ซาดิโอ มาเน่มีโอกาสที่จะย้ายออกจากลิเวอร์พูลหลังจากที่เขานำความรุ่งโรจน์มาสู่แอนฟิลด์เป็นเวลากว่า 6 ปี

ลิเวอร์พูลคงจะไม่พาตัวเองมาตกอยู่ในสถานการณ์นี้หากพวกเขาจัดการต่อสัญญาและป้องกันไม่ให้สัญญาของมาเน่เข้าสู่ช่วงปีสุดท้าย แต่ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์นั้นแล้ว พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้เพื่อถึงจิตวิญญาณของทีมกลับมาในช่วงเวลาสุดเปราะบางหลังจากทีมคู่แข่งแย่งแชมป์อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าพึ่งคว้าตัวเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ไป

สโมสรกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อรั้งให้มาเน่อยู่ต่อ แต่ความเป็นไปได้นั้นมีเพียงน้อยนิดเพราะมาเน่นั้น อายุแต่หลัก 30 แล้ว และน่าจะเหลือโอกาสเซ็นสัญญาเพื่อรับเงินก้อนโตได้อีกเพียงครั้งเดียวเป็นสัญญาสุดท้าย ทำให้เขานั้นกำลังดึงเชิงและต่อรองกับทุกทีมเพื่อรอรับเงินก้อนโตอยู่

Source: CNN

มีรายงานว่าศูนย์หน้าดีกรีแชมป์แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่น 2021 นั้นไม่มีความต้องการที่จะต่อสัญญาใหม่กับสโมสรในถิ่นแอนฟิลด์ แต่สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อถึงช่วงของปรีซีซั่น แต่ถึงกระนั้น ทางลิเวอร์พูลกำลังรอข้อเสนอระดับ 40 ล้านปอนด์จากสโมสรใดก็ตามที่สนใจในตัวของมาเน่ในช่วงซัมเมอร์นี้

บาเยิร์น มิวนิคเป็นหนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ที่สนใจมาเน่เนื่องจากพวกเขาเตรียมตัวที่จะเสียศูนย์หน้าระดับบิ๊กเนมอย่างโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้และต้องการหาตัวแทน ตัวแทนที่ไม่เพียงแต่เล่นเกมรุกได้เท่านั้น แต่จำเป็นจะต้องทำประตูได้อีกด้วย

การที่บาเยิร์นจะคว้าตัวมาเน่นั้นเป็นหนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่ลิเวอร์พูลควรจะทำทุกวิถีทางที่จะรั้งตัวปีกตัวเก่งของพวกเขาเอาไว้ ในส่วนที่เหลือของบทความนี้ พวกเราจะเจาะลึกถึงความสนใจในตัวของปีกดาวเด่นวัย 30 ปีของบาเยิร์นและเหตุผลอื่นๆ ที่ว่าทำไมหงส์แดงควรที่จะทำทุกๆ ทางที่จะเก็บมาเน่เอาไว้

ความอันตรายของบาเยิร์นในเวทียุโรป

ลิเวอร์พูลเคยคว่ำบาเยิร์นมาแล้วในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในตอบที่ทั้งคู่มาพบกันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อฤดูกาล 2018/19

บาเยิร์นยันเสมอหงส์แดงได้แบบไร้สกอร์ในเกมนัดแรกที่แอนฟิลด์ แต่กลับพ่ายแพ้ไป 1-3 คาบ้านของตัวเองในเกมนัดที่สอง      และชัยชนะนั้นไม่ได้มาจากใครที่ไหนนอกจากมาเน่ ที่เป็นคนยิงเบิ้ลในเกมนั้นจนเขี่ยทีมแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก 6 สมัยตกรอบ   ต่อหน้าแฟนบอลของพวกเขาเอง

ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบเข้าไปคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลนั้นหลังจากที่พลิกนรกผ่านบาร์เซโลน่าได้ในรอบรองชนะเลิศและในรอบชิงชนะเลิศลิเวอร์พูลก็เป็นฝ่ายครองเกมอยู่ฝั่งเดียวและเอาชนะท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สไปได้ 2-0                            นับตั้งแต่นั้น ลิเวอร์พูลได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ถึง 2 ครั้งและผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศอีก 1 ครั้ง ซึ่งเป็นการเข้าชิงถึง 3 ครั้งในรอบ 6 ปีที่มาเน่อยู่กับสโมสร

