บทนำ :

ชื่อของคีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ กำลังเป็นประเด็นร้อนมาสักพักแล้ว ดาวเตะหนุ่มชาวฝรั่งเศสกำลังเป็นที่สนใจของแฟนบอล และถูกจับตามองเป็นอย่างมากด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงของเขาในช่วง 2-3 ปีหลัง  จึงพูดได้อย่างเต็มปากว่าในปัจจุบัน คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้คือหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น และยังอาจจะพัฒนาฝีเท้าของเขาขึ่นไปได้อีกจนถึงขั้นเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลก็เป็นได้

ด้วยฝีเท้าและกระแสที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ จึงไม่แปลกใจที่เขาจะมีหลายทีมเข้ามาขายขนมจีบและอยากคว้าตัวเขาไปร่วมทีม ก็ใครจะไม่อยากได้คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ไปเล่นให้ทีมตัวเองกันล่ะ

ท่ามกลางหลายทีมที่รุมแย่งตัวเขา มีอยู่สองทีมที่ดูจะได้เปรียบกว่าทีมอื่น คือเรอัล มาดริด ทีมที่เขาฝันว่าจะเล่นให้ตั้งแต่ยังเด็ก และเปเอสเช สโมสรปัจจุบันของเขา ที่เป็นทีมที่นักเตะฝรั่งเศสทุกคนอยากจะมาค้าแข้งที่นี่อยู่แล้ว

ในตอนนี้เอ็มบัปเป้ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว ว่าเขาจะเล่นให้ทีมไหนในช่วง 3-4 ปีถัดไป ซึ่งเป็นช่วงที่นักฟุตบอลกำลังพีคและเป็นช่วงที่สำคัญมากในการค้าแข้ง วันนี้เรามาลองวิเคราะห์กัน ว่าทำไมอดีตแข้งโมนาโกถึงเลือกที่จะต่อสัญญากับปารีส และจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อเขาเลือกที่จะปฏิเสธทีมยักษ์ใหญ่อย่างเรอัล มาดริด เรามาลองดูกัน

เอ็มบัปเป้ และ เปเอสเช:  

เป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาของเอ็มบัปเป้กับเปเอสเชนั้นต้องเรียกว่ามหัศจรรย์มาก ทั้งฟอร์มการเล่นและสถิติต่าง ๆ อันน่าทึ่งมากมาย เขาสามารถเล่นได้เต็มศักยภาพของตัวเองและยังเหมือนว่าจะยังพัฒนาได้เรื่อย ๆ

ในปี 2017 เปเอสเชต้องจ่ายเงินร่วม 180  ล้านยูโรกว่าจะคว้าตัว เอ็มบัปเป้ ในวัย 18 ปี มาร่วมทีมได้สำเร็จ ซึ่งนี่ทำให้ เอ็มบัปเป้กลายเป็นนักเตะ U-19 ที่แพงที่สุดในโลกตลอดกาลด้วย แต่ถึงจะราคาแพงขนาดนี้ เมื่อดูจากฟอร์มและผลงานส่วนตัวของเขาแล้ว ก็ยังถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมาก

Kylian Mbappe 2017

ดาวเตะโกลเด้นบอยก้าวขึ้นมาเป็นจุดศุนย์กลางของโปรเจ็กต์ใหญ่ของปารีส และเป็นขวัญใจของแฟนบอลได้อย่างรวดเร็ว จนบางทีถึงขั้นกลบรัศมีนักเตะระดับโลกอย่างเนย์มาร์ไปสนิทเลย ด้วยพรสวรรค์ ความเร็ว และสัญชาตญาณการถล่มประตูของเขา ทำให้เป็นเรื่องยากมากที่จะหากองหลังคนไหนที่เก่งพอจะหยุดเขาได้

ในช่วงเวลา 5 ปีกับเปเอสเช เอ็มบัปเป้ยิงไปเกือบ 200 ประตู และคว้าแชมป์ร่วมกับทีมถึง 11 ใบ รวมถึงเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก ในปี 2020 อีกด้วย

นิทานเรื่องนี้ยังไม่จบ (อย่างน้อยก็ถึงปี 2025)

คงไม่มีใครอยากให้นิทานเรื่องนี้จบลงง่าย ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ในมุมของบอร์ดบริหาร เพราะเอ็มบัปเป้มีสัญญากับทีมจนถึงแค่ฤดูกาล 2021/2022 เท่านั้น จากการที่เขาเซ็นสัญญาห้าปีไว้เมื่อปี 2017

