ความสวยงามของฟุตบอลคือการที่สามารถฟุตบอลนั้นไม่มีแผนที่ดีที่สุดแบบตายตัวและไม่มีวิธีที่เป็นรูปธรรมในการประสบความสำเร็จ ตราบใดที่มีแผนการเล่น และดวงสักนิดหนึ่ง ทีมไหน ๆ ก็สามารถพลิกล็อกเอาชนะกันได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทีมที่ดีที่สุดทำมาตลอดคือการลดความน่าจะเป็นที่จะเกิดการพลิกล็อกนั้นขึ้น
เป้าหมายของผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ความน่าจะเป็นในการที่จะแพ้ในเกมการแข่งขันนั้นให้ใกล้เคียงกับความเป็นไปได้ให้น้อยมากที่สุดและพวกเขาได้กำหนดแผน/แทคติกเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนั้นในยุคปัจจุบันคือการเล่นฟุตบอลโดยเน้นการครองบอล นี่ไม่ใช่แนวคิดใหม่ที่ทันสมัย แต่ทีมชั้นนำในวงการฟุตบอลในยุคปัจจุบันนี้ก็เล่นฟุตบอลแนวรุกโดยการครองบอลมากมายหลายทีม ทีมเหล่านี้ทำทุกอย่างที่เป็นไปได้ทั้งเกมรุกและเกมรับเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะครองบอลได้เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่ามันทำให้พวกเขามีโอกาสสร้างโอกาสในการทำประตูและยิงประตูได้ดีที่สุด
ผู้จัดการทีม 3 คนที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ได้แก่ชาบี้ของบาร์เซโลน่า, มิเกล อาร์เตต้าของอาร์เซน่อลและชายที่พวกเขาเคยทำงานด้วยทั้งในฐานะนักเตะหรือผู้จัดการทีม คนที่พวกเรารู้จักกันดี นั่นก็คือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่าจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้
สามทีมนี้เป็นทีมฟุตบอลที่ครองบอลได้ดีที่สุดสามทีมในยุโรปและตำแหน่งในลีกก็บ่งบอกถึงข้อเท็จจริงนั้นได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเกมรุกหรือเกมรับ พวกเขาตั้งเป้าที่จะคุมพื้นที่และกดดันคู่แข่งโดยการเก็บบอลให้ไกลจากประตูของตัวเองให้นานที่สุดโดยใช้แนวรับที่สูงตรึงคู่แข่งเอาไว้ในแดนของตัวพวกเขาเองและดันขึ้นสูงเพื่อขัดขวางเกมสวนกลับและเอาบอลกลับมาครองในทันที
ในบทความนี้ เราจะแสดงให้เห็นถึงประเด็นสำคัญบางประการที่ช่วยให้พวกเขาสามารถครองเกมได้แบบสมบูรณ์เกือบทุกนัด
การคุมและใช้พื้นที่กับฟูลแบ็คแบบอินเวิร์ต
ลักษณะที่พบบ่อยที่สุดในทีมของพวกเขาคือการใช้อินเวิร์ตฟูลแบ็คอินเวิร์ตในการครองบอล มันเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพทั้งในเกมรุกและเกมรับสำหรับทีมเหล่านี้ เมื่ออินเวิร์ตฟูลแบ็คได้บอลหรือทำเกมรุก พวกเขาจะดันขึ้นมาถึงกลางสนามในตำแหน่งกองกลางและยืนในรูปแบบกองกลางสามคนในขณะที่มิดฟิลด์หมายเลข 8 สองคนดันขึ้นหน้าเพื่อคุมแนวรุกเพื่อสร้างแผนการเล่นรูปแบบ 2-3-5 ในพื้นที่สุดท้าย
