ฤดูกาลที่หมองหม่นของลิเวอร์พูลยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งพวกเขาเพิ่งแพ้ 2 เกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกพร้อมกับจบสถิติไร้พ่าย 29 เกมในแอนฟิลด์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทีมหงส์แดงไม่แพ้ใครในเกมที่มีแฟนบอลของตัวเองเข้าชมมาตลอด 5 ปีครึ่ง แต่ในตอนนี้พวกเขาพ่ายให้กับทีมท้ายตารางถึง 2 เกมติดต่อกันเข้าให้แล้ว

ตามฟอร์มล่าสุดแล้ว ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายเปิดโอกาสให้คู่แข่งพังเกมของพวกเขาเองโดยต้นเหตุเกิดจากโจ โกเมซและอลิซอนสร้างความผิดพลาดทำให้โรดริโก้หลุดเข้าไปยิงประตูโล่ง ๆ ต่อหน้าแฟนบอลของทีมหงส์แดง นี่เป็นครั้งที่ 8 ที่พวกเขาต้องเป็นฝ่ายตามหลังจากทั้งหมด 12 เกมพรีเมียร์ลีกและมีเพียงเซาแธมป์ตัน (9 เกม) เท่านั้นที่เป็นทีมที่โดนยิงประตูขึ้นนำไปก่อนบ่อยกว่าพวกเขา

ทีมเจ้าบ้านตีเสมอได้สำเร็จจากลูกยิงของโมฮาเหม็ด ซาล่าห์ แต่พวกเขาก็ยังคงไม่สามารถสร้างโอกาสที่ชัดเจนได้ และเมื่อพวกเขาได้โอกาสที่จะแจ้ง แต่ก็โดนอิลลัน เมส์ลิเยร์โชว์ฟอร์มเทพสร้างสถิติเซฟมากที่สุดใน 1 เกม ทำไปถึง 9 เซฟเลยทีเดียว

ไครเซนซิโอ ซัมเมอร์วิลล์ – ในวันก่อนวันเกิดครบรอบ 21 ปีของเขา – เขาจับบอลหลุดและยิงเข้ามุมผ่านอลิซอนเข้าไปอย่างเฉียบขาดในนาทีที่ 90 ชนิดที่ว่าทำให้แอนฟิลด์ถึงกับต้องเงียบกริบกันเลยทีเดียว

สถิติแห่งความเหนียวแน่นในบ้านที่พังทลาย

ลีดส์ที่ไม่ชนะใครเลยตลอด 8 เกมก่อนหน้านี้ แต่พวกเขากลับเป็นผู้ทำลายสถิติ 70 นัดที่ไม่แพ้ใครเลยในบ้านเลยของเวอร์จิล ฟาน ไดจ์คลงได้อย่างน่าทึ่ง หลังจากที่ทำสถิติชนะ 59 เสมอ 11 ในพรีเมียร์ลีก มันเป็นสถิติที่น่าภาคภูมิใจไม่น้อยของเซ็นเตอร์แบ็ควัย 31 ปีนับตั้งแต่ที่เขาย้ายเข้ามาร่วมทีมในปี 2018

หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บในช่วงที่หงส์แดงแพ้ในบ้าน 6 นัดติดต่อกันในในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2021 ฟาน ไดจ์คยังคงรักษาสถิติในลีกของเขาเอาไว้ได้เหมือนเดิม แต่ในที่สุดเขาก็ได้สัมผัสความพ่ายแพ้ในบ้านจนได้

แน่นอนว่าการเป็นผู้ชนะในนาทีสุดท้ายเมื่อจบเกมการแข่งขันด้วยฟอร์มของเจ้าบ้านที่จืดชืดนั้นคือช่วงเวลาที่สำคัญในฤดูกาลของพวกเขาอย่างแน่นอน

อันที่จริงแล้ว ความพ่ายแพ้ในพรีเมียร์ลีกซึ่งในตอนนี้เป็นความพ่ายแพ้ครั้งที่ 4 แล้วของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้นั้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากฤดูกาลที่แล้วของพวกเขา และเมื่อดูเป็นภาพรวมร่วมกับชัยชนะ 4 เกมกับผลเสมออีก 4 เกมในช่วง 12 เกมแรกของฤดูกาลนั้นเทียบเท่ากับการออกสตาร์ทฤดูกาลที่ย่ำแย่ของรอย ฮอดจ์สันในฤดูกาล 2010-11 เลยล่ะ

ลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์อยู่ในอันดับที่ 9 ของตารางคะแนน ตามหลังแมนเชสเตอร์ ซิตี้อยู่ 13 แต้มและตามหลังนิวคาสเซิลที่อยู่อันดับ 4 อยู่ 8 แต้ม ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่พวกเขาโดนทีมยูงทองไล่บี้มาโดยตลอด โดยลีดส์ทั้งทีมนั้นวิ่งมากกว่าหงส์แดงทั้งทีมถึง 11 กิโลเมตรตลอด 90 นาทีเลยทีเดียว