การที่จะรั้งเอ็มบัปเป้ให้อยู่กับทีมนั้นเป็นงานช้างเลยทีเดียว  เพราะเราสามารถเห็นอนาคตได้กลาย ๆ อยู่บ้าง ว่าเปเอสเชนั้นดูเหมือนจะเป็นแค่ทางผ่านในการค้าแข้งของเอ็มบัปเป้เท่านั้น และจุดหมายสูงสุดก็คือการได้เล่นให้กับ เรอัล มาดริด

แต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 ที่ผ่านมา เอ็มบัปเป้กลับออกมาช็อคโลกด้วยการประกาศว่าเขาจะเลือกอยู่กับเปเอสเชอีกสามปีเสียอย่างนั้น ฝันของเรอัล มาดริด ต้องพังทลายลงชนิดไม่เหลือชิ้นดีเลย เราลองมาดูกันว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

เอ็มบัปเป้ และ เรอัล มาดริด:

ทั้งคีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ และ สโมสรเรอัล มาดริดก็ดูจะถูกใจกันและกันอยู่ก่อนหน้าแล้ว ตามรายงานที่ว่าเอ็มบัปเป้นั้นฝันที่จะมาเล่นในถิ่น ซานติอาโก เบอร์นาเบว ตั้งแต่ยังเด็ก และทีมราชันชุดขาวเองก็ทราบเรื่องนี้ดี แต่ด้วยสถานการณ์ จังหวะเวลา และอีกหลายปัจจัย ทำให้ดีลนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเสียที จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา  เรอัล มาดริด เคยยื่นข้อเสนอซื้อเอ็มบัปเป้ไปหลายครั้งแล้ว ครั้งแรกก็ตั้งแต่เอ็มบัปเป้ยังเป็นดาวรุ่งอยู่เลย แต่สรุปแล้วก็มีสามครั้งหลัก ๆ ที่เรอัล มาดริด ยื่นข้อเสนออย่างจริงจังเพื่อสู่ขอเขามาร่วมทีม ถึงผลลัพธ์จะจบด้วยการปฏิเสธของเอ็มบัปเป้ทุกครั้งก็ตาม

2017- การเล็งคว้าตัวเอ็มบัปเป้จากโมนาโก

ในปี 2017 เอ็มบัปเป้มีปีที่เขาโชว์ฟอร์มได้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด และแสดงให้โลกได้เห็นว่าเขาคือว่าที่นักเตะระดับโลกในอนาคตอย่างแน่นอน หลายสโมสรจึงยื่นข้อเสนอเข้ามาซื้อตัวเขาอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเรอัล มาดริดด้วย

Soruce: Twitter

อย่างไรก็ดี เรอัล มาดริดไม่สามารถการันตีตำแหน่งตัวจริงให้กับเอ็มบัปเป้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าตัวต้องการเป็นอย่างมาก ทำให้เอ็มบัปเป้เลือกที่จะย้ายไปร่วมทีมเปเอสเชของอูไน เอเมรี่ในขณะนั้น ที่กล้ายืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขาจะได้เป็นตัวจริงของทีม สมกับฝีเท้าของเขาอย่างแน่นอน

2021- เงินก้อนใหญ่ที่พร้อมทุ่ม

4 ปีถัดมา เอ็มบัปเป้ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่าเขาคือนักเตะระดับปรากฏการณ์ในโลกฟุตบอล ทำให้เรอัล มาดริด ยื่นข้อเสนอเข้ามาหาเขาอีกครั้ง ขอแค่เพียงเขาตอบตกลงและยืนยันว่าเขาอยากย้ายมาเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ทีมก็พร้อมจะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึงเขามาร่วมทีมในทันที ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาเหลือสัญญากับเปเอสเชเพียงปีเดียวด้วย

แต่ก็เกิดเรื่องที่น่าประหลาดใจ บอร์ดบริหารของเปเอสเชสามารถกล่อมให้เขายังไม่ย้ายไป เรอัล มาดริด และอยู่ค้าแข้งที่ปาร์ก เดอ แปรงส์ ต่อไปอีกปีได้สำเร็จ