เหตุผลสำหรับรูปแบบแผนการเล่น 2-3-5 นี้คือนักเตะแต่ละคนจะคุมพื้นที่ทั้งหมดทั่วทั้งแดนมิดฟิลด์และโจมตีและดันแนวรับให้ถอยหลังไป ปีกจะอยู่กว้างออกไปเพื่อคอยดันฟูลแบ็ค มิดฟิลด์ตัวกลาง (มิดฟิดล์หมายเลข 8) คุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างเซ็นเตอร์แบ็คและฟูลแบ็คและกองหน้าจะยังคงอยู่ตรงกลางระหว่างเซ็นเตอร์แบ็คทั้ง 2 คน
ตัวนักเตะอาจเปลี่ยนจะสลับตำแหน่งกันได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่หลักการยึดคุมพื้นที่นั้นยังคงเหมือนเดิม
เริ่มจากการแทคติคของอาร์เซน่อลในชัยชนะเหนือท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 ในเกมลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ภาพด้านล่างจะแสดงให้เห็นถึงแทคติคที่คล้ายคลึงกับบาร์เซโลน่าและแมนเชสเตอร์ ซิตี้
กองหลัง 2 คนยืนอยู่กับฟูลแบ็ค (ไวท์และซินเชนโก้หุบเข้าใน ลูกศรชี้ไปที่เบน ไวท์ที่กำลังครองบอลไปถึงซินเชนโก้ที่อยู่ทางขวามือด้านล่างของรูป)
(จังหวะก่อนที่ปาร์เตย์จะทำประตูได้ คุณจะเห็นนักเตะตัวรุก 5 คนของอาร์เซน่อลอยู่ในแดนหน้าพร้อมกับนักเตะ 3 คน (ปาร์เตย์, ซินเซนโก้และไวท์ที่อยู่ด้านหลัง) ไฮไลท์นักเตะอาร์เซน่อล 5 คนที่อยู่ในแดนหน้า)
เราลองย้ายไปดูที่สเปนกันบ้างดีกว่า เพราะบาร์เซโลน่าของชาบี้ก็ใช้การเข้าทำที่คล้ายคลึงกัน
(นี่คือบาร์เซโลน่าที่มีนักเตะถึง 5 คนที่อยู่ในแดนบนและมีนักเตะอีก 3 คนคอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง)
(เจา กันเซโล่ลองยิงไกล คุณจะเห็นได้ว่าเขายืนอยู่กับสโตนส์และโรดรี้รวมเป็น 3 คนในขณะที่มีนักเตะ 5 คนยืนอยู่ในแนวรุก นักเตะ 5 คนไฮไลท์พร้อมกับลูกศรจากลูกยิงของกันเซโล่)
ตามที่คุณเห็นในภาพ ในแผนการเล่นนี้คุณจะมีผู้เล่นที่คุมพื้นที่ในแดนกลาง ครึ่งสนามและแนวกว้างและไม่มีนักเตะ 2 คนยืนซ้อนกันอยู่ในแนวเดียวกันเพื่อให้แน่ใจว่าการสร้างมุมการจ่ายบอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากนั้นอินเวิร์ตฟูลแบ็คจะมีตัวเลือกที่แตกต่างออกไปจากตำแหน่งของพวกเขา ในบทบาทนั้น พวกเขาสามารถทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์ในแดนกลางที่สามารถครองบอลได้ ทำให้มีทางเลือกในการเปิดบอลจากแนวลึก (เช่นแอสซิสต์ของเจา กันเซโล่ให้เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ทำประตู), มีตัวเลือกในการยิงไกล (เช่นลูกยิงที่ยอดเยี่ยมของจอห์น สโตนส์ในเกมที่พบกับดอร์ทมุนด์) และขึ้นอยู่กับทีมที่พวกเขากำลังลงเล่นด้วย พวกเขาสามารถวิ่งเติมขึ้นไปได้ดีเหมือนฟูลแบ็คแบบดั้งเดิมและช่วยทำลายแนวรับลึกที่เจาะได้อย่างยากลำบาก (ตัวอย่างเช่นช่วงก่อนที่เชซุสจะทำประตูใส่ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส)
