดท้ายทั้งสิ้น แต่พวกเขาก็สามารถผ่านมาได้ตลอด ฝรั่งเศสอาจต้องตกรอบไปก็ได้ หากไปเล่นตามเกมโมร็อกโก หรือปล่อยให้เกมยืดเยื้อออกไป เกมนี้น่าจะเป็นเกมที่โมร็อกโกมารับแบบเต็มรูปแบบ ส่วนแชมป์เก่าฝรั่งเศสก็มีหน้าที่บุกเข้าใส่และพยายามพังประตูชัยให้ได้ สุดท้ายแล้ว เรายังเชื่อมั่นในทีมตราไก่ว่าพวกเขายังแน่พอ และน่าจะเฉือนเอาชนะทีมสิงโตแอตลาสไปได้
ผลการแข่งขันที่คาด อาร์เจนติน่า 2 – 1 โครเอเชีย (เสมอในเวลา 1-1 / อาร์เจนติน่าชนะต่อเวลา 2-1) สนาม : ลูเซล สเตเดี้ยม ทั้งอาร์เจนติน่าและโครเอเชียต่างก็ต้องสู้อย่างสุดกำลังกว่าจะผ่านเข้ารอบมาได้อย่างทุลักทุเลทั้งคู่ จนมาถึงรอบรองชนะเลิศที่พวกเขาจะต้องพบกันอีกครั้ง ในรอบรองชนะเลิศคู่แรกของฟุตบอลโลกปี 2022 นี้ที่กาตาร์ ทั้งแฟนบอลและสำนักข่าวต่าง ๆ ก็เชื่อว่าเกมนี้จะเป็นเกมสุดมันที่มีทั้งการโชว์ทักษะระดับโลก และการกระทบกระทั่งอย่างหนักหน่วงกันตลอดทั้งเกมอย่างแน่นอน รวมถึงลูก้า โมดริช ก็น่าจะเล็งที่จะย้ำแค้นเมสซี่ให้ได้อีกครั้ง เหมือนกับที่เขาเคยทำได้ในปี 2018 ที่โมดริชพาโครเอเชียถล่มอาร์เจนติน่าไปถึง 3-0 ในตอนที่ทั้งสองทีมเจอกันในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลกปี 2018 จนพาโครเอเชียไปไกลจนถึงตำแหน่งรองชนะเลิศได้ ฟอร์ม : อาร์เจนติน่า อาร์เจนติน่าเพิ่งผ่านบททดสอบที่หนักที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้มา ในการลงเล่นรอบแปดทีมสุดท้ายเจอกับเนเธอร์แลนด์ หลังจากผ่านรอบแรกกับออสเตรเลียมาได้แบบไม่ลำบากลำบนนัก พวกเขานำไปก่อนตามคาด แต่ทีมอัศวินสีส้มก็บุกหนักคืนในช่วงท้ายเกมจนทำประตูตีเสมอได้สำเร็จ ทำให้เกมต้องยืดเยื้อออกไปถึงการดวลจุดโทษ อย่างไรก็ดีในเกมนี้ ทีมฟ้าขาวก็คงหวังพึ่งลิโอเนล เมสซี่ ได้เหมือนทุกนัดที่ผ่านมา แต่ลำพังเมสซี่คนเดียวอาจจะไม่พอที่จะเอาชนะโครเอเชียทีมสร้างชื่อในเรื่องการเป็นทีมจอมคัมแบ็คในฟุตบอลโลกปีนี้ไปได้ ฟอร์ม : โครเอเชีย ทัวร์นาเมนต์นี้ของโครเอเชียมีเอกลักษณ์หนึ่งที่เด่นชัดมาก นั่นก็คือความมานะอุตสาหะ และสู้แบบไม่มียอมแพ้จนกว่าจะจบเกม หลังจากผ่านเข้ารอบมาได้ด้วยเพียงประตูได้เสียเท่านั้น พวกเขาก็ยันเสมอและเอาชนะการดวลจุดโทษกับญี่ปุ่นและบราซิลไปได้ตามลำดับ ทั้งสองเกมแสดงให้เห็นถึงกลยุทธทีเด็ดของพวกเขา ในการปิดจุดแข็งของคู่แข่งให้ได้ ยื้อให้เกมไปถึงจุดโทษ และใช้จุดแข็งของพวกเขาอย่างการการดวลจุดโทษให้เป็นประโยชน์ ผู้รักษาประตูตัวแบกของพวกเขาอย่างโดมินิค ลิวาโควิช นอกจากจะมีรูปร่างสูงใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้รักษาประตูที่เซฟจุดโทษได้ดีอีกด้วย อย่างไรก็ดีพวกเขาก็ต้องยันเสมออาร์เจนติน่าในเกมให้ได้ก่อน เพราะอาร์เจนติน่าในปีนี้นั้นไม่เหมือนกับชุดที่พวกเขาเอาชนะได้ง่าย ๆ เมื่อสี่ปีที่แล้วอย่างแน่นอน ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ในเกมนี้ เมสซี่จะเล่นอย่างมุ่งมั่นกว่าที่เคยแน่นอน เช่นเดียวกับนักเตะบางคนในทีมชุดนี้ที่ติดทีมชุดฟุตบอลโลกปี 2018 ด้วย เพราะในปีนั้นพวกเขาโดนโครเอเชียถล่มชนิดไม่เหลือชิ้นดี ฉะนั้นทุกสปอตไลต์จะจับจ้องไปที่เมสี่อย่างแน่นอน แต่สุดท้ายแล้ว ฟุตบอลคือกีฬาทีม และเกมนี้จะเป็นอีกเกมยาวที่วัดว่าใครจะผิดพลาดก่อนกัน ทั้งนี้ ในมุมภาพรวมของทีม อาร์เจนติน่าก็ยังดูดีกว่าอยู่ดี และมันก็ยากเหลือเกินที่จะได้เห็นโครเอเชียพลิกนรกเข้าชิงได้อีกครั้ง
รอบแบ่งกลุ่มของศึกฟุตบอลโลก 2022 นั้นก็จะได้จบลงไปแล้ว และทวีปแอฟริกาก็ได้ส่งสองทีมอย่างเซเนกัลและโมร็อกโกเป็นตัวแทนทวีปเข้ารอบมาด้วย ส่วนทวีปเอเชียส่งทีมเข้ามาในรอบน็อคเอาต์ได้ถึงสามทีม ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และ เกาหลี ปกติแล้ว เมื่อทีมเหล่านี้ลงเล่นนอกทวีปของพวกเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้สร้างความเกรงกลัวให้กับคู่แข่งทวีปอื่น ๆ เลย แต่ในปีนี้ฟอร์มของพวกเขาดีอย่างน่าประหลาดใจ วันนี้เราจะมาลองวิเคราะห์กันดู ว่าทำไมพวกเขาถึงยกพลเข้ารอบมาได้ถึงรอบนี้ เซเนกัล เซเนกัลจับฉลากมาอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับเนเธอร์แลนด์ เอกวาดอร์ และเจ้าภาพกาตาร์ ในขณะที่ทีมอัศวินสีส้มสามารถเล่นได้สมฐานะตัวเต็งแชมป์กลุ่มและเข้ารอบไปได้อย่างไม่ยากเย็นนักนั้น ฝ่ายเซเนกัล อันดับสองของกลุ่มต้องสู้จนหืดจับเลยทีเดียว กว่าจะแย่งตำแหน่งรองแชมป์กลุ่มจากเอกวาดอร์มาได้ การที่ซาดิโอ มาเน่ ตัวแบกของทีม มาได้รับบาดเจ็บก่อนทัวร์นาเมนต์จะเปิดฉากขึ้นเพียงสัปดาห์เดียวจากการลงสนามให้กับต้นสังกัดอย่างบาเยิร์น มิวนิก นั้น หลายฝ่ายเชื่อว่าอาการบาดเจ็บนี้อาจส่งผลให้เซเนกัลถึงขั้นเสียศูนย์ไปเลย เพราะอลิอู ซิสเซ่ กุนซือของทีมต้องยกเครื่องปรับแท็คติกกันใหม่เลย เพียงเพราะว่าขาดมาเน่ไปเท่านั้น และก็น่าจะพูดได้อีกว่าขวัญและกำลังใจของพวกเขาก็หายไปมากเช่นกัน เพราะมาเน่โชว์ฟอร์มได้ดีเหลือเกินในปีนี้ ถึงขั้นเกือบคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้ได้ โดยได้อันดับสอง เป็นรองแค่คาริม เบนเซม่าเท่านั้น และก็น่าเสียดายที่เราจะไม่ได้เห็นมาเน่นำทัพเซเนกัลลุยฟุตบอลโลกหนนี้ ในฟุตบอลโลกครั้งที่เซเนกัลเล็งจะไปไกลกว่าครั้งประวัติศาสตร์ของพวกเขาในปี 2002 ที่พวกเขาพลิกนรกผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ มันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่แปลกใหม่สักนิดสำหรับอลิอู ซิสเซ่ กุนซือของทีม ที่จะต้องปรับกระบวนทัพใหม่และใช้แท็คติกใหม่ของเขาในการปิดเกมให้ได้ จากแผนเดิม 4-3-3 ของพวกเขา ก็กลายมาเป็น 4-2-3-1 โฉมใหม่จากการที่ขาดพระเอกอย่างมาเน่ไป โชคร้ายที่แผนนี้ดันไปเข้าทางเนเธอร์แลนด์พอดี เพราะทีมอัศวินสีส้มก็เด่นในเรื่องการเล่นแดนกลางอยู่แล้ว