Author: admin

อาร์เจนติน่าผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศของศึกฟุตบอลโลกได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการเอาชนะออสเตรเลียไปได้ 2-1 ที่สนามอาห์เหม็ด บิน อาลี เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ทีมจิงโจ้ก็ไม่ได้ยอมแพ้ง่าย ๆ และมีลูกฮึดกลับมาในช่วงท้ายเกมจนเกือบจะตีเสมอได้เหมือนกัน จากลูกยิงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บแต่ก็ถูกเอมิ มาร์ติเนซ เซฟไว้ได้ และอาร์เจนติน่าก็ยันอยู่ได้จนจบเกม ผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ ทีมฟ้าขาวจะต้องกับเนเธอร์แลนด์ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศต่อไป หลังจากทีมอัศวินสีส้มดับฝันเอาชนะทีมมะกันมาได้เมื่อวันก่อน ทีมฟ้าขาวจะไปถึงแชมป์ได้เลยมั้ย? – ได้สิ แน่นอน มันจะเป็นงานหนักแน่นอนในการเจอกับทีมกังหันลมที่ยังแพ้ใครไม่เป็นในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ทัพฟ้าขาวก็น่าจะผ่านเนเธอร์แลนด์เข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปได้ และเข้าใกล้ความฝันสูงสุดอย่างแชมป์โลกสมัยที่สามเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง ครั้งสุดท้ายที่ทีมฟ้าขาวคว้าแชมป์โลกได้ก็ต้องย้อนไปถึงปี 1986 เลยทีเดียว จากผลงานของดิเอโก้ มาราโดน่า ผู้ยิ่งใหญ่ มาราโดน่าลงเล่นเป็นตัวจริงทุกเกมในฟุตบอลโลกครั้งนั้น และทำคนเดียวห้าประตูกับอีกห้าแอสซิสต์ ช่วยให้ทีมฟ้าขาวคว้าถ้วยจูลส์ ริเมต์ มานอนกอดได้สำเร็จ และในวันนี้ 36 ปีให้หลัง อาร์เจนติน่ามีขุมกำลังระดับประวัติการณ์ และน่าจะหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้ยุคทองของพวกเขาให้เป็นประโยชน์ ด้วยการคว้าแชมป์โลกให้ได้อีกสักครั้ง เมสซี่กับการปล่อยของทิ้งทวนฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขา ลิโอเนล เมสซี่ถือเป็นตัวแปรสำคัญของอาร์เจนติน่ามาตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ แต่นี่จะเป็นครั้งแรกของเขาในฟุตบอลโลก ที่มีเพื่อนร่วมทีมที่ทั้งฝีเท้าดีและเข้ากับการเล่นของเขาเหลือเกิน ในปีนี้เขาดูพึ่งพาและเล่นกับเพื่อนร่วมทีมมากขึ้นเทียบกับปีก่อน ๆ ส่วนสถิติของเขาในสี่นัดที่ผ่านมาในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เขาไม่ยิงก็จ่ายในทุกเกม พลาดไปเพียงเกมเดียวเท่านั้น ประตูที่เมสซี่ยิงใส่ออสเตรเลียได้นั้นคือประตูที่ 789 ของเขาในการลงสนามเกมที่ 1000 ของการค้าแข้ง และถือเป็นประตูที่ 9 ในฟุตบอลโลกของเขา แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่หยุดอยู่แค่เก้าลูกแน่ ดาวเตะดีกรีรางวัลบัลลงดอร์เจ็ดสมัยนั้นเคยเข้ารอบลึกกว่านี้มาแล้วมาก เช่นในปี 2014 ที่เขาอกหักพ่ายให้กับทีมอินทรีเหล็กไปในรอบชิงชนะเลิศ จากประตูชัยในช่วงต่อเวลาของมาริโอ เกิตเซ่   ในวัย 35 ปี นี่จะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว เมสซี่จะมุ่งมั่นกว่าทุกครั้งแน่นอน เพื่อคว้าถ้วยอันทรงเกียรติเพียงถ้วยเดียวที่เขาไม่เคยได้มาก่อนในชีวิตนักฟุตบอล แม้จะลงเล่นในถ้วยดังกล่าวมาครั้งนี้ก็ครั้งที่ห้าแล้ว การพ่ายแพ้ต่อซาอุดิอาระเบียไปแบบช็อคโลกในเกมเปิดสนามนั้นทำให้ทั้งโลกเริ่มหวั่น ๆ กับชะตาของอาร์เจนติน่าอยู่เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ พวกเขารักษาสถิติไม่แพ้ใครมาได้ร่วมสามปี แต่ก็ต้องหยุดสถิติไว้ที่ 35 เกม ข่าวที่ว่าทัพฟ้าขาวนั้นใจเสียไปเลยนั้นก็เล็ดลอดออกมาสู่สาธารณะเช่นกัน และบางสื่อก็รายงานว่าผู้เล่นรู้สึกหมดอาลัยตายอยากไปเสียแล้ว มันทำให้เห็นเลยว่าเกมกับเม็กซิโกนั้นจะเป็นเกมที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่าเกมไหน ๆ อย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ทำได้ในการลงเล่นนัดนั้น เอาชนะทีมจังโก้ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 ด้วยการมีเมสซี่เป็นศูนย์กลางในการบัญชาการทุกอย่างของทีม หลังจากนั้นก็เก็บชัยชนะเหนือโปแลนด์ไปแบบสบาย ๆ ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เป็นสัญญาณว่า “อาร์เจนติน่า” ตัวจริงกลับมาแล้ว จริง ๆ มันก็มีหลายเหตุผลที่ทำให้เราคิดว่าอาร์เจนติน่าจะคว้าแชมป์โลกได้ นอกจากเหตุผลที่รู้กันดีอย่างการมีเมสซี่แล้ว…

