ฤดูกาล 2021/2022 ก็เข้าสู่ช่วงปิดฤดูกาลแล้ว ก็เป็นช่วงที่แฟนบอลจะหงอย ๆ กันเล็กน้อย เพราะไม่มีฟุตบอลลีกให้ดูเหมือนเคย และว่างกว่าช่วงปกติเป็นอย่างมาก

ดังนั้นเพื่อแก้เบื่อให้ทุกท่าน เราจะมารีวิวฤดูกาลนี้กัน โดยวิธีที่เราชอบทำและคิดว่าน่าสนใจก็คือการคัดทีมยอดเยี่ยม โดยคัดสรรเหล่าผู้เล่นที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในตำแหน่งของตัวเอง และนำมารวมกันเป็นทีมเดียว เพื่อดูว่ามีใครที่ทำผลงานได้น่าสนใจบ้าง ในฤดูกาลนี้

วันนี้เราขอเสนอ 11 นักเตะยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021/2022 โดยเรียงตามตำแหน่ง ตั้งแต่ผผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า ตำแหน่งละหนึ่งคน เราได้เลือกแผน 4-3-3 มาใช้ในบทความนี้ เพราะเป็นแผนของทีมแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ผู้รักษาประตู : เอเดอร์สัน

ในทีมที่มีเกมรุกที่จัดจ้านและอันตรายที่สุดในลีก เอเดอร์สันยังแสดงให้เราดูอยู่เสมอ ว่าทำไมเขาถึงคู่ควรกับตำแหน่งผู้รักษาประตูในทีมแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้

นายด่านชาวบราซิลเลี่ยนเก็บได้ถึง 20 คลีนชีตในฤดูกาลนี้ ซึ่งทำให้เขาคว้ารางวัลถุงมือทองคำได้ด้วย โดยเป็นรางวัลถุงมือทองคำร่วมกับเพื่อนร่วมชาติของเขาอย่าง อลิสซอน โดยพวกเขายังเสีย 26 ประตูเท่ากันอีกด้วย อย่างไรก็ดี เราคิดว่าผลงานการเซฟของเอเดอร์สัน มีผลต่อการคว้าแชมป์ของทีมมากกว่า

เซฟสำคัญที่สุดของเอเดอร์สันในฤดูกาลนี้น่าจะเป็นเซฟในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ขณะที่พวกเขากำลังตามหลังวิลล่าอยู่ 2-0 ในครึ่งหลัง หากเอเดอร์สันเซฟลูกยิงนั้นไม่ได้ และทำให้ทีมตามหลังเพิ่มเป็น 3-0 เราคิดว่าซิตี้ไม่น่าจะกลับมาเอาชนะได้เหมือนเดิมแน่ ๆ เพราะ 3-0 ดูจะเป็นระยะห่างที่มากไปหน่อย ในการที่พวกเขาจะต้องรัวถึงสี่ลูกรวดในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง  และจะทำให้พวกเขาพลาดแชมป์ในฤดูกาลนี้ด้วย เพราะลิเวอร์พูลเอาชนะวูล์ฟได้ในเกมสุดท้าย

แบ็คขวา : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์อาร์โนลด์

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์อาร์โนลด์ เป็นผู้เล่นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในฤดูกาลก่อน ๆ ในเรื่องของเกมรับของเขา โดยนักวิจารณ์หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แบ็คขวาชาวอังกฤษนั้นเล่นเกมรุกได้ดีก็จริง โดยเฉพาะเวลามีบอลที่ทำได้ดีมาก แต่ก็เป็นบ่อน้ำมันในแผงหลังที่คู่แข่งเจาะได้บ่อยครั้งเหมือนกัน และทำให้ทีมเสียประตูเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี อเล็กซานเดอร์อาร์โนลด์ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมในฤดูกาลนี้ และลบทุกข้อกังขาได้สำเร็จ เขาได้พิสูจน์แล้วว่านอกจากเขาจะเล่นเกมรุกได้ดี โดยการทำไปถึง 12 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้แล้ว เขายังพิสูจน์อีกว่าเขายังเล่นเกมรับได้ดีด้วยเช่นกัน และเป็นคีย์แมนสำคัญช่วยให้ลิเวอร์พูลนั้นเก็บได้ถึง 20 คลีนชีตมากที่สุดในลีกในฤดูกาลนี้

เซนเตอร์ : เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค

กูรูฟุตบอลจำนวนมากเชื่อว่าการที่ลิเวอร์พูลฟอร์มรูดจนเกือบไม่ได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลที่แล้วนั้น มีสาเหตุหลักมาจากการขาด เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่โดนจอร์แดน พิคฟอร์ด เสียบสกัดจนทำให้เอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาด จนบาดเจ็บยาวและต้องพักฟื้นยาวทั้งฤดูกาล