Source: liverpoolecho.co.uk

นอกจากนี้ ในช่วงเวลานั้น มาเน่ได้กลายมาเป็นนักเตะที่ยิงประตูสูงที่สุดในเกมรอบน็อคเอาท์ในแชมเปี้ยนส์ลีกของประวัติศาสตร์สโมสรลิเวอร์พูล (ในยุคที่ใช้ชื่อยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก) ด้วยจำนวน 14 ประตูใน 5 ฤดูกาลกับหงส์แดง

ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่าบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลต่อมาหลังจากที่มาเน่และลิเวอร์พูลบุกมายำใหญ่ใส่พวกเขาถึงถิ่นอาลิอันซ์ อารีน่านั้นได้แสดงความสนใจในตัวของดาวเตะทีมชาติเซเนกัลตั้งแต่ในตอนที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับลิเวอร์พูลและคว่ำพวกเขาได้

แคว้นบาวาเรียมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ยูฟ่า 6 สมัย ซึ่งเป็นจำนวนที่บ่งบอกได้กลาย ๆ ว่าพวกเขานั้นไม่ธรรมดา แต่ในยุคปัจจุบัน พวกเขาไม่สามารถทะลุไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้อีกเลย ยกเว้นฤดูกาลที่พวกเขาทะลุเข้ามาจนคว้าแชมป์ไปได้

พวกเขากำลังมองหาโอกาสในการคว้าตัวอดีตดาวเตะมากความสามารถของเร้ดบูล ซัลซ์บวร์กซึ่งเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์และเป็นจอมถล่มประตูในแชมเปี้ยนส์ลีก หากบาเยิร์นจัดการดีลนี้ได้สำเร็จ ดีลนี้จะคล้ายคลึงกับดีลที่ซิตี้คว้าตัวเออร์ลิ่ง             ฮาลันด์มาได้ ซึ่งจะนำเสนอมาเป็นประเด็นต่อไป

ซิตี้คว้าตัวฮาลันด์

การเซ็นสัญญาคว้าตัวหลุยซ์ ดิอาซ นักเตะที่คว้ารางวัลดาวซัลโวของรายการโคปา อเมริกา 2020 ร่วมกับลิโอเนล เมสซี่,           ดิโอโก้ โจต้าและดาวรุ่งอย่างฟาบิโอ คาร์วัลโญ่นั้นแสดงให้เห็นว่าหงส์แดงนั้นรู้ดีว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่

แต่อย่างไรก็ดี นักเตะพวกนี้ที่กล่าวมานั้นก็ยังไม่ใช่มาเน่

มาเน่โดนย้ายมาเล่นตรงกลางหลายครั้งเพื่อหลีกทางให้กับดิอาซ แต่ปีกชาวโคลัมเบียกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ลีก ลีกที่ทรหดที่สุดในโลก

ฮาลันด์ก็ถูกคาดการณ์ว่าจะต้องใช้เวลาซักพักเพื่อปรับตัวเช่นกัน แต่แน่นอนว่าการลงเล่นในรูปแบบที่ถูกสร้างขึ้นโดย-            กวาร์ดิโอล่านั้นน่าจะทำให้ศูนย์หน้าชาวนอร์เวย์นั้นปรับตัวได้ง่ายขึ้น นี่ยังไม่รวมถึงความเป็นไปได้ที่พรสวรรค์อันมหัศจรรย์ของเขาจะช่วยให้เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในทันทีอีกด้วย

หากลิเวอร์พูลเสียมาเน่ มันอาจหมายถึงการพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกและอาจเป็นอีกฤดูกาลที่พวกเขาทำได้ถึง 90 แต้มแต่กลับจบฤดูกาลไปอย่างมือเปล่า นี่ยังไม่ได้พูดถึงการที่ประสิทธิภาพการเข้าทำโดยรวมของพวกเขาจะลดลง ซึ่งเมื่ออิงตามสถิติแล้ว ประสิทธิภาพเกมรุกของทีมนั้นดีกว่ามากขณะที่มีมาเน่อยู่ในสนาม