Read More

คริสเตียโน่ โรนัลโด้และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ตกลงยกเลิกสัญญารว่มกันหลังจากที่เขาให้สัมภาษณ์ทิ้งบอมบ์สโมสรเอาไว้ ในขณะเดียวกัน เจ้าของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างตระกูลเกลเซอร์ก็ประกาศขายสโมสร นั่นเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่? อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่แน่นอน นั่นก็คือคริสเตียโน่ โรนัลโด้พาสโมสรก้าวมาสู่ยุคใหม่ แม้อาจจะไม่ใช่ในแบบที่เขาต้องการเท่าไรนัก แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว งั้นเรามาดูภาพรวมของเรื่องนี้กันเลยดีกว่า สิ่งที่พวกเรารู้ สิ่งเหล่านี้คือข้อเท็จจริง: ตระกูลเกลเซอร์เป็นเจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาตั้งแต่ปี 2005 ในช่วงเวลานั้น พวกเขาได้กลายมาเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในแง่ของการตลาด แต่ในเรื่องของฟุตบอลแล้ว สโมสรเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อย ในความเป็นจริงแล้ว สโมสรต้องทนอยู่กับช่วงเวลาที่สโมสรนั้นล้มเหลวทางฟุตบอลมากที่สุดภายใต้การเข้ามาเทคโอเวอร์ของครอบครัวมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้ลาบังเหียนไปหลังจากคุมทีมมากว่า 2 ทศวรรษ ซึ่งเขาได้สร้างปิศาจแดงให้กลายมาเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ แต่นับตั้งแต่ที่เขาลาทีมไป สโมสรก็ค่อย ๆ ตกต่ำลงเรื่อย ๆ และตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็กลายเป็นทีมที่จมอยู่กับอดีตไปซะแล้ว ไม่มีผู้จัดการทีมคนไหนเลย แม้กระทั่งโชเซ่ มูรินโญ่ที่จะสามารถพาพวกเขากลับมาคว้าแชมป์ได้อีกเลยนับตั้งแต่ที่กุนซือชาวสก็อตต์ลาทีมไป ในช่วงเวลานั้น สโมสรที่อยู่ภายใต้การเป็นเจ้าของของตระกูลเกลเซอร์นั้นใช้เงินไปแล้วกว่าพันล้านปอนด์ในการเสริมทัพ แต่ไม่มีการเซ็นสัญญาซื้อตัวครั้งไหนเลยที่สามารถสร้างอิมแพ็คได้มากพอ ในด้านอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับนักเตะของพวกเขานั้นก็ย่ำแย่ลงไปอีกเรื่อย ๆ เช่นกัน แถมยังมีการประท้วงไล่เจ้าของทีมจากเหล่าแฟนบอล, อดีตนักเตะของทีมและเหล่าแฟนบอลชื่อดังของสโมสรอีกด้วย การออกมาเคลื่อนไหวด้วยแฮชแท็ก #GlazersOut นั้นค่อย ๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาและเลยเถิดไปจนถึงการเลื่อนเกมการแข่งขันในระหว่างที่มีการประท้วงขึ้นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดอีกด้วย แน่นอนเลยว่าตระกูลเกลเซอร์นั้นกำลังถูกกดดันให้ขายทีมออกไปซะ แต่โรนัลโด้เป็นคนบีบให้พวกเขาต้องขายสโมสรไปหลังจากที่ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่มาอย่างยาวนานหรือไม่? ช่วงเวลาการปล่อยบทสัมภาษณ์ที่พอเหมาะพอเจาะเหลือเกิน เรื่องราวของบทสัมภาษณ์นั้นถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่หลายคนตีความออกไปหลายรูปแบบ เชื่อกันว่านักเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยนั้นตั้งเป้าเอาไว้แล้วว่าจะปล่อยบทความในช่วงนี้ เนื่องจากสโมสรนั้นกำลังจะคืนฟอร์มในฤดูกาลนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคนที่เชื่อว่าโรนัลโด้นั้นคิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะโยงไปที่เหตุการณ์อื่น ๆ ในฤดูกาลนี้เป็นต้นเหตุ อดีตดาวยิงของเรอัล มาดริดนั้นพลาดการลงสนามในช่วงพรีซีซั่นด้วยเหตุผลส่วนตัว ซึ่งเขาเปิดเผยในภายหลังว่าเป็นเพราะลูกสาวของเขามีอาการป่วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ดันมาเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่เอเยนต์ของเขาอย่างจอร์จ เมนเดสกำลังพูดคุยอยู่กับหลายสโมสรและมีข่าวลือออกมามากมายว่าเขากำลังเตรียมปิดดีลในการพาโรนัลโด้ออกจากสโมสร โรนัลโด้ยังขโมยซีนทั้งหมดจากนัดที่ทีมปีศาจแดงเอาชนะเหนือท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สไปแบบหืดจับด้วยการเดินออกจากสนามไปด้วยความโกรธที่เขาถูกขอให้ลงสนามเป็นตัวสำรองโดยผู้จัดการทีมปิศาจแดงอย่างเอริค เทน ฮาก เหล่าสื่อต่าง ๆ ก็พากันโฟกัสไปที่ท่าทีของดาวยิงวัย 37 ปี แทนที่จะสนใจในฟอร์มของเล่นของลูกทีมเอริค เทน ฮากในเกมเสียอย่างนั้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฟอร์มที่ดีที่สุดของทีมปีศาจแดงในฤดูกาลนี้เลยล่ะ และตอนที่ดูเหมือนว่าสโมสรเริ่มกลับมาคืนฟอร์มแล้ว บทสัมภาษณ์นั้นก็ดึงดูดความสนใจทั้งหมดไปที่ตัวเขาอีกครั้ง “ในชีวิตของผมแล้ว จังหวะที่ดีที่สุดคือจังหวะที่ผมกำหนดเองเสมอ” โรนัลโด้พูดในการปรากฏตัวกับสื่อครั้งแรกนับตั้งแต่ให้สัมภาษณ์ “ผมไม่จำเป็นจะต้องแคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไง ผมจะพูดก็ต่อเมื่อผมต้องการ เหล่านักเตะที่เคยลงเล่นกับผมต่างรู้จักผมมาหลายปีและรู้ว่าผมเป็นคนยังไง”…