สุดท้ายแล้ว แม้พวกเขาจะแพ้ไปแต่ก็ได้เรียนรู้จากเกมนั้นหลายอย่าง จนกลับมาเอาชนะได้ในสองเกมที่เหลือ และผ่านเข้ารอบมาเจอกับอังกฤษได้ โดยเกมระหว่างทั้งสองน่าจะน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ออสเตรเลีย ครั้งสุดท้ายที่ออสเตรเลียผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์ได้นั้นต้องย้อนกลับไปถึงฟุตบอลโลกปี 2006 นู่นเลยทีเดียว และเมื่อทัวร์นาเมนต์นี้เริ่มต้นขึ้น ก็คงไม่มีใครเชื่อว่าสถิตินั้นจะถูกทำลายแน่นอน เพราะพวกเขาจับฉลากเข้ามาอยู่ในกลุ่มสุดแข็งที่มีทั้งฝรั่งเศส, เดนมาร์ก และ ตูนีเซีย ใคร ๆ ก็คาดว่าออสเตรเลียจะต้องจบในอันดับบ๊วยของกลุ่มอยู่แล้ว หรืออย่างเก่งก็อันดับสามแบบห่าง ๆ แต่พวกเขาไม่เพียงแต่ลบคำวิจารณ์เหล่านั้นจนหมดสิ้นเท่านั้น พวกเขายังทำการช็อกโลกด้วยการพลิกล็อกเอาชนะเดนมาร์ก ทีมที่หลายสำนักยกให้เป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ไปได้อีกด้วย มันก็อาจจะพูดได้ว่าตูนีเซียเป็นฝ่ายพลาดง่าย ๆ จนโดนออสเตรเลียลงโทษเอง แต่มันก็สามารถตีความได้ว่าออสเตรเลียรู้จุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเองเป็นอย่างดี และหาจังหวะในการเปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็งได้ดีมาก พวกเขาเป็นทีมที่มีจำนวนครั้งการยิง, การส่ง, การครองบอล และบอลแทงช่องเข้าไปในเขตโทษน้อยที่สุด แต่กระนั้น พวกเขาก็ยังมีดีที่ความคมในการจบสกอร์ สิ่งที่พวกเขาเน้นมาตลอด และ เกมรับที่เหนียวแน่น จากการทุ่มเททุกอย่างที่พวกเขามี การแพ้ให้กับแชมป์เก่าฝรั่งเศส 4-1 นั้นไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย…
ผลการแข่งขันที่คาด: โครเอเชีย 1 – 2 บราซิล สนาม: เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม โครเอเชียจะมองหาโอกาสในการคว่ำบราซิลให้ได้ซักที ซึ่งบราซิลเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากซะจนพวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้มาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ สองเกมก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองทีมเจอกันในฟุตบอลโลกนั้นเป็นโครเอเชียที่พ่ายให้กับบราซิลไปทั้งสองนัด ในขณะเดียวกัน บราซิลก็ตั้งเป้าที่จะคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 ให้ได้และจะมองโครเอเชียเป็นเพียงแค่ขวากหนามหนึ่งที่จะต้องก้าวข้ามไปให้ได้เท่านั้น เกมนี้จะเป็นเกมที่น่าสนใจเอามาก ๆ และจะต้องมีการปะทะกันอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากทั้งสองทีมต่างก็มีนักเตะที่พร้อมจะเล่นสกปรกเพื่อช่วยให้ทีมเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการให้ได้ ฟอร์ม: โครเอเชีย โครเอเชียรอดพ้นจากการกลับบ้านก่อนใครเพื่อนในรอบแบ่งกลุ่มของกลุ่มเอฟที่พวกเขาตามโมร็อกโกเข้ารอบมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วยการเก็บชัยชนะไปได้ 