พรีเมียร์ลีกคือลีกสุดหินและบททดสอบอันสูงสุดสำหรับผู้เล่นทุกคนบนโลกนี้การจะตัดสินความยิ่งใหญ่ของผู้เล่นคนนึงนั้น ส่วนมากแล้วจะมีคำถามเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกเข้ามาเสมอ ว่าเขาเคยเล่นในพรีเมียร์ลีกหรือเปล่า และถ้าเคยเล่นดีหรือไม่ นั่นคือข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าลีกอังกฤษนั้นมีอิทธิพลต่อโลกฟุตบอลมากแค่ไหน

แม้ว่าทุกตำแหน่งในฟุตบอลอังกฤษนั้นจะยากทั้งหมด แต่ในตำแหน่งศูนย์หน้านั้นถือว่ายากขึ้นไปอีกระดับ เพราะพวกเขาคือคนเปลี่ยนโอกาสและการเข้าทำของทีมให้เป็นสกอร์ และแฟน ๆ ก็อยากเห็นทีมรักของตัวเองยิงประตูให้ได้เยอะ ๆ เสียด้วย นาน ๆ ทีที่ กองหน้าระดับดาวซัลโวอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เซร์คิโอ อเกวโร่ และ เธียร์รี อองรี จะโผล่มาให้เห็นในลีก เพราะสัญชาติญาณการทำประตูของตำนานเหล่านี้นั้นเหนือคำบรรยายไปมาก

อย่างไรก็ดี เหรียญย่อมมีสองด้าน มีดีก็ต้องมีล้มเหลว มีกองหน้ามากมายเช่นกันที่ไปไม่รอดในพรีเมียร์ลีก บางคนก็ราคาไม่ใช่ถูก ๆ เลย วันนี้เราจะมาดูรายชื่อ 5 แนวรุกชื่อดังค่าตัวแพง แต่กลับปืนฝืดเล่นไม่ออกในพรีเมียร์ลีกกัน ว่าจะมีใครกันบ้าง

ทำไมกองหน้าถึงไปกันไม่ค่อยรอดในพรีเมียร์ลีก

คำตอบก็ไม่ยาก ก็เพราะว่ากองหลังในพรีเมียร์ลีกคือกองหลังระดับโลกกันเกือบทุกคนน่ะสิ พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของนักเตะอยู่แล้ว โดยเฉพาะกองหลัง ตัวอย่างเช่น ติอาโก้ ซิลวา, รูเบน ดิอาส, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และอีกมากมายที่โลดแล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก การที่เหล่ากองหน้านั้นจะมายิงเป็นกอบเป็นกำได้ง่าย ๆ ในพรีเมียร์ลีกนั้นจึงเป็นเรื่องยากมาก 

อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของแรงกดดัน คนอังกฤษจริงจังกับฟุตบอลมาก และความคาดหวังในทีมโปรดของพวกเขานั้นสูงมาก ผู้เล่นทุกคนถูกคาดหวังให้เล่นได้อย่างดีที่สุดทุกอาทิตย์ รวมไปถึงการที่แฟน ๆ นั้นรับความผิดหวังกันไม่ค่อยจะได้เสียด้วย จนลงเอยด้วยการทำร้ายนักฟุตบอลทีมตัวเองบ่อยครั้ง

อังเดร เชฟเชนโก้ – เชลซี

จนถึงปี 2006 เชฟเชงโก้ถือว่าเป็นผู้เล่นระดับโลก และยิงระเบิดระเบ้อชนิดหยุดไม่อยู่ จากการทำไปถึง 250 ประตูก่อนหน้าปี 2006 และหลาย ๆ คนก็ให้เกียรติเขาเป็นดาวยิงที่คมที่สุดในโลกคนหนึ่งในขณะนั้นเลยทีเดียว

เกิดอะไรขึ้น – 

สมัยที่เล่นอยู่กับ เอซี มิลาน กองหน้าชาวยูเครนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ยิงไปถึง 175 ประตูในนามสโมสร และรั้งตำแหน่งรองดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรอีกด้วย นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จนเขาถูกยกให้เป็นตำนานของสโมสรไปแล้ว รวมถึงเคยคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก กับมิลานมาแล้ว ในปี 2003 