Read More

ตอนนี้ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์เดินทางมาร่วมครึ่งทางแล้วและพวกเราก็ได้เห็นประตูสวย ๆ มากมาย และรูปแบบการเล่นที่ยอดเยี่ยมหลายจังหวะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นลิโอเนล เมสซี่ไปจนถึงคริสเตียโน่ โรนัลโด้ รองเท้าสตั๊ดที่ดีที่สุดในโลกหลาย ๆ คู่ช่วยให้พวกเขาทำประตูเจ๋ง ๆ จ่ายบอลแบบสวย ๆ และยิงประตูผ่านมือผู้รักษาประตูไปมากมายในทัวร์นาเมนต์ มีประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ไปแล้ว 99 ประตูและก็เป็นรองเท้าสตั๊ดเหล่านี่แหละที่มีส่วนช่วยสร้างประตูมากมายให้เกิดขึ้นได้ ลิโอเนล เมสซี่ ไนกี้พลาดโอกาสในการคว้าตัวเมสซี่ไป เพราะว่าชายที่ได้ชื่อว่าเป็น “เมอร์คิวเรียลอาร์เจนไตน์” นั้นไปเซ็นสัญญากับคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาอย่างอาดิดาสจากเยอรมัน ความร่วมมือระหว่างเมสซี่และอดิดาสในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้พวกเขามีคอลเลคชั่นรองเท้าสตั๊ดที่น่าทึ่ง ในครั้งนี้ เมสซี่จะใส่รองเท้ารุ่นเลเยนด้า ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษของคอลเลคชั่นเอ็กซ์ สปีดพอร์ทัล รองเท้าสตั๊ดรุ่นเลเยนด้า (ซึ่งแปลว่าตำนานในภาษาสเปน) ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้าสตั๊ดที่เมสซี่ใส่ในฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่อปี 2006 รุ่น +F50.6 ทูนิต รองเท้าสตั๊ดคู่นี้ช่วยให้เขาทำไปแล้ว 2 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์และแฟน ๆ ก็น่าอยากเห็นเขาทำได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวดังแห่งไนกี้นั้นทำไปแล้ว 1 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ จนทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกและคนเดียวที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลก 5 ครั้ง นั่นเป็นสถิติที่น้อยคนนักจะทำได้ในชั่วชีวิตหนึ่ง และรองเท้าสตั๊ดที่ช่วยให้เขาทำลายสถิติที่ยอดเยี่ยมนี้ก็คือเมอร์คิวเรียล แอร์ ซูม ซูเปอร์ฟลาย 9 เอส รองเท้ารุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นมาเพื่อโรนัลโด้โดยเฉพาะ นี่คือเมอร์คิวเรียลรุ่นที่ 31 ที่ผลิตขึ้นเพื่อโรนัลโด้ เป็นผลมาจากการที่ตัดสินใจเซ็นสัญญาตลอดชีพกับแบรนด์กีฬาชื่อดังจากอเมริกา แต่รองเท้าสตั๊ดคู่นี้จะอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน เพราะเป็นรองเท้าสตั๊ดที่เขาใส่เพื่อทำสถิติและสร้างประวัติศาสตร์ บูกาโย ซาก้า แบรนด์แอมบาสเดอร์ของนิว บาลานซ์อย่างบูกาโย ซาก้าจะใส่รองเท้าสตั๊ดคู่พิเศษนี้จากนิว บาลานซ์และแบรนด์แฟชั่นจากอิตาลีอย่างสโตน ไอแลนด์ทุกเกมที่เขาลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลกครั้งนี้ สโตน ไอแลนด์หวังที่จะตีตลาดชุดกีฬาและจะมีอะไรที่ดีไปกว่าการออกแบบผ่านรองเท้าสตั๊ดของบูกาโย ซาก้า นักเตะที่กำลังมีฟอร์มสดใสที่สุดของทีมชาติอังกฤษกันล่ะ เขาจัดไปแล้ว 2 ประตูด้วยรองเท้าสตั๊ดสโตน ไอแลนด์ x นิว บาลานซ์ นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของแบรนด์แฟชั่นจากอิตาลีก็เป็นได้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ราฮีม สเตอร์ลิ่งเป็นอีกหนึ่งนักเตะจากแคมป์สิงโตคำรามที่จะสวมใส่รองเท้าสตั๊ดของสโตน ไอแลนด์ x นิว บาลานซ์ในทัวร์นาเมนต์นี้ เขายังถือเป็นนักเตะตัวชูโรงของการร่วมมือกันของสองแบรนด์นี้อีกด้วย สีของรองเท้าเป็นสีเขียวกากีที่ให้ความรู้สึกแบบทหาร ซึ่งเข้ากับแนวคิดที่ทีมชาติอังกฤษจะใช้ในการลงเล่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้อย่างยิ่ง ชื่อแบรนด์สโตน ไอแลนด์อยู่ด้านข้างและโลโก้สีส้มสดใสของพวกเขาก็แปะอยู่ที่ด้านหลัง สเตอร์ลิ่งทำไปแล้ว 1…