1 เกมและเสมอไปอีก 2 เกม แต่เกมที่พวกเขาเจอกับญี่ปุ่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้นพวกเขาต้องเสียพลังงานไปมาก กับการดวลกับญี่ปุ่นถึง 120 นาทีเต็มและต้องยื้อไปถึงช่วงยิงจุดโทษกว่าจะผ่านทีมซามูไรบลูมาได้ แต่พวกเขาก็น่าจะได้เพิ่มความเชื่อมั่นในความสามารถของผู้รักษาประตูของพวกเขาอย่างโดมินิค ลิวาโควิช อยู่บ้าง เพราะเจ้าตัวโชว์เซฟจุดโทษได้ถึง 3 จาก 4 ครั้ง จนส่งญี่ปุ่นกลับบ้านไปได้ แต่พวกเขาก็ควรที่จะจบสกอร์ให้เฉียบคมมากขึ้นในเกมที่พวกเขาจะต้องมาเจอกับบราซิล เพราะในเกมกับบราซิลนั้นอาจจะไปไม่ถึงการยิงจุดโทษก็ได้ เพราะทีมแซมบ้าสามารถปิดเกมได้โดยที่ไม่ต้องไปลุ้นถึงช่วงต่อเวลาพิเศษหรือยิงจุดโทษแน่ ๆ ด้วยผลงานเกมรุกที่เด็ดขาดของพวกเขา ฟอร์ม: บราซิล หลังจากที่ผ่านเข้ารอบมาด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่มจีตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ ทีมแซมบ้าก็เจอคู่แข่งที่อ่อนชั้นกว่าอย่างเกาหลีใต้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาปิดเกมได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกมด้วยซ้ำ โดยการยิงไปถึง 4 ประตูในเวลาเพียง 36 นาทีเท่านั้น ก่อนหน้านี้ พวกเขายิงประตูได้เพียง 3 ลูกเท่านั้น ซึ่งทำให้เหล่าแฟนบอลต่างพากันสงสัยในความเฉียบคมในเกมรุกของพวกเขา เกมที่พวกเขาเจอกับเกาหลีใต้นั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าความคมของพวกเขานั้นไม่ได้หายไปไหนเลยและมันจะเป็นสิ่งที่สำคัญเอามาก ๆ ในเกมที่จะต้องเจอกับโครเอเชีย ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมที่มีเกมรับเหนียวแน่นที่สุดของทัวร์นาเมนต์ ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งสองทีมเคยเจอกัน 2 ครั้งในฟุตบอลโลก 4 ครั้งหลังสุด ทั้งสองทีมต่างรู้ดีว่าจุดแข็งของอีกฝ่ายนั้นคืออะไร มันจะเป็นเกมแห่งการดวลสมาธิของทั้งสองฝั่ง แต่เทคนิคและความยอดเยี่ยมของบราซิลนั้นจะสร้างปัญหาให้กับโครเอเชียเป็นอย่างมาก ซึ่งพวกเขาจะโชคดีมากหากว่าไม่มีใครต้องโดนใบแดงในเกมนัดนี้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม บราซิลน่าจะเฉือนทีมจากยุโรปไปได้ แต่จะไม่ใช่การถล่มเละอย่างแน่นอน
ผลการแข่งขันที่คาด โมร็อกโก 1 – 1 โปรตุเกส (หลังจากจบการต่อเวลาพิเศษ) | โมร็อกโกชนะจุดโทษ 5 – 3 สนาม: อัล ธูห์มาม่า สเตเดี้ยม เกมระหว่างโมร็อกโกกับโปรตุเกสนั้นน่าจะเป็นเกมที่มีสิทธิ์ที่จะเป็นเกมที่น่าตื่นเต้นที่สุดในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศได้เลย เมื่อดูจากฟอร์มของทั้งสองทีมในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย โมร็อกโกถือเป็นทีมม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ ส่วนโปรตุเกสก็ก้าวขึ้นมาจากคำว่าทีมม้ามืดกลายมาเป็นทีมระดับผู้ท้าชิงแชมป์โลกในปีนี้ เกมสุดมันนี้จะทำให้เราได้เห็นว่าทั้งสองทีมนั้นเล่นฟุตบอลแบบเอ็นเตอร์เทนคนดูสุด ๆ ด้วยความเร็วในการเปลี่ยนจากรับเป็นรุก โดยสถิติการพบกันก่อนหน้านี้ ทั้งสองทีมนั้นแบ่งกันเอาชนะกันไปได้ทีมละ 1 ครั้งจาก 2 เกมที่ทั้งสองทีมเจอกัน ฟอร์ม: โมร็อกโก โมร็อกโกช็อคแฟนบอลทั่วโลกด้วยการถีบสเปนตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไป แม้จะเป็นฝ่ายตกเป็นรองตลอดทั้งเกมก็ตาม เช่นเดียวกับญี่ปุ่น พวกเขายินดีที่จะตั้งรับในแดนตัวเองไปเรื่อย ๆ และคอยหาหมัดเด็ดน็อคสเปนในเกมสวนกลับ แต่สเปนก็ไม่ได้แพ้ง่ายขนาดนั้น และไม่เสียประตูจากลูกโต้กลับเช่นกัน ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะทีมกระทิงดุได้เรียนรู้จากการที่ต้องเจอทีมรับลึกมาก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขายังคงมีโอกาสที่ดีกว่าพอสมควรเลย ซึ่งสามารถดูได้จากฟอร์มการตั้งรับที่หน้าปากประตู เกมรับของพวกเขานั้นถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าจับตามองมาก ๆ โดยมีโรแมง ซาอิสที่คอยคุมแผงหลังได้อย่างไร้ที่ติ ฟอร์ม: โปรตุเกส โปรตุเกสถือเป็นหนึ่งในทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ พวกเขาถล่มสวิตเซอร์แลนด์ไปถึง 6-1 ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย บวกกับอีก 6 ประตูที่พวกเขาทำได้ในเกมรอบแบ่งกลุ่มทำให้พวกเขาจัดไปแล้วถึง 12 ประตู แต่น่าเสียดายที่จากในทั้งหมด 12 ประตูนั้น มีเพียงแค่ประตูเดียวที่มาจากคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่นี่ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนคู่แข่งของพวกเขาว่าไม่ว่าจะเป็นใครในทีมก็สามารถพังประตูตัดสินเกมได้ทั้งนั้น โมร็อกโกจะแพ็คเกมรับที่หน้าปากประตูของพวกเขาเอาไว้เป็นอย่างดีเพื่อป้องกันไม่ให้โปรตุเกสพังประตูได้ ซึ่งพวกเขาหวังไปถึงแชมป์โลกสมัยแรกของทีมชาติเลยล่ะ ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร เกมนี้จะเป็นเกมที่โมร็อกโกจะลงเล่นด้วยการแบกความหวังมากมาย จากการเป็นทั้งตัวแทนของคนในชาติและตัวแทนของทวีปแอฟริกาทีมสุดท้าย โปรตุเกสจะต้องเจอกับเกมที่ยากลำบากแน่นอนในการเจาะแนวรับของโมร็อกโก แต่พวกเขาจะครองบอลได้เยอะเลยล่ะในเกมนัดนี้ ผู้รักษาประตูของทั้งสองทีมจะต้องเจอกับงานหนักอย่างแน่นอนและอาจจะยืดเยื้อไปจนถึงการยิงจุดโทษก็เป็นได้ ซึ่ง ยาสซีน โบโน่ มือกาวของโมร็อกโกดูจะเป็นฝ่ายได้เปรียบหากเกมจะต้องยืดเยื้อไปถึงช่วงยิงจุดโทษ ซึ่งดูทรงแล้วก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจริงได้ไม่น้อย