2022- การปฏิเสธครั้งสุดท้าย

เมื่อเข้าสู่ช่วงปิดฤดูกาลอีกครั้ง มันแทบจะการันตีแล้วว่าเอ็มบัปเป้จะย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด เสียที โดยทีมราชันชุดขาวยื่นข้อเสนอมาเรื่อย ๆ ตลอดช่วงหกเดือนนี้ และเปเอสเชก็ยังคงทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะรั้งดาวเตะซูเปอร์สตาร์ของพวกเขาให้อยู่กับทีมต่อไปให้ได้

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม สุดท้ายแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่เอ็มบัปเป้ต้องตัดสินใจเอง เพราะข้อเสนอค่าเหนื่อยที่ทั้งสองทีมยื่นให้เขามันแทบจะเหมือนกันทุกประการ และไม่ว่าในครั้งนี้เอ็มบัปเป้จะตัดสินใจอยู่ต่อหรือย้ายทีมก็ตาม เขาก็จะเป็นจุดศูนย์กลางของทีมและนักเตะที่ค่าเหนื่อยสูงที่สุดในโลกอย่างแน่นอน และในตอนจบ เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธมาดริดอีกครั้ง และต่อสัญญากับเปเอสเชไปอีกสามปีเต็ม

Soruce: Twitter

เรื่องราวของคำว่า “ถ้า”

เรื่องราวของคริสเตียโน โรนัลโด้ คือแรงบันดาลใจของผู้คนและนักกีฬามากมาย ใคร ๆ ก็อยากจะประสบความสำเร็จเหมือนโรนัลโด้กันทั้งนั้น เพราะมันเป็นเรื่องที่ยากมากจนแทบเป็นไปไม่ได้เลย

จริง ๆ เอ็มบัปเป้ก็มีโรนัลโด้เป็นไอดอลด้วย มันก็น่าสนใจเหมือนกัน เพราะเมื่อลองย้อนกลับไปดู ตอนโรนัลโด้อายุ 23 เท่ากับเอ็มบัปเป้ในตอนนี้ เขาเลือกที่จะย้ายไปร่วมทีมราชันชุดขาวในช่วงปิดฤดูกาลนั้น และเราคงไม่ต้องเล่าว่าเรื่องราวหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ

มันก็เป็นเรื่องราวของคำว่า “ถ้า” และ “หาก” จริง ๆ ในกรณีของเอ็มบัปเป้ เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง        ถ้าหากเขาเลือกที่จะเดินทางตามเส้นทางการค้าแข้งของไอดอลของเขา และย้ายไปค้าแข้งในชุดขาวที่ซานติอาโก เบอร์นาเบว ในวัยที่กำลังถึงจุดพีคของอาชีพ เขาก็น่าจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในทีมที่เก่งที่สุดในโลก และอาจจะเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ได้…แต่ก็ได้อย่างที่กล่าวไป หลังจากนี้ไปทุกอย่างก็เป็นได้เพียงเรื่องสมมติแล้ว เพราะการย้ายทีมครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

การอยู่ต่อให้อะไรกับเอ็มบัปเป้บ้าง

เราลองมาคิดในมุมเอ็มบัปเป้บ้าง ว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่กับทีมเปเอสเชต่อไป เพราะเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจว่าสองทีมที่ยื่นสัญญาให้เขานั้น ทีมไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองทีมก็มีสไตล์ของตัวเอง และมีด้านดีแตกต่างกันไป

แต่เมื่อเราลองมาพิจารณาดูดี ๆ ก็จะพบว่ามีเหตุผลหลายข้อที่เชิญชวนให้เอ็มบัปเป้อยู่กับทีมต่อเหมือนกัน ทั้งการที่ในทีมเปเอสเชมีนักเตะดาวดังมากมาย รวมถึงนักเตะที่น่าจะยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอย่างเมสซี่ด้วย และยังมีอีกหลายรายชื่อที่น่าจะจัดได้ว่าเป็นระดับแถวหน้าของโลก ไม่ว่าจะเป็นเนย์มาร์, เซอร์คิโอ รามอส, มาร์โค เวอร์รัตติ หรือ มาร์ควินญอส จึงไม่แปลกใจถ้าหากเอ็มบัปเป้ยังอยากเล่นที่นี่ต่อไป ง่าย ๆ ก็เพราะว่าที่นี่มีแต่นักเตะระดับโลกเต็มทีมไปหมด