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด โปรตุเกส 2 – 2 สวิตเซอร์แลนด์ (จบ 120 นาที) | โปรตุเกสชนะจุดโทษ 6-5 สนาม : ลูเซล สเตเดี้ยม โปรตุเกสอาจจะผ่านบททดสอบแรกอย่างอุรุกวัย และบททดสอบต่อมาที่ยากกว่าที่คาดอย่างกาน่ากับเกาหลีใต้มาได้ แต่ในเกมนี้พวกเขาจะต้องเจอกับบททดสอบที่ยากที่สุด (อย่างน้อยก็ยากกว่าที่ผ่านมา) ในการลงฟาดแข้งกับสวิตเซอร์แลนด์ที่ปัจจุบันได้สร้างชื่อให้กับพวกเขาเองจากผลงานในทัวร์นาเมนต์ใหญ๋ ๆ ที่ผ่าน ๆ มา ว่าพวกเขาคือคู่แข่งที่ไม่หมู และเอาชนะได้ยากมาก โดยเฉพาะกับทีมใหญ่นี่เองที่ทีมสวิสสร้างปัญหาให้ได้ปวดหัวตลอด โปรตุเกสอาจจะไม่ใช่ตัวเต็งอะไรในฟุตบอลโลกหนนี้ ออกจะเป็นม้านอกสายตาได้เลยด้วยซ้ำ แต่หากว่าพวกเขาโชว์ฟอร์มหรูในเกมนี้และปราบสวิตเซอร์แลนด์ได้แล้วล่ะก็ พวกเขาน่าจะได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงได้บ้าง อาจจะไม่ถึงขั้นตัวเต็ง แต่ก็ไม่ใช่ม้านอกสายตาแน่นอน ฟอร์ม : โปรตุเกส ทีมอดีตแชมป์ยูโร 2016 นั้นกระหายอยากได้ถ้วยระดับโลกอย่างเต็มแก่ และเช่นเดียวกับเบลเยียม ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะมีทีมที่ดีพร้อมและพอจะลุ้นแชมป์กับเขาได้บ้าง เพราะในฟุตบอลโลกครั้งหน้า ตัวหลักหลายคนของทีมชุดนี้ก็คงไม่ได้มาเล่นด้วยแล้ว หรือต่อให้ติดมาก็อาจจะแก่เกินแกงสู้แรงหนุ่ม ๆ ไม่ได้แล้ว หลังจากที่สู้จนหืดจับกว่าจะเอาชนะกาน่าและอุรุกวัยมาได้ พวกเขาก็มาโดนสกัดดาวรุ่งโดยทีมเกาหลีใต้ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนถ้าจะให้อธิบายฟอร์มของพวกเขาในสามเกมรอบแบ่งกลุ่มนั้น ก็คงพูดได้แค่ว่าพวกเขานั้นไม่มีความคงเส้นคงวาเอาเสียเลย แต่นั่นก็ยังเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ก่อนลงเตะในนัดต่อ ๆ ไป อย่างน้อยก็นัดแรกในการเจอกับทีมสวิสนี่แหละ ฟอร์ม : สวิตเซอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์โชว์ความทนทายาดของพวกเขาด้วยการเอาชนะเซอร์เบียที่ก็ไม่ยอมตกรอบง่าย ๆ เช่นเดียวกัน ในช่วงเวลา 40 นาทีของเกมทั้งสองทีมแลกหมัดกันอย่างสนุก ผลัดกันนำผลัดกันตามตลอดทั้งเกม แต่สุดท้ายก็เป็นเรโม่ ฟรอยเลอร์ ที่เป็นคนทำประตูชัยให้กับทีมสวิส และส่งพวกเขาเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ เกมระหว่างพวกเขากับเซอร์เบียนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงให้เห็นว่าพวกเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เพราะกว่าพวกเขาจะมาถึงจุดนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน และการเจอกับทีมฝอยทองในครั้งนี้ก็เป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้โชว์ช็อกโลกคว่ำทีมเต็งได้อีกครั้ง ทิศทางของเกมจะเป็นอย่างไร เกมนี่จะเป็นเกมที่น่าสนใจอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้โปรตุเกสจะเป็นต่ออยู่เล็ก ๆ แต่โอกาสพลิกล็อกก็เยอะเช่นกัน คุณภาพและชื่อชั้นของนักเตะฝอยทองจะเป็นประโชยน์ในเกมนี้มาก การที่มีผู้เล่นที่สามารถพลิกเกมได้มากกว่าย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว แต่เราก็ยังไม่กล้าฟันธงผู้ชนะแบบ 100% ในเกมนี้ เพราะเกมนี้จะเป็นเกมสุดสูสีและวัดกันที่สมาธิและความผิดพลาดเช่นเดิม แต่ถ้าจะต้องเลือกจริง ๆ เราคิดว่าโปรตุเกสน่าจะเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบไปได้แบบฉิวเฉียด

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด บราซิล 2-1 เกาหลีใต้ สนาม : สเตเดี้ยม 974 นี่จะเป็นครั้งที่สองแล้วที่ทั้งสองทีมจะเจอกันในปีนี้ แต่เกมนั้นอาจจะไม่ใช่เกมที่มีความทรงจำสวยงามเท่าไรนัก ออกแนวเกมที่เกาหลีจะมาถอนแค้นจากการโดยบราซิลถล่มมากกว่า ส่วนทางด้านทีมแซมบ้า ก็ไม่น่าจะไม่พอใจที่จะได้เจอกับทีมโสมขาวในรอบนี้ เพราะดูแล้วเกาหลีใต้คือคู่แข่งที่เบาที่สุดที่เป็นไปได้แล้ว และน่าจะเล็งที่จะย้ำแค้นเกาหลีใต้ให้ได้ เหมือนกับที่พวกเขาถล่มเกาหลีใต้ไปเละเทะในเกมกระชับมิตรเมื่อเดือนมิถุนายน ฟอร์ม : บราซิล การเก็บชัยชนะสองจากสามเกมพร้อมกับการโชว์การเล่นฟุตบอลเกมรุกที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ทีมชาติยราซิลน่าจะภูมิใจพอสมควร แต่พวกเขาก็ต้องกลับสู่โลกความเป็นจริงเมื่อแคเมอรูน ทีมที่พวกเขามีสถิติข่มอยู่ถึง 7-0 (ประตูรวมในฟุตบอลโลก) พลิกล็อกเอาชนะพวกเขาไปได้เสียอย่างนั้น เป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเขาก็ประมาทคู่แข่งเกินไปไม่ได้เหมือนกัน พวกเขาน่าจะรู้แล้วว่ามันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะพลิกล็อกแพ้ทีมรองบ่อนได้เหมือนกัน แม้จะเป็นทีมที่โดยปกติพวกเขาจะเอาชนะไปได้แบบไม่มีปัญหาอะไรก็ตาม ฟอร์ม : เกาหลีใต้ การที่พวกเขาชนะหนึ่ง เสมอหนึ่ง แพ้หนึ่ง ในรอบแบ่งกลุ่มนั้นเพียงพอที่จะส่งพวกเขาเข้ามารอบนี้ได้แบบชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด แต่พวกเขาก็ได้ลงเล่นอย่างกล้าหาญสุด ๆ มาตลอดสามเกม ฉวยโอกาสยิงประตูในจังหวะสำคัญ ๆ ได้ตลอดในช่วงที่คู่แข่งพลาดให้ พวกเขาลงเล่นด้วยจิตใจนักสู้ตลอด และนั่นจะเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องใช้ต่อไปแน่นอน ในเกมที่จะเจอกับบราซิล ทีมระดับตัวเต็ง ที่ในประวัติศาสตร์การพบกันแปดครั้ง พวกเขาเอาชนะทัพเซเลเซาได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทีมโสมขาวจะต้องหวังพึ่งความเร็วของพวกเขาให้มากที่สุด ในการเจอกับบราซิลที่ก็ไม่ได้ช้ากว่ากันเลย ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ทีมแซมบ้ามีนักเตะจอมเทคนิคอยู่ล้นทีม และนั่นจะช่วยให้พวกเขาได้เปรียบในเกมนี้อย่างแน่นอน นี่ยังหมายถึงว่าทีมจากทวีปเอเชียจะเป็นฝ่ายวิ่งไล่และเล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ และหาจังหวะเอาคืนโต้กลับเร็ว เพราะทีมเกาหลีเป็นทีมที่ตื่นตัวเอามาก ๆ ส่วนบราซิลก็มีการเสียประตูแบบง่าย ๆ หรือจากการโดนโต้กลับเร็วให้เห็นเหมือนกัน เรามองว่าเกมนี้จะมีประตูกันทั้งสองฝ่าย แต่น่าจะเป็นบราซิลที่จะเป็นฝ่ายยิงได้มากกว่าและเฉือนเอาชนะไปได้