เรื่องนี้จบอย่างไร –  

ในปี 2006 หลังจากเจ้าของทีมอย่าง โรมัน อบราโมวิช จับตาดูฟอร์มของเชฟเชงโก้มาร่วมปี เชลซีก็ตัดสินใจซื้อตัวเขามาร่วมทีมด้วยค่าตัวกว่า 30 ล้านปอนด์ ซึ่งเยอะมากสำหรับในปี 2006 นี่คือราคาของกองหน้าระดับโลกในช่วงพีคของอาชีพเท่านั้น 

แต่หลังจากเขาย้ายมาเล่นให้กับเชลซี เชฟเชงโก้ไม่สามารถเล่นในศักยภาพสูงสุดของเขาได้ และความคมที่เป็นจุดขายของเขามาตลอดก็เริ่มหายไป ในช่วงเวลาสองปีกับเชลซี เขายิงได้เพียง 22 ประตูเท่านั้น จนทำให้ในปี 2008 เชลซีเลือกที่จะปล่อยเขาคืนให้กับ เอซี มิลาน ในสัญญายืมตัว จากความล้มเหลวของเขาในพรีเมียร์ลีก

เซบาสเตียน ฮัลแลร์ – เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

ผู้เล่นบางคนก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เล่นในพรีเมียร์ลีกจริง ๆ เซบาสเตียน ฮัลแลร์ เป็นตัวอย่างหนึ่งของ

ผู้เล่นกลุ่มนั้น ในตอนนี้เขากลายเป็นดาวยิงระดับโลกที่ยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอดัม สโมสรต้นสังกัดของเขาในปัจจุบัน แต่หลาย ๆ คงลืมไปแล้วว่า ก่อนหน้านี้ เขาเคยมีช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำนักในศึกพรีเมียร์ลีกกับเวสต์แฮม

เกิดอะไรขึ้น – 

ทุกอย่างเกิดขึ้นในปี 2014 เมื่ออูเทรคต์  สโมสรเล็ก ๆ ในฮอลแลนด์ ได้ทำการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรก็ว่าได้ ด้วยการคว้า เซบาสเตียน ฮัลแลร์ มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว เพราะผลปรากฎว่า ฮัลแลร์ยิงได้เป็นกอบเป็นกำ จนทีมต้องคว้าเขามาร่วมทีมด้วยสัญญาถาวร โดยฮัลแลร์เล่นกับอูเทรคต์ต่ออีกสามฤดูกาล จนในปี 2017 ฟอร์มของเขาไปเตะตาทีมในลีกใหญ่อย่าง แฟรงค์เฟิร์ต เข้า และเขาก็ได้ย้ายไปร่วมทีมแฟรงค์เฟิร์ตในปีถัดมา และก็ยังยิงได้เป็นกอบเป็นกำเช่นเดิม เพราะเขายิงไปถึง 33 ประตู ในช่วงสองปีกับทีมอินทรีแดงดำ

เรื่องนี้จบอย่างไร –  

ในปี 2019 เวสต์แฮมตัดสินใจทุบกระปุกและทุ่มสุดตัวเพื่อคว้าฮัลแลร์มาร่วมทีม ด้วยราคากว่า 45 ล้านปอนด์ เขาถูกคาดหวังให้โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงเหมือนเดิมในพรีเมียร์ลีก แต่น่าเสียดายที่ภาพนั้นมันไม่เคยเกิดขึ้นจริง ในระยะเวลาราว 18 เดือนกับเวสต์แฮม เขายิงได้เพียง 14 ประตูเท่านั้น ซึ่งดูไม่คุ้มกับราคาที่ทีมจ่ายไปเลย และเขาก็ยังมีนัดที่ฟอร์มบู่อยู่บ่อยครั้งอีกด้วย 

เวสต์แฮมตัดสินใจขายเขาขณะที่ยังมีราคาให้กับอาแจ็กซ์ และจากศูนย์หน้าที่ล้มเหลวกับพรีเมียร์ลีก เขาก็กลับมาเป็นจอมถล่มประตูได้เหมือนเดิมที่อัมสเตอดัม โดยถึงปัจจุบัน ฮัลแลร์ลงเล่นให้อาแจ็กซ์ไปแล้วทั้งสิ้น 63 นัด ยิงไปถึง 46 ประตู