(ช่วงเวลาก่อนที่จอห์น สโตนส์จะทำประตูสุดสวยใส่ดอร์ทมุนด์ เขามีพื้นที่ว่างอยู่เยอะพอที่จะทำประตูได้)
(ซาก้าได้บอลและแนวรับของสเปอร์ส 2 คนเข้ามาซ้อนเขา ซาก้าเติมเกมขึ้นไปและเบน ไวท์อยู่ด้านหลัง)
(เบน ไวท์ตัดสินใจที่จะเติมขึ้นไปและกองหลังก็ตามไลน์วิ่งหลอกของเขา นักเตะทั้ง 2 คนมีไฮไลท์อีกครั้ง เบน ไวท์อยู่ด้านหลังเขา)
(แนวรับของสเปอร์ส 1 คนวิ่งตามไวท์ไป ปล่อยให้ซาก้ามีเวลาและพื้นที่ในการยิงประตู ซาก้ามีไฮไลท์แต่ลูกศรขี้ไปที่ปาร์เตย์ที่กำลังว่างไร้ตัวประกบและกำลังหันหน้าเข้าหาประตู)
(ช่วงก่อนที่ปาร์เตย์จะทำประตูได้ ซาก้าจ่ายบอลไปให้กับไวท์หลังจากที่โดนตามประกบ 2 คน เขามองว่ามันเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า)
(เบน ไวท์ป้ายบอลกลับไปที่ปาร์เตย์และเขาก็ทำประตูสุดสวยได้ ลูกศรชี้ไปที่ตำแหน่งที่ปาร์เตย์ทำประตูได้)
ในแนวรับ อินเวิร์ตฟูลแบ็คจะทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในแนวรับและช่วยหยุดเกมสวนกลับเมื่อมีนักเตะเติมขึ้นไปอยู่ในแนวรุกหลายคน รูปแบบแผนการเล่น 2-3-5 หมายความว่าพวกเขามีนักเตะแนวรุกอยู่ถึง 5 คนอยู่ในแดนหน้าและนักเตะอีก 5 คนที่สามารถรับมือในแนวรับและช่วยไล่บอล
เนื่องจากความต้องการทั้งเกมรุกและเกมรับในตำแหน่งนี้ ประเภทของนักเตะที่จะเล่นในตำแหน่งนี้นั้นอาจจะแตกต่างจากมาตรฐานของทีมอื่นออกไป เราเคยเห็นเซ็นเตอร์แบ็คอย่างจอห์น สโตนส์, เบน ไวท์, นาธาน อาเก้, จูลส์ กุนเด้และโรนัลด์ อเราโฮเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ค พวกเขาไม่เพียงแต่เล่นในตำแหน่งนั้นเพราะความสามารถในเกมรับของพวกเขา แต่ยังรวมถึงทักษะในเกมรุกในการครองบอลอีกด้วยผู้เล่นอย่างจอห์น สโตนส์, จูลส์ คุนเด้, เบน ไวท์และนาธาน อาเก้ได้ลงเล่นในตำแหน่งนั้นในอาชีพการค้าแข้งของพวกเขาและเข้าใจความต้องการของตำแหน่งนี้ ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถปรับตัวและลงเล่นได้อย่างง่ายดาย
โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้นั้นเคยเล่นในตำแหน่งกองกลางที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นกองหลังที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้และตอนนี้ที่อาร์เซน่อล เซร์คิโอ โกเมซที่เซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในช่วงซัมเมอร์ก็ยังเป็นมิดฟิลด์ที่ถูกเปลี่ยนมาเป็นแบ็คซ้ายอีกเช่นกัน
การเพรสซิ่งและการแก้เพรสซิ่ง
เมื่อคุณเล่นไลน์สูงพอ ๆ กับทีมเหล่านี้ การเพรสซิ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามโดนกดดันจนอยู่หมัด ทีมจะต้องตอบโต้ทันทีที่พวกเขาเสียบอลเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ประโยชน์จากช่องว่างที่ทิ้งไว้ในแดนหลัง