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด โมร็อกโก 1-2 สเปน สนาม : เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม โมร็อกโกอาจจะไม่ใช่ทีมต่อในเกมนี้ แต่พวกเขาจะลงเล่นในเกมนี้ด้วยความหวังเล็ก ๆ ที่จะหักปากกาเซียนเอาชนะทีมกระทิงดุดีกรีแชมป์โลกปี 2010 ให้จงได้  ส่วนสเปน พวกเขาออกสตาร์ตได้ดีด้วยฟอร์มระดับเต็งแชมป์ แต่แผ่วปลายจนเกือบตกรอบแบ่งกลุ่มไป เหมือนกับที่พวกเขาต้องกลับบ้านไวในปี 2014 และ 2018 เกมนี้จะเป็นหนึ่งในเกมที่สนุกเร้าใจและมีสิทธิพลิกล็อกมากที่สุดในบรรดาแปดคู่อีกด้วย ฟอร์ม : โมร็อกโก ทีมสิงโตบาร์บารีได้แสดงให้เห็นแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงคู่ควรกับคำเปรยของสื่อที่ยกให้พวกเขาเป็นทีมที่ฟอร์มแรงที่สุดในแอฟริกาในตอนนี้ แถมปัจจุบันพวกเขามีอันดับโลกเป็นอันดับสองของทวีปแอฟริกาอีกด้วย เป็นรองแค่เซเนกัลที่เพิ่งคว้าแชมป์แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ เมื่อเดือนมกราคมปี 2021 ไปเท่านั้น พวกเขายังโชว์ฟอร์มเก่งในฟุตบอลโลกได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการมีทีมที่ค่อนข้างสมดุลของพวกเขา เห็นได้จากนัดกับโครเอเชียที่พวกเขาโชว์คุณภาพออกมาทั้งในเกมรุกและเกมรับ แถมยังเล่นได้ดีกว่านั้นอีกในนัดที่พวกเขาชนะเบลเยียมและแคนาดาจนผ่านเข้ารอบมาได้ในฐานะแชมป์กลุ่ม ฟอร์ม : สเปน สเปนออกสตาร์ตได้อย่างร้อนแรงในเกมกับคอสตาริกา ถล่มทีมจากแดนอเมริกากลางไปถึง 7-0 แต่เหมือนเครื่องจะดับไปหลังจากเกมนั้น เหมือนกับนักวิ่งมาราธอนที่ออกตัวแรงแต่หมดแรกตอนท้ายไม่มีผิด เพราะในเกมกับเยอรมันและญี่ปุ่น ฟอร์มเก่งของพวกเขาก็หายไปจนหมดสิ้น สังเกตได้จากการที่ทีมสร้างโอกาสยิงได้น้อยลงไปมาก การยืนกรานอย่างหนักแน่นของหลุยส์ เอนริเก้นั้นก็ได้ผลมาตลอดเช่นกัน แต่ทีมดีกรีแชมป์โลก 1 สมัยจะเอาแต่อาศัยการครองบอลอย่างเดียวไม่ได้แน่นอน พวกเขาจะต้องมีเทคนิคและองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ดีด้วย หากอยากจะเอาชนะโมร็อกโกที่ก็ไม่ได้เป็นรองพวกเขาเยอะเลย ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร สเปนจะมาโชว์การเล่นสไตล์ครองบอลระดับโลกให้เราเห็นกันแน่นอนในเกมนี้ ส่วนโมร็อกโกก็น่าจะใช้ความเร็วของพวกเขาให้เป็นประโยชน์และปิดเกมให้ได้ โดยเฉพาะในช่วงท้ายเกมที่ทุกอย่างจะวัดการด้วยสติและสมาธิของทั้งสองทีม แต่เราเชื่อว่า ถ้าเกมยืดเยื้อจนถึงช่วงต่อเวลาหรือจุดโทษแล้ว ทีมสิงโตบาร์บารีดูจะเป็นต่อเสียด้วยซ้ำ