เมื่อดูฟอร์มของปราการหลังทีมชาติฮอลแลนด์ในฤดูกาลนี้แล้ว ก็ต้องยอมรับว่าเหล่ากูรูก็พูดถูกจริง ๆ การมีฟาน ไดจ์ค อยู่ในทีมทำให้เกมรับของลิเวอร์พูลแข็งแกร่งขึ้นมาก และถือว่าเขาเป็นจุดศูนย์กลางเกมรับของทีมที่อย่างแท้จริง ถ้าไม่มีเขา เราไม่คิดว่าลิเวอร์พูลจะเก็บได้ถึง 20 คลีนชีตอย่างแน่นอน

ณ จุดนี้ เราคงพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า การซื้อ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค มาในราคา 75 ล้านปอนด์นั้น เป็นการซื้อตัวที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ และน่าจะเป็นการซื้อตัวที่ดีที่สุดของเจอร์เก้น คล็อปป์ อีกด้วย

เซนเตอร์ : อันโตนิโอ รูดิเกอร์

เมื่อดูผลงานของรูดิเกอร์ในฤดูกาลนี้แล้ว ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว ว่าเชลซีจะหาใครมาแทนกองหลังตัวหลักอย่างรูดิเกอร์ แม้ว่าฤดูกาลนี้เชลซีจะมีฤดูกาลที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง แต่รูดิเกอร์เป็นหนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คนที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมได้ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า

จากกองหลังที่แฟรงค์ แลมพาร์ดไม่เห็นค่าและจับนั่งสำรองเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันในยุคของโทมัส –   ทูเคิล รูดิเกอร์กลายเป็นคีย์แมนและผู้บัญชาการเกมรับของทีมอย่างแท้จริง และยกระดับฟอร์มการเล่นของตัวเองขึ้นมาเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับสัก 1-2 ปีก่อน

ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของรูดิเกอร์ในปีนี้ และสัญญาที่ใกล้จะหมดลง ทำให้เป็นเรอัล มาดริด ที่มาเซ็นสัญญาเขาไปเล่นในถิ่นซานติอาโก เบอร์นาเบว ในฤดูกาลหน้า

แบ็คซ้าย : เจา กานเซโล่

เจา กานเซโล่น่าจะเป็นแบ็คซ้ายเท้าขวาที่เก่งที่สุดในปัจจุบัน และน่าจะเก่งที่สุดในรอบทศวรรษได้เลย

ถ้าจะพูดถึงตำแหน่งแบ็คซ้ายเท้าขวาระดับโลกในอดีต เราน่าจะนึกถึงชื่อของเซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ที่เคยสร้างชื่อในตำแหน่งแบ็คซ้ายเท้าขวามาแล้ว แต่เราคิดว่าการเล่นของอัซปิลิกวยต้า ยังไม่ถึงขั้นยกระดับทีมได้ เหมือนกับที่กานเซโล่ทำได้ในฤดูกาลนี้

จากอาการบาดเจ็บของไคล์ วอล์กเกอร์ในฤดูกาลนี้ ทำให้กานเซโล่ถูกจับไปเล่นแบ็คขวาบ้างในบางเกม แต่ในสถานการณ์ปกติแล้ว เขาจะเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย และแทบจะยึดตำแหน่งแบบถาวร จนอเล็กซานเดร ซินเชนโก แทบจะไม่ได้ลงเล่นเลยในฤดูกาลนี้

กานเซโล่เป็นแบ็คที่ค่อนข้างตัวสูงเมื่อเทียบกับตำแหน่งของเขา แต่ถึงจะตัวสูงก็ยังสามารถเลี้ยงบอลได้ดี และพาบอลขึ้นหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงยังมีลูกทีเด็ดเรื่องการยิงไกลที่คู่แข่งก็ประมาทไม่ได้ และเกมรับที่แข็งแกร่ง ถือว่าเป็นแบ็คที่สมบูรณ์แบบ คู่ควรกับตำแหน่งตัวจริงในทีมแมนฯ ซิตี้ และตำแหน่งในทีมยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้อย่างมาก

กานเซโล่จะเป็นกำลังหลักของทีมเรือใบสีฟ้าในฤดูกาลหน้า รวมถึงเป็นกำลังหลักในการเล่นทีมชาติกับโปรตุเกส ในศึกฟุตบอลโลกช่วงปลายปีอย่างแน่นอน