ความผิดพลาดส่วนบุคคล

ในขณะที่ความผิดพลาดของโจ โกเมซที่ยังเกิดขึ้นจากในเกมช่วงสุดสัปดาห์ก่อนที่พวกเขาพ่ายให้กับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์คก็ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มยอดเซ็นเตอร์แบ็คเหมือนเดิมได้ และจากการที่เขาตามประกบซัมเมอร์วิลล์ไม่ทันในเกมนี้ ทำให้ซัมเมอร์วิลล์ทำประตูชัยในเกมนี้ที่แอนฟิลด์ได้สำเร็จ

คล็อปป์บ่นอุบถึงเกมรับของลูกทีมของเขา รวมถึงการขาดการคุมเกมตลอดแทบจะทั้งเกมเลยอีกด้วย

“คุณไม่สามารถตั้งรับแบบที่เราทำในตอนที่เสียประตูที่สองได้ มันแย่จนผมนึกภาพไม่ออกเลยล่ะ”

“แต่มันก็เกิดขึ้นและเราก็ทำพลาดไปแล้ว ตอนนี้ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง มันเกิดขึ้นไปแล้วและนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เราต้องพ่ายแพ้”

ยอดทีมแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์กำลังจะหาทางคืนฟอร์มหลังจากชัยชนะเหนืออาแจ็กซ์ 3-0 ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกพร้อมกับจองตั๋วรอบ 16 ทีมสุดท้ายไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกนั้นทำให้พวกเขาได้เห็นกับปัญหาทั้งหมดของฤดูกาลนี้อีกครั้ง

ปัญหาของหงส์แดง

ฟาบินโญ่ยังคงเรียกฟอร์มเก่งสมัยร่างทองกลับมาไม่ได้ ผลคือเขาไม่สามารถคุมเกมในแดนกลางให้กับลิเวอร์พูลได้เลยอย่างชัดเจนในฤดูกาลนี้ มิดฟิลด์ตัวตัดเกมจอมทำลายล้างนั้นดูเหมือนจะได้รับผลจากความเหนื่อยล้าหลังจากการกรำศึกหนักมามากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมาและทีมหงส์แดงก็กำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มดิ่งลงเหวเลยทีเดียว

แกรม ซูเนสส์ ตำนานของลิเวอร์พูลได้เน้นย้ำถึงการขาดมิดฟิลด์ที่แข็งแกร่งในแดนกลางหลังจากความพ่ายแพ้ต่อลีดส์

“คุณสามารถบอกได้ว่าลีดส์โชคดีที่ได้ประตูแรก แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ลิเวอร์พูลแพ้ในเกมนี้ ลิเวอร์พูลอยู่ห่างจากจุดที่พวกเขาเคยอยู่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้เล่นด้วยความดุดันเท่าเดิมอีกแล้ว”

“ผมคิดว่าในหลาย ๆ กรณีในเกมของค่ำคืนนี้ ลีดส์เป็นมากกว่าทีมที่ลิเวอร์พูลเคยเป็นมาหลายปีแล้ว โดยพื้นฐานแล้วลิเวอร์พูลจะใช้มิดฟิลด์ที่แข็งแกร่งเพื่อข่มและไล่บี้คู่แข่ง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังโดนข่มในตำแหน่งกองกลาง มันทำให้พวกเขาอ่อนแอทั้งในแนวรับและพวกเขาก็ไม่ได้สร้างโอกาสในแดนหน้าเช่นเดียวกัน ลิเวอร์พูลตอนนี้กำลังกลายเป็นทีมที่เหลือแค่ชื่อซะแล้ว”

ในขณะที่อาการบาดเจ็บทำให้การออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ของพวกเขานั้นไม่ราบรื่นนัก แต่โปรไฟล์ของนักเตะในทีมก็ต้องการความสดใหม่โดยมีนักเตะตัวหลักหลายคนที่อยู่อายุ 30 ปีเข้าให้แล้ว ลิเวอร์พูลยังล้มเหลวในการเสริมมิดฟิลด์แดนกลางในช่วงซัมเมอร์ เนื่องจากความไม่สมดุลที่รุนแรงนั้นได้บ่อนทำลายประสิทธิภาพของพวกเขาไปซะหมด

ด้วยตารางการแข่งขันที่ไม่จะลดความถี่ในการเตะลงจนกว่าจะถึงและหลังจบการแข่งขันฟุตบอลโลก คล็อปป์จะต้องหาสมดุลให้ทีมของเขาให้ได้ และต้องหาความคงเส้นคงวาที่จำเป็นให้กับทีมในการกอบกู้ฤดูกาลนี้ของพวกเขา เพราะทีมชุดปัจจุบันนี้ช่างห่างจากทีมชุดที่เข้าใกล้โอกาสในการคว้า 4 แชมป์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในฤดูกาล 2021-22 พวกเขาจะต้องทำอะไรซักอย่าง และไม่สามารถพึ่งพาแต่โชคชะตาได้ หากไม่ต้องการให้ทีมต้องเจอกับอาการทีมทรุดหนักลงแบบเรื้อรังในระยะยาว

อ่าน:  สิ่งที่เราเรียนรู้จากการแข่งขันพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้
Leave A Reply