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด ญี่ปุ่น 2-2 โครเอเชีย (จบ 120 นาที) | โครเอเชียชนะจุดโทษ 4-3 สนาม : อัล จานูบ สเตเดี้ยม ทีมญี่ปุ่นกลายเป็นขาประจำของรอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลกไปซะแล้ว หลังจากที่ในฟุตบอลโลกหกครั้งหลังสุด พวกเขาผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์ได้ถึงสามครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้เลย และโอกาสทองที่พวกเขาจะปลดล็อครอบแปดทีมหนแรกนั้นก็มาถึงแล้ว เพราะโครเอเชียเป็นคู่แข่งในรอบ 16 ทีมที่น่าจะเบาที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับสามครั้งก่อนของพวกเขา ฟอร์มอันร้อนแรงของพวกเขานั้นทำให้สื่อหลายสำนักยกให้พวกเขาเป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ ส่วนคู่แข่งที่ขวางเส้นทางสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของพวกเขาอยู่นั่นก็คือโครเอเชีย ที่ผ่านเข้ารอบมาเป็นอันดับสองของกลุ่มตามหลังแชมป์กลุ่มฝรั่งเศส ฟอร์ม : ญี่ปุ่น ผลจากการกลับมาชนะได้ 2-1 แม้จะโดนสเปนและเยอรมัน สองทีมที่มีดีกรีระดับแชมป์โลกนำไปก่อนทั้งสองนัดส่งผลให้ทีมชาติญี่ปุ่นเข้ารอบไปได้ในฐานะแชมป์กลุ่ม สไตล์การเล่นของพวกเขาคือการใช้โอกาสที่มีให้ได้ผลสูงสุด ดูตัวอย่างได้จากนัดที่พวกเขาเจอกับทีมกระทิงดุได้ พวกเขามีโอกาสครองบอลเพียง 18% เท่านั้น แต่ก็ยังเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ และในวันนี้ ทีมซามูไรบลูน่าจะหวังที่จะใช้สไตล์เดิมในการปราบทีมหมากรุก ที่มีจุดเด่นในแผงกองกลางและความสามารถเฉพาะตัว ฟอร์ม : โครเอเชีย โครเอเชียลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มด้วยฟอร์มที่น่าพอใจและผ่านเข้ารอบไปได้ตามคาด ถึงจะยังมีข้อติเรื่องการจบสกอร์ที่ยังไม่ค่อยคมอยู่บ้าง แต่ด้วยการที่พวกเขามีนักเตะที่สามารถจ่ายบอลสวย ๆ และสร้างโอกาสยิงได้บ่อยครั้งอย่าง อิวาน เปริซิช ที่ทำผลงานได้ดีเสมอในฟุตบอลโลกอยู่ในทีม ฟอร์มของเขาดูไม่ดร็อปลงเลยไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลกปี 2014, 2018 หรือ 2022 แต่จุดเด่นของพวกเขาอีกเรื่องคือความคงเส้นคงวา พวกเขาเสียประตูง่าย ๆ น้อยมาก โดยเฉพาะจากการโดนโต้กลับเร็ว ซึ่งอาจเป็นอาวุธสุดสำคัญในการเขี่ยญี่ปุ่นให้ตกรอบได้เลย เพราะทีมญึ่ปุ่นนั้นมีการโต้กลับเร็วที่อันตรายเอามาก ๆ และมีตัวรุกความเร็วสูงที่แผลงฤทธิ์จนเอาชนะแชมป์เก่าไปได้แล้วถึงสองทีม ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งสองทีมจะขับเคี่ยวกันอย่างสูสี แต่จะเป็นทีมตราหมากรุกที่จะเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่าตลอดทั้งเกม ส่วนญี่ปุ่นจะใช้การโต้กลับเร็วสวนคืนเมื่อมีโอกาส และเราก็เชื่อว่าพวกเขาจะทำประตูได้ด้วย อย่างน้อยก็ 1 ประตู สุดท้ายแล้ว เกมนี้จะถูกตัดสินจากเรื่องสมาธิเป็นหลัก ว่าใครจะพลาดท่าให้คู่แข่งก่อน ซึ่งมันก็เดาได้ยากเหลือเกิน แต่เรายังเชื่อว่าโครเอเชียยังมีดีในตัว และจะเฉือนเอาชนะไปได้แบบสุดระทึก

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด ฝรั่งเศส 2-0 โปแลนด์ สนาม : อัล ธุมาม่า สเตเดี้ยม ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองทีมเจอกันคือเมื่อปี 2011 แต่ถ้าหากเรานับแค่ที่ทั้งสองเจอกันในศึกฟุตบอลโลกล่ะก็ เราต้องย้อนกลับไปถึงฟุตบอลโลกปี 1982 เลยทีเดียว มันก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจเหมือนกัน เพราะปกติแล้วทีมที่อยู่ในทวีปเดียวกัน อันดับโลกห่างกันไม่มากแบบนี้จะเจอกันบ่อยจนแทบจะเบื่อขึ้หน้ากัน แต่ไม่ใช่กับคู่นี้เสียอย่างนั้น อย่างไรก็ดีโปแลนด์น่าจะหวังจะย้ำแค้นฝรั่งเศสให้ได้ หลังจากพวกเขาเป็นฝ่ายเอาชนะฝรั่งเศสไปได้ ในการพบกันในฟุตบอลโลกครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของทั้งคู่ ส่วนฝรั่งเศสก็คงจะมีแรงฮึดเต็มที่เช่นกัน ทั้งเพื่อสะสางบัญชีแค้นกับโปแลนด์ และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ได้ ด้วยการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกและครองตำแหน่งแชมป์โลกยาว ๆ 8 ปี ฟอร์ม : ฝรั่งเศส แชมป์เก่าจากปี 2018 น่าจะเป็นทีมเดียวในตอนนี้ที่เล่นได้อย่างสมฐานะทีมเต็งแชมป์ พวกเขาลงเล่นกับออสเตรเลียด้วยราศีแชมป์และจัดการสอนบอลทีมจิงโจ้ไปแบบสบาย ๆ 4-1 ถึงแม้ว่าออสเตรเลียจะเป็นฝ่ายนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 13 ก็ตาม ส่วนในเกมกับเดนมาร์ก เคราะห์ดีที่ทีมโคนมมีเกมรับที่ยอดเยี่ยม มิเช่นนั้นพวกเขาน่าจะแพ้ด้วยสกอร์ที่ขาดกว่านี้มาก แถมถึงเดนมาร์กจะสู้ได้ดี แต่ทีมตราไก่ก็เบียดเอาชนะได้ และ คว้าสามคะแนนสำคัญไปได้อยู่ดี ดิดิเยร์ เดอชองส์ ไม่น่าจะต้องเป็นห่วงเรื่องการสร้างโอกาสและการจบสกอร์ของลูกทีมอย่างแน่นอน แต่ในเรื่องเกมรับพวกเขายังมีแผลอยู่บ้าง เพราะเกมรับของพวกเขานั้นยังเสียประตูง่าย ๆ อยู่ และในเกมรอบน็อคเอาต์ การเสียประตูง่าย ๆ เพียงประตูเดียวอาจส่งพวกเขาตกรอบและกลับบ้านไปแบบมือเปล่าได้เลย ฟอร์ม : โปแลนด์ โปแลนด์เข้ารอบมาได้แบบฉิวเฉียด พวกเขาเข้ารอบมาได้ก็เพราะประตูได้เสียที่ดีกว่าเม็กซิโกเพียงประตูเดียวเท่านั้น และจากฟอร์มและผลงานของในรอบแบ่งกลุ่มของพวกเขานั้น เราก็ไม่เห็นแววที่พวกเขาจะพลิกล็อกและเอาชนะฝรั่งเศสได้เลย เชสลาฟ  มิคเนียวิช กุนซือของทีมโปแลนด์น่าจะหวังใช้แผนการเล่นที่ชูสองจุดเด่นของทีมอย่างความแข็งแกร่งของร่างกายและลูกกลางอากาศเพื่อเจอกับฝรั่งเศส ทีมที่น่าจะแข็งแกร่งกว่าทุกทีมที่พวกเขาเจอมาในรอบแบ่งกลุ่ม ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร ฝรั่งเศสน่าจะเล่นเกมนี้อย่างรัดกุม และพยายามไม่เสียประตูก่อนเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ดี หากว่ากันตามตรงพวกเขาก็ยังเป็นต่ออยู่มากในเกมนี้ และน่าจะเป็นฝ่ายครองเกมได้เกือบทั้งหมด และน่าจะสร้างโอกาสยิงประตูได้มากมายในเกมนี้ ขณะที่โปแลนด์ก็ต้องเล่นอย่างบอลรองด้วยการเน้นตั้งรับเป็นหลัก