กองกลาง : ดีแคลน ไรซ์

ในปัจจุบัน ดีแคลน ไรซ์ ได้สร้างชื่อให้ตัวเอง และยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในกองกลางอังกฤษที่เก่งที่สุดในโลก โดยเฉพาะในตำแหน่งกองกลางตัวรับ

ด้วยผลงานกับเวสต์แฮมในฤดูกาลนี้ที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก มีโอกาสสูงมากที่ไรซ์จะติดทีมชาติอังกฤษไปลุยศึกฟุตบอลโลกในปีนี้ รวมถึงมีโอกาสสูงอีกด้วยที่เขาจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง

การมีไรซ์อยู่หน้าแผงหลังทำให้เวสต์แฮมสามารถจบในครึ่งบนของตารางได้อีกครั้ง และพาทีมเขาถึงรอบรองชนะเลิศถ้วย ยูโรป้า ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรอีกด้วย และการจบในอันดับที่เจ็ดในฤดูกาลนี้ จะทำให้พวกเขาได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปอีกในฤดูกาลหน้า ในศึกยูฟ่า คอนเฟเรนซ์ ลีก

หากเวสต์แฮมยังอยากยกระดับทีมขึ้นไปอีก พวกเขาคงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งไรซ์ให้อยู่กับทีมต่อไปให้ได้                    ส่วนฝั่งไรซ์ การย้ายไปเล่นในทีมใหญ่ดูจะดีต่ออนาคตการค้าแข้งของเขามากกว่า โดยเฉพาะการไปเล่นกับเชลซี สโมสรที่เขาเคยเล่นให้สมัยเป็นดาวรุ่ง ที่ดูจะสนใจดึงตัวเขาไปร่วมทีมอยู่ และไรซ์ก็ดูจะอยากย้ายไปเสียด้วย

กองกลาง : แบร์นาร์โด ซิลวา

หลังจากมีฤดูกาลที่น่าผิดหวังในฤดูกาลก่อน และมีข่าวว่าเขาจะย้ายออกจากสโมสร แบร์นาร์โด ซิลวา กลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้งในฤดูกาลนี้ โดยดาวเตะชาวโปรตุกีสทำผลงานได้โดดเด่นมาก โดยเฉพาะเมื่อเล่นคู่กับคู่ขาอย่างเควิน เดอ บรอยน์ ทั้งสองคนทั้งยิงและจ่ายเป็นจำนวนมาก และเป็นกำลังหลักในเกมรุกที่ช่วยให้ซิตี้คว้าแชมป์ได้ในปีนี้

นับจากที่ย้ายจากเอเอส โมนาโกมาร่วมทัพเรือใบสีฟ้าเมื่อปี 2017 ซิลวาได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกไปแล้วถึงสี่ครั้งในห้าฤดูกาลในถิ่น เอติฮัด สเตเดียม

ดูจากฟอร์มการเล่นแล้ว ข่าวที่บอกว่าเขาจะย้ายออกจากสโมสรนั้นน่าจะเป็นแค่อดีตไปแล้ว และไม่น่าจะมีข่าวย้ายทีมอีกในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน

อ่าน:  ตัวเลือกอันดับต้นๆ ของ FPL สำหรับ Gameweek 33

กองกลาง : เควิน เดอ บรอยน์

จอมทัพชาวเบลเยียมแสดงให้เราดูอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าเขาคือหัวใจในเกมรุกของทีมเรือใบสีฟ้า โดยในปีนี้ อดีตดาวเตะสิงห์บลูทำได้ถึงแปดแอสซิสต์ รวมไปถึงการซัลโวไปถึง 19 ประตู ในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นประตูในลีกถึง 15 ประตู เราจึงค่อนข้างกล้าพูดได้ว่าเขาเป็นหัวใจสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ลีกอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะผลงานในนัดสุดท้าย ที่เขาพาทีมถล่มสามประตูรวดในครึ่งหลัง ด้วยเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แซงเอาชนะไปได้ 3-2 ในนัดสุดท้ายจนปาดหน้าคว้าแชมป์ไปได้ เราไม่มีคำพูดจะอธิบายผลงานของเขาเลย นอกจากกล่าวว่านี่คือเป็นความสวยงามและจุดสูงสุดของโลกฟุตบอล

ปีกขวา : โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ตอนที่ซาลาห์ย้ายจากโรม่ามาร่วมทีมลิเวอร์พูลใหม่ ๆ กูรูส่วนมากมองว่าดีลนี้ไม่น่าจะเวิร์ค และซาลาห์น่าจะฟอร์มบู่ในพรีเมียร์ลีกอย่างแน่นอน บางทีเมื่อย้อนกลับไปอ่านข่าวเก่า ๆ มันก็น่าขำดีเหมือนกันนะ เพราะผลงานในสนามของซาลาห์นั้นห่างไกลจากคำว่าบู่มาก