ผลการแข่งขันที่คาด ฝรั่งเศส 2 – 1 อังกฤษ สนาม: อัล บายท์ สเตเดี้ยม นี่ถือเป็นการเจอกันในรอบน็อคเอาต์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทั้งสองทีมเลยทีเดียว และนี่ยังจะเป็นเกมนัดที่ 3 ที่ทั้งสองทีมเจอกันในประวัติศาสตร์ของทัวร์นาเมนต์นี้อีกด้วย มันจะเป็นเกมสุดมันที่แฟนบอลทั้งโลกรอดูอย่างแน่นอน เพราะทั้งสองทีมเป็นทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฉะนั้น แฟน ๆ ต่างก็คาดหวังว่าจะได้เห็นโอกาสยิงมากมายพร้อมกับประตูจากทั้งสองฝั่งอีกด้วย แต่ไม่ว่าผลของเกมนี้จะจบลงอย่างไร ดูแล้ววีเออาร์จะต้องทำงานหนักอย่างแน่นอนและเกมนี้จะกลายมาเป็นเกมที่หลายคนพูดถึงไปอีกนานเลยล่ะ ฟอร์ม: ฝรั่งเศส ทีมตราไก่ยิงไปแล้ว 10 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยเป็นคีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ที่นำตำแหน่งดาวซัลโวของทีม ด้วยการยิงไปถึง 5 ประตู รองลงมาเป็นโอลิวิเยร์ ชิรูด์ที่ 3 ประตู ทำให้เขากลายมาเป็นผู้นำดาวซัลโวเดี่ยวของฝรั่งเศสที่ยิงประตูมากที่สุดตลอดกาลอีกด้วย ส่วนในทางกลับกัน พวกเขาเสียไปเพียง 4 ประตูเท่านั้น นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีสมดุลในทีมที่ยอดเยี่ยมและยังมีความเฉียบขาดในการปิดเกมอีกด้วย ทีมแชมป์เก่าปี 2018 นั้นดีพอที่จะคว่ำทีมสิงโตคำรามอังกฤษ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว มันจะขึ้นอยู่กับว่าทีมไหนมีความกระหายอยากที่จะเอาชนะให้ได้มากกว่ากัน ฟอร์ม: อังกฤษ ทีมสิงโตคำรามยิงไปแล้วถึง 12 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ และในทางกลับกัน พวกเขาก็เสียไปเพียง 2 ประตูเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขายังมีปัญหาในเรื่องของเกมรับซ่อนอยู่ เนื่องจากแต่ละทีมที่พวกเขาเจอมานั้นได้มีเกมรุกที่ดีมากมายอะไรจะสามารถกดดันใส่พวกเขาได้มากพอเลย ฝรั่งเศสจะเป็นทีมที่ต่างจากทีมที่พวกเขาเคยเจอและแกเร็ธ เซาธ์เกตก็คอยเตือนลูกทีมของเขาอยู่เสมอจนถึงวันแข่งจริง สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลทีมชาติอังกฤษหวังก็คือความสามารถในการสร้างโอกาสและทำประตูให้ได้มากกว่าคู่แข่งนั่นเอง ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ตราบใดที่ทุกทีมยังคงเล่นในฟอร์มเดิมประจำทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ อังกฤษยังคงถือไพ่เหนือกว่าอยู่เล็กน้อย เนื่องจากพวกเขานั้นสร้างโอกาสในการทำประตูมากกว่าทุกทีมในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสจะเป็นบททดสอบที่หนักที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอและมันจะแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าฝรั่งเศสนั้นเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า เกมนี้จะเป็นเกมที่สูสีอย่างแน่นอนและฝรั่งเศสก็น่าจะเบียดเอาชนะทีมสิงโตคำรามไปได้แบบสุดมัน