Read More

ผลการแข่งขันที่คาด: อาร์เจนติน่า 2-0 ออสเตรเลีย สนาม : อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองทีมลงฟาดแข้งกันนั้นก็ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2007 นู่นเลย เพราะฉะนั้นแล้วกุนซือของทั้งสองฝ่าย ทั้งลิโอเนล สกาโลนี่ของอาร์เจนติน่า และ เกรแฮม อาร์โนลด์ ของออสเตรเลีย จะต้องทำการบ้านและหาข้อมูลกันใหม่เยอะพอสมควรเลยทีเดียว ก่อนที่พวกเขาจะลงฟาดแข้งกันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ อย่างไรก็ดี ทีมจิงโจ้ดูจะเป็นรองทีมฟ้าขาวอยู่หลายขุมเลยทีเดียว เมื่อดูจากประวัติการพบกัน, ฝีเท้า, ประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ และนี่ยังไม่รวมถึงการที่อาร์เจนติน่ายังมีเมสซี่อีกนะ ฟอร์ม : อาร์เจนติน่า หลังจากที่พวกเขาพลิกล็อกแพ้ซาอุดิอาระเบียไปแบบสุดช็อกในเกมนัดเปิดสนามของพวกเขาจนเป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเขาก็แพ้เป็นเหมือนกันนั้น ลูกทีมของลิโอเนล สกาโลนี่นั้นก็กลับมาตั้งหลักและคืนฟอร์มเก่งจนผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มตามคาดจนได้ แต่ถึงพวกเขาจะชนะได้สองนัดรวด ฟอร์มของพวกเขาในตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุดของพวกเขา ดูได้จากกว่าที่พวกเขาจะเบียดเอาชนะเม็กซิโกและโปแลนด์ไปได้ ชัยชนะทั้งสองนัดเป็นผลพวงมาจากการได้ประตูการโต้กลับเร็วในช่วงครึ่งหลังทั้งสองนัด ซึ่งไม่ใช่อะไรที่จะทำได้บ่อย ๆ หรือทำได้ทุกนัด เพราะทางออสเตรเลียน่าจะเตรียมการรับมือการโต้กลับมาอย่างดี และน่าจะสร้างความปวดหัวให้สกาโลนี่ได้ไม่น้อยเลย ในการวางแผนใหม่ ๆ เพื่อเจาะเกมรับของทีมจิงโจ้ ฟอร์ม : ออสเตรเลีย ออสเตรเลียไม่ได้สัมผัสรอบน็อคเอาต์ของฟุตบอลโลกมาร่วม 16 ปี เพราะครั้งสุดท้ายที่ออสเตรเลียสามารถเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ก็คือในฟุตบอลโลกปี 2006 แถมในปีนี้ พวกเขายังอยู่ในกลุ่มสุดหินที่มีทั้งฝรั่งเศส เดนมาร์ก และ ตูนีเซีย อีก แต่พวกเขาก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์และหักปากกาเซียนเข้ารอบไปได้ พวกเขาเด่นมากในเรื่องของการใช้โอกาสยิงได้อย่างคุ้มค่า และจบสกอร์ให้ได้มากที่สุดแม้จะมีโอกาสยิงเพียงน้อยนิด การจบสกอร์ได้ดีนี้ส่งผลให้พวกเขาคว้าชัยชนะได้ถึงสองนัดด้วยสกอร์ 1-0 กับทั้งเดนมาร์กและตูนีเซีย โดยคาดว่ากุนซืออย่างเกรแฮม อาร์โนลด์ ก็น่าจะลงเล่นด้วยแผนและสไตล์เกมแบบเดิมในเกมกับอาร์เจนติน่า แต่ในครั้งนี้มันจะไม่ง่ายเหมือนเดนมาร์กและตูนีเซียแล้ว เพราะอาร์เจนติน่าในตอนนี้น่าจะแข็งแกร่งพอ ๆ กับฝรั่งเศสที่ถล่มพวกเขาไปถึง 4-1 ได้เลย ทิศทางของเกมนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อดูจากรายชื่อนักเตะของทั้งสองทีมและประวัติการเจอกันแล้ว ถือว่าทั้งสองทีมยังห่างชั้นกันมาก อาร์เจนติน่ายังดูดีกว่าในเรื่องร่างกายและทักษะส่วนตัวอีกด้วย ออสเตรเลียอาจจะเลือกรับมือกับอาร์เจนติน่าด้วยการเล่นแบบดันไลน์สูง เหมือนกับที่ซาอุดิอาระเบียใช้จนปราบซ่าทีมฟ้าขาวได้ แต่สกาโลนี่และลูกทีมน่าจะมีบทเรียน และกลับไปแก้ทางแผนนี้มาแล้ว เกมนี้ทีมฟ้าขาวน่าจะเอาชนะไปแบบสบาย ๆ นำม้วนเดียวจบ ชนิดที่ว่าทีมจิงโจ้แทบจะมีไม่มีโอกาสแตะบอลเลยล่ะ

