ไม่มีข้อกังขาแน่นอนหากเราจะพูดว่าเป็ป กวาร์ดิโอล่า เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอย่างแน่นอน สถิติของเขามันฟ้องอยู่แล้วและมันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาสามารถเสกความสำเร็จได้ในทุกๆ ที่ๆ เขาไปคุมทีม

ที่บาร์เซโลน่า เขาได้สร้างฟุตบอลสไตล์ที่ใคร ๆ ก็อยากรับชม และทำให้สไตล์ ‘ติกี้ ตาก้า’ โด่งดังไปทั่วโลก ในขณะที่เขาครองลีกสเปนและเป็นหนึ่งในสโมสรแนวหน้าของยุโรปด้วย ที่บาเยิร์น มิวนิค เขาก็ทำแบบเดียวกันโดยการทำลายสถิติหลายรายการและแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จของเขากับบาร์เซโลนาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การลงเล่นใน ‘ลีกที่ยากที่สุดในโลก’ กวาร์ดิโอล่าได้มาวาดลวดลายในพรีเมียร์ลีกและยังคงโชว์เครื่องหมายการค้าของเขาที่ทำลายสถิติมากมายอีกครั้ง นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาคุมทีมในปี 2016 เขาได้พาเรือใบสีฟ้าแล่นฉิวในวงการฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งพวกเขาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของห่วงโซ่อาหารและปล่อยให้สโมสรอื่นไล่หลัง แชมป์พรีเมียร์ลีกอีก 1 สมัยในฤดูกาลที่ผ่านมานั้นหมายความว่าตอนนี้ ซิตี้คว้าแชมป์ลีกได้ 4 สมัยในรอบ 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากวาร์ดิโอล่าจะหาประโยชน์ได้มากมาย แต่คำวิจารณ์ของเขาส่วนใหญ่มาจากความล้มเหลวของเขาในฟุตบอลระดับยุโรป พูดก็พูดเถอะ กวาร์ดิโอล่าได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกเพียง 2 สมัยเท่านั้นในอาชีพการคุมทีมของเขา

กวาร์ดิโอล่าคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัยกับบาร์เซโลน่า ในปี 2009 และอีกครั้งเมื่อปี 2011 นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เขาชูถ้วยบิ๊กเอียร์ เนื่องจากเขาคว้าน้ำเหลวในรายการนี้กับบาเยิร์น มิวนิคและซิตี้ นับตั้งแต่แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2011 ซึ่งเป็นสมัยที่ 2 ของเขากับบาร์เซโลน่าแล้ว เขาก็ไม่เคยได้แชมป์รายการนี้อีกเลย เขาเคยเข้าใกล้ที่สุดในปี 2021 ซึ่งเขาพ่ายให้กับเชลซีในนัดชิงชนะเลิศ

ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนนี้ กวาร์ดิโอล่าใช้เวลาอยู่ที่สโมสรแห่งนี้มา 6 ปีแล้ว – ถือเป็นสโมสรที่เขาอยู่นานที่สุดอีกด้วย – แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงล้มเหลวในการพาเรือใบคว้าแชมเปี้ยนส์ลีกสมัยแรกของสโมสรอยู่ดี  เสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขามีเงินเหลือเฟือให้ใช้ได้อย่างไม่จำกัด แต่เขาก็ยังล้มเหลว ถึงแม้ว่าจะมีอำนาจทางการเงินที่ดีที่สุดในยุโรปก็ตาม

ทั้งหมดข้างต้นทำให้เกิดคำถาม ถึงเวลาแล้วรึยังที่ซิตี้ต้องบอกลากับผู้จัดการทีมชาวสเปน ถ้าเขาไม่สามารถพาเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกได้หลังจากพยายามมาแล้วถึง 7 ฤดูกาล