ผลการแข่งขันที่คาด: เนเธอร์แลนด์ 1-1 อาร์เจนติน่า (หลังจากจบช่วงต่อเวลาพิเศษ) | อาร์เจนติน่าชนะจุดโทษ 5 -4 สนาม: ลูเซล สเตเดี้ยม เกมที่เนเธอร์แลนด์จะเจอกับอาร์เจนติน่าในฟุตบอลโลกนั้นจะเป็นเกมที่ได้รับความนิยมแทบจะไม่ต่างจากเกมที่ไนจีเรียเจอกับอาร์เจนติน่าเลย เพราะทั้งสองทีมนั้นคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีและเคยหักอกของแต่ละฝ่ายมาแล้วทั้งคู่ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลัง อาร์เจนติน่ากลายมาเป็นทีมแพ้ทางของทีมอัศวินสีส้มมากกว่าที่พวกเขาจะเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ ไม่เพียงแค่ในรายการฟุตบอลโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นในเรื่องของประวัติศาสตร์ของการต่อสู้กันอีกด้วย เกมล่าสุดที่ทั้งสองทีมเจอกันนั้นเป็นเกมที่อัศวินสีส้มพลาดโอกาสเข้าชิงชนะเลิศและทำให้เกมนี้จะเป็นโอกาสที่จะแก้แค้นอย่างแน่นอน ฟอร์ม: เนเธอร์แลนด์ หลังจากที่เป็นแชมป์กลุ่มเอมาได้แล้ว จากชัยชนะเหนือเซเนกัลและทีมเจ้าภาพอย่างกาตาร์ พวกเขาเจอกับสหรัฐอเมริกาในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเกมที่จะเบากว่ามาก เมื่อเทียบกับหลังจากที่กรำศึกหนักมาจากเกมในกลุ่มเอ พวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แต่พวกเขากลับชอบละเลยในเรื่องเกมรับของพวกเขา ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีกองหลังที่ดีที่สุดในโลกก็ตาม การที่จะต้องเจอกับทีมอย่างอาร์เจนติน่าที่สามารถฉวยโอกาสได้ตลอดเวลานั้น พวกเขาจำเป็นจะต้องระวังทีมฟ้าขาวให้ดีเลยล่ะ ไม่งั้นแล้วพวกเขาอาจจะต้องอกหักกลับบ้านไปเลยก็เป็นได้ ฟอร์ม: อาร์เจนติน่า อาร์เจนติน่าต้องมาเจอกับออสเตรเลียที่โชว์ฟอร์มได้ดีเกินคาดในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้เลยล่ะ เกมรับที่หละหลวมทำให้พวกเขาเกือบเสียประตูไปแล้ว หากพวกเขาไม่ได้ผู้รักษาประตูที่โชว์ฟอร์มเซฟแจ่ม ๆ ช่วยไว้ และได้แนวรับหลายคนที่ช่วยเคลียร์บอลทิ้งในจังหวะสำคัญไว้ได้ แต่ความเฉียบคมในแนวรุกของพวกเขาก็ยังเป็นเรื่องที่น่ากังขาและการที่จะต้องเจอเกมรับของทีมอย่างเนเธอร์แลนด์ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ตัดสินชะตาของพวกเขา ระหว่างการผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปแบบง่ายดายกับต้องตกรอบแบบช้ำใจอีกครั้ง ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งสองทีมรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี พวกเขายังมีเพื่อนร่วมทีมในสโมสรที่ลงเล่นอยู่ทั้งสองทีมชาติอีกด้วย แน่นอนว่ามันจะเป็นเกมที่สูสีด้วยการผลัดกันครองเกมในแดนมิดฟิลด์ ซึ่งจะเป็นพื้นที่หลักที่จะต้องดวลกันในเกมนัดนี้ อาร์เจนติน่าจะมีจังหวะมหัศจรรย์ในเกมมากกว่าแน่นอน และทีมอัศวินสีส้มจะมาสู้โดยการซื้อเกมรับอย่างเดียวไม่ได้ แต่เรายังเชื่อว่าเกมนี้จะไปถึงการต่อเวลาพิเศษ และมีโอกาสสูงด้วย ที่จะต้องดวลกันถึงจุดโทษอีกด้วย