Read More

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2022-23 ต้องหยุดชะงักไปเนื่องจากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 นี่ทำให้เหล่าผู้จัดการทีมเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกนั้นต้องรอช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลกว่า 43 วัน อย่างใจจดใจจ่อ ตลอดช่วงที่พักเบรคหลังจบเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 16 จนถึงเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 17 แน่นอนว่าจะต้องมีปรับทีมชุดใหม่กันยกใหญ่อย่างแน่นอน เนื่องจากในระหว่างช่วงพักเบรคทีมชาตินี้นั้นผู้เล่นสามารถทำการเปลี่ยนตัวนักเตะได้แบบไม่จำกัด ตอนนี้ ผู้จัดการทีมเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกจะมีเวลาเหลือเฟือในการที่จะจัดทีมสำหรับเกมนัดที่ 17 ของฤดูกาลและนัดต่อ ๆ ไป หลังจากพรีเมียร์ลีกจะกลับมาเตะกันในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ ประเด็นหลักที่พวกเรากำลังโฟกัสกันนั้นคือเหล่านักเตะที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับฟุตบอลโลกในครั้งนี้และจะได้พักยาวเต็มอิ่ม เช่นเดียวกับเหล่านักเตะของเซาแธมป์ตันที่จะมีเวลามากพอในการที่จะปรับตัวให้เข้ากับผู้จัดการทีมคนใหม่ในช่วงโปรแกรมที่เหลือไปจนถึงนัดที่ 23 ของฤดูกาล ผู้รักษาประตู นิก โป๊ป – นิวคาสเซิล (5.3 ล้านปอนด์) มือกาวที่อยู่เบื้องหลังแนวรับที่เสียประตูน้อยที่สุดร่วมในลีกในฤดูกาลนี้ (11 ประตู) แถมยังเก็บคลีนชีทได้มากที่สุดในลีกอีกด้วยที่ 7 เกมและคว้าแต้มโบนัสได้ถึง 6 คะแนน โป๊ปถือเป็นผู้รักษาประตูที่เก็บคะแนนแฟนตาซีได้มากที่สุดในฤดูกาลนี้และเขาจะยังคงสามารถรักษาฟอร์มที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ได้หลังจากจบฟุตบอลโลกครั้งนี้อย่างแน่นอน  กองหลัง กาเบรียล มากัลเญส – อาร์เซน่อล (5.2 ล้านปอนด์) กองหลังของอาร์เซน่อลจะฟิตสมบูรณ์อย่างแน่นอนหลังจากฟุตบอลโลก ซึ่งมันจะทำให้เขาเป็นนักเตะที่ยิ่งน่าซื้อเข้าทีมมากขึ้นไปอีก เพราะเขาจะได้ลงสนามแน่นอนในเกมลีกนัดที่ 17 ในช่วงที่อาร์เซน่อลมีโปรแกรมที่ไม่หนักมากนัก ซึ่งพวกเขาก็น่าจะหวังที่จะครองจ่าฝูงต่อไปให้ได้ จากการที่เขาเก็บคะแนนไปแล้วกว่า 72 คะแนน กาเบรียลถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลย และสถิติ 36 คะแนนตลอด 5 เกมหลังสุดของเขานั้นทำให้เขากลายมาเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ต้องมีไว้ใน 11 ตัวจริงของทีมแฟนตาซีอีกคนหนึ่ง ในฐานะกองหลังตัวหลักของทีมที่ที่มีสถิติที่เกมรับดีที่สุด (ร่วม) ในฤดูกาลนี้ ฟาเบี้ยน ชาร์ – นิวคาสเซิล (4.9 ล้านปอนด์) หนึ่งในนักเตะที่มีคนมองข้ามไปมากที่สุดในเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้คือกองหลังวัย 30 ปีที่โชว์ฟอร์มได้คงเส้นคงวาที่สุดคนหนึ่ง นิวคาสเซิลเก็บคลีนชีทไปได้ 4 จาก 6 นัดหลังสุดก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงพักเบรคฟุตบอลโลกและพวกเขาก็น่าจะยังคงรักษาฟอร์มที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ได้เนื่องจากโปรแกรมที่ไม่หนักมากหลังจากฟุตบอลโลก ชาร์จะเป็นนักเตะที่น่าจะฟิตพร้อมสำหรับพรีเมียร์ลีกเนื่องจากสวิตเซอร์แลนด์ไม่น่าจะเข้ารอบลึก หรือลำพังผ่านรอบแบ่งกลุ่มของฟุตบอลโลกหนนี้ไปได้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน – ลิเวอร์พูล (6.8 ล้านปอนด์) กัปตันทีมชาติสก็อตแลนด์จะคงความสดของร่างกายไว้ได้อย่างแน่นอน จากการได้พักเต็มอิ่มกว่าสามอาทิตย์ และในเกมลีกนัดที่ 16 เกมทิ้งท้ายก่อนพักเบรกเขาก็จัดไปถึง 2 แอสซิสต์ ทำให้เขาทำคะแนนสะสมไปแล้ว…

Read More