ซึ่งก็มาถึงจุดสุดท้ายในการวิเคราะห์กันแล้ว

มาเน่เป็นนักเตะที่สำคัญที่สุดของลิเวอร์พูล

ประโยคที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นของซาล่าห์มาตั้งแต่ตอนที่เขาย้ายเข้ามาอยู่กับหงส์แดง เขากลายมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรและมักจะอยู่ท็อปสามหรือท็อปห้าในการแอสซิสต์ในทุกๆ ฤดูกาลนับตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์อยู่เสมอ

แต่ในแง่ของการเล่นที่หลากหลาย สถิติของมาเน่นั้นดูดีกว่าของซาล่าห์อยู่มากโข มาเน่เล่นเกมรับได้ดีกว่า เก็บบอลได้ดีกว่าและแถมยังจ่ายบอลได้ดีกว่า นอกจากนี้มาเน่ยังแย่งบอลจากกองหลังได้ดีกว่าอีกด้วย ถึงแม้ว่าลีลาของซาล่าห์จะดูน่ารับชมมากกว่าก็ตาม

Source: liverpoolfc.com

แท็คติกของคล็อปป์นั้นขึ้นอยู่กับการเพรสซิ่งที่ดุดันของสามกองหน้าและในนักเตะชุดปัจจุบันของลิเวอร์พูล ไม่มีใครที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีไปกว่ามาเน่ สิ่งที่มาเน่ทำนั้นทำให้ซาล่าห์นั้นเล่นได้ง่ายขึ้นเป็นกองเลยล่ะ

ทฤษฎีนี้ได้รับการพิสูจน์มาแล้วในฤดูกาลนี้ในตอนที่คล็อปป์เลือกที่จะส่งปีกวัย 30 ปีจากเซเนกัลลงเล่นเป็นกองหน้าตัวกลางเพื่อเปิดทางให้กับดิอาซยืนฝั่งซ้าย มาเน่ซึ่งมีความสามารถเฉพาะตัวนั้นถูกส่งลงมาอยู่ทางฝั่งซ้ายแทนที่จะเป็นตรงกลางและทำให้ทีมไม่สามารถทะลวงแนวรับได้ ลิเวอร์พูลแทบจะไม่สามารถสร้างปัญหาที่มากพอให้กับแนวรับของฝ่ายตรงข้ามได้เลย

คล็อปป์จะสูญเสียนักเตะตัวสำคัญของแทคติกของเขาไปหากลิเวอร์พูลปล่อยมาเน่ออกไป นอกจากนี้ยังอาจจะทำให้ลิเวอร์พูลต้องถอยหลังลงคลองไป 2-3 ปี ซึ่งซิตี้จะครองลีกและทีมที่ได้มาเน่ไป (มองจากภาพรวมแล้วน่าจะเป็นบาเยิร์น) จะก้าวขึ้นมายื่งใหญ่ในเวทียุโรปแทนที่ของลิเวอร์พูล

สรุป

ในอายุย่างเข้า 30 มาเน่คงจะไม่เหลือเวลาในอาชีพการค้าแข้งระดับสูงอยู่มากแล้ว แต่ในขณะที่เขายังมีแรงเหลือพออยู่ – ซึ่งสำหรับเขาก็น่าจะเหลือเยอะเลยล่ะ – ลิเวอร์พูลจะโดนความทะเยอทะยานของพวกเขาโจมตีมากกว่าที่จะเป็นเรื่องดีต่อพวกเขา โดยการปล่อยให้มาเน่เดินออกจากถิ่นแอนฟิลด์ไปโดยไม่มีเขาอยู่กับทีมที่กำลังเข้าสู่ยุคใหม่

หากพวกเขาไม่สามารถต่อสัญญากับมาเน่ได้ ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือการบีบให้เขาอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์เพื่อระเบิดฟอร์มกับทีมในฤดูกาลสุดท้ายและเปิดทางเข้าสู่ยุคใหม่ก่อนที่จะปล่อยตัวหนึ่งในนักเตะที่สำคัญที่สุดกับทีมออกไป

อ่าน:  ใครเป็นตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022?
Leave A Reply