อ่าน:  จัดอันดับ 10 กองกลางพรีเมียร์ลีกที่ดีที่สุดตลอดกาล
Soruce: Twitter

และนอกจากนี้ ในตอนนี้เปเอสเชแทบจะให้สิทธิในการตัดสินใจเกือบทุกอย่างในทีมให้กับเอ็มบัปเป้แล้ว เขากลายเป็นโฉมหน้าและจุดศูนย์กลางของทุกอย่างที่เกิดขึ้นทีมไปแล้ว มีข่าวแว่วมาว่าเขามีอำนาจถึงขั้นที่สามารถมีส่วนในการเลือกผู้เล่นที่ทีมต้องเสริมในแต่ละปีได้ รวมถึงเรื่องการปลด/แต่งตั้งโค้ชด้วย ไม่น่ามีสโมสรไหนที่กล้าให้อะไรกับผู้เล่นคนหนึ่งได้มากขนาดนี้แล้ว

และยังไม่หมดแค่นี้ สัญญาใหม่ที่ลากยาวไปจนถึงปี 2025 ของเขายังทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ค่าเหนื่อยสูงที่สุดในโลกอีกด้วย นี่ยังไม่รวมถึงค่าเซ็นสัญญากินเปล่าอีกจำนวนมหาศาล โดยรวม ๆ แล้ว เอ็มบัปเป้จะมีรายได้เข้ากระเป๋ากว่า 50 ล้านยูโรต่อปีเลยทีเดียว นี่เป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธได้ยากเหลือเกิน และน่าจะเป็นเหตุผลหลักที่เอ็มบัปเป้เลือกที่จะค้าแข้งในถิ่น ปาร์ก เดอ แปรงส์ ต่อไป

การตัดสินใจของเอ็มบัปเป้ ในมุมของเรา

ตอนนี้ก็น่าจะได้เวลาที่เราจะย้อนกลับไปตอนคำถามตอนต้นบทความของเราแล้ว ว่าการที่เอ็มบัปเป้นั้นเลือกที่จะค้าแข้งที่ปารีสต่อไปนั้นช่วยส่งเสริมหรือทำลายการค้าแข้งกันแน่ อะไรคือความเห็นในมุมของเรา

ในฤดูกาลล่าสุด เปเอสเชมีฟอร์มแกว่ง ๆ ไปบ้าง ถึงแม้ว่าจะมีทั้งเมสซี่ เนย์มาร์ และ เอ็มบัปเป้ เล่นอยู่ในทีมเดียวกัน

ดูแล้วทีมน่าจะกำลังขาดอะไรอยู่สักอย่างแน่ ๆ

อย่างไรก็ดี เมื่อลองดูพัฒนาการของเอ็มบัปเป้ในแต่ละปี ๆ แล้ว การอยู่ต่อก็จะช่วยให้เขาพัฒนาฝีเท้าต่อไปได้ที่บ้านของเขาเองที่ฝรั่งเศส และเปเอสเชก็ยังคงเป็นตัวเต็งที่จะคว้าถ้วยยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีกในปีหน้า และปีต่อ ๆ ไปอย่างแน่นอน เมื่อดูจากขุมกำลังนักเตะแล้ว เพราะเปเอสเชในชุดนี้ น่าจะเป็นชุดที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรก็ว่าได้ โดยรวมแล้ว เรายังเชื่อว่าการเลือกที่จะอยู่ต่อของเขานั้นส่งผลดีมากกว่าผลเสียต่อการค้าแข้งอยู่ แม้ว่าจะขัดใจแฟนบอลส่วนใหญ่ไปบ้างก็ตาม

สรุป:

เรื่องนี้ยาวถึงขึ้นเรียกว่ามหากาพย์ได้เหมือนกัน เราได้ย้อนกลับไปดูทุกเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเอ็มบัปเป้ การแย่งตัวสุดอลเวง และเรื่องราวการค้าแข้งของเขาในปารีส  เราก็หวังว่าหลังจากได้อ่านทุกเหตุการณ์ในมหากาพย์เรื่องนี้จบแล้ว ทุกท่านจะเข้าใจเหตุผลของเอ็มบัปเป้มากขึ้น ว่าทำไมเขาถึงยอมปฏิเสธมาดริดอย่างน่าเสียดาย สุดท้ายนี้ อ่านแล้วก็อย่าลืมส่งความเห็นของท่านมาหาเราได้ และติดตามเราไว้ได้ เพื่อคอนเทนต์ฟุตบอลอีกมากมายที่พร้อมจะมานำเสนอท่านต่อไป สำหรับวันนี้ ขอบคุณครับ

Leave A Reply