เฟร์นันโด ตอร์เรส – เชลซี

ประวัติการเล่นอาชีพของตอร์เรส ต้องเรียกว่าเข้าขั้นระดับตำนาน สมัยเขาอยู่กับลิเวอร์พูล เขาคือกองหน้าที่หาตัวจับได้ยาก และไม่ค่อยพลาดเมื่อมีโอกาสสับไกยิง ตอร์เรสเป็นพระเอกตัวจริงสำหรับแฟน ๆ หงส์แดง เขามักเล่นได้ดีในเกมใหญ่เสมอ และเป็นจุดสนใจของทุกคน แต่เขาก็มีจุดด่างพร้อยในการเล่นอาชีพอยู่บ้าง กับบางทีมที่เขาก็เล่นไม่ออกในเกมใหญ่ หรือฟอร์มตกไปเสียดื้อ ๆ ตัวอย่างเช่นช่วงเวลาสั้น ๆ กับเชลซี ที่เขาไม่ได้เป็นพระเอกเหมือนเดิม แต่เป็นได้เพียงตัวตลกราคาแพงเท่านั้น

เกิดอะไรขึ้น – 

แอตเลติโก มาดริด คือสโมสรที่ค้นพบพรสวรรค์ของตอร์เรสมาตั้งแต่ปี 2000 และเขาก็ยังยิงให้ทีมได้เรื่อยมา เป็นผู้เล่นที่สม่ำเสมอ และออกโรงมาช่วยทีมได้เสมอเวลาคับขัน จนกระทั่งในปี 2007 หลังจากที่เขายิงไปถึง 97 ประตูในสีเสื้อ แอตเลติโก มาดริด เขาก็ย้ายไปค้าแข้งที่ลิเวอร์พูล และเขากลายเป็นกองหน้าระดับปรากฏการณ์อย่างแท้จริง ซัลโวไปถึง 81 ประตู ในระยะเวลาเพียงสามปีกับสโมสร ซึ่งถือว่า

น่าที่งมาก ๆ แต่หลังจากนั้นก็เข้าสู่จุดต่ำสุดของการค้าแข้งของเขา

เรื่องนี้จบอย่างไร –  

เมื่อปี 2011 เชลซีตัดสินใจซื้อตัวตอร์เรส ซึ่งกำลังฟอร์มแรง และเป็นกองหน้าระดับท็อปของโลกในขณะนั้นมาร่วมทีมด้วยค่าตัวกว่า 50 ล้านปอนด์ ซึ่งสามปีถัดมาที่เขาลงเล่นให้กับเชลซี ทีมประสบความสำเร็จมากก็จริง แต่ในด้านฟอร์มการเล่นส่วนตัวถือว่าเขาสอบตกอย่ากหนัก เขาหาฟอร์มเดิมที่เคยยิงได้ต่อเนื่องกับลิเวอร์พูลไม่เจอ และจบด้วยการต้องตกลงไปเป็นตัวสำรองตามระเบียบ สุดท้ายแล้ว เชลซีต้องตัดสินใจปล่อย ตอร์เรส ให้เอซี มิลาน ยืมตัวไปใช้งาน ในฤดูกาล 2013/1014

อ่าน:  10 อันดับการเซ็นสัญญายอดแย่ในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก

นิโคลัส เปเป้ – อาร์เซนอล

อาร์เซนอลมีประวัติเรื่องการซื้อตัวที่ไม่ค่อยจะดีบ้างอยู่แล้ว ซึ่งนิโคลัส เปเป้ จะเป็นหนึ่งในนั้น หรืออาจจะแย่ที่สุดในนั้นเลยก็ได้ แต่ยังไงก็ฟังเรื่องราวของเขาก่อน เพราะดีลนี้อาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น 