ซิตี้ใกล้เคียงเอามาก ๆ แล้วแต่ก็ยังไม่ถึงเสียที

เป็นเรื่องน่าขันที่จะคิดว่าในทศวรรษที่ผ่านมา ทุกสโมสรที่กวาร์ดิโอล่าเข้ามาคุมนั้นได้ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกทุกฤดูกาลในฐานะทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์มาเสมอ ผู้จัดการทีมชาวสเปนอาจจะครองลีกได้ในทุกๆ ลีก แต่ความสามารถในการใช้แท็คติกของเขามักทำให้เขา ‘คิดมาก’ มากเกินไป ตามที่แฟนๆ หลายคนเคยบอกเอาไว้

กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ความอกหักนั้นมีมากกว่าความผิดหวัง อันที่จริงแล้วในปี 2020 กวาร์ดิโอล่าไม่เคยพาเรือใบสีฟ้าผ่านรอบก่อนรองชนะเลิศในแชมเปี้ยนส์ลีกได้เลย พวกเขาต้องทรมานกับการตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายหลายครั้งระหว่างปี 2016-2020

ในปี 2021 ความผิดหวังมาถึงจุดสูงสุด ความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2021 กับเชลซีได้เพิ่มความคิดทั่วไปว่ากวาร์ดิโอล่า ‘คิดมาก’ กับการยึดติดเกมในรอบน็อคเอ้าท์สุดสำคัญด้วยตัวนักเตะที่ไม่จำเป็นและกลยุทธ์ที่ไม่จำเป็นมากเกินไป ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเกมรอบรองชนะเลิศที่น่าผิดหวังกับรีล มาดริดในปี 2022

ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกถูกถีบตกรอบไปในสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดแบบสุดๆ รีล มาดริด ทำ 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเพื่อบีบให้เกมต้องต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่จุดโทษของคาริม เบนเซม่าจะเป็นประตูปิดกล่อง 3-1 (รวม 6-5) พร้อมกับส่งยักษ์ใหญ่จากสเปนผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศกับลิเวอร์พูล

สำหรับซิตี้แล้ว มันไม่มีอะไรที่จะใกล้เคียงไปมากกว่านี้อีกแล้วและความพยายามที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าอาจทำให้ความคิดที่ว่ากวาร์ดิโอล่าอาจจะไม่สามารถเสกแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกได้หากไม่มีลิโอเนล เมสซี่นั้นเป็นข่าวขึ้นมาอีกก็เป็นได้

สิ่งที่กวาร์ดิโอล่าพูดเกี่ยวกับการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้

ในสายตาของสื่อ กวาร์ดิโอล่าถูกจ้างโดยเจ้าของทีมของซิตี้ด้วยเป้าหมายใหญ่เพียงเป้าหมายเดียว – เพื่อคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก ผู้จัดการทีมวัย 51 ปีได้แชร์ความรู้สึกก่อนเกมที่ซิตี้ดวลกับรีล มาดริดในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกรอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อปี 2020

เขาบอกว่า: “ผมอยากจะคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก”

“ผมฝันเอาไว้แล้วและผมก็ตื่นเต้นมากกับการเตรียมตัวกับเกมที่จะพบกับมาดริดในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า”

“หากพวกเราไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้แล้วล่ะก็ ประธานหรือผู้อำนายการฝ่ายกีฬาก็จะเดินมาหาผมแล้วบอกว่า ‘มันยังไม่ดีพอ พวกเราต้องการแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก เพราะงั้นฉันจะไล่นายออก”

ความคิดเห็นเหล่านั้นมาจากชายที่ต้องได้รับการบอกเล่าถึงความเป็นจริงของเรื่องราวต่างๆ มันตรงกันข้ามกับความคิดเห็นล่าสุดของผู้จัดการทีมชาวสเปนโดยย้อนรอยคำแถลงข้างต้น ในขณะที่เสริมต่อว่าเขาไม่ได้ถูกจ้างให้คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม

“เมื่อฤดูกาลที่แล้ว พวกเราพลาดแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก เราลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก 13 เกม พวกเราชนะไป 11 เกม เสมอ 1 และแพ้อีก 1’ เขาบอกกับสกาย สปอร์ตส์

“หากพวกเราไม่สามารถคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก มันถือว่าเป็นแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลที่เลวร้ายรึเปล่า? ไม่เลย ฤดูกาลนี้พวกเราทะลุมาถึงแชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศได้อีกครั้ง”

“พวกเราต้องการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก แน่นอนอยู่แล้วล่ะ แต่ในตอนที่พวกเขาติดต่อหาผมมา พวกเขาไม่ได้บอกว่าฉันจะต้องคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ ไม่แม้กระทั่งบอกให้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำ”

ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว เราต่างเห็นพ้องต้องกันว่าความคิดเห็นข้างต้นนั้นดูเหมือนกวาร์ดิโอล่าพยายามจะหาข้อบกพร่องอีกหนึ่งประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพิจารณาว่าซิตี้ยังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ก่อนที่ผู้จัดการทีมชาวสเปนจะเข้ามาคุมทีมซะด้วยซ้ำ

ไม่ใช่ตอนนี้จะเป็นตอนไหน จะคว้าแชมป์หรือจะลาออกสำหรับกวาร์ดิโอล่า

หลังจากที่ใช้เงินไปมากถึง 900 ล้านปอนด์และเกือบจะแตะหลักพันล้านปอนด์ในตลาดการซื้อขายตั้งแต่ที่เขาย้ายเข้ามาคุมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กวาร์ดิโอล่าก็ไม่มีข้ออ้างที่อย่างน้อยเขาควรจะคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ซักครั้ง

การมาของนักเตะป้ายแดงอย่างเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ในตอนนี้นั้นยิ่งทำให้กุนซือแดนกระทิงดุหมดข้ออ้างในการคว้าแชมป์รายการนี้ซักที ศูนย์หน้าชาวนอร์เวย์นั้นถือเป็นตัวเลือกที่เด็ดดวงที่สุดแล้วเมื่อพูดถึงตำแหน่งกองหน้าและมีหลายคนที่ยกย่องให้เขานั้นเป็น ‘จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย’ ในภารกิจการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกของซิตี้

สัญญาปัจจุบันของกวาร์ดิโอล่ายังเหลืออีก 1 ฤดูกาลและความจริงที่ว่าเขานั้นเลือกที่จะไม่ต่อสัญญาจนกว่ามันจะหมดลง ซึ่งมันก็บอกอะไรหลายๆ อย่างกับสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในหัว แถมมันก็ยังหมายความว่าผู้จัดการทีมชาวสเปนอาจจะบอกลาเรือใบในตอนที่สัญญาของเขาจบลง หากเขาไม่สามารถคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกได้ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่เขาอยู่กับสโมสร

แต่ถ้าหากเขาไม่โบกมือลาสโมสร มันก็เป็นไปได้เป็นอย่างมากเลยที่ฝ่ายบริหารของทางสโมสรจะขอบคุณเขาที่เข้ามาทำให้ซิตี้กลายเป็นทีมที่น่าเกรงขามในยุโรป แต่ก็อาจจะต้องปล่อยมือกับผู้จัดการทีมระดับแชมเปี้ยนส์ลีก

ผู้เชี่ยวชาญในรายการแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างซีเนอดีน ซีดานยังคงว่างงานอยู่และมีรายงานว่าเขากำลังรอโอกาสในการคุมทีมชาติฝรั่งเศส แต่อย่างไรก็ตาม ใครจะกล้าบอกว่าโอกาสในการคุมทีมระดับท็อปอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้พร้อมกับค่าเหนื่อยสูงลิบนั้นจะไม่สามารถทำให้กุนซือหัวใสเปลี่ยนใจได้

อ่าน:  การเปิดเผย 10 อันดับแรกของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา
Leave A Reply