มีหลายวิธีในการเพรสซิ่งอย่างมีประสิทธิภาพจากแดนหน้าด้วยการเล่นไลน์สูง แต่เป้าหมายหลักของการกระทำนี้คือการทำให้แน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีเวลาว่างในการเล่นบอลจากแนวรับและบีบให้ต้องเสียบอลโดยการเข้าสกัดบอลจากการจ่ายบอลของพวกเขา, การเข้าสกัด, โยนบอลยาวและหรือเตะบอลออกจากสนาม
(โรเมโร่ได้บอล แต่เพราะการเพรสของอาร์เซน่อล เขาจำเป็นต้องโยนบอลยาวและปาร์เตย์ก็เก็บบอลได้)
การรักษาประตู
ข้อกำหนดพื้นฐานของผู้รักษาประตูนั้นเพิ่มขึ้นจากคุณสมบัติบางอย่างซึ่งตอนนี้กลับกลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับผู้รักษาประตูทุกคนที่ต้องการลงเล่นในฟุตบอลระดับสูงสุด คุณลักษณะเหล่านี้เมื่อประมาณสองทศวรรษที่แล้วจะถูกมองว่าเป็นโบนัสสำหรับนักเตะในตำแหน่งนี้และไม่ใช่ข้อกำหนดขั้นพื้นฐานสำหรับผู้รักษาประตูมืออาชีพ แต่ตอนนี้ สิ่งต่าง ๆ นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว
คุณลักษณะต่าง ๆ เช่นความสามารถในการจ่ายบอลและระยะในการส่งบอลจากระยะใกล้ถึงระยะไกลและความสามารถในการออกมาจากเส้นประตูเพื่อเก็บกวาดบอลที่เลยมาจากแนวรับ (ที่รู้จักกันในนามผู้รักษาประตูแนวสวีปเปอร์) ได้กลายเป็นข้อกำหนดสำคัญอีกสองข้อที่ผู้รักษาประตูในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องมีในการที่จะประสบความสำเร็จ
ในส่วนของผู้รักษาประตูนั้น ทั้ง 3 ทีมมีผู้รักษาประตูที่มีความสามารถในเรื่องดังกล่าว มาร์ค-อังเดร แทร์ สเตเก้น, อารอน แรมส์เดลและเอแดร์สันคือ 3 ผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในยุโรปและเป็นผู้รักษาประตูที่เล่นบอลด้วยเท้าได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับการป้องกันประตูเลยล่ะ
ความสามารถในการออกมาตัดบอลของพวกเขามีความสำคัญมากเพราะช่วยให้ทีมสามารถเล่นแบบดันขึ้นสูงได้ต่อไป ปกป้องตัวนักเตะที่โดนตามประกบและป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบจากจุดนั้น
การเล่นของทีมเหล่านี้น่าจะเป็นแนวทางฟุตบอลที่น่าสนใจที่สุดในโลกในขณะนี้และพวกเขาก็เอาชนะมาเกมแล้วเกมเล่าด้วยประสิทธิภาพดังกล่าว แนวทางที่จะครองบอลและคุมพื้นที่ในการเล่นเกมรุกและเกมรับของพวกเขานั้นหมายความว่าพวกเขาสามารถเพิ่มโอกาสในการคว้าชัยชนะและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากฝ่ายตรงข้ามได้ พวกเขาไม่ใช่ทีมที่แพ้ใครไม่เป็น มันก็มีหลายเกมที่พวกเขาโดนดักทางได้และไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนได้ แต่พวกเขาจะทำให้แน่ใจว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นน้อยที่สุดและนั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็น 3 ทีมที่ดีที่สุดนั่นเอง