เกิดอะไรขึ้น – 

เปเป้มีสองฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมกับลีลล์ และก็น่าจะเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในอาชีพของเขาจนถึงปัจจุบัน ในสองปีกับลีลล์ เขายิงไปถึง 37 ประตู และในฤดูกาล 2018/2019 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับลีลล์ 

เขายิงไปถึง 23 ประตู ในฤดูกาลเดียว

เรื่องนี้จบอย่างไร –  

ในปี 2019 อาร์เซนอลถูกใจฟอร์มที่ร้อนแรงของเปเป้ จึงตัดสินใจซื้อตัวเขามาร่วมทีมแบบสายฟ้าแลบ

ด้วยเงินกว่า 72 ล้านปอนด์ และทำให้เปเป้กลายเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรอีกด้วย 

72 ล้านปอนด์ ไม่ใช่เงินน้อย ๆ เลย ซึ่งก็แน่นอนว่าความคาดหวังของแฟน ๆ ก็สูงตามค่าตัวเขาไปด้วย 

แต่ว่าผลกลับออกมาไม่เป็นอย่างที่คิด  เปเป้ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของแฟน ๆ ได้ และเป็นการซื้อตัวที่ล้มเหลวอย่างมาก เขาลงเล่นให้กับอาร์เซนอลไปทั้งสิ้น 110 เกม ในสามปีกับทีม แต่ทำได้เพียง 27 ประตูเท่านั้น มันไม่สามารถจะแย่ไปกว่านี้ได้มากแล้ว เมื่อลองคิดว่าอาร์เซนอลจ่ายเงินไปกว่า 72 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวเขามาร่วมทีม.

That brings us to the end of today’s article, we hate to say goodbye, but we will catch you soon with the next article. Thanks for reading!

อัลบาโร่ โมราต้า – เชลซี

เชลซีโชคไม่ค่อยดีนักในเรื่องการซื้อนักเตะ โดยเฉพาะกองหน้า อัลบาโร่ โมราต้า กองหน้าชื่อดังที่แฟนบอลน่าจะรู้จักกันดี คืออีกหนึ่งดีลกองหน้าที่ล้มเหลวของเชลซี 

เกิดอะไรขึ้น – 

โมราต้าแจ้งเกิดกับทีมยูเวนตุส ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา เขายิงได้อย่างต่อเนี่องในเวลาสองปีกับทีม 

ในปี 2016 เขาย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด ทีมที่เขาเคยเล่นให้สมัยเป็นดาวรุ่ง เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น โมราต้ายิงไปถึง 20 ประตู และคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก กับทีมได้อีกด้วย ทำให้เพียงฤดูกาลเดียว ราคาค่าตัวของเขาก็ขึ้นเป็นเท่าตัวในทันที

เรื่องนี้จบอย่างไร –  

และเชลซีก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ในการคว้าตัวโมราต้าไปร่วมทีมในปี 2017 ด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นเงินที่เยอะมาก ถึงจะมองในมุมปัจจุบัน โมราต้าเล่นให้กับเชลซีเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง และยิงไป 24 ประตู ซึ่งน้อยไปหน่อยสำหรับกองหน้าราคา 60 ล้านปอนด์ ผลจากฟอร์มจืดของเขา ทำให้เขาถูกปล่อยให้ 

แอตเลติโก มาดริด ยิมตัวไปใช้งานในที่สุด

สรุป : 

5 คนก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่ก็คือ 5 กองหน้าที่ค่าตัวสุดแพงแต่ฟอร์มสุดพังไปไม่รอดในพรีเมียร์ลีก แม้บางคนจะเป็นถึงกองหน้าระดับโลก เลื่องชื่อเรื่องความคมของตัวเอง แต่ก็ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มในพรีเมียร์ลีกได้ นี่ก็อาจจะเป็นอีกข้อพิสูจน์หนึ่งว่า ทำไมพรีเมียร์ลีกคือลีกที่ดีที่สุดในโลก

และนี่ก็มาถึงตอนจบของบทความแล้ว เราไม่ชอบที่จะบอกลาทุกคนเลย แต่เราจะนำบทความดี ๆ มาให้ทุกคนได้อ่านกันอีกแน่นอน ขอบคุณทุกคนมาก ๆ นะ

Leave A Reply