ซาลาห์สยบทุกเสียงวิจารณ์ และก้าวขึ้นมาเป็นตำนานอีกคนของพรีเมียร์ลีก และน่าจะเป็นปีกที่เก่งที่สุด คมที่สุด และผลงานสม่ำเสมอที่สุดที่เราเคยเห็นนับตั้งแต่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สมัยอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ว่าได้

ในฤดูกาลนี้ปีกชาวอียิปต์ซัลโวไปถึง 23 ประตู นับเฉพาะในลีก คว้ารางวัลรองเท้าทองคำ หรือ รางวัลดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกมานอนกอดที่บ้านได้อีกเป็นสมัยที่สาม หลังจากเคยได้รางวัลนี้มาแล้วสองครั้ง   ในฤดูกาล 2017/18 และ 2018/19

ปีกขวา : ซน ฮึง-มิน

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงไปถึง 23 ประตู จนคว้ารองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีกได้ก็จริง แต่ในปีนี้ เขาไม่ได้ครอบครอบรางวัลแต่เพียงผู้เดียว เพราะยังมีปีกชาวเกาหลีใต้อีกคนหนึ่งที่เล่นอยู่ในลอนดอน ยิงได้ 23 ประตูเท่ากัน และได้รับรางวัลรองเท้าทองคำเช่นกัน เขาก็คือ ซน ฮึง-มิน นั่นเอง

ทีมไก่เดือยทองได้สิทธิไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้ง ในฤดูกาลหน้า โดยต้องขอบคุณ ซน ฮึง-มิน  ปีกตัวเก่งของทีมเป็นอย่างมาก ที่มาฟอร์มดีได้ถูกที่ถูกเวลา จากการที่กองหน้าตัวความหวังของทีมอย่าง แฮรฺรี่ เคน นั้น มีช่วงฟอร์มตกไปเรื่อย ๆ ตลอดฤดูกาล แต่ในช่วงที่เคนฟอร์มตก ก็เป็นซอนที่ก้าวขึ้นมายิงประตูให้ทีมแทน และพาทีมไปเล่นในศึกยูฟ่า  แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ

ศูนย์หน้า : คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ในปีนี้ แฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงจะมีฤดูกาลที่ไม่น่าจดจำเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ดี หากจะมีสักเรื่องที่แฟน ๆ แมนยูยังพอเห็นแล้วชื่นใจ ในฤดูกาลที่เละเทะนี้ ก็คงเป็นเรื่องที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อดีตนักเตะที่เคยเล่นให้กับพวกเขาเมื่อ 10-15 ปีก่อน กลับมาเล่นในโรงละครแห่งความฝันอีกครั้ง แถมกลับมาแล้วยังทำผลงานได้ดีอีกด้วย

ในฤดูกาลนี้ ฤดูกาลแรกในสีเสื้อปีศาจแดงนับตั้งแต่ปี 2009 กัปตันทีมฝอยทองซัลโวไปถึง 24 ประตูรวมทุกรายการ และยิงไปถึง 18 ประตูในลีก รวมไปถึงการมีสถิติที่ดีเมื่อเล่นกับทีมใหญ่ โรนัลโด้เป็นผู้เล่นที่ยิงประตูได้มากที่สุดในลีก เมื่อเจอกับทีมท็อป 6 ด้วยกันเอง

สรุป

ฤดูกาล 2021/22 เป็นฤดูกาลที่น่าทึ่งมาก ๆ ในหลายรูปแบบ และได้แสดงให้เราเห็นอีกครั้งแล้ว ว่าทำไมเราแฟนบอลถึงชอบดูฟุตบอลกันนัก เพราะฟุตบอลยังคงสนุกและสวยงามเสมอ

และสำหรับ 11 รายชื่อนักเตะในทีมยอดเยี่ยมนี้ ก็ลองเก็บเอาไว้ในใจก่อน แล้วลองกลับมาดูอีกครั้งในฤดูกาลหน้า หรืออีก 5 ปี อีก 10 ปีข้างหน้า ว่าใครจะมีความคงเส้นคงวาและยืนระยะได้นานในอาชีพการค้าแข้งของพวกเขา บางทีนักเตะบางคนในนี้อาจจะก้าวขึ้นไปเป็นตำนาน เหมือนโรนัลโด้ หรือ เมสซี่    ก็เป็นได้